@xxooxx@ ออมสินอยากเล่า//ภาคสอง//ตอนที่ 5 @xxooxx@

    5. เบื่อหน้าบ้าน

    เดือนนี้เป็นเดือนตุลาคม
    พอถึงเดือนหน้า ผมก็จะอายุครบ 3 ขวบแล้ว

    รู้สึกว่าตัวเองเริ่มเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาอีก
    เพราะรู้สึกว่าตัวเองเริ่มมีความหลัง
    มีเรื่องเก่าๆ มีวันเวลาทั้งที่ดีๆ และไม่ค่อยจะดีนัก
    ทั้งหลายทั้งปวงนั้น
    เป็นสิ่งที่คนเค้าเรียกว่าประสบการณ์ .... ใช่มั๊ยครับ

    นับว่าเป็นเรื่องแปลกจริงๆ ว่ามั๊ยครับ
    กับเรื่องหรือกับสิ่งที่ผมไม่รู้จัก ไม่เข้าใจ
    ผมจะรู้สึกตื่นเต้น
    แต่พอได้ลองได้รู้แล้วก็เฉยๆ
    จนกลายเป็นประสบการณ์
    และมันก็ไม่น่าตื่นเต้นอีกต่อไป

    ผมยังจำได้ดีถึงวันที่เราย้ายเข้าบ้านใหม่ได้
    ว่าผมตื่นเต้นกับสนามหญ้าหน้าบ้านขนาดไหน
    ผมตะบึงวิ่งเสียสุดแรง ระหว่างหน้าบ้านกับหลังบ้าน
    แรงและเร็วแค่ไหน ผมไม่รู้
    แต่ได้ยินพี่สาวเปรียบเทียบผมว่าเป็นลูกธนูเลยทีเดียว

    พี่สาวไม่ชอบให้วิ่ง!!!
    เพราะกลัวจะชนกับอะไรเข้า
    เหตุผลพี่สาวคือ
    ผมวิ่งเร็วขนาดนั้นไม่น่าที่จะดูทางได้ทัน

    “อย่าวิ่งออมสิน เดี๋ยวหัวโขก ก็โง่กันพอดี”
    อ้าว!! นี่ไม่ได้กลัวว่าผมจะเจ็บหรอกเหรอ
    กลัวผมโง่นี่เอง โธ่ยังไงกัน???

    ทุกๆวัน กิจวัตรประจำวันของผมเริ่มต้นอย่างนี้ครับ
    เช้าเมื่อตื่นนอนขึ้นมา
    พี่สาวจะออกไปพาพี่โบ้เข้ากรง
    ผมจะต้องนอนรออยู่ในห้องก่อน
    กรงพี่โบ้อยู่หลังบ้าน
    ดังนั้น เวลาเข้ากรงต้องเดินผ่านห้องนอนของผม
    เอ๊ย ไม่ใช่หน่ะ ของพี่สาวครับ แหะๆ
    ผมจะต้องไปปีนหน้าต่างดูทุกครั้ง
    เออ!! ทำไมผมต้องปีนดู
    ทั้งที่ผมก็รู้ว่าพี่โบ้จะต้องเดินเข้ากรง
    แล้วพี่สาวก็จะเข้าบ้านเพื่อมาปล่อยผม
    ออกจากห้องนอน
    ทำอย่างนี้ ทุกวัน ทุกเช้า แล้วผมก็รู้ด้วย
    แต่ก็ต้องปีนดูทุกครั้ง
    นั่นลิครับ ผมงงตัวเองเหมือนกันนะ
    จริงๆ แล้วผมควรจะทำตัวนิ่งๆ
    นอนเอกเขนกรออยู่ในห้องแบบ สบายๆ

    “ออมสินทำจะบุคลิกรีบด่วนทำไม”
    พี่สาวเคยถามคำถามแบบนี้
    ผมตอบไม่ถูกแฮะ
    ว่าผมทำบุคลิกอย่างนั้นทำไม
    เพราะมันดูไม่ดีเลย ไม่สุขุม

    ผมเริ่มลองสังเกตตัวเองดูจริงๆจัง
    แล้วก็พบกับคำถามที่ไม่มีคำตอบอยู่เต็มไปหมดว่า
    ทำไมผมถึงไม่ค่อยมีเพื่อน
    จริงๆไม่ควรจะเรียกว่า---ไม่ค่อยมี
    ควรจะเรียกว่า---ไม่มีเพื่อนเลยถึงจะถูก

    ทำไมผมถึงไม่ชอบกินอาหารหมา

    ทำไมผมถึงให้มือไม่เป็น
    ทั้งที่พี่สาวสอนตังแต่ผมยังเด็ก

    ทำไมผมถึงไม่สนิทกับพี่โบ้
    ทั้งๆ ที่เป็นพี่น้องบ้านเดียวกันแท้
    จะพูดให้ถูกคือ พี่โบ้ไม่ค่อยชอบหน้าผมนัก

    ทำไมผมถึงโครมคราม
    ลื่นหกล้มบ่อยๆ ขอโทษนะครับ
    ผมไม่เคยเห็นพี่โบ้หรือหมาแถวหน้าบ้าน
    หกล้มเลย ขณะที่ตัวผมเองนั้น---เป็นประจำ

    รวมๆแล้วที่ผมนึกออก ก็คือ
    ทำไมผมถึงไม่เหมือนหมาตัวอื่นๆ เค้า

    ไม่ใช่ว่าผมจะสงสัยอยู่ตัวเดียวนะครับ
    พี่สาวเองก็ท่าทางกลุ้มใจอยู่ไม่น้อย
    “ออมสินมันไม่มีเพื่อนเลย
    มันเข้ากับหมาด้วยกันได้หรือเปล่าก็ไม่รู้”
    พี่สาวพูดกับเพื่อนๆ อย่างนี้อยู่บ่อยๆ

    “ขนาดกับไอ้โบ้พี่มันเองแท้ๆ ยังเข้ากันไม่ได้
    มันจะไปเข้ากับหมาที่ไหนได้ อย่างออมสินหน่ะ”
    และนี่คือคำตอบของเพื่อนพี่สาว
    ช่างเป็นกำลังใจที่ดีเหลือเกิน

    ทุกๆวัน หลังจากปล่อยผมออกมาที่สนาม
    โดยไม่มีพี่โบ้แล้ว
    พี่สาวจะไปอาบน้ำเพื่อเตรียมตัวไปทำงาน
    ผมยังไม่ตื่นดีเลยนะครับเนี่ย ยังง่วงอยู่เลย
    ก็ต้องออกไปโงกเงกที่สนามหญ้าตอนเช้า
    ทั้งที่อากาศยังเย็นๆ อยู่นี่มันไม่ไหวเลยจริงๆ
    บางวันถ้านอนเร็วก็โอเคนะ
    แต่ถ้าคืนไหนเกิดนอนดึกขึ้นมา
    แล้วยังต้องตื่นเช้าเนี่ยแย่มากเลยนะสำหรับผม

    ล่าสุดที่ผมโดนปลุกแต่เช้า พร้อมเสียงด่า
    “เอาใหญ่แล้วนะออมสิน เรียกไม่อยากจะตื่น”
    พี่สาวปลุกไปด่าไป
    แหมก็กำลังนอนเพลินๆ
    จะให้อยากตื่นทำไมหล่ะ ผมแอบเถียง

    แล้วพอออกไปที่สนามเท่านั้นแหละ
    ผมก็ต้องรีบทำธุระทันทีเหมือนระบบอัตโนมัติ
    ตามที่ธรรมชาติหรือความเคยชินก็ไม่รู้เรียกร้อง
    และเมื่ออึ-ฉี่เป็นที่เรียบร้อย
    ผมจะได้วิ่งเล่น จนกว่าพี่สาวจะอาบน้ำเสร็จ
    และถูกต้อนให้เข้ากรง
    เพราะพี่สาวต้องไปทำงาน
    ในที่สุดผมเริ่มชิน กับกรงและวงจรชีวิตแบบนี้
    เพราะตามจริงในกรง มันก็สบายดี
    ไม่ร้อนแล้วก็ สำหรับผม คือ
    อยู่ในที่ๆ ปลอดภัย ไม่มีใครเห็น

    ช่วงกลางวันที่พี่สาวไม่อยู่ ผมถูกขังกรง
    ตอนแรกที่แม่ยังมีชีวิตอยู่
    แม่ก็ต้องเข้าไปอยู่ในกรงห้องติดกับผม
    ส่วนพี่โบ้อยู่ข้างนอก --- เฝ้าบ้าน
    แต่พอแม่ตายลง
    พี่โบ้ก็ไม่ต้องเฝ้าบ้านแล้ว
    ต้องเข้ามาอยู่ในกรงเหมือนกัน
    ด้วยเหตุผลที่พี่สาวประกาศว่า
    “อยู่เป็นเพื่อนออมสิน”

    ผมก็ไม่เห็นว่าพี่โบ้จะเป็นเพื่อนผมตรงไหน
    เพราะเข้ากรงได้ก็หลับลูกเดียว
    แถมยังหันหน้าไปทางอื่นที่ไม่มีผมอีกด้วย
    นอกเสียจากว่า คำว่า
    “เป็นเพื่อน” ของพี่สาวจะหมายถึง
    การเข้ากรงเหมือนๆ กันเท่านั้น

    เห็นหรือยังครับว่า ....
    พี่โบ้ไม่เคยจะสนใจผมเลยแม้แต่น้อย

    ผมก็จะนั่งๆ นอนๆ ทั้งวันแหละครับ
    จนกระทั่งพี่สาวเลิกงานกลับมา
    ถึงจะได้ออกมานอกกรงอีกรอบ

    คุณเชื่อมั๊ยครับว่า
    ของเล่นที่พี่สาวใส่กรงไว้ให้ผมเคี้ยวเล่น ทุกวันหน่ะ
    ผมไม่เคยเล่นมันเลย
    จะเอามาเล่นก็ต่อเมื่อพี่สาวกลับมาแล้วนั่นแหละ

    ทำไงได้หล่ะครับ มันไม่มีอารมณ์นี่
    ไม่รู้จะเล่นโชว์ใครด้วย

    หลังจากที่พี่สาวกลับมาแล้ว
    ก็จะมานั่งทำกับข้าวให้ผมและพี่โบ้
    แล้วพอผมกินข้าวเสร็จ
    ได้วิ่งเล่นอีกเล็กน้อย
    ก็จะต้องล้างหน้า ล้างปาก ล้างเท้า เช็ดตัว
    อ้อ..ต้องล้างออมสินน้อยๆ ของผม ด้วยนะครับ แหะๆ

    แล้วถึงจะได้เข้าบ้าน
    ไปเล่นของเล่นอีกอันในบ้าน
    ส่วนพี่สาวก็จะดูโทรทัศน์ไป
    จนกว่าโน่นและ 4-5 ทุ่ม นั่นแหละ
    ผมถึงจะได้เข้าห้องนอน

    บางวันพี่สาวก็นอนดึก
    ผมก็ต้องอยู่กับพี่สาวทั้งง่วงๆ อย่างนั้น
    แต่ยังไง ก็ไม่หลับ
    ถ้าไม่ได้นอนหนุนหมอนนอน
    บนที่นอนให้เป็นเรื่องเป็นราวแล้วหล่ะก็
    ผมหลับไม่ได้จริงๆ ครับ

    บางคืนทนไม่ไหว ง่วงจัดๆ
    ไปเขี่ยแระตูห้อง บอกให้รู้ พี่สาวก็จะบอกว่า
    “ยังๆ ออมสิน ยังไม่ได้เวลานอน”

    หลังๆ มานี่ กินข้าวเสร็จผมอยากเข้าบ้านทันที
    พี่สาวก็ยังไม่ยอม เพราะขี้เกียจลุกมาล้างเท้าให้
    ส่วนผมก็พยายามบอกให้รู้เป็นนัยๆ
    ด้วยการนั่งจ้องมองพี่สาวจากนอกบ้าน
    พี่สาวก็ทำเฉยๆ บอกแต่---ยังๆ ท่าเดียว
    จนผมเอาหน้าเกยขอบประตู
    พี่สาวก็---ยังๆ อีก
    ล่าสุดทนไม่ไหว มันไม่สบายตัว
    ไม่เหมือนนอนเล่นในบ้าน
    ผมแอบย่องเข้ามา
    ในใจกะว่าจะมาแอบนอนเล่นข้างเก้าอี้ข้างใน
    แต่พี่สาวก็ตาไว หันมาเห็น
    ผมก็จะโดนไล่ออกไปอีก
    ด้วยเหตุผลที่ว่า ยังไม่ได้ล้างเท้าเลย เท้ามีแต่ทราย

    ก็แล้วทำไม ไม่ล้างซะก่อนเลยหล่ะ
    ผมโต้ตอบในใจ
    แต่ก็ต้องระเห็จออกมาอยู่นอกบ้านอยู่ดี

    ผมเบื่อหน้าบ้านแล้วหล่ะไม่มีอะไรตื่นเต้นเลย
    แถมบางทีน้องดำยังพาเพื่อนมาเล่นแถวหน้าบ้าน
    ให้ผมเจ็บใจอีก

    อยากนอนในบ้าน! พี่สาวหน่ะ ใจร้ายจริงๆ
    ไม่รู้ว่าใจร้ายหรือไม่เข้าใจกันแน่เนี่ย
    อืม...นึกออกแล้ว
    ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่ผมยังตื่นเต้นอยู่ไม่หาย
    คิดทีไรใจมันเต้นตุ้บตั้บทุกที

    ก็วันนั้นหน่ะ เป็นช่วงกลางของวันหยุด
    พี่สาวเอารถเข้าบ้านหลังจากที่ออกไปข้างนอกมา เพราะไม่อยากจอดรถข้างนอก แดดร้อน
    แต่ก่อนไปก็ยังไม่ลืมเอาผมเข้ากรงนะ
    ดังนั้นพอเข้าบ้านมาก็ต้องปล่อยผมออกจากกรง
    แต่ยังไงรู้มั๊ยครับ พี่เค้าลืมปิดประตูหน้าบ้าน
    ผมวิ่งออกไปทั้งที่ยังงงๆ
    จริงๆ ยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าประตูเปิด
    แต่วิ่งเลยออกไป ด้วยความเซ่อมากกว่า
    พอเห็นเท่านั้นแหละ
    พี่สาววิ่งตามผมทั้งที่ไม่ได้ใส่รองเท้า
    โอ้โฮ!!!ผมวิ่งสุดแรงเกิดเลยวันนั้น
    เจออะไรไล่ดะเลยด้วยความตกใจผสมงง
    พวกไก่ของคนงานที่เลี้ยงไว้ แตกกระเจิงเลย

    ใครที่เห็นเหตุการณ์ในวันนั้น
    จะต้องคิดว่ามีการแข่งขันวิ่งอะไรซักอย่าง
    ไม่ใครก็ใครต้องเป็นนักกีฬากันซักคนแหล่ะ
    ภาพที่เกิดขึ้นก็คือ
    ผมวิ่งกวดไก่
    พี่สาววิ่งตามผม
    ไก่วิ่งหนีผม
    คนงานหัวเราะขำกันใหญ่
    และคอยตะโกนชี้บอกพี่สาวว่าผมมุดไปตรงไหนบ้าง
    และในที่สุดผมก็ถูกจับได้
    ด้วยความช่วยเหลือ ของคนงาน
    และความเหนื่อยของผมเองด้วย

    ภาพต่อมาก็เลยเป็น
    ภาพที่พี่สาวช้อนขาหน้าผม
    ผมเดินสองขาแบบทุลักทุเล
    พี่สาวเขย่งมาเพราะตัวเองก็เดินไม่ถนัด
    รองเท้าก็ไม่ได้ใส่
    แต่สิ่งที่เหมือนกันก็คือ
    ผมกับพี่สาวหอบลิ้นห้อยมาทั้งคู่

    ทีนี้รู้แล้วใช่มั๊ยหล่ะว่า...
    ผมหน่ะเบื่อหน้าบ้านแล้ว
    แต่ยังไม่เบื่อนอกบ้านนะครับ
    จ้องอยู่!!!!

    จากคุณ : เฮเลน - [ 4 ต.ค. 46 22:12:17 ]