ความคิดเห็นที่ 19
ขอบคุณมากสำหรับคำทั้งติและชมของคุณ ANS นะครับ
หนังสืออ้างอิงบางส่วน ที่เหลือยังไม่พิมพ์ครับ ของผมมีเล่มปี 2003 เขียนเอาไว้ดีมากๆๆเลย จะคอยทยอยลงสื่อรักสัตว์เลี้ยงครับ ติดตามอ่านให้ได้นะครับ (ไปยืนอ่านไม่ต้องซื้อก็ได้ หลบๆหน่อย หากไม่สนใจสัตว์เลี้ยงอื่นๆหรือคิดว่าเปลือง)
หนังสืออ้างอิง เป็นดังนี้ครับ
Alderton, David. 1986. In : An Interpet Guide to Hamsters & Gerbils. A superbly illustrated introduction to keeping hamsters, gerbils, rats, mice and chinchillas. Salamander Books Limited. London. United Kingdom. 116 pages.
Alderton, David. 2002. In : Hamster. Family Pet Guides. HarperCollins Publishers Limited. Hong Kong. 128 pages.
Barrie, Anmarie. 1994. In : Hamsters For Those Who Care. T.F.H. Publications, Inc. USA. 32 pages.
Roberts, F. Mervin. 1987. In : Hamsters A Complete Introduction. T.F.H. Publications, Inc. USA. 96 pages.
Sikora, Siino Betsy. 1997. In : An Owners Guide To The Hamster. A Happy Healthy Pet. Howell Book House. Macmillan. New York. USA. 126 pages
Vanderlip, Sharon Lynn. 1999. In : Dwarf Hamster. A Complete Pet Owners Manual. Barrons Educational Series, Inc. New York. USA. 104 pages.
ส่วนที่คุณว่านน้ำยกวารสารอ้างอิงมาต้องขอชมก่อนว่าเขียนรูปแบบอ้างอิงได้ดีจริงๆ (แต่คนอื่นยกเว้นผมและคุณจะอ่านรู้เรื่องไหมเนี้ยะ) แต่มันไม่ตรงประเด็นครับ และผมยังไม่เชื่ออยู่ดี เนื่องจากหากไม่แพ้สามารถใช้ได้ใช่หรือไม่ ถูกต้อง แสดงว่าเขาใช้ขี้เลื่อยแบบนั้นๆได้ เพราะสารหอมระเหยบางตัวไม่ได้ทำให้เกิดการระคายเคืองในโพรงจมูกมากนัก
ไอ้ที่แย่ที่สุดที่ทุกคนควรตระหนักก็คือ ยูเรียหรือฉี่ของเขานี่แหละครับ ซีเรียสกว่ากันเยอะเลย เพราะทั้งซอกซอน กัดเนื้อเยื่ออ่อนบางในโพรงจมูกและอีกสารพัดทำให้เกิดโรคเช่นเชื้อรา เป็นต้น (หากรู้ว่าขีดเส้นใต้ยังไง จะขีดเส้นใต้ตรงนี้ร้อยครั้งพันครั้งเอาให้โอเวอร์เลยทีเดียว) น่าจะไปให้ความสำคัญในจุดนี้มากกว่านะครับ
อย่างไรก็ตาม ยกตัวอย่างในคนยังสามารถนำน้ำมันหอมระเหยมาใช้บำบัดด้วยกลิ่น (aromatherapy) ได้ ไอ้วัสดุรองพื้นที่เขาห้ามผม่วามีผลเสียตามที่เขาว่าหรือไม่นั้น ผมเชื่อว่าเหตุผลมันมีมากกว่านั้น คงต้องลงลึกไปดูถึงกลไกทางสรีรวิทยาของเขาจริงๆ ซึ่งยังไม่มีใครทดลองในจุดนี้อย่างจริงจังแม้ฝรั่งเอง เพียงแค่พูดเล่าตามๆกันมาเท่านั้น เราก็เชื่อตามๆเขาไป มันต้องให้ผู้รู้เขาทดลองและตีพิมพ์เผยแพร่ แล้วเราจึงหยิบมาประยุกต์ใช้ครับ
ไอ้ที่ฝรั่งเขาทดลองที่คุณว่านน้ำยกมามันไม่ใช่ประเด็นหลักครับ ประเด็นหลักคือปัญหาและโรคที่เกิดขึ้นหลังจากเหนี่ยวนำให้สลบหรือให้เกิดมะเร็งขึ้นนั้นเขาทนยาสลบได้นานแค่ไหนในสภาพวัสดุรองพื้นที่ต่างกันหรือมีผลต่อการผ่าตัดมะเร็งหรือเนื้องอกอย่างไร เป็นต้น (คงพูดไม่หมดทุกรายการครับ) มันคนละเรื่องเดียวกัน คงต้องพิจารณาวารสารหรือ journal นั้นๆให้ดีครับถึงวิธีการข้างใน หากพูดต่อไปคงพูดไม่จบ เขาเรียนกันเป็นเทอมๆนะครับ
งานวิจัยที่ใช้ได้และทำกันส่วนใหญ่ในต่างประเทศ คือดูผลของความเครียดต่อการหลั่งฮอร์โมนชนิดต่างๆที่ทำให้เกิดความไม่สมดุลกันเกิดขึ้นว่ามีผลอย่างไรต่อการให้ลูก การเลี้ยงลูก พฤติกรรมที่เปลี่ยนไป นอกจากนั้นเป็นการศึกษาทางโรคเนื้องอกและมะเร็งชนิดต่างๆเป็นร้อยชนิด
ส่วนใหญ่แล้วแฮมสเตอร์แคระยังมีคนวิจัยไม่มากนักในรอบ 3-4 ปีที่ผ่านมา เพราะเนื่องจากเขาเป็นสัตว์เลี้ยง (pets) ไม่ใช่สัตว์ทดลอง (laboratry animals) ยกเว้น chinese hamster ซึ่งสัตว์ทดลองนั้นส่วนใหญ่จะเป็นแฮมใหญ่ครับซึ่งเขาพิสูจน์กันแล้วว่าแฮมสเตอร์แคระมิใช่แฮมใหญ่ย่อส่วน พูดแค่นี้คงเข้าใจ ไปย่อยกันต่อเอาเองครับ
หากปวดสายตาพักก่อนแล้วจึงอ่านต่อนะครับ เนื่องจากผมมีเวลาจำกัดในการตอบแต่ละครั้งครับ
จากคุณ :
dugong / hamsterCU@hotmail.com
- [
16 ธ.ค. 46 20:16:08
A:161.200.255.161 X:
]
|
|
|