ปิดตำนานหมาอนุสาวรีย์ตัวที่สองค่ะ

    ปิดตำนานหมาอนุสาวรีย์ตัวที่สองค่ะ

    วันนี้ตอนเวลาประมาณ 3 ทุ่มกว่า ๆ ได้มีโอกาสเดินทางผ่านไปทางอนุสาวรีย์อีกครั้ง แล้วเจอเจ้าตัวนี้นอนขอทานอยู่ค่ะ

    แล้วก็เดินไป เดินมาแถว ๆ นั้นเพราะหานายเปี๊ยกเจ้าเดิมอยู่

    และก็เจอ น้องหญิงชายคู่นึง เขายืนคุยกับนายเปี๊ยกอยู่ แต่ไม่ใช่การคุยธรรมาดา น้องเขายืนว่านายเปี๊ยกอยู่นั่นแหละ
    เรื่องที่ว่าเอาหมามาหากินอย่างนี้ น้องเขาว่าเอาอย่างจริงจัง
    เท่าที่ฟังเนี่ยน้องเขาจะบอกว่าจะให้เงินนายเปี๊ยก 5,000 เอาไหม ขอหมาตัวนี้ แต่ท่าทางนายเปี๊ยกไม่ยอม คุยไปคุยมา เงินไม่เอาแต่ถ้าเอาเหล้าจะยอม แต่ไม่ให้หมา แจนก็ยืนร่วมอยู่นาน สองนานคิดว่าจะช่วยเขายังไงดี ไหน ๆ ก็มีคนยอมลงแรงช่วยกันอยู่แล้วก็เลย บอกว่าไม่ต้องให้เงินหรอกเดี๋ยวช่วยกันเอาหมาขึ้นรถให้ได้แล้วเอาไปเลย

    แล้ว ก็ตกลงกันว่าเราไปทำความรุ้จักหมากันก่อนดีกว่าจะได้จับง่าย ๆ ขึ้นหน่อย แต่สภาพหมาตอนนั้นก็อ่อนแรงเต็มที่ยกหัวเขาขึ้น เขาก็เอาหัวพาดที่มือแจนมาทั้งหมด จะเรียกว่ายกหัวไม่ขึ้นก็ว่าได้ ไม่ทราบว่าจะโดนให้ยาอะไรหรือเปล่าไม่ทราบ ปัญหาก็คือหารถและยกหมาขึ้น

    คิดได้ดังนั้นก็โทรปรึกษาเพื่อน ๆ ในพันทิบ เท่าที่นึกออก ต้องขอเอ่ยนามเพื่อเป็นการขอบคุณไว้ด้วย คือ คุณ Doggy คุณน้อง note & rate และ คุณพี่โจ้ พ่อก๊อตช่า

    สรุปเป็นว่า เราจะพาหมาไปอยู่ที่พักของน้องผู้หญิงซึ่งอยู่ที่ศาลายา โดยได้รับการช่วยจากพี่โจ้ ขับรถไปให้ ระหว่างที่เราคุยกันอยู่ที่ทางขึ้นลงสะพานลอยนั้น นายเปี๊ยกก็เข้ามาถามว่าจะเอาหมาไปไหน เราก็บอกว่าจะเอาหมาไปหาหมอเพราะมันไม่สบายเห็นไหม เขาทำท่าไม่พอใจมากเดินกึ่งวิ่งหนีไป ใจแรก ๆ ก็นึกว่าจะพาพวกมาทำร้ายหรือเปล่า แต่คนที่ขายของแถวนั้นบอกว่าไม่หรอกเขาไม่กล้าหรอก พวกเราก็เลยไม่สนใจ

    ระหว่างที่รอพี่โจ้เอารถมารับ เราก็ได้คุยกัน แจนก็สัมภาษณ์น้องเขาว่าจะเลี้ยงได้ไหม สถานที่ ๆ ไปอยู่เนี่ยเป็นอย่างไร สรุปก็ได้ความว่า เป็นหอพักนักศึกษาที่อยู่ที่ศาลายา เอาหมาเลี้ยงได้ และเพื่อนๆ น้องหมานิสัยดีทั้งนั้น และประกอบกับความตั้งใจแน่วแน่ จากที่ได้คุยกันมา ก็โอเค เราจะช่วยกันให้หมาตัวนี้ได้พ้น ๆ จากการตากแดดตากลม ไม่ต้องนั่งขอทานให้นายเปี๊ยกตรงนี้นั่นเอง

    พอรถมา พี่โจ้ก็เอาเสื่อที่อยู่ในรถมาให้หมานอน แล้วยกเขาขึ้น เรียกได้ว่าหมาไม่ขัดขืนหรือดิ้นเลย หน้าตางง ๆ เล็กน้อย แต่ก็ไม่สู้ จนขึ้นรถ มุ่งหน้าไปที่บ้านใหม่ของน้องหมาทันที โดยแจนกับน้องผู้ชาย ชื่อเอก อยู่หลังรถ นั่งกับเจ้าน้องหมา โดยผลัดกันกอดเขาไว้ เขาก็น่ารักไม่ดื้อเลย จนถึงที่ พอถึงที่ก็อุ้มเขาลง น้องหมาหน้าตาดูดีขึ้นจากเดิม เพราะดูเหมือนเขาตื่น และเดินสำรวจสถานที่และทักทายกับเพื่อน ๆ ใหม่ ก็โอเคนะคะ เห็นแล้วก็หายห่วงเลย เพราะเขาเชื่อง และ แถวนั้นไม่มีหมาเกเรเลย หรืออาจจะเป็นไปได้ว่า หนาตัวโตมากด้วย พอเห็นเขาเดินเนี่ยตกใจกันทุกคน ว่าทำไมตัวสูงได้อย่างนี้ สูงเท่าลูกวัวได้เลย มิน่า ตอนยกขึ้นรถทำไมมันหนักจังเลย ต้องใช้ แรง แจน พี่โจ้ และ น้องเอก ตั้ง 3 แรง ยกกันถึงขึ้นได้

    พอหลังจากที่พูดคุยกันอีกครั้งหลังจากส่งแล้ว ก็ขอบคุณและแยกย้ายกันไป

    พอแจนถึงบ้านก็โทรไปถามว่าเป็นไงบ้าง และน้องผู้หญิง ชื่อคริส บอกว่า เขาเอาเข้ามาอยู่ในห้องหอพักด้วยเลย เราฟังก็โอ้โห จริงเหรอเนี่ย น้องเขาทั้งคู่น่ารักมากเลย และประกอบกับเขาเป็นคนเลี้ยงสุนัขเป็นอยู่แล้วค่ะ ก็เลยโล่ง อันเนี้ย ถ้าคนเลี้ยงหมาเป็น คุยกันเรื่องอย่างนี้โกหกไม่ได้ว่าเขาเลี้ยงหมาเป็นไหม สรุปเท่าที่ฟังดู ก็จัดว่าโอเคเลยทีเดียว คุ้มแล้วที่ช่วยน้องหมาตัวนึงไม่ต้องทรมานตากแดดขอทานอยู่อีกต่อไป

    แอบเล่าอีกนิด น้องคริสและเอกคุยให้ฟังทางโทรศัพท์ว่า น้องหมาตัวนี้ พอขอมือเขา เขาให้มือได้ด้วยค่ะ น่ารักจริง ๆ

    ลืมบอกสภาพหมาปัจจุบัน ตัวผู้ ตัวสูงประมาณ 3 ฟูตกว่า ๆ ได้ หน้าตาเหมือนในรูปค่ะ ขาที่เคยเจ็บ เมื่อเดือนก่อนก็หายแล้ว แต่เป็นแผลที่หลังตรงเกือบใกล้หาง เป็นหนอง แผลเล็ก ไม่ร้ายแรงมากค่ะ แนะนำไปแล้วว่าต้องทายาอะไรค่ะ

    ยังไง สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณ คุณ Doggy คุณน้อง note & rate สำหรับคำปรึกษา

    และ คุณพี่โจ้ ที่อุตส่าห์ละทิ้งงานที่บ้านอยู่ ขับรถมารับและไปส่งที่ศาลายา

    และที่สำคัญ คุณน้องที่น่ารักทั้งสอง ชื่อคริสและเอกค่ะ น้องน่ารักมากเลย

    ขอบคุณเพื่อน ๆ ที่แวะเวียนเจอะเจอเจ้าหมาตัวนี้ด้วยค่ะรวมถึงคุณ Dosscha ที่เคย Post กระทู้ของหมาตัวนี้แรกเริ่มไว้ด้วยค่ะ ไม่ต้องตกใจถ้าไม่เห็นน้องหมาตรงนั้นแล้วค่ะ

     
     

    จากคุณ : Jannyfer - [ 31 มี.ค. 47 01:13:19 ] ส่งภาพนี้เข้ามือถือ