ความคิดเห็นที่ 1 นี่ก็เป็นภาพเมื่อปีที่แล้วเช่นกัน จากคุณ : ครูต้อ - [ 19 ส.ค. 47 19:44:34 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ปีนี้ แวะไปอีกครั้ง ในช่วงเวลาเดียวกัน ปรากฎว่า ตายเป็นเบือ !!!!! จากคุณ : ครูต้อ - [ 19 ส.ค. 47 19:45:31 ]

ความคิดเห็นที่ 3 อุ๊บ... ตกรูป จากคุณ : ครูต้อ - [ 19 ส.ค. 47 19:46:08 ]

ความคิดเห็นที่ 4 เป็นที่รู้กันว่า การตัดต้นไม้นั้น เราต้องยึดเวลาที่เหมาะสมสำหรับต้นไม้ ไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมสำหรับคนตัด ! แต่เท่าที่เห็นในบ้านเรา เราจะตัดต้นไม้กันเมื่อรู้สึกว่ารกหูรกตา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหน้าฝนจะเห็นคนกุลีกุจอตัดต้นไม้กันแทบทุกบ้าน หากเพียงเล็มกิ่งเล็กกิ่งน้อย ก็ไม่เป็นไร ไม่ก่อปัญหาให้กับต้นไม้มากมายนัก แต่ถ้าเป็นการตัดหนักเช่นที่เห็นในรูป จะต้องระวังเป็นพิเศษ จะต้องพิจารณาปัจจัยเพิ่มขึ้นอีกหลายด้าน ต้องย้ำกันอีกครั้งหนึ่งว่า.... นี่เป็นความเห็นของนักปฏิบัติเท่านั้น ยังไม่ใช่ทฤษฎีที่ทุกคนต้องปฏิบัติตาม และ ข้อสังเกตุเหล่านี้ เป็นข้อควรระวังเมื่อจะ " ตัดหนัก - Hard Pruning " เป็นสำคัญ ส่วนการตัดแต่งทั่วๆไป หากจะนำข้อสังเกตุเหล่านี้ไปปรับใช้ ก็จะช่วยให้ต้นไม้" บาดเจ็บ " น้อยลง ข้อควรระวังข้อแรก คือ ต้องดูว่าต้นไม้ต้นนั้นมี " ภูมิลำเนา " จากถิ่นไหน ????? ภูมิลำเนาของต้นไม้ ได้แก่ถิ่นที่อยู่เดิมของต้นไม้ต้นนั้น เช่น ป่าดงดิบ ป่าเบญจพรรณ ป่าเต็งรัง ป่าพลุ ฯลฯ เริ่มจากพวกที่มีถิ่นที่อยู่ในป่าผลัดใบ เช่น ป่าเบญจพรรณ ป่าเต็งรัง ตัวอย่างเช่น พฤกษ์ ชงโค เสี้ยว(กาหลง) กระโดน ติ้ว แต้ว ส้าน มะตาด มะเกลือ โมกหลวง ตะแบก เสลา อินทนิลบก พะยอม อ้อยช้าง กระพี้จั่น ประดู่ งิ้วป่า แคทราย สัก สมอพิเภก สมอไทย โมกมัน เป็นต้น ( เอ๊ะแล้วอะไรที่ไม่เป็นต้นหว่า...) ลำต้น กิ่งก้านของต้นไม้ในกลุ่มนี้ ค้นเคยกับการถูกแสงแดดแผดเผาอย่างรุนแรงตามธรรมชาติอยู่แล้ว โดยเฉพาะในหน้าแล้ง หรือ การโดนไฟป่าลวกผิว จึงไม่ต้องกังวลมากนักเมื่อจะตัดหนัก ภาพต้นตะแบกครับ จากคุณ : ครูต้อ - [ 19 ส.ค. 47 19:47:06 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ต้นไม้กลุ่มต่อมา คือ พวกที่ต้องระวังให้มากที่สุดในเรื่องตัดหนัก เป็นไม้ที่มีภูมิลำเนามาจากป่าไม่ผลัดใบทั้งหลาย เช่น ป่าดงดิบ ป่าดิบเขา ป่าชายเลน ป่าพลุหรือป่าบึง เช่น มะไฟ มะม่วง จำปา กระท้อน อินทนิลน้ำ ขนุน มะหาด หว้า กันเกรา บุนนาก พันจำ ก่อต่างๆ มณฑาป่า พญาไม้ จำปีป่า ถ่อน กระทุ่มน้ำ จิก กระทิง สนทะเล หูกวาง โสกน้ำ ชุมแสง ส่วน ตะแบก พะยอม นั้นปรากฏรายชื่ออยู่ในป่าประเภทนี้ด้วย เวลาตัด ระวังซักหน่อยก็ดีครับ ต้นไม้ในกลุ่มนี้ ลำต้นมักไม่เคยโดนแสงแดดแผดเผาโดยตรง จึงเป็นพวก " ผิวบาง " เวลาตัดหนัก ต้องหาอะไรมาห่อหุ้มลำต้น กิ่งใหญ่ๆที่โดนแดดจังๆเอาไว้ โดยเฉพาะแดดบ่าย อันตรายยิ่งนัก ไม่เช่นนั้น เปลือกจะตายนึ่ง และหากรุนแรง อาจทำให้ต้นตายได้ครับ ตัวอย่างของต้นไม้ในกลุ่มนี้ คือ โสกน้ำครับ จากคุณ : ครูต้อ - [ 19 ส.ค. 47 19:47:53 ]

ความคิดเห็นที่ 6 มีข้อสังเกตุจากภาคปฏิบัติว่า ต้นไม้ไม่ผลัดใบเหล่านี้ ถ้าตัดให้มีใบเหลืออยู่บ้าง อาการเปลือกตายนึ่งจะลดลง เป็นไปได้หรือไม่ว่า.... ในขณะที่ใบที่เหลือคายน้ำตามธรรมชาติ ก็จะช่วยระบายความร้อนที่บริเวณเปลือกออกไปด้วย ????? Plant Physiologist ช่วยไขข้อข้องใจให้หน่อยได้ไหม ? ในภาพ เป็นมะม่วงต้นเดียวกัน ด้านซ้ายมือพอมีใบเหลืออยู่บ้าง จะไม่เสียหายรุนแรง แต่ด้านขวามือ ปีหน้า น่าจะอาการหนัก จากคุณ : ครูต้อ - [ 19 ส.ค. 47 19:48:49 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ปัจจัยข้อต่อไปคือเรื่อง ฤดูกาล เพราะเหตุที่คนไทยเราปลูกไม้ผลกันมานานแสนนานแล้ว แนวคิดในการตัดแต่งต้นไม้ใหญ่ในเมือง จึงเลียนแบบการตัดแต่งไม้ผลเป็นสำคัญ ปัญหาใหญ่คือ ไม้ผลจำนวนมากของเราออกดอกในช่วงหน้าหนาว ซึ่งเป็นช่วงผลัดใบของต้นไม้พอดี ครูบาอาจารย์ท่านเลยบอกว่า อย่าตัดในตอนนั้น เพราะตัดแล้ว จะไม่ได้กินผล แต่ตามหลักการทั่วๆไปแล้ว ถ้าจะตัดหนัก ควรตัดก่อนการเจริญเติบโตรอบใหม่ของปีนั้น นั่นคือ เมื่อผลัดใบเต็มที่แล้วลงมือได้เลย !!! อ้อ... การตัดแต่งทั่วไป ที่ไม่ใช่ตัดหนัก สามารถทำได้ตลอดปีนะครับ เมื่อจะตัดหนัก ตัดโหด เท่านั้น ที่ต้องเฝ้ารอฤดูกาล ไม่ใช่วันนี้อารมณ์ดีก็ถือเลื่อย ถือขวานออกปฏิบัติการนะครับ นั่นหมายความว่า เราควรตัดใหญ่ตั้งแต่ช่วงต้นหนาว ไปจนถึงประมาณปลายหน้าหนาว ตัดในช่วงนี้ ต้นไม้จะเข้ารอบการเจริญเติบโตรอบใหม่พอดี จึงช่วยให้ต้นไม้สร้างเปลือกใหม่ออกมาหุ้มรอยแผลที่ตัดได้เร็วขึ้น แต่เรามักคิดกันว่า กำลังจะเข้าหน้าแล้ง อย่าตัดต้นไม้ เดี๋ยวจะเป็นอันตราย รอให้ถึงหน้าฝนก่อนเถอะ ซึ่งไม่น่าจะถูกต้อง เหตุผลก็คือ ในช่วงผลัดใบ ต้นไม้จะลำเลียงอาหารลงไปสะสมไว้ที่ลำต้น กิ่งก้าน หรือ ราก พอแตกยอดอ่อน ก็นำอาหารที่สะสมไว้ออกมาใช้อย่างเต็มที่ พอใช้อาหารไปมากๆ กิ่งยังอ่อน ใบยังไม่แก่เต็มที่ ยังส่งอาหารไปคืนต้นไม่ได้ เราก็ไปตัดซ้ำเข้าไปอีก ถ้าอยู่ในสภาวะแวดล้อมที่รุนแรง เช่น ร้อนจัด แดดจัด ต้นไม้จะหาอาหารที่ไหนมาใช้เพื่อการสร้างใบ ยอด ชุดใหม่ล่ะครับ อยากยืนยันว่า ช่วงตั้งแต่ปลายฝนเป็นต้นไป เหมาะสำหรับการตัดหนักครับ มั่นใจว่า ได้ผลดีกว่าการตัดช่วงต้นฤดูฝนหลายเท่าตัว ผลของการตัดในช่วง กรกฎาคม - สิงหาคม ของปีที่แล้ว ดูได้จากความเห็นที่ 2 ภาพนี้ เป็น สะเดาบริเวณริมถนนสาย นครปฐม - บ้านโป่ง มีบางส่วนแข็งแรงดี จากคุณ : ครูต้อ - [ 19 ส.ค. 47 19:50:06 ]

ความคิดเห็นที่ 8 มีบางช่วงที่ตายเป็นเบือเช่นกันครับ แต่ไม่ทราบว่าเขาตัดในช่วงไหนนะครับ จากคุณ : ครูต้อ - [ 19 ส.ค. 47 19:50:50 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ปัจจัยข้อสุดท้าย คือ สภาพแวดล้อม เวลาจะตัดหนัก ต้องพิจารณาด้วยว่า ต้นไม้ต้นนั้นอยู่ในสภาพแวดล้อมอย่างไร เคยเจอต้นประดู่ ต้นคูณที่ปลูกข้างถนนที่มีเปลือกด้านหนึ่งตายนึ่ง สงสัยนักหนาว่าเป็นเพราะเหตุใด ? ดูไป ดูมา จึงพบว่า ด้านตะวันตกของต้นไม้ต้นนั้นเป็นถนนคอนกรีตกว้างมาก เพราะแดดบ่าย บวก แสงสะท้อนยามบ่ายจากถนนคอนกรีต ต้นไม้ที่คุ้นเคยกับไฟป่าทุกปี เช่น ต้นคูณ ต้นประดู่ ก็อาจเป็นอันตรายได้ อ้ะ... ก็ไฟป่าน่ะ มาเพียงปีละครั้ง ส่วนแสงแดดที่สะท้อนจากถนนนั้น เจอเข้าไปทุกวัน ตลอดทั้งปี ต้นไม้ต้นไหนจะทนได้ล่ะ ถ้าตัดแล้ว ยังมีเครื่องพรางแสงให้ก็คงไม่หนักหนาสาหัสเช่นในภาพนี้ จากคุณ : ครูต้อ - [ 19 ส.ค. 47 19:51:45 ]

ความคิดเห็นที่ 10 แต่ในสภาพนี้นั้น นับได้ว่ารุนแรงเพราะ ด้านขวามือ ซึ่งเป็นด้านตะวันออกมีแนวรั้วคอนกรีต สายๆหน่อย แสงก็เริ่มสะท้อนเข้าไปเผาต้นไม้แล้ว พอตกบ่าย แดดบ่าย บวก แสงสะท้อนจากถนนเข้าไป จึงรุนแรงเกินจะทนไหว เจ้าสนประดิพัทธิ์จึงต้องลาโลก อ้ะ... แล้วทำไมอีกหลายๆต้นไม่ตายล่ะ ไม่แน่ใจครับ แต่น่าจะเป็นเพราะมีใบตรงส่วนที่ต่ำกว่ารอยตัดอยู่บ้างก็ได้ ที่ช่วยให้รอดตาย บังเอิญปีที่แล้ว ไม่ได้สังเกตุให้ดีจึงยังไม่กระจ่างนักในเรื่องนี้ จากคุณ : ครูต้อ - [ 19 ส.ค. 47 19:52:29 ]

ความคิดเห็นที่ 11 เอ๊...... น่าจะไม่ถูกต้อง แม้ตอนเช้าจะร่ม แต่ตอนบ่ายจะมีแสงสะท้อนจากกำแพงเข้ามาซ้ำอีกด้านหนึ่ง จึงถือได้ว่า รุนแรงมาก จากคุณ : ครูต้อ - [ 19 ส.ค. 47 19:54:10 ]

ความคิดเห็นที่ 12 สรุป เมื่อจะตัดหนัก ต้องคำนึงในเรื่องดังต่อไปนี้ 1 ภูมิลำเนาของต้นไม้ต้นนั้น 2 ฤดูกาล 3 สภาพแวดล้อมโดยรอบ ต่อไปนี้ เวลาจะใช้ใครไปตัดหนัก หรือจะลงมือเอง โปรดระวังกันหน่อยนะครับ ยิ่งเวลาเจอพวกรู้มาก ย้อนศรคำเตือนของเราเอาว่า " ไม่เป็นไรหรอกครับ เคยเห็นเขาตัดแล้วไม่ตายมาเยอะแล้ว " ยิ่งต้องระวังให้ดี จะได้ไม่ต้อง" ตายเป็นเบือ " กันอีก จากคุณ : ครูต้อ - [ 19 ส.ค. 47 19:54:51 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ติดขอบกระทู้ จากคุณ : NSJ - [ 19 ส.ค. 47 20:27:18 ]

ความคิดเห็นที่ 14 มาแอบเก็บความรู้เรื่องต้นไม้ใหญ่ค่ะ เพิ่งซื้อหนังสือ"สนุกกับไม้ใหญ่"ของครูต้อมาอ่านไปได้นิดหน่อยเองค่ะ...แต่ก็ทำให้เข้าใจถึงความสำคัญของการดูแลไม้ใหญ่และคุณค่าของต้นไม้เหล่านั้น ต่อไปจะดูแลต้นไม้(ทั้งใหญ่และเล็ก)ให้ดียิ่งขึ้นค่ะ จากคุณ : Kidnapper - [ 19 ส.ค. 47 20:41:57 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ขอกราบขอบคุณมาก ๆ สำหรับความรู้ที่มีประโยชน์ค่ะ แต่.. กันเกราของน้ำ สภาพเหมือนต้นที่ถ่ายรูปมาให้ดูเลยค่ะ อย่างน้อย ตอนนี้ก็ทราบสาเหตุแล้ว ต่อไปคงต้องเรียกช่างทำสวนมาถามความรู้ตรงนี้บ้างแล้วค่ะ ต้นไม้ใคร ใครก็รักนะคะ ตัดใหญ่เราไม่ว่า แต่ตายเป็นตอนั่น แหม.. มันช้ำใจจริง ๆ น่ะค่ะ ปล. หนังสือ สงสัยคงต้องหาซื้อมาติดบ้านมั่งแล้วล่ะค่ะ ขอบคุณมากค่ะ จากคุณ : น้ำเจ้าค่ะ - [ 19 ส.ค. 47 23:05:07 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ตามมาเก็บข้อมูล ขอบคุณค่า จากคุณ : เตียงผุ - [ 20 ส.ค. 47 08:49:29 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ขอเก็บไว้เป็นความรู้ค่ะ คุณครู จากคุณ : ป้ามด - [ 20 ส.ค. 47 11:18:40 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ทำไมคนศึกษารู้เรื่องเฉพาะทาง เก่งๆ ไม่ค่อยมีโอกาสไปช่วยกำกับ ดูแลกันเลยน๊อะ ประเทศไทย คิดใหม่ ทำใหม่ ด่วน!! ใสสสสสสสสสสสสส จากคุณ : คนหน้าใส - [ 20 ส.ค. 47 14:33:51 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ขอบคุณสำหรับความรู้ครับ จากคุณ : เสือจุ่น - [ 20 ส.ค. 47 16:55:44 ]

ความคิดเห็นที่ 20 มารับความรู้ค่ะ คิดว่านำไปใช้ประโยชน์ได้แน่ๆ จากคุณ : littlegull - [ 20 ส.ค. 47 17:06:17 ]

ความคิดเห็นที่ 21 สวัสดีครับ ครูต้อ น่าเสียดายจริงๆ อุตส่าห์ปลูกมาตั้งหลายปี จากคุณ : Visuvat - [ 20 ส.ค. 47 18:04:12 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ปลูกกว่าจะโต ก็ตั้ง 10 ปี ตัดกันแค่ 10 นาที แหม เสียดายจังเลย คนตัดเนี่ย ไม่รักต้นไม้แน่นอน เขาถึงทำได้ลงคอ จากคุณ : ป้าดาวกระจุย (-.-) - [ 20 ส.ค. 47 19:27:39 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ทัศนียภาพ ภูมิทัศน์ ยอดเศรษฐกิจตก คนท่องเที่ยวหาย เพราะ คนรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ทำกัน เป็นคนขยัน คนดีกันนะ แต่ไม่เข้าใจ เงินท่องเที่ยว เข้าประเทศ ก้อหายไปเหมือนกันได้นะ ว่าเข้าไปนั่นนนนนน แฮ่ะ แฮ่ะ ... ใสสสสสสสสสสสสสสสสสสส จากคุณ : คนหน้าใส - [ 20 ส.ค. 47 20:16:00 ]

ความคิดเห็นที่ 24 กำลังจะหั่นปีปพอดีค่ะ จะระวังนะคะ จากคุณ : ป้าหนอน - [ 21 ส.ค. 47 00:23:17 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ขอบคุณค่ะ ที่นำมาเล่าสู่กันฟัง น่าสงสารต้นไม้มากๆเลย น่าเสียดายนะค่ะกว่าจะโตเท่านี้ จากคุณ : พิจิก9 - [ 21 ส.ค. 47 06:08:34 ]

ความคิดเห็นที่ 26 เป็นความรู้ที่มีค่ายิ่ง อยากให้พวกขวางต้นไม้ได้มาเห้นมาอ่านจังเลย ขอบคุณ คุณครูต้อ มากนะก๊ะ ที่นำความรู้ดีๆแบบนี้มาแนะนำ จากคุณ : ป้อม (chasanun) - [ 21 ส.ค. 47 20:01:21 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ขอขอบคุณ คุณNSJ คุณKidnapper คุณน้ำเจ้าค่ะ คุณเตียงผุ ป้ามด คุณใสสสสสสสสส คุณเสือจุ่น คุณVisuvat คุณlittlegull ป้าดาวกระจุย ป้าหนอน คุณพิจิก9 และ คุณป้อม ที่แวะชมและออกความเห็นครับ ขอบคุณคุณKidnapper ที่กรุณาอุดหนุนหนังสือครับ คุณน้ำครับ ลองหาตามร้านนายอินทร์ดูนะครับ แต่เริ่มขาดตลาดในบางสาขาแล้วนะครับ สวัสดีและขอบคุณทุกท่านอีกครั้งครับ จากคุณ : ครูต้อ - [ 22 ส.ค. 47 18:47:59 ]

ความคิดเห็นที่ 28 มาเก็บเกี่ยวความรู้ครับ ครูต้อมาทีไร นำความรู้มาฝากทุกที "สนุกกับไม้ใหญ่" อ่านแล้วได้ความรู้มากมาย มีภาพประกอบ เข้าใจง่าย highly recommend ครับ ผมซื้อจากร้านนายอินทร์ นานมาแล้ว ครูต้อมีหนังสือใหม่อีกมั้ยครับ ถ้ามีช่วยบอกข่าวกันด้วยนะครับ (ไม่ค่อยได้ออกจากบ้าน) จากคุณ : กิติ์ - [ 27 ส.ค. 47 19:34:47 ]

ความคิดเห็นที่ 29 เคยตัดสน แบบข้างต้น เหมือนกันเปี๊ยบเลยค่ะ ตายแห้งทั้งแถว ขอบคุณมากค่ะ จะไม่สุ่มสี่สุ่มห้าอีก จากคุณ : พี (p500) - [ 29 ส.ค. 47 11:48:10 ]