ความคิดเห็นที่ 1 **************************************************** สายพันธุ์ปลาต่างถิ่น  อันตรายที่แฝงมากับความงาม ผู้เขียน : พิชิต ไทยยืนวงษ์ จาก : นิตยสารเทคโนโลยีชาวบ้าน ผมมีโอกาสได้ไปดูภาพยนตร์เรื่องหนึ่งเมื่อไม่นานมานี้ เป็นเรื่องเกี่ยวกับตัวประหลาดต่างเผ่าพันธุ์นอกโลกสองฝ่าย เปิดศึกตะลุมบอนกันอย่างครึกโครมมโหฬาร บนสถานเป็นกลางคือดาวโลกดวงเล็กจ้อยของพวกเรา ชื่อของหนังคือ AVP ย่อมาจากคำว่า Alien vs Predator เอเลี่ยน เป็นสัตว์ร้ายนอกพิภพในจินตนาการของฮอลลิวูด บัดนี้เข้าทำเนียบตัวประหลาดคลาสสิกไปแล้วเพราะรู้จักกันดีแทบทุกคน (เช่นเดียวกับเจ้าตัวพรีเดเตอร์) มันมีส่วนผสมของคนกับแมลงร้ายๆหลายชนิดมั่วไปหมด ไม่มีตา หัวยาวเป็นรถไฟและมีเขี้ยวแหลมคมแพรวพราวเต็มปากน่าเกลียดน่ากลัว ส่วนพรีเดเตอร์นั้นออกแววมนุษย์ขึ้นมาหน่อย (แม้ว่าห้าตาจะออกไปทางปูทะเลหรือแมงมุมอะไรเทือกนั้น) เพราะดูเหมือนจะคุยกันรู้เรื่องรู้ราว มีพละกำลังและอาวุธปืนพิลึกพิลั่นร้ายกาจ แถมยังล่องหนหายตัวได้เอารัดเอาเปรียบคู่ต่อสู้อยู่พอสมควร ที่สำคัญคือขี้โกงสุดๆ พอรู้ว่าพวกตัวเองแพ้ก็พาลล้มกระดาน วางระเบิดให้วอดวายไปหมดทั้งศัตรูและใครต่อใครที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ แล้วค่อยมาเริ่มใหม่อีกร้อยปีถัดมา หนังเรื่องนี้ดูสนุก เพลิดเพลิน เฮฮา ดูไปเคี้ยวข้าวโพดคั่วไป พอหมดถุงก็จบเรื่องพอดี ถ้าเป็นคนอื่นคงไม่คิดอะไรมาก เห็นเดินออกมาจากโรงหัวหูยุ่งเหยิง แล้วพึมพำว่า “ตูว่าแล้ว..” กันอยู่หลายคน แต่ผมดูแล้วคิดครับ ไม่คิดไม่ได้ เสียค่าตั๋วแล้วต้องได้อะไรจากหนังบ้าง ไม่ได้ปรัชญาก็ขออุปมาอุปไมยมาเปรียบเทียบกับชีวิตจริงสักหน่อยก็ยังดี ดูหนังเรื่องนี้แล้วนึกถึงสถานการณ์ปลาไทยในปัจจุบันที่กำลังน่าวิตกเป็นห่วง ทั้งเรื่องสภาพแวดล้อมถูกทำลายเบียดเบียนโดยมนุษย์ แล้วไหนจะยังเรื่องของเหล่าเอเลี่ยนกับพรีเดเตอร์ที่นับวันยิ่งพบมากขึ้นทั่วทุกหัวระแหง พวกมันคือตัวแปรสำคัญ (รองจากการรุกรานของมนุษย์) ที่ทำให้ระบบนิเวศสั่นคลอนผิดเพี้ยน จนปลาไทยหลายชนิดสูญพันธุ์ไปอย่างถาวร แก้ไขเมื่อ 24 ก.ย. 47 15:42:49 จากคุณ : นั่งหน้าจอ - [ 24 ก.ย. 47 15:35:02 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ในโลกแห่งความเป็นจริง เอเลี่ยนกับพรีเดเตอร์ก็อาจจะเป็นตัวเดียวกันได้ เอเลี่ยนคือพวกต่างชาติต่างถิ่น ฝรั่งเดินท่อมๆมา เราสามารถชี้นิ้วเรียกเอเลี่ยนได้โดยไม่ถูกฟ้องหมิ่นประมาท แต่หากเจอคนไทยด้วยกัน แม้หน้าตาหัวหูจะยาวเป็นกล้วย มีฟันยาวแหลมเหมือนตัวเอเลี่ยนในหนัง แต่เราก็ไม่สามารถเรียกเขาว่าเอเลี่ยนได้ เพราะไม่เพียงถูกฟ้อง แต่ยังอาจโดนเตะได้ง่ายๆ ปลาที่ไม่ใช่เป็นปลาไทย เมื่อนำเข้ามาในประเทศ ก็ถูกเรียกว่า “เอเลี่ยนสปีซีส์ (Alien spiecies)” หรือสายพันธุ์ปลาต่างถิ่น แม้จะเป็นปลากินพืชหน้าตาเจี๋ยมเจี้ยมก็เถอะ ส่วนพรีเดเตอร์นั้นคือนักล่า ดำรงชีวิตอยู่ด้วยการล่าสัตว์อื่นมากินเป็นอาหาร เช่น ปลาช่อน ปลาชะโด ปลาตะพัด แม้กระทั่งปลาเสือพ่นน้ำก็จัดว่าเป็นพรีเดเตอร์กับเขาเหมือนกัน เพราะมีอาชีพล่าแมลงเป็นอาหารหลัก ปลาต่างถิ่นถ้าเป็นปลาล่าเหยื่อด้วยก็ต้องควบสองตำแหน่ง เป็นทั้งเอเลี่ยนและพรีเดเตอร์ในตัวเดียวกัน เอเลี่ยนสปีซีส์ หรือสายพันธุ์ต่างถิ่น เข้ามาได้อย่างไร.. หลายทางครับ ทั้งปลาเศรษฐกิจและปลาสวยงาม ปลาเศรษฐกิจก็ได้แก่ ปลานิล ปลาเทราท์ ปลาเฉา ปลาเปคู พวกนี้เลี้ยงง่ายโตเร็ว ความต้านทานโรคสูง ยกเว้นปลาเทราท์ที่ต้องเลี้ยงแถวภาคเหนือด้วยเป็นปลาน้ำเย็น นอกนั้นสามารถเลี้ยงได้ทั่วทุกภาค หรือไม่ต้องเลี้ยงมันก็สามารถหากินของมันเองได้เพราะมีคุณสมบัติในการปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมในบ้านเราเป็นอย่างดีเยี่ยม ทั้งยังออกลูกออกหลานบานเบอะเยอะแยะจนจะกลายเป็นปลาไทยไปอยู่แล้ว จากคุณ : นั่งหน้าจอ - [ 24 ก.ย. 47 15:35:37 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ส่วนปลาสวยงามนั้น เดิมทีก็นำมาเลี้ยงในตู้ในบ่อกันดีอยู่ แต่ด้วยความเบื่อหน่าย ความเหม็นขี้หน้า อยากได้ปลาใหม่มาเชยชม หรือกระทั่งอุบัติเหตุน้ำท่วม ก็ทำให้ปลาเหล่านี้ต้องระเห็จไปใช้ชีวิตตามลำคลองกันปีหนึ่งไม่ใช่น้อยๆ ผมคงขอพูดเฉพาะเรื่องปลาสวยงามครับ เพราะค่อนข้างจะรู้เห็นมาอยู่บ้าง จนหยิบมาสาธกได้พอเป็นกระสัย ปลาสวยงามที่นำมาเลี้ยงกันโดยมากมักเป็นปลาจากต่างประเทศ ซึ่งก็แน่นอน เพราะคนไทยก็ย่อมเห็นปลาไทยเป็นของชินหูชินตา เช่นเดียวกับฝรั่งมังค่าสั่งซื้อปลาพันธุ์ไทยอย่างเสือสุมาตรา ตะเพียน หรือปลาทรงเครื่อง ไปเลี้ยงโครมๆปีหนึ่งๆนับร้อยล้านบาท เราก็เอาบ้างด้วยการนำพันธุ์ปลาแปลกๆ สวยๆ (ในสายตาเรา) เข้ามาจากทั้งอเมริกาใต้และอัฟริกา ส่วนใหญ่ที่นำมาจากสองแหล่งนั้นเพราะมีภูมิอากาศและสภาพแวดล้อมคล้ายคลึงกับแหล่งน้ำบ้านเรา ปลาจากทางอินเดีย พม่า และอินโดนีเซีย ก็มีการนำเข้ามาไม่น้อยเหมือนกัน ปลาส่วนใหญ่มีขนาดเล็ก เลี้ยงได้เฉพาะในตู้ หากหลุดเล็ดรอดลงคลองก็เห็นจะไม่พ้นกลายเป็นอาหารพรีเดเตอร์บ้านเรา ยกเว้นบางชนิดที่มีศักยภาพในการแพร่ขยายพันธุ์สูงจนน่ากลัว เช่น ปลาหางนกยูง ปลาเซลฟิน ตอนนี้ไปที่ไหนก็เห็นแต่ฝูงปลาหางนกยูงสีตุ่นๆแหวกว่ายไปมาน่าเอ็นดู ส่วนเซลฟินที่มีครีบกระโดงสูงๆ ก็สามารถปรับตัวได้ดีในน้ำกร่อยแถวชายฝั่งทะเล ป่าชายเลน ผมไปเที่ยวบ้านเพื่อนที่คลองด่าน จังหวัดสมุทรปราการเมื่อครั้งล่าสุดคือปีที่แล้ว เห็นแล้วตกใจ ลูกปลาเซลฟินนับล้านๆตัว ว่ายเบียดเสียดออกันแน่นในแอ่งน้ำโคลนตอนช่วงน้ำลด มองแทบไม่เห็นลูกปลาพื้นเมืองเลย ยกเว้นปลาตีนกับปลากระบอก จากคุณ : นั่งหน้าจอ - [ 24 ก.ย. 47 15:36:20 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ปลาสวยงามอีกส่วน ถึงแม้เป็นส่วนน้อย แต่ก็มีแนวโน้มที่จะกลายเป็นตัวทำลายระบบนิเวศของแหล่งน้ำธรรมชาติได้อย่างมาก คือบรรดาปลานักล่า โดยเฉพาะนักล่าขนาดใหญ่อย่าง ปลาหมอสีบางชนิด ปลาหมอลูกผสม ปลาเรดเทลแคท ปลาช่อนอเมซอน ปลาอัลลิเกเตอร์การ์ ฯลฯ ปลาเหล่านี้รูปร่างสวยสง่างามแปลกตา ตัวใหญ่ มีความอดทนบึกบึน กินสิ่งมีชีวิตที่เล็กกว่าเป็นอาหาร ปลาหมอออสเซลลาริส (Cichla ocellaris) เมื่อโตเต็มที่อาจยาวได้ถึง 75 ซ.ม. ลำตัวกว้างหนา ว่ายน้ำเร็วเหมือนจรวด ปากกว้างมาก กินปลาไทยตัวเขื่องๆอย่างปลาหมอ ปลาตะเพียนได้อย่างสบายๆ ไม่ต้องถึงมือ (ปาก) ของยักษ์น้ำจืดอย่างปลาช่อนอเมซอน หรือ อะราไพม่า (Arapaima gigas) ที่ใหญ่เบ้อเริ่มจริงๆ มันสามารถโตเต็มที่ได้ถึง 4 เมตร แต่ขนาดราวๆ 1.5 –2 เมตร นี่เป็นเรื่องปกติที่เห็นได้ตามบ่อเลี้ยงทั่วไป ปลาขนาดนี้กินจุยิ่งกว่าปลาช่อนบ้านเราสิบตัวรวมกันเสียอีก ความน่ากลัวของสายพันธุ์ปลาต่างถิ่น บางคนอาจบอกว่า ก็ไม่เห็นจะน่ากลัวที่ตรงๆหน ดีเสียอีก เราจะได้มีปลาตัวโตๆเพิ่มขึ้น ตัวใหญ่ๆเนื้อคงเยอะดี อืมม์..มันไม่ง่ายอย่างนั้นน่ะสิครับ การที่มันแพร่ขยายพันธุ์ได้ในแหล่งน้ำธรรมชาติก็แสดงว่าพวกมันปรับตัวจนสามารถอยู่ร่วมในสภาพแวดล้อมบ้านเราได้เป็นอย่างดี แถมยังฝ่าด่านสิบแปดอรหันต์จากปลานักล่าท้องถิ่นจนเติบโต มีชีวิตรอดจนสืบพงศ์พันธุ์ได้สำเร็จ สมมติว่าเอเลี่ยนตัวหนึ่งกินปลาไทยพันธุ์เล็กอย่างปลากริม วันละสิบตัว หากมีลูกครั้งละ 1000ตัว ซึ่งอาจเหลือรอดจนเติบโตเพียง 10 เปอร์เซ็นต์ คือร้อยตัว ต้องกินปลากริมวันละหนึ่งพันตัว (จริงๆต้องมากกว่านั้นแน่ๆ) ในหนึ่งสัปดาห์ เราต้องสูญเสียปลากริมให้เหล่าเอเลี่ยนพรีเดเตอร์เหล่านี้ถึงสามหมื่นตัว พ่อแม่เอเลี่ยนมีศักยภาพวางไข่ได้เดือนละครั้ง ลูกปลาใช้เวลาโตจนถึงวัยเจริญพันธุ์อยู่ราวๆ 8-10 เดือน สามารถผสมพันธุ์วางไข่ได้เหมือนพ่อแม่ ภายใน 1 ปี ผมว่าปลากริมบ้านเราคงหดหายกลายเป็นปลาหายากอีกชนิดหนึ่ง หรืออาจถึงขั้นสูญพันธุ์ไปเลยก็เป็นได้ จากคุณ : นั่งหน้าจอ - [ 24 ก.ย. 47 15:36:53 ]

ความคิดเห็นที่ 5 จริงอยู่ว่าแม้ไม่มีเอเลี่ยนสปีซีส์ ปลากริมก็ยังคงถูกกินโดยนักล่าท้องถิ่นอยู่ดี แต่เพราะธรรมชาติสร้างสรรชีวิตแต่ละชีวิตขึ้นมาอย่างมีสมดุลลงตัว ปลานักล่าของบ้านเราจึงมีข้อจำกัดในการล่า พลานุภาพของมันมีขอบเขตที่แน่นอนจนไม่สามารถอยู่ในระดับทำลายล้างเผ่าพันธุ์ได้หมดสิ้น ยังมีโอกาสให้ปลากริมได้ดำรงชีวิตแพร่ขยายพันธุ์ในจำนวนที่เหมาะสม เป็นหนึ่งในห่วงโซ่อาหาร คอยกำจัดแมลงน้ำหรือสัตว์น้ำขนาดจิ๋วเพื่อให้ระบบนิเวศของแม่น้ำลำคลองอยู่ในดุลยภาพตลอดไป ปลานักล่าต่างถิ่น เมื่ออยู่ในธรรมชาติของมันก็คลายความร้ายกาจไปได้อย่างไม่น่าเชื่อ พวกมันมีคู่แข่งระดับพอฟัดพอเหวี่ยง หรือมีขอบเขตจำกัดของการล่าเช่นเดียวกับนักล่าบ้านเรา ราวปลายปีที่แล้ว (2546) ผมได้มีโอกาสไปเที่ยวชมงานอควารามา (Aquarama Expo 2003) ที่ประเทศสิงคโปร์ กับมิตรรักนักอ่านจากนิตยสาร CBM (Cichlid Box and Tropical Fishes Magazine) อีกสิบกว่าคน แล้วเลยเก็บภาพและความประทับใจมาฝากผู้อ่านเทคโนโลยีชาวบ้านเมื่อหลายเดือนก่อน การเที่ยวชมงานนั้นก็สนุกแปลกตาดี นอกจากอควารามาแล้ว เรายังมีโอกาสได้ไปชมฟาร์มปลาเฉียนหวู่ ซึ่งถือว่าใหญ่ที่สุดของสิงคโปร์ และไปแวะดูปลาสวยงามตามร้านค้าปลีกอีกหลายแห่ง ได้พบพูดคุยกับนักเลี้ยงปลาชาวลอดช่องหลายคน ซึ่งส่วนใหญ่ก็เคยมายลตลาดปลาสวยงามในเมืองไทยแล้วแทบทั้งนั้น จากคุณ : นั่งหน้าจอ - [ 24 ก.ย. 47 15:37:21 ]

ความคิดเห็นที่ 6 วันหนึ่ง หลังมื้อเย็นอันอิ่มหนำ ผมกับพวกสามสี่คน ถือโอกาสเดินดูคูคลองตามประสาพวกหายใจเข้าออกเป็นมัจฉา เห็นปลาชนิดหนึ่ง มีปริมาณมากมาย เรียกว่ามองไปทางไหนก็จะเห็นแต่เจ้าหน้าแบบนี้ ยิ่งเราเข้าไปใกล้ริมตลิ่ง พวกมันก็จะพากันมาออขออาหาร ทำปากพะงาบๆ ไม่แน่ใจว่าเชื่องจนกล้าเข้าใกล้มนุษย์หรือเพราะอัตราประชากรของพวกมันหนาแน่นมากเกินไป จนอาหารตามธรรมชาติไม่เพียงพอ เลยต้องเปลี่ยนมาขอจากคนเอาดื้อๆแบบนี้กันแน่ ปลาที่ว่ามีโครงสร้างคล้ายกับปลาหมอกลุ่มทิลาเปีย (Tilapiines Group) ซึ่งเป็นพันธุ์พื้นเมืองจากทวีปอัฟริกา แรกสุดผมมองว่าเป็นปลานิล (Oreochromis niloticus – ชื่อวิทยาศาสตร์เดิมคือ Tilapia niloticus) แต่เมื่อจ้องมองดีๆแล้วไม่น่าใช่ เพราะลักษณะลวดลายบนลำตัวกับข้างแก้มแตกต่างไปจากปลานิล โชคดีที่ครั้งนั้นมีผู้เชี่ยวชาญด้านปลาแม่น้ำเดินทางไปกับเราด้วย คือคุณกิตติพงษ์ จารุธาณินทร์ เพียงพิจารณาดูไม่กี่อึดใจ พี่เขาก็หันมาบอกว่า ที่เห็นอยู่นี้คือการข้ามสายพันธุ์กันระหว่างปลาหมอสองชนิด อาจเป็นปลานิลกับปลาหมอเทศ (O. niloticus x O. mozambicus) พวกมันร่วมมือกันปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมแบบใหม่อย่างประเทศสิงคโปร์ จนลงตัวได้ในที่สุด พวกมันเป็นทั้งเอเลี่ยนและพรีเดเตอร์ที่ไร้ซึ่งคู่ต่อสู้ จริงอยู่ว่าปลาทั้งสองไม่ใช่ปลากินเนื้อโดยธรรมชาติ พวกมันกินซากพืชซากสัตว์ และวัชพืชต่างๆ แต่เมื่อมันพัฒนาตัวเองด้วยการสมสู่ข้ามสายพันธุ์ ลูกที่ออกมาย่อมต้องเพิ่มศักยภาพในการดำรงชีวิต เอาตัวรอดในสภาพผิดธรรมชาติ(ของมัน) เช่น หันมาจับปลาขนาดเล็กกินเป็นอาหารเพราะวัชพืชหรือพืชน้ำในประเทศสิงคโปร์มีน้อยมาก หรือไม่ก็กินไข่ของปลาชนิดอื่น และที่สำคัญคือสามารถแพร่ขยายพันธุ์ได้มากมายมหาศาลเพื่อเพิ่มอัตราการเอาชีวิตรอดของลูกปลาให้สูง แต่เรื่องน่าเศร้าคือ ศัตรูทางธรรมชาติเพื่อควบคุมปริมาณของปลาสายพันธุ์ใหม่อย่างเจ้าลูกผสมนั้น แทบไม่มีอยู่เลยในแหล่งน้ำของประเทศที่เล็กพอๆกับเกาะภูเก็ตของไทย พวกมันจึงแพร่ขยายจำนวนขึ้นในปริมาณที่น่ากลัว สิงคโปเรี่ยนสองสามคนที่ได้คุยกันวันนั้นยืนยันว่า ปลาเล็กๆที่พวกเขาเคยเห็นกันเมื่อสมัยเด็กๆ ปัจจุบันไม่ค่อยได้พบเห็นอีกแล้ว คาดว่าน่าจะสูญพันธุ์ไปด้วยการเบียดแทรกเข้ามาของสายพันธุ์ใหม่ของเอเลี่ยนลูกผสมตัวนี้เป็นแน่ จากคุณ : นั่งหน้าจอ - [ 24 ก.ย. 47 15:37:54 ]

ความคิดเห็นที่ 7 นอกจากปลาหมอลูกผสมระหว่างปลานิลและปลาหมอเทศแล้ว ปัจจุบัน แหล่งน้ำธรรมชาติของสิงคโปร์ยังถูกรุกรานด้วยบรรดาปลาหมอลูกผสมสายพันธุ์แปลกใหม่ๆอื่นๆอีกเหลือคณานับ หลายท่านคงยังจำกันได้ถึงกระแสปลาหมอครอสบรีดที่คึกคับครึกโครมในบ้านเราราวปีพ.ศ. 2544 เป็นต้นมา ประเทศมาเลเซียและสิงคโปร์เริ่มเล่นปลาเหล่านี้มาก่อน และปัจจุบันจะเห็นได้ชัดว่าแทบไม่มีปลาเหล่านี้อีกเลยในสิงคโปร์ ปลาหมอลูกผสมมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ข้อดีคือ สวย แปลกตา สามารถเอาจุดเด่นของปลาสองสายพันธุ์ หรือแม้กระทั่งสาม มารวมเข้าไว้ในตัวเดียวได้อย่างมหัศจรรย์ บางครั้งสร้างสรรค์ให้เกิดลวดลายคล้ายอักษรจีนบนตัวปลา อ่านออกบ้างไม่ออกบ้าง เอาแค่พอคล้ายก็ฮือฮากันไปทั่วแล้ว ยังมิพักถึงเรื่องตัวเลขนำโชคที่หลายคนนำไปแทงหวย ร้อยคนถูกเข้าสักคนหนึ่งก็ร้องว่าแม่น แล้วเลยทำให้ราคาค่างวดของปลาเหล่านี้สูงถึงขนาดเป็นแสนเป็นล้านบาททีเดียว บางสายพันธุ์ก็สวยด้วยสีและมุก เช่นเท็กซัสแดง ยิ่งสวยมาก แดงสดสะอาด มุกกระจายเต็มตัว ราคาตัวละแสนนับว่าเป็นเรื่องปกติ บางสายพันธุ์เช่น ซูเปอร์เรดซิน ก็มีหัวโหนก สีแดงระเรื่อไม่ฉูดฉาด ภาษานักเลงปลาหมอเรียกว่า “แดงซึม” เพราะซึมซาบซ่านชุ่มฉ่ำเข้าไปถึงเนื้อในอะไรประมาณนั้น ไม่ใช่ซื้อมาแพงจนเงินหมด ไม่มีจ่ายค่าเช่าบ้านจนต้องออกมานั่งหน้าซึมกระทือ ช่วงเวลานั้น ใครๆก็เพาะปลาหมอครอสบรีด ตัวเลขหลักหมื่นหลักแสนบาทต่อปลาไม่กี่ครอกช่างล่อให้ไหลหลงโดยง่าย หลายคนนึกถึงเรื่องทำฟาร์มหรือเปิดร้านค้าปลีกเป็นเรื่องเป็นราว ผมมีเพื่อนและคนรู้จักไม่น้อยกว่ายี่สิบคนที่หันมาเอาดีทางด้านเพาะพันธุ์ปลาหมอครอสบรีด ได้ผลดีในระยะแรก ลูกปลามีเท่าไหร่ขายได้หมด แต่ไม่นานคู่แข่งก็มากขึ้นเพราะใครก็อยากรวย ในขณะที่ตลาดอิ่มตัวลง ผู้ซื้อจะซื้อเฉพาะปลาสวยเท่านั้น แถมยังราคาไม่ดีเหมือนแต่ก่อน ลูกปลาออกมาล้นตลาด ขายในราคาถูกมากๆคนยังไม่สน จนในที่สุดต้องคัดเฉพาะตัวที่สวยจริงๆ ที่เหลือเอาไปปล่อยลงแม่น้ำลำคลอง เจ้าเดียวยังพอทน สองเจ้าก็ยังพอไหว แต่นี่ไม่รู้กี่ร้อยกี่พันเจ้า ไม่นับบรรดามือสมัครเล่นที่ทดลองเพาะพันธุ์แล้วได้ลูกยั้วเยี้ย ไม่มีที่ระบายประกอบกับเบื่อพอดี พวกนี้ผมว่ามีไม่น้อยเลย จากคุณ : นั่งหน้าจอ - [ 24 ก.ย. 47 15:38:22 ]

ความคิดเห็นที่ 8 พี่คนหนึ่งเล่าให้ฟังว่า ลูกปลาของปลาหมอครอสบรีดจะออกมาราวๆครอกละ 1000-1500 ตัว ต้องเลี้ยงจนกว่าจะโตเห็นสีเห็นอนาคต ใช้เวลาสองถึงสามเดือนอย่างเร็ว คัดออกมาได้เต็มที่ไม่เกินสิบเปอร์เซ็นต์ นอกนั้นมีความจำเป็นต้องทิ้ง เพราะไม่งั้นค่าอาหารต่อวันกินตาย ถามว่าค่าอาหารต่อวันเท่าไหร่ กับฟาร์มเล็กๆประมาณพื้นที่หลังบ้านจัดสรรอย่างของพี่คนนั้น เขาตอบว่า สามถึงห้าร้อยบาท ขึ้นอยู่กับจำนวนลูกปลา เพราะต้องใช้ทั้งกุ้งฝอย ไส้เดือนน้ำ ไรทะเล สั่งมาทีเป็นกิโลๆ แถมยังต้องมีอาหารเร่งสีประเภทฮอร์โมน เพื่อกระตุ้นให้ลูกปลาออกสีเร็วๆ ในช่วงแรกๆก็ขายได้ทุกวัน บางทีลูกปลาเพิ่งจะออกเป็นตัวก็ถูกจองยกครอก ไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายเลี้ยงดูกันนานนัก แต่ช่วงฝืดเคืองระยะหลังๆ บางทีอาทิตย์หนึ่งขายได้สองสามตัว ราคาก็ไม่คุ้มทุน อย่างนี้ไม่เทลงคลองก็ไม่รู้จะทำอย่างไรดี ปลาหมอครอสบรีดที่พบในสิงคโปร์ยังไม่มากเท่าในเมืองไทย เพื่อนผมคนหนึ่ง เปิดร้านขายปลาที่นั่น เขาเล่าให้ฟังว่าแทบทุกวันจะต้องมีลูกค้ามาเล่าเรื่องพบหล่อฮั่นในลำธารบ้าง ตามปากแม่น้ำบ้าง อยู่เสมอๆ เรื่องนี้ทำให้ผมนึกถึงปลาซัคเกอร์ที่เดี๋ยวนี้ชาวประมงเริ่มเคยชิน เห็นเป็นเรื่องปกติ ทอดแหครั้งใดเป็นต้องติดเจ้าปลาหน้าพิกลตัวนี้ขึ้นมาแทนปลาดุกปลาช่อนปลาตะเพียนเสียทุกทีไป ไกด์คนนำเที่ยวชื่อมิสเตอร์โล (ถ้าผู้อ่านยังพอจำกันได้) เมื่อรู้ว่าคณะของเราสนใจมาดูปลาสวยงาม เขาก็ถามขึ้นมาว่า เออ รู้จักปลาชนิดหนึ่งไหม ตัวมันกลมๆป้อมๆ บางตัวก็มีสีสวยดี ตอนนี้เห็นอยู่ตามคูคลองเต็มไปหมด เมื่อก่อนไม่ยักเคยมี พวกเราพอจะรู้ว่าคำตอบคือปลาอะไร แต่ก็ไม่ได้พูด ได้แต่หันมาสบตากันเงียบๆ ปลาหมอครอสบรีด คือการนำเอาสายพันธุ์ปลาหมอในทวีปอเมริกากลางสองสายพันธุ์มาผสมเข้าด้วยกัน เมื่อลูกออกมาแล้วยังสวยไม่หนำใจ ก็อาจเอาไปผสมกับพันธุ์อื่นซ้ำไปอีก ทำไปหลายชั้นเข้าก็เริ่มระบุไม่ได้แล้วว่าต้นตอของปลาตัวนี้มันมาจากไหน แต่ผู้ค้าหรือฟาร์มจะไม่ยี่หระในเรื่องนี้ สิ่งที่เขาต้องการคือความแปลกใหม่และสวยสะดุดตา เพราะจะทำเงินให้ได้ก้อนใหญ่โดยไม่จำเป็นต้องทำความเข้าใจในเรื่องของมีนวิทยาเท่าใดนัก เท่าที่ผมได้เห็นมา ปลาครอสบรีดแทบทั้งนั้น มีต้นกำเนิดมาจากปลาหมออเมริกากลางไม่กี่สายพันธุ์ เช่น ไตรมาคูลาตัส (Nandopsis trimaculatus) เท็กซัส (Herichthys carpinte) เรดเดวิล (Amphilophus citrinellus) ซินสไปรุ่ม (Vieja synspirus) ฮาร์ทเวคอาย (Vieja hartwegi) เตตร้าแคนธัส (Nandopsis tetracanthus) เป็นต้น สลับคู่กันไปมา เช่นเอาไตรมาคูลาตัส ผสมกับเรดเดวิล ได้ลูกมาก็เอาไปผสมกับลูกที่เกิดจากเรดเดวิลผสมเท็กซัส ได้ลูกมาอีกก็เอาไปไขว้กับลูกของลูกผสมระหว่างซินสไปรุ่มกับเตตร้าแคนธัส โอย..อธิบายเองยังงง จากคุณ : นั่งหน้าจอ - [ 24 ก.ย. 47 15:39:00 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ปัจจุบันความนิยมในปลาหมอครอสบรีดยังคงมีอยู่ แต่น้อยลงไปกว่าเดิมหลายเท่า (ผมเริ่มนึกถึงช่วงกระแสโป๊ยเซียนกับบอนสีสมัยก่อน) ผู้ผลิตหลายรายต้องเลิกราไป พร้อมทั้งทิ้งมรดกไว้เป็นภาระต่อระบบนิเวศแหล่งน้ำธรรมชาติ คือลูกปลานับล้านๆตัว พวกเอเลี่ยนพรีเดเตอร์เหล่านี้สามารถปรับตัวให้เข้ากับธรรมชาติบ้านเราได้เป็นอย่างดี มันกินปลาเล็ก มีนิสัยดุร้ายเหมือนพ่อแม่ (ปลาหมอจากอเมริกากลางแทบทุกสายพันธุ์มีนิสัยก้าวร้าวดุร้ายมาก) มีรายงานการค้นพบปลาหมอครอสบรีดตามแม่น้ำลำคลองไม่เว้นแต่ละวัน แม้ปลาเหล่านี้จะตัวโต สามารถนำมาบริโภคได้ แต่ในเรื่องที่ลึกซึ้งละเอียดอ่อนเกินกว่ามือของมนุษย์จะเข้าไปแก้ไขเยียวยาได้คือ ความปั่นป่วนของระบบนิเวศ ห่วงโซ่อาหารถูกแทรกแซงด้วยตัวประหลาดจากต่างถิ่น ในอนาคตก็ได้แต่หวังว่าจะไม่มีการนำปลาที่เพาะเลี้ยงไว้ไปปล่อยลงแหล่งน้ำธรรมชาติเพิ่มมากไปกว่านี้ เพื่อที่ปลาพันธุ์พื้นเมืองจะได้มีชีวิตอยู่รอดปลอดภัย สร้างสมดุลให้วงจรธรรมชาติ เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ หวังว่าพวกเราคงพอช่วยกันได้นะครับ **************************************************** คิดเห็นกันอย่างไรบ้างครับ จากคุณ : นั่งหน้าจอ - [ 24 ก.ย. 47 15:39:53 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เห็นด้วยมากๆ โหวตครับ..... จากคุณ : สิงห์บลูส์ - [ 24 ก.ย. 47 17:09:02 ]

ความคิดเห็นที่ 11 เห็นด้วยเหมือนกันคับ เอาไปอีก 1 โหวต จากคุณ : Cheetah (KapampaBlue) - [ 24 ก.ย. 47 18:01:35 ]

ความคิดเห็นที่ 12 เห็นด้วยเหมือนๆกันครับบบ จากคุณ : palmisrty - [ 24 ก.ย. 47 18:12:44 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ผมมีแนวความคิดว่าหน่วยงานราชการตัวหลักพุ่งเป้าไปที่กรมประมง ควรจะใส่ใจเข้ามาดูแลเรื่องนี้ให้จริงจังเสียที ก่อนที่มันจะสายไป แต่ทุกวันนี้แทบไม่มีส่วนร่วมอะไรเลย คิดแล้วเศ้ราครับกับวงการปลาบ้านเรา ขอบคุณครับสำหรับกระทู้เยี่ยมๆแบบนี้ ช่วยกันเตือนสติก่อนมันจะสายเกินไปครับ โหวตด้วยครับผม จากคุณ : คนรักปลา - [ 24 ก.ย. 47 18:13:15 ]

ความคิดเห็นที่ 14 เห็นด้วยค่ะ ขอความเห็นหน่อยว่าสำหรับคนที่เลี้ยง และมี เหตุจำเป็นที่ไม่สามารถจะเลี้ยงต่อไปได้ เค้าควรจะ ทำอย่างไรคะ (แต่สำหรับพวกเรา ชาวปลาคงมีความสุข กับการเลี้ยงเค้า และไม่คิดจะปล่อยเค้าอยู่แล้วใช่ม๊า) จากคุณ : สาวรุ่น แรก - [ 24 ก.ย. 47 18:16:11 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ...จะว่าไป หลายชนิดนั่นแหละ ไม่ใช่แค่ปลาเท่านั้น ...พวกที่เอาสัตว์สี่เท้าไปปล่อยวัดด้วยเช่นกัน //Question ...แล้วพอมีพรีเดเตอร์อย่างงูเหลือม มาจับสัตว์เหล่านั้นกิน "ใครบางคน"กลับไปไล่ตีงูเสียอีก!!! จากคุณ : Ophiophagus - [ 24 ก.ย. 47 18:19:08 A:192.168.0.57 X:203.113.56.75, 203.150.217.115 TicketID:036045 ]

ความคิดเห็นที่ 16 จากคุณ : มีตำหนิ (มีตำหนิ) - [ 24 ก.ย. 47 18:46:12 ]

ความคิดเห็นที่ 17 เห็นด้วยเหมือนกันงานนี้ต้องโหวตครับ ช่วยกันรณรงค์ให้ตระหนักกับปัญหานี้บ้าง ลำพังคุณคิลลี่แมน ก็ดูเหนื่อยจะแย่แล้วครับ กับเรื่องนี้ จากคุณ : Up_To_You - [ 24 ก.ย. 47 18:54:10 ]

ความคิดเห็นที่ 18 น่าสนใจดีครับ ขอเซฟไว้ก่อน จากคุณ : โชค55 - [ 24 ก.ย. 47 19:08:34 ]

ความคิดเห็นที่ 19 เป็นประโยชน์และข้อคิดต่อผู้ที่คิดจะกำหนดธรรมชาติ จากคุณ : แจ่ม - [ 24 ก.ย. 47 19:19:15 A:129.240.46.54 X: TicketID:072813 ]

ความคิดเห็นที่ 20 โหวตครับ จากคุณ : Icke - [ 24 ก.ย. 47 23:14:30 ]

ความคิดเห็นที่ 21 เยี่ยมครับ ขอบคุณสำหรับสาระดีๆครับ^_^ อย่างน้อยคงต้องเริ่มจากพวกเราชาว pantip แหละครับ พยายามรณรงค์และปลูกฝังจิตสำนึกที่ดีให้กับคนใกล้ตัวให้ได้มากที่สุด ครับพ้ม จากคุณ : Frontona - [ 24 ก.ย. 47 23:51:45 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ชอบครับสำหรับบทความนี้ เห็นด้วยอย่างยิ่ง และคิดว่า... (ความเห็นส่วนตัวนะ อิอิ) ความพยายามทั้งหมดนี้คงไม่ประสบผลสำเร็จอย่างที่พวกเราหวังให้เป็น แต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้พยายามเลยใช่มั้ยครับ โดนด่าเละแน่เรา จากคุณ : นานานะ - [ 25 ก.ย. 47 04:50:58 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ร้านขายเทคซัสแดงที่ตลาดซันเดย์บอกผมว่า เขาแนะนำลูกค้าที่เลี้ยงเทคแดงแล้งไม่สวย หรือเพาะเทคแดงได้แล้วไม่รู้จะทำอย่างไรกับลูกครอกที่ไม่ต้องการ ให้เอาไปเททิ้งในสระของสวนรถไฟ ตัวเขาเองเปิดฟาร์มเพาะปลาเทคแดงอยู่นครปฐม แต่ก็นำลูกปลาที่ไม่ต้องการมาปล่อยที่สระนั้น เขาบอกว่าที่สระนั้นมีปลาอยู่เยอะ เทคแดงที่ปล่อยไปจะไม่ตายหรอก ไม่ต้องห่วง คนขายปลาที่ซันเดย์ส่วนใหญ่ก็จะทำเช่นนี้ แต่ผมกลับห่วงระบบนิเวศน์มากกว่า จึงทักท้วงเขาไป เขาตอบว่าสระนั้นเป็นสระปิด ไม่ได้เชื่อมต่อกับลำคลองหรือแม่น้ำ จึงไม่น่าจะกระทบระบบนิเวศน์ ผมจึงไม่รู้จะแย้งเขาอย่างไรต่อ ได้แต่คิดว่า วันหลัง แทนที่จะซื้อเทคแดง ผมจะไปนั่งตกเอาจากสระนั้นน่าจะดีกว่า เพื่อนๆคิดอย่างไรกันบ้างครับ จากคุณ : หมาป่า - [ 25 ก.ย. 47 06:09:41 A:203.155.237.190 X: TicketID:071028 ]

ความคิดเห็นที่ 24 อืม สระสวนรถไฟเหรอคับ ไปตกมากินดีกว่า เอิ๊ก ๆ พวกเราแต่ละคนคงทำอะไรไม่ได้มากไปกว่า การรับผิดชอบปลาที่อยู่ในความครอบครองของตัวเอง ไม่ให้หลุดไปสู่แหล่งธรรมชาติได้ และที่ผู้จะต้องระมัดระวังมากกว่านักเลี้ยง คือ พวกฟาร์มปลา หรือนักเพาะสมัครเล่นทั้งหลาย ว่าจะมีวิธีการอย่างไรที่จะควบคุมไม่ให้ปลา alien หลุดไปในธรรมชาติ เอาไปเป็นปลาเหยื่อดีกว่ามั๊ย ไม่อยากทำบาป เลยเอาไปปล่อยหรือ อืมมม บาปกว่านะนั่น จากคุณ : ^โคนัน^ - [ 25 ก.ย. 47 09:15:56 ]

ความคิดเห็นที่ 25 แจ๋วครับ โหวตให้ด้วยนะครับ ^_^ จากคุณ : ปิติ99 - [ 25 ก.ย. 47 09:58:42 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ขอบคุณมาก ๆ ครับ สำหรับกระทู้ดี ๆ แบบนี้ จากคุณ : ingorm - [ 25 ก.ย. 47 10:20:48 ]

ความคิดเห็นที่ 27 แนะนำให้เอาปลาไทยนักล่าไปปล่อยให้คอยกินลูกปลาบ้างสำหรับในแหล่งน้ำปิด แล้วต่อไปเราค่อยไปตกเอาปลานักล่านั้นมากิน รายงานการพบปลาเซลฟินเพิ่มเติม: ที่ในแม่น้ำปากพนังช่วงปล่อยน้ำจากประตูเขื่อน แล้วก็คู ลำคลองข้างบ่อนากุ้งตั้งแต่ อ.ปากพนัง-หัวไทร จ.นครศรีฯ และที่ปัตตานี พบที่ชายฝั่งอ่าวปัตตานี จากคุณ : เด็กม.อ.ตานี - [ 25 ก.ย. 47 11:15:29 A:unknown X:202.12.73.11 TicketID:040819 ]

ความคิดเห็นที่ 28 กรมประมง และกรมประชาสัมพันธุ์ ไม่เคยคิดจะให้ความรู้เรื่องนี้กะคนทั่วๆ ไปเลยรึไงนี่!!!!!!! ไปดูปลากริมทีเลี้ยงไว้ก็หดหู่.... เฮ้อ..บรรพบุรุษเอ็งในธรรมชาติ จะเป็นไงมั่งน๊อ เยี่ยมค่ะ โหวตให้ จากคุณ : ไมย่าแม่ลูกโม่ (Chaowanuj) - [ 25 ก.ย. 47 12:14:52 ]

ความคิดเห็นที่ 29 เห็นด้วยครับ จากคุณ : ต้อหนองหิน - [ 25 ก.ย. 47 12:34:15 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ได้ความรู้มากครับ จากคุณ : BigGeorge@Aro - [ 25 ก.ย. 47 14:25:32 ]

ความคิดเห็นที่ 31 พวกทำธุรกิจปลา จะมีสำนึกซักกี่คนครับ? เท่าที่เห็นผมว่า ไม่ถึงหนึ่งเปอร์เซ็นต์ซะด้วยซ้ำ เอาง่าย เอาหยาบเข้าว่า ธุรกิจค้าชีวิต เมื่อเกิดความเคยชิน มุมมองต่อค่าของชีวิตก็จะค่อยๆลดลงเรื่อยๆ... แต่มันก็เป็นธรรมดาใช่ไหมครับ? ลองนึกถึงแม่ค้าปลา ที่ต้องตีหัวปลาทุกวัน แล่ปลาเป็นๆทุกวัน แรกๆอาจจะ สงสาร รู้สึกไม่ค่อยดี แต่ทำไปๆ ทุกวัน เริ่มเคยชิน จนไร้ความรุ้สึกใดๆอีกต่อไป พอถึงจุดนี้แล้วอะไรๆ ก็ทำได้แล้วครับ ขอให้ง่าย สบายเข้าว่า ผมว่ามันน่าจะเปรียบกับจิตใจของคนทำธุรกิจปลา ส่วนใหญ่ได้ดี จากคุณ : @html - [ 25 ก.ย. 47 15:35:12 ]

ความคิดเห็นที่ 32 โหวตด้วย 1 เสียงค่ะ จากคุณ : อริน (จุ๋ง) - [ 25 ก.ย. 47 16:25:34 ]

ความคิดเห็นที่ 33 โหวตให้ด้วยคนเจ้าค่ะ จากคุณ : น้ำเจ้าค่ะ - [ 25 ก.ย. 47 17:40:05 ]

ความคิดเห็นที่ 34 โหวตให้ แต่ก็น่าเห็นใจคนที่มีอาชีพนี้ เคยเห็นที่เค้าเพาะแล้วมันพิการ เค้าเอามาตากแดดให้ตาย ขอเค้ามาเลี้ยงแต่ไม่ให้ เค้ากลัวเดี่ยวไปเป็นพ่อพันธ์แม่พันธ์ที่ไม่ดีต่อไป ควรกำจัดทิ้ง พอคิดเรื่องบาปก็จะรู้สึกว่าไม่ถูกต้อง คงอยู่ที่ตัวเรา สังคมเราว่าจะเลือกด้านไหนเป็นใหญ่...เฮ้อ...เหมือนรักที่เลือกไม่ได้นิ...เกี่ยวเปล่า จากคุณ : suraka - [ 25 ก.ย. 47 18:40:13 ]

ความคิดเห็นที่ 35 อึ้งอ่ะ เพิ่งไปซื้อปลาแล้วคุยกับคนขายปลา เขาบอกว่าปลาเหลือก็ต้องดูแลให้ดี เพราะมันคือค่าใช้จ่าย กำลังจะอ้าปากถามเขาต่อว่าถ้าเหลือเยอะ ๆ จนมันโตทำไง พอดีมีลูกค้ารายอื่นมาขัดก่อนเลยไม่ได้คุยต่อ เนื้อความบางตอนก็คล้าย ๆ ของคุณ suraka คือเขาบอกว่าต้องเลือก breed เฉพาะตัวดีดี ถ้าไม่ดีไม่เลี้ยงต่อ ตอนนี้อ่านแล้ว ได้คำตอบเลย ว่าเหลือ หรือไม่ต้องการ ทำอะไร จากคุณ : noo_pizza - [ 25 ก.ย. 47 20:01:19 ]

ความคิดเห็นที่ 36 โหวต ๆๆ ปล. อย่าไปหวังอะไรกับหน่วยงานราชการเลยครับ ลม ๆ แล้ง ๆ จากคุณ : สะใจโรคจิต - [ 25 ก.ย. 47 21:46:44 ]

ความคิดเห็นที่ 37 โหวดให้คับ จากคุณ : Mr.Golffy - [ 25 ก.ย. 47 22:43:26 ]

ความคิดเห็นที่ 38 เห็นด้วยอย่างแรงครับผม จากคุณ : หัวหน้าใหญ่ - [ 26 ก.ย. 47 00:58:24 ]

ความคิดเห็นที่ 39 เป็นกระทู้ที่ดีมากๆครับ คงต้องเริ่มที่ตัวเราก่อนครับ หนึ่งแรงแข็งขัน รวมกันมหาศาล ขอโหวตให้ครับ จากคุณ : Sassy Kris - [ 26 ก.ย. 47 01:34:57 ]

ความคิดเห็นที่ 40 เยี่ยมครับ อ่านแล้วได้ประโยชน์ได้ความรู้เพียบเลย ขอบคุณมากจ้า จากคุณ : หมาร่าหมาหรอด - [ 26 ก.ย. 47 01:56:46 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ช่วยๆกันหลายๆคน มันจะต้องดีขึ้นครับ จากคุณ : คิลลี่แมน - [ 26 ก.ย. 47 02:13:46 ]

ความคิดเห็นที่ 42 อืมค่ะ บางครั้งคนส่วนใหญ่ก็ทำอะไรลงไปโดยไม่คิดถึงผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น อย่างที่พูดไว้เกี่ยวกับ ปลาพรีเดเตอร์ นั่นล่ะค่ะ จากคุณ : Vicki Potter - [ 26 ก.ย. 47 13:28:18 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ยอดเยี่ยมมากครับ ขอบคุณที่นำสาระดีๆ มาฝากครับ จากคุณ : ฉลามหางไหม้ - [ 26 ก.ย. 47 18:16:48 ]

ความคิดเห็นที่ 44 อยากจะส่งหัวข้อกระทู้นี้ไปให้หน่วยงานที่พอจะแก้ไขปัญหาได้ เช่น กรมประมง(การควบคุมดูแลผู้เพาะพันธ์) กรุงเทพมหานคร(ดูแลแหล่งน้ำในพื้นที่ กทม. และดูแลผู้ค้าผู้เพาะปลาในตลาดซันดย์ ซึ่งเป็นแหล่งใหญ่ของประเทศไทย) กรมประชาสัมพันธ์(เผยแพร่ให้ประชาชนทั่วไปรับทราบ) ลองเข้าไปแล้วบางหน่วยงานหาช่องแจ้งข่าวไม่ได้ ............ หากท่านใดที่สามารถติดต่อหน่วยงานเหล่านี้ได้ก็ช่วยนำไปให้ระดับผู้บริหารเขาได้รับทราบด้วยก็ดีนะ ทั้งนี้ได้ส่งบทความนี้ไปให้ ITV แล้ว หากใครทราบถึงรายการทีวีอื่นๆที่พอจะเผยแพร่ได้ก็ช่วยส่งให้ด้วย ส่วนตัวแล้วคิดว่าหากเป็นการเพาะปลาเองนั้น ปลาที่ไม่ต้องการก็ทำลายทิ้งได้ เพราะหากปล่อยออกไปแล้วสร้างผลเสียก็ทำลายทิ้งดีกว่า หากคิดเรื่องบุญบาปนี่คิดว่ายิ่งปล่อยไปยิ่งบาปหนักกว่า เพราะไปทำให้ส่วนรวมเดือดร้อน ที่จริงเราก็มีสื่อที่จะประชาสัมพันธ์ให้เราได้เหมือนกัน เช่นงานแสดงต่างๆ ทั้งงานประมงน้อมเกล้า งานประมงน้อมใจ งานใหญ่ระดับประเทศ มีทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่เข้าไปดูงานมากมาย ถ้ามีหน่วยงานหรือองค์กรณ์เข้าไปให้ความรู้ในแง่มุมนี้ก็จะดีมาก ทำให้ประชาชนมีความรู้และตระหนักถึงโทษและรับผิดชอบต่อสิ่งรอบตัวมากขึ้น ซึ่งคิดว่าการประชาสัมพันธ์ที่ดี นำเสนอดีๆ ก็จะไม่กระทบต่อกลุ่มผู้เพาะเลี้ยง หรือกลุ่มผู้นิยมปลาเหล่านี้ ทั้งอาจมีผลดีขึ้นเพราะเราสามารถแก้ภาพลบและมาสร้างภาพบวกให้ได้อีก จากคุณ : คนเมืองกรุง - [ 26 ก.ย. 47 20:41:45 ]

ความคิดเห็นที่ 45 มาโหวดให้ครับ คิดถึงตอนเด็กๆ ไปช้อนปลากริม ปลา เข็ม ตามร่องสวน ไม่รู้ตอนนี้จะเป็นไง... จากคุณ : Banx - [ 26 ก.ย. 47 22:15:33 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ผมยังจำได้เลย เมื่อปีไหน? ผมจำไม่ได้ ที่หมู่บ้านผม น้ำท่วมใหญ่ ได้ออกข่าวทีวีด้วย.. 555 ตอนนั้นผมยังเรียนมัธยมอยู่เลยครับ.. ผมกับเพื่อน ช้อนลูกปลาช่อนมาได้ครับ ยังเลี้ยงมันอยู่ตั้ง หกเจ็ดปีเลย จนผม เอาบ่อนั้นมาอัพเกรด เลี้ยงปลาคาร์ฟ เมื่อไม่ถึงปีมานี้... จำได้ครับ ตอนเด็กๆ ถ้าหมู่บ้านผมน้ำท่วม จะมี ปลาในลึงสีกัน ซึ่งเป็นบึงธรรมชาติมาแต่เดิม หลุดออกมามากมาย พวกผมที่เป็นเด็กๆ จะชอบไปช้อนกัน สนุกครับ ส่วนใหญ่ได้มาก็เอามาลองๆเลี้ยงๆไว้น่ะครับ เพราะผมชอบเลี้ยงปลา.. ขนาดน้ำท่วมถนน มองดูเล่นๆยังเห็นปลากริมเลยอ่ะครับ 55555 แต่ตอนหลังหมู่บ้าน รอก บึงทิ้ง แล้วก็ปล่อยน้ำแห้ง หลังจากนั้นก็ มีแต่คนมาตก ห้ามยังไงก็ไม่ได้ มีแต่คนต่างถิ่นมอยู่ แล้วก็ เป็นพวก ด้วยโอกาส ด้วยรายได้ ผมก็ไม่ได้มีเจตนาดูถูก แต่.... พูดยากนะครับ ผมบ่นเรื่องนี้กับคนที่บ่นด้วยได้มาแต่เด็ก แต่ก็เหมือนแค่เราไปดูถูกดูแคลน คนอีกพวกหนึ่ง หรือ เหมือนกับว่า เราเป็นคนแบ่งชนชั้นคน.. จริงๆ ผมไม่ใช่คนแบบนั้นนะครับ ถ้าคนทั่วๆไปจะ ดีพอ มีมารยาทพอ ปฏิบัติดีพอกับทุกๆคนเท่าๆกัน แต่ที่ผมเจอมา..กับตัวเอง มันไม่เคยใช่เลยครับ.. ............... กลายเป็นบ่นเรื่องอื่นซะแล้ว.. ขอโทษครับ.. โดยรวมเป็นแค่ว่า เห็นว่าปลาในธรรมชาติเปลี่ยนไปจริงครับ.. :P ขอโทษด้วยครับ.. จากคุณ : @html - [ 27 ก.ย. 47 01:39:26 ]

ความคิดเห็นที่ 47 เป็นบทความที่ดี.........มีลูกมีหลานก็บอกเขาได้ โดยอธิบายแบบง่ายๆ อย่าให้ซับซ้อน เพราะตอนนี้มีหลานเล็กๆกำลังเริ่มเลี้ยงปลาเอง เราก็จะเข้าไปบอกไปสอนเขาถึงเรื่องต่างๆเพราะตอนนี้เขากำลังสนใจ ทั้งเรื่องการให้อาการ การเปลี่ยนน้ำ ปลูกฝังตั้งแต่เล็กจะดีกว่า จากคุณ : คนเดินสวนฯ - [ 27 ก.ย. 47 10:06:09 A:203.107.176.130 X: TicketID:042969 ]

ความคิดเห็นที่ 48 เห็นด้วยครับ ขอโหวตให้ครับ จากคุณ : โมโมะทาโร่ - [ 27 ก.ย. 47 11:05:30 ]

ความคิดเห็นที่ 49 โหวตด้วยคนค่ะ จากคุณ : Joie_Girl - [ 27 ก.ย. 47 12:11:38 ]

ความคิดเห็นที่ 50 เข้ามาดูอีกทีกลายเป็นกระทู้แนะนำไปแล้ว ต้องขอบคุณทุกท่านด้วยนะครับ ถ้าแนวความคิดเช่นนี้ได้ออกไปสู่สังคมภายนอกให้รับรู้บ้างก็คงจะดี ใครพอประชาสัมพันธ์ที่ไหนได้ก็ช่วยกันนะครับ จากคุณ : นั่งหน้าจอ - [ 27 ก.ย. 47 20:01:20 ]

ความคิดเห็นที่ 51 ขอบคุณสำหรับสาระดีๆ จากคุณ : Teru - [ 27 ก.ย. 47 20:16:41 ]

ความคิดเห็นที่ 52 วันนี้เพิ่งมีคนบอกผมเองว่า.... "ธุรกิจกะวิชาการ มักจะไปด้วยกันได้ยาก" สำหรับเรื่องนี้ผมมองว่า การคัดค้านหรือต่อต้านการเลี้ยงปลาต่างถิ่น ไม่ว่าจะเป็นพรีเดเตอร์ เอเลี่ยน ไอ้มดX(-breed) หรือเหล่าสกายไรเดอร์ทั้งหลายนั้น ห้ามยังไงก้อห้ามกันไม่ได้แน่นอนอยู่แล้วครับ เพราะมันคือธุรกิจ! การสร้าง"สำนึก"ให้กับผู้เลี้ยงและผู้เพาะพันธุ์มากกว่าครับ ที่จะทำให้ทั้ง 2อย่าง อยู่ร่วมกันได้อย่างลงตัว ทุกวันนี้ยังย้อนคิดอยู่เลยครับว่า... เมื่อเกือบ ๆ 1-2ปีก่อน เวลาบอกคนเพาะปลาที่รู้จักกันว่า อย่าเอาปลาที่เพาะแล้วไม่ต้องการไปปล่อยตามแม่น้ำลำคลอง เพราะมันจะทำให้ปลาบ้านเราสูญพันธุ์ได้ หลังพูดจบ ผมมักจะโดนหัวเราะเยาะ และ มองด้วยหางตาว่าไร้สาระ! (ก๊วนนี้อีกแหล่ะครับที่เคยหัวเราะเยาะผมเรื่อง...."พาปลาไปหาหมอ!") แต่ตั้งกะมีบทความเรื่อง "ฮีโร่มืด ๆ" กะพวก"บทความข้างถนน" ...ที่ใครซักคนในเวปนี้อ้างว่าเก็บได้ (คุ้น ๆ ว่าชื่อ kylingmun หรือ killyman หรืออะไรนี่แหล่ะ หุหุหุ) เมื่อบทความได้เริ่มถูกเผยแพร่ออกไป สำนึกของคนเริ่มถูกกระตุ้นกันมากขึ้น ๆ ๆ ๆ แม้กระทู้แทบจะเดือดรายวันแต่คนก้อให้ความสำคัญกะเรื่องนี้มากขึ้นจริง ๆ ไม่นานนักผมก้อรู้ข่าวว่า ก๊วนคนทำปลาที่ชอบปล่อยครอสบรีดในแม่น้ำก๊วนนี้ โดนลูกค้าด่าและประนามเรื่องปล่อยปลาลงแม่น้ำ โดนบ่อย ๆ เข้าจนหลอน ...จนเด๋วนี้เริ่มหูตาสว่าง มีสำนึกมากขึ้น ไม่กล้าทำแบบนั้นอีกแล้วครับ (อันนี้คงต้องยกความดีให้คุณ ค. เค้าครับ ที่ช่วยกระตุ้นจิตสำนึกซะดังสนั่นขนาดนั้น 555555555555) *ปล. เจ้าของบทความนี้เป็น 1ในสุดยอดนักเลี้ยงปลาและนักเขียนในดวงใจของผมคนหนึ่งเลยอ่ะครับ ติดตามงานพี่เค้าอยู่เสมอ คงไม่แปลกอะไรที่ผมจะโหวตให้นะครับ (^_^) จากคุณ : Gold-E - [ 28 ก.ย. 47 01:05:40 ]

ความคิดเห็นที่ 53 ตามมาดู เคยตกได้ไตรทองครับ วันนั้นเลิกตกต่อเลย เซ็ง! หมอสีครอสบรีดที่ไม่ใช้แล้วกรุณาเก็บลงถังให้เรียบร้อย ขอบคุณครับ จากคุณ : สามศูนย์สอง - [ 28 ก.ย. 47 19:18:42 ]

ความคิดเห็นที่ 54 กรมประมงได้เล็งเห็นถึงปัญหาเรื่องนี้มานานแล้ว ในส่วนของการควบคุมและกำกับดูแลนั้น เมื่อเร็วๆ นี้ กรมก็เพิ่งดำเนินการปรับปรุงพระราชกฤษฎีกาห้ามมิให้นำสัตว์น้ำบางชนิดเข้ามาในราชอณาจักรซึ่งเพิ่งประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาฯ เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2547 และมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 22 สิงหาคม 2547 เป็นต้นไป รายละเอียดรายชื่อสัตว์น้ำตามพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวดูได้จาก web site ของกรมประมง (www.fisheries.go.th) และกรมประมงยังได้แต่งตั้งคณะกรรมการกลางระดับสถาบันด้านความปลอดภัยทางชีวภาพ คอยกำกับดูแลและพิจาณาอนุมัติการนำเข้าสัตว์น้ำต่างถิ่นที่ผู้นำเข้าเสนอขออนุญาตต่อกรม อีกทางหนึ่ง ทั้งนี้เพื่อจะได้ควบคุมการนำเข้าชนิดพันธุ์ต่างที่มิให้มีผลกระทบต่อทรัพยากรชีวภาพสัตว์น้ำของชาติให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น หากท่านเข้าไปดูรายชื่อสัตว์น้ำตามบัญชีแนบท้ายพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวข้างต้น จะเห็นว่าครอบคลุมสัตว์น้ำตามที่ทุกท่านเป็นห่วงเกือบหมดแล้ว อย่างไรก็ตาม จำเป็นต้องยอมมรับว่า การอนุญาตให้นำเข้าสัตว์น้ำหลายๆ ชนิดยังมีความจำเป็น โดยเฉพาะปลาสวยงามซึ่งยังคงเป็นธุรกิจที่ทำรายได้ให้กับประเทศ ซึ่งถ้าหากสัตว์น้ำเหล่านี้ยังอยู่ในตู้เลี้ยงปลาหรือในฟาร์มเพาะเลี้ยงก็ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด แต่เมื่อผู้เลี้ยงบางรายเริ่มเบื่อหรือได้พันธุ์ที่ไม่สวยงามถูกใจก็มักจะนำไปปล่อยลงแหล่งน้ำธรรมชาติ ตามประสาชาวพุทธซึ่งรู้สึกถึงบาปกรรมและสงสาร แต่เป็นการก่อปัญหาตามมามากมายซึ่งไม่สามารถแก้ปัญหาได้ง่าย ดังเช่น ปลา sucker และหอยเชอรี่ เป็นต้น ถึงแม้ว่า กรมประมงจะมีทั้งพระราชบัญญัติ และกฤษฎีกาที่คอยควบคุมทั้งการนำเข้าและการปล่อยชนิดพันธุ์ต่างถิ่นลงในแหล่งน้ำธรรมชาติแล้วก็ตาม แต่การปฏิบัติงานยังมีรายละเอียดในแง่มุมกฎหมายมาก การจะควบคุมดูแลมิให้สัตว์น้ำต่างถิ่นเหล่านี้เข้ามาทำลายทรัพยากรชีวภาพของชาติยังคงเป็นหน้าที่ของกรมประมง แต่การปฏิบัติอย่างได้ผลคงจะต้องอาศัยความร่วมมือจากผู้เกี่ยวข้องทั้ง ผู้นำเข้า ผู้เลี้ยง ตลอดจนบุคคลทั่วไป ซึ่งจากกระทู้ต่างๆ ข้างต้นนับเป็นนิมิตหมายที่ดี เพราะทุกท่านมีความเห็นพ้องต้องกันในความสำคัญของทรัพยากรชีวภาพของชาติและมาตรการที่จะต้องช่วยกันดูแล ซึ่งกรมประมงขอขอบพระคุณมา ณ ที่นี้ ในส่วนของกรมเองก็จะพยายามเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ในเรื่องดังกล่าวให้มากขึ้นด้วย จากคุณ : กรมประมง (RoF) - [ 29 ก.ย. 47 16:16:53 ]

ความคิดเห็นที่ 55 ขอบคุณสำหรับความรู้ดีๆ ครับ จากคุณ : xymm - [ 29 ก.ย. 47 16:49:08 ]

ความคิดเห็นที่ 56 เดี๋ยวนี้ RoF = DOF ไปซะแล้วหรือนี่ DOF = Department of Fisheries จากคุณ : เด็กม.อ.ตานี - [ 29 ก.ย. 47 20:04:16 A:unknown X:203.151.193.66 TicketID:040819 ]

ความคิดเห็นที่ 57 โอ้....ใกล้ตัวถึงเพียงนี้จริงๆ นั่นสิ ตอนนี้แถวบ้านเวลาน้ำท่วมไม่มีปลาให้เห็นแล้ว ทั้งที่เมื่อ10ปีก่อนแทบเดินเหยียบได้เวลาลุยน้ำ จากคุณ : เซียวเปียกลี้ - [ 29 ก.ย. 47 21:12:24 ]

ความคิดเห็นที่ 58 หลายปีที่แล้วอเมริกาก็เกิดปัญหานี้ ที่มีคนนำปลา SnakeHead (ปลาช่อนหรือเปล่า?) ไปปล่อย เพราะปลาพันธุ์นี้จะโตเร็วมาก และจะใหญ่คับตู้ คนลี้ยงจึงนำไปปล่อยทั้งคู่ ตัวผู้ตัว ตัวเมียตัว สุดท้ายเจ้าปลาช่อนนี่ไปกินปลาธรรมชาติเสียหมดบ่อ ยังไม่พอยังจะเสือกกระสนเดินบนดินเพื่อไปกินบ่อต่อไป ลองไปหาอ่านดูนะ รู้สึกจะสองปีที่แล้วน่ะ จากคุณ : {P}a{T}t{Y} - [ 30 ก.ย. 47 08:41:24 ]

ความคิดเห็นที่ 59 โหวตค่ะ จากคุณ : อาซิ่ม - [ 30 ก.ย. 47 09:54:52 ]

ความคิดเห็นที่ 60 นอกจากปลาแล้วยังมีพืชหลายชนิดกลายเป็นต้นไม้ ประจำมหาวิทยาลัยต่างๆระดับแนวหน้าของประเทศ เช่นต้นจามจุรี ต้นหางนกยูงแห่งจุฬาฯและธรรมศาสตร์เป็นต้น คล้ายๆเป็นสถาบันทาสทางปัญญาต่างชาติ คือไม่อาจ หาต้นไม้ประจำถิ่นมาเป็นต้นไม้ประจำมหาวิทยาลัยได้ ท่านอื่นๆคิดอย่างไรครับ จากคุณ : ขามเรียง - [ 1 ต.ค. 47 12:32:34 ]

ความคิดเห็นที่ 61 #60 ผมว่าวิจารณ์ล้ำเส้นไปหน่อยนะ เพราะผู้ที่นำต้นไม้...มาเป็นสัญลักษณ์ของสถาบัน เขาคงไม่ได้มีแนวคิดในมุมมองที่คุณว่าหรอก อย่าเอามาปนกัน เรื่องมุมมองคนละมิติน่ะ เข้าใจไหม! จากคุณ : ศิษย์เก่าคนหนึ่ง - [ 1 ต.ค. 47 15:36:57 A:192.168.0.57 X:203.113.56.75, 203.150.217.118 TicketID:036045 ]

ความคิดเห็นที่ 62 นานมาแล้วเคยดูสารคดีน่าจะเป็นปัญหาปลาไน ของAustralia ที่เข้าไปแทนที่ปลาท้องถิ่นแย่งอาหารและทำลายสภาพแวดล้อม ไม่เฉพาะเรื่องปลาหรอกครับ แรงงานต่างด้าว พืช สัตว์ หรือแม้แต่วัฒนธรรม นอกจากจะฝากไว้กับหน่วยงานรับผิดชอบ โดยตรงซิ่งก็รู้ๆถึงความด้อยประสิทธิภาพกันอยู่ เราควรมาร่วมกันสร้างจิตสำนึกของคนในชาติกัน พูดทีไรคนก็หันหน้าหนีแต่ถ้าไม่เริ่มอย่างน้อยจากกลุ่มคนเล็กๆในweb นะครับอนาคตอย่างน้อยก็จะได้ไม่เสียใจ เพราะเราได้พยายามกันแล้วนะครับ ผมอยากให้มีตัวกลางที่จะให้ฅนที่พบเห็นเรื่องไม่ถูกต้องได้แจ้งต่อราชการแบบเปิดเผยอย่างกระทู้ต่างๆบ้างจะได้ติดตามการตอบรับหรือแก้ปัญหาของหน่วยงานนั้นๆได้หรือหากมีแต่ผมอาจยังไม่รู้ ก็ช่วยบอกกันด้วยครับ ขอบคุณเพื่อนๆที่อ่านความคิดเห็นครับ จากคุณ : ไอไม้ - [ 1 ต.ค. 47 17:40:45 ]

ความคิดเห็นที่ 63 ^_^v จากคุณ : สะใจโรคจิต - [ 3 ต.ค. 47 17:07:15 ]

ความคิดเห็นที่ 64 เห็นด้วยกับการควบคุมระบบนิเวศ วันนี้เราสนใจปลาสวยงามหายาก ซึ่งโดยส่วนใหญ่ก็ต่างถิ่น แต่วันหนึ่งเราคงต้องคอยมองหาปลาท้องถิ่น เพราะถูกสายพันธ์ Alien กินไปหมด วัวหายล้อมคอกใช้ได้ดีกับทุกวัฎจักรในสังคมเรา จากคุณ : SUPERGUMP - [ 5 ต.ค. 47 02:41:17 ]

ความคิดเห็นที่ 65 โหวตด้วย จากคุณ : The tigon - [ 5 ต.ค. 47 22:15:55 ]

ความคิดเห็นที่ 66 เห็นด้วยทุกส่วนที่ผู้เขียนนำเสนอมาครับ และอยากจะเสริมนิดหนึง ผมมาจากบ้านนอกต่างจังหวัดอันไกลโพ้น ที่ซึ่ง ขนาด ณ.ปัจจุบันนี้พวก alian หรือ x breed ทั้งหลายยังไม่ได้กล้ำกลายเข้าไปถึง แต่ทว่า ทำไมพวกปลากับสัตว์น้ำ ที่เมื่อก่อนตอนเด็กๆ มันมีมากมายอุดมสมบูรณ์ มันหายไปไหนหมด โดยขอ confirm ว่า ไม่ได้โดนพวก alian-x breed พวกนี้ กินหรือไปทำให้สภาพแวดล้อมเปลียนไปแน่นอน ผมอยากบอกว่า มนุษย์เรานี่ครับ ตัวการทั้งหมด ประชากรเราเพิ่มขึ้น ต้องการอาหารมากขึ้น ต้องการที่อยู่อาศัยมากขึ้น ต้องการพื้นที่กสิกรรม อุตสาหกรรมมากขึ้น ทำให้แหล่งน้ำ ต้นไม้ ภูเขา โดนเอามาใช้และถูกทำลายเสียไปหรือหายไป พวกปลาพวกสัตว์น้ำตามธรรมชาติ นอกเหนือจะโดนจับมากิน จนโตและแพร่พันธุ์ไม่ทันแล้ว แหล่งน้ำในธรรมชาติก็น้อยลงและมลพิษเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เลยไม่ใช่เรื่อง surprise ที่ทุกวันนี้อาชีพประมงน้ำจืดตามธรรมชาติแถบจะไม่มีแล้ว ดังนั้น ถ้าเราตกปลา x-breed ได้ เป็นไปได้ไหมครับที่เพราะว่า ปลาในธรรมชาติบ้านเรามันเหลือน้อยเต็มที ทุกวันนี้ปลากับสัตว์น้ำที่เราบริโภค มันมาจากกระชัง จากบ่อ จากการเพาะเลี้ยงเกือบจะทั้งนั้น ส่วนหนึงคงปฏิเสธไม่ได้ว่ามันก็คือพวก Alian หรือ x-Breed เช่นกัน คงเป็นไปได้ยากหรือไม่ได้เลยที่เราจะฟื้นหรือรักษาธรรมชาติให้กลับคืนไปเป็นดังเก่า (ในยุคแฟนฉัน) ที่พวกเราและลูกหลานจะทำได้คือ รักษาวันนี้ให้ดีที่สุด อย่าให้มันแย่ลงกว่านี้เลย ซึ่งเท่านี้ก็ยากพอแล้ว ก็คงต้องร่วมกันปลูกฝังทัศนคติที่ถูกต้องในทางอนุรักษ์ ดังที่เพื่อนๆข้างบนว่ามาละครับ จากคุณ : WherEibLonG - [ 6 ต.ค. 47 17:16:19 ]