ความคิดเห็นที่ 1 เคยทราบมาว่า การเลี้ยงหมา หรือแมว ช่วยให้เป็นโรคภูมิแพ้น้อยลงด้วย เนื่องจากร่างกายได้สร้างภูมิต้านทานไว้แล้ว ที่คุณบอกว่า "เพราะหลายคนบอกว่าไม่ควรเลี้ยงสุนัขไว้ แต่ทำใจไม่ได้หรอกค่ะ" ดีใจจังเลยที่คิดแบบนี้ ตอนนี้ภรรยาก็ท้องอยู่ครับ คลอดประมาณปลายมกรา ผมเลี้ยงหมา 3 ตัว ยังไงก็ไม่ขับไล่ไสส่งพวกเค้าไปไหนหรอก ทำได้ไง พี่ชายเป็นหมอ ตอนนี้ลูก 3 เดือน เลี้ยงพุดเดิ้ลผสม 1 ตัว คลุกคลีกันตลอด ไม่เห็นมีปัญหาอะไร (น้องหมานอนในห้องด้วย แต่มีเครื่องฟอกอากาศ) แค่นี้ก่อนละกัน จากคุณ : วันนี้ดีจัง - [ 30 ก.ย. 47 10:37:08 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ไม่ต้องมีอะไรพิเศษหรอกค่ะคุณจขกท เลี้ยงไปตามปกตินั่นแหละค่ะ ตอนดิฉันได้ปีป๊อตมาแค่หนึ่งอาทิตย์ ก้อมารู้ว่าตัวเองท้อง(แต่งงานมาตั้งแปดปีไม่ท้อง ได้ลูกอิจฉาตัวเดียว ท้องเลย) ถ้าเราเลี้ยงหมาเราแบบสะอาดๆ แล้วก้อมีฉีดวัคซีนอะไรๆ มีถ่ายพยาธิให้เค้า หมามันยังสะอาดกว่าคนด้วยซําไป สะอาดทั้งกายและใจ ตอนท้องน้องไท ดิฉันก้อเอาคําถามนี้ไปถามหมอนั่นแหละว่าเลี้ยงหมาได้ไหม จะอันตรายป่าว เค้าก้อบอกว่า เลี้ยงได้โลด ตอนดิฉันแพ้ท้องมากๆ ต้องนั่งเกาะคอห่านวันนึงๆเป็นชั่วโมงๆ ปีป๊อตจะมานั่งข้างๆ เอาจมูกมาแตะเบาๆที่ขาแบบปลอบใจให้รู้ว่าเค้าอยู่ด้วยตลอด แล้วก้อนั่งเฝ้า พอไปนอนเอนหลังที่โซฟา ปีป๊อตก้อจะกระโดดขึ้นมานอนอยู่ปลายเท้านิ่งๆ จะนอนแบบนั้นจนกว่าดิฉันจะตื่น ถ้าดิฉันเพลียมากนอนบนโซฟาข้ามคืนไปเลย ปีป๊อตก้อไม่ยอมเข้าห้องนอนเหมือนกัน จะอยู่ด้วยตลอด ตอนท้องโตช่วงหกเจ็ดเดือน เด็กเริ่มดิ้น ปีป๊อตที่นอนซบพุงอยู่ ใหม่ๆก้อจะเหลือบตาขึ้นมองแบบตั้งคําถามว่า อะไรหว่าตุงๆออกมานี่อ่ะ แต่เค้าก้อจะชอบมาซบ คงรู้ว่ามีน้องเค้าอยู่ในนี้ ขนเขินจุกปอดอะไรที่เค้าว่ากันนี่อ่ะ มันไม่จริงหรอกค่ะ ขนหมามันหยาบกว่าขนแมวมากมาย ไม่ทําให้เราเป็นหืดหอบหรอก ข่าวที่ออกมาตามหน้าหนึ่งนี่อ่ะ คงจะไม่ได้นําเสนออีกด้านนึงว่าสภาพแวดล้อมเค้าน่ะมันฝุ่นเยอะแค่ไหน ขนหมาที่เอามานั่งโทษกันนี่อ่ะมันแค่ปลายแถวแหละค่ะ ไม่ใช่สาเหตุหลักหรอก ถ้าเรารักษาที่อยู่ของเราให้มันมีอากาศถ่ายเทที่ดี สะอาด ไม่มีฝุ่นเกาะ ทํางานในที่ๆไม่มีฝุ่นมาก ไม่ต้องกลัวปัญหาแบบนี้หรอกค่ะ ที่เมกานี่พวกมาตรฐานอะไรๆมันมีเยอะแยะมากมาย หมอกลัวการฟ้องร้องจะตายไป ถ้าเกิดมีเปอร์เซนต์ความเป็นไปได้ตรงนี้อ่ะ แม้จะน้อยนิด หมอเค้าก้อจะเตือนเราแระค่ะ แล้วนี่หมอก้อยังอนุญาตให้ปีป๊อตเข้าไปเยี่ยมแม่กะน้องหลังคลอดได้เลยค่ะ แม่ผ่าคลอดด้วยซําไปสายระโยงระยางเต็มไปหมด เพียงแต่ว่าปีป๊อตจะต้องอยู่แต่ในห้องเราไม่ใช่ออกมาป้วนเปี้ยนทั่วชั้นโรงบาล แต่ถ้าเป็นแมวเค้าไม่ให้ค่ะ ปีป๊อตนั่งดมหัวน้องไทตั้งแต่น้องไทเกิดได้แค่หนึ่งวัน นี่น้องไทจะอายุ 14 เดือนแล้วตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยเจ็บป่วยอะไรเลยซักหนเดียว เค้ากินนมแม่มาตลอดตั้งแต่เกิดจนบัดนี้ คาดว่าจะให้กินไปเรื่อยจนเรียนจบ เลี้ยงน้องหมาต่อไปเถอะค่ะ รักเค้าให้เหมือนกะที่เค้ารักคุณน่ะนะ ตอนคุณคลอดน้องน่ะค่ะ เค้าจะร้องตีโพยตีพายเพราะอิจฉาสมาชิกใหม่ที่คุณอุ้มอยู่ ปล่อยให้ปั๊ดไปปั๊ดมาแบบนั้นซักอาทิตย์นึง เด๊วก้อหายเองค่ะ ระหว่างนั้นเวลาลูกนอนก้อพยายามมาอุ้มน้องหมาเค้าด้วย พักนึงน้องหมาก้อจะรู้เองว่าปั๊ดไปก้อเท่านั้น ไอ้ตัวเล็กนี่ยังไงก้อไม่ออกไปจากบ้านแน่ แล้วเราก้อไม่ใช่ว่าไม่ใส่ใจเค้า เด๊วเค้าก้อจะเริ่มมายอมรับ ใหม่ๆปีป๊อตกลัวน้องไทมาก เค้าไม่รู้ว่าจะต้องทําตัวยังไงกะเด็กอ่อนๆ จนซักสองเดือนไปแระอ่ะค่ะ ปีป๊อตก้อจะเริ่มมาเบบี้ซิสให้ รักน้องหมาให้มากๆ เค้าจะเป็นเบบี้ซิสที่ดีให้ลูกคุณน่ะค่ะ เค้าจะรักจะหวงน้องมากเลย จากคุณ : เขียวอ่อน - [ 30 ก.ย. 47 10:44:03 ]

ความคิดเห็นที่ 3 นี่เค้าเข้าขากันดีมากๆเลยค่ะ พากันไปถอนดอกไม้ของลุงบ๊อบข้างบ้าน จากคุณ : เขียวอ่อน - [ 30 ก.ย. 47 10:48:34 ]

ความคิดเห็นที่ 4 อุ๊ยผิดคิวค่ะ จากคุณ : เขียวอ่อน - [ 30 ก.ย. 47 10:50:09 ]

ความคิดเห็นที่ 5 อีกทีน่า แม่เริ่มงงแระ จากคุณ : เขียวอ่อน - [ 30 ก.ย. 47 10:51:17 ]

ความคิดเห็นที่ 6 อ้อ เสริมนิดนึงนะคะ เหมือนคห.ที่ 1 แหละค่ะที่ว่าเด็กจะเป้นโรคภูมิแพ้น้อย ถ้าให้เค้าคลุกคลีกะสัตว์มาแต่เล็ก มี study ที่เพิ่งจะออกมาเมื่อสองวันก่อนนี้ว่า สมาธิของเด็กในวัยแรกเกิดถึงสองขวบแรก(Attention Span) มีผลมาจากสารAnti-Oxidants(สารต้านอนุมูลอิสระ) ช่วงท้องทานอาหารที่มีสารพวกนี้เยอะๆนะคะ จะช่วยให้ลูกเกิดออกมาเป็นเด็กที่มีสมาธิดี แล้วเราคนเป็นแม่ก้อส่งเสริมเค้าด้วยการให้เล่นของเล่นที่ดีๆ ให้เล่นทีละอย่าง ไม่ให้แบบมั่วเปะปะไอ้โน่นทีไอ้นี่ที คุณจะทึ่งในพัฒนาการของเค้าค่ะ จากคุณ : เขียวอ่อน - [ 30 ก.ย. 47 11:09:03 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ตัวเองมีหมาพูเดิ้ล 2 ตัว เลี้ยงมาตั้งแต่ ปี 1999 ตัวผู้หนึ่ง ตัวเมีย หนึ่ง สามี กับดิฉันรักเค้าเสมือนเป็นลูกของเรา เค้านอนกับเราบนเตียงทุกคืน จนกระทั่งเรามีลูก ทุกๆคนไม่ว่าจะเป็นเพื่อน พ่อ แม่ หรือญาติพี่น้อง ไม่เห็นด้วยที่จะเลี้ยงเค้าแบบนี้ โดยเฉพาะ ช่วงที่ลูกคลอดออกมา เค้าให้ยกไปให้คนอื่นเลี้ยง เรา 2 คนคุยกัน ว่าเรารักมันมั้ย ตอนเราเอาเค้ามา ก็เพราะตัวเองอยากได้ ตอนเราเหงา ตอนสามีไม่อยู่ หรือตัวเองไม่อยู่ไป ตจว.กัน เราจะมีเค้าเป็น เพื่อน ให้หายเหงา แต่พอเราเริ่มมีลูก เราจะให้เค้าไปจากชีวิตเราเหรอ เลยตกลงใจกันว่า เรายังคงเลี้ยงเค้าเหมือนเดิม โกหกคนรอบข้าง ว่าฝากหมาไว้ให้คนอื่นเลี้ยง เพื่อป้องกันคำถามต่างๆจากคนรอบข้าง แล้วเป็นการตัดปัญหา เวลามีคนาบ้าน เราก็จะเอาไปฝาก ห้องน้องที่สนิทกันไว้ก่อน(ลืมบอกว่าที่พักเป็นคอนโด)พอคนกลับก็รับมา...............วันแรกที่ลูกเข้าบ้าน....ใจตุ๊มๆ ต่อมๆ เหมือนกัน ว่าเจ้า 2 ตัว จะทำอย่างไร เปิดประตูเข้าบ้าน เจ้า 2ตัวดีใจเหมือนไม่เจอกันมานาน มือเราอุ้มลูกในอ้อมแขน 2ตัวดมๆๆๆๆ มุงดูลูก เจ้า 2 ตัวไม่เห่า ไม่มีท่าทีจะกัดหรืออะไร เข้าใจว่าเค้ารับรู้หล่ะว่านี่คืออีกสมาชิกของบ้านเพราะลูกของเรา ย่อมมีกลิ่นของเรากับสามีในตัวของเค้าด้วยซิ พอลูกร้อง แปลกแฮะ..ไม่มีเสียงเห่าของเจ้าสองตัวเลย ทั้งที่เสียงของเด็กนอกบ้านร้องมันเห่ากันแทบเป็นแทบตาย คืนแรก คุยกับสามีเอาไงดี กับเจ้า 2 ตัว จะให้เข้ามานอน ร่วมห้องมั้ย ลองดู...ผลคือทั้ง 2 ตัว หอน ร้องงื้ดๆ และขุดๆๆๆประตูห้อง เรามองตากัน แล้วก็เปิดประตู ให้เค้าเข้ามาเหมือนเดิม ................จากวันนั้นถึงวันนี้ ลูกของดิฉัน อายุ 2 ขวบ 3 เดือนแล้วค่ะ ซี้ปึก กับเจ้า 2 ตัว เล่นกันทุกวัน กลับจากบ้านพี่เลี้ยงจะถามหา ตุ้มเม้ง กับพะโล้ ก่อน เป็นคนรักสัตว์ อารมณ์ดี สุขภาพแข็งแรงถามว่ามีป่วยมั้ย เป็นเรื่องปรกติ ของเด็ก แต่ไม่ใช่เด็กป่วยออดๆ แอดๆ เรื่อง การระวัง ระหว่างที่เลี้ยงหมาคู่กับลูกนั้น ควรต้องยึดคติประจำใจไว้ว่า หมากับเด็กเล็ก ต้องระวัง หมาให้ใจดี ขนาดไหน นิสัยดียังไง เค้ายังคงมีอยู่อย่างคือสัญชาตญานการระวังภัย การปกป้องตัวเอง ส่วนเด็กเค้าก็มีนิสัย อยากรู้ อยากเห็น อยากทดลอง ไม่รู้ ช่วงวัยหัดคลาน คว้าของ หัดเดินต้องระวังให้มาก เค้าจะไปคว้าขน ตะครุบตัวหมา ไล่ตามจับ ผลคือหมารำคาญ ตกใจ สัญชาตญานป้องกันตัวเองคืองับ ลูกชายเคยโดนมาแล้ว และถูกขู่เมื่อจะเข้าใกล้ กรณี โดนงับต้องโทษตัวเองว่าไม่ดู ระวังให้ดีเอง ไม่โทษ ใครปัจจุบันไม่มีเหตุการณ์นี้แล้ว เพราะลูกเริ่มโต เจ้า 2ตัวเริ่มรู้ว่า เค้าคือนายไม่สามารถขู่ได้แล้ว (คุณหมอ บอกให้ทราบว่าเจ้าหมานี้ จะใช้อำนาจ กับคนที่อ่อนแอกว่าโดยเฉพาะเด็ก ) เราก็ต้องค่อยๆสอนกันไป ทั้งคนทั้งหมานะคะ .......นี่คือ ประสบการณ์ ของตัวเองค่ะ ไม่ขอบอกว่าควรเลี้ยงหรือไม่เลี้ยง ทุกสิ่งขึ้นอยู่กับตัวของเราเองดีที่สุดค่ะ จากคุณ : nongthee (nongthee) - [ 30 ก.ย. 47 11:17:52 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เห็นด้วยกับความคิดเห็นแรกๆ พวกที่มีปัญหาอ้างว่าลูก หอบหืด เพราะหมา ไม่จริง หมอกลับบอกว่า กลับจะช่วยให้ลูกมีภูมิคุ้มกันมากขึ้น ขนหมาจะไม่ได้ทำให้เด็กเป็นภูมิแพ้ สะเก็ดหนังของมันต่างหาก ก็ต้องดูต่อไปว่า สะเก็ด เกิดจากอะไร ไม่ยอมอาบน้ำให้หมา หมาเขรอะ ก็ไม่ดูแล อ้างว่า ยุ่งไม่มีเวลา แล้วไปโทษหมา เมื่อมีลูกบ้านตัวเองก็เปลี่ยนแปลงขึ้น(สะอาดขึ้นไปโดยปริยาย) ใช้เดทตอลถูพื้นเพื่อทำความสะอาด สะอาดทั้งกลิ่นและฆ่าเชื้อโรคด้วย อาบน้ำเจ้า 2 ตัว ตรงรอบที่ควรอาบ ตัดขนให้เอื้ยมเฟื้ยม อยู่เสมอ แค่นี้แหล่ะค่ะ จากคุณ : nongthee (nongthee) - [ 30 ก.ย. 47 11:33:03 ]

ความคิดเห็นที่ 9 บ้านเราเลี้ยงหมาตั้งแต่ยายเรายังเล็กๆ ยายเรารักหมามาก ไม่เคยเว้นการเลี้ยง เลี้ยงในบ้านด้วย จนมีลูก มีหลาน ไม่มีใครขี้โรคสักคน เป็นแต่โรครักหมาขึ้นสมองทั้งนั้น ตอนนี้เราก็เลี้ยงพูดเดิ้ลทอย กับเทอร์เรียผสม รักเหมือนลูก แล้วถ้าอนาคตมีลูกเราก็จะเลี้ยงเค้าเหมือนเดิมแน่นอน อาบน้ำให้ ทำวัคซีนให้ครบๆนะคะ จากคุณ : pyramidas - [ 30 ก.ย. 47 11:49:44 ]

ความคิดเห็นที่ 10 อ้าวทำไม เจ้าของทู้เหมือนเราเลยอ่ะ เรากำลังท้องได้ 6 เดือนแล้วค่ะมีหมาอยู่สองตัวได้ขวบพอดีเลย วิธีป้องกันของเราคือ พยายาม หาที่ปิดจมูกมาปิดให้เราค่ะ เวลาไปเล่นกับหมาหรือเอาอาหารให้ ต้องนำผ้ามาปิดจมูก ถ้าไม่ชัวร์น่ะ แต่หมาบ้านเราสะอาด เลี้ยงดูอย่างดี ไม่มีปัญหา แต่จะเล่นเหมือนก่อนคงไม่ได้อ่ะ เล่นเป็นเวลาแล้ว ตอนนี้ก้อหาลูกจ้างมาอยู่เลี้ยงหมาแล้วล่ะ แต่ลูกจ้างไม่ได้อย่างใจเลย น่าเบื่อ สู้อยู่คนเดียวไม่ได้ จากคุณ : สุนทราภรณ์ - [ 30 ก.ย. 47 15:03:10 ]

ความคิดเห็นที่ 11 อิจฉาคนท้องทั้งหลายจัง เราไม่เห็นท้องซักกะที่ มีลูกๆ(หมา)ตั้ง 6 ตัวไม่ เห็นมีลูกอิจฉาซักกะที่ แต่เราตั้งใจแล้วนะถ้ามี เจ้าตัวเล็กเมื่อไหร่เราก็ จะเลี้ยง และรักเขา เหมือนเดิม ถึงแม้ว่า ม่าม้า ป้าป้า อากง อาม่า ฯลฯ จะเคยบอกว่าให้เรา ไปให้คนอื่นก็ตาม ว่าแต่ว่าเ รายังไม่ท้องเลยกลุ้มใจจัง มีคำแนะนำไหมคะ จากคุณ : kitti - [ 30 ก.ย. 47 19:59:58 A:203.156.8.55 X: TicketID:074013 ]

ความคิดเห็นที่ 12 อือม์ ขอใช้เนื้อที่จากคุณจขกท มาตอบคุณKitti นะคะ เพราะดิฉันคิดว่าข้อความข้างล่างคงพอจะเป็นประโยชน์ให้กับอีกหลายๆคนที่อาจจะตกอยู่ในสภาพเดียวกันกับคุณKitti และดิฉัน(เมื่อก่อน) ดิฉันแต่งงานมาแล้ว 6-7 ปี ก่อนที่จะตัดสินใจว่าเราอยากจะมีลูกแระ เราสองคนผัวเมียก้อไปหาหมอประจําบ้านนี่แหละค่ะ หมอฝรั่งที่เมกานี่แหละ ไปนั่งคุยกะเค้าบอกเค้าว่าเราคิดว่าจะมีลูก อายุเราเยอะแระไง จะมีปัญหาไหม ต้องทําตัวไงมั่ง ต้องใช้วิทยาศาสตร์ช่วยไหม หมอก้อหัวเราะบอกว่า ตั้งแต่รู้จักกันมาหลายปีดีดัก เห็นแต่ยูตะล๊อตๆทําโน่นนี่ตลอด(ดิฉันอาชีพทําธุรกิจส่วนตัวน่ะค่ะ) ไม่เคยอยู่นิ่งเลย หมอบอกว่าอายุน่ะมันไม่ใช่ปัญหาร๊อก หมอไม่หนับหนุนให้ทําทางวิทยาศาสตร์บอกว่ายังไม่จําเป็น ก่อนอื่นนะ 1. ให้ทําใจให้สบายๆไม่เครียด หาอย่างอื่นทําที่มันไม่ใช่แต่งานน่ะ เพราะเดิมดิฉันจะทําแต่งานแทบจะทั้งเจ็ดวันตั้งแต่เช้ายันมืด ดิฉันก้อเลยชลอลงมาแล้วก้อมาจับโรลเลอร์เบลดให้มันเพลินใจ ดูเหมือนเปรี้ยวมาแต่กําเนิดแต่จริงๆไม่ใช่หรอกค่ะ อิอิ พอหมอบอกให้เล่นๆมั่งนะยู เอาเลย เดินไปห้างเลย น้องๆ ยายเอ๊ยพี่จะซื้อโรลเลอร์เบลดคู่นึง จะหัดเล่นนะ ฟามเร็วไม่เน้น เน้นฟามสบายมีป่าว เด็กฝรั่งคนขายก้อหัวเราะแล้วก้อหยิบมาให้ ก้อไปหัดเล่นกะหลานๆฝรั่งนี่แหละค่ะ เด็กฝรั่งนี่เกิดมาก้อมีล้อติดออกมากะเท้า พูดยังไม่เป็นประโยคก้อไถสเก๊ตกันฉิวแล้วค่ะ 2. มุ่งเรื่องอาหารก่อนเลย หมอบอกว่าอายุน่ะมันไม่สู้โภชนาการร๊อก ถ้าเราบํารุงร่างกายเราไว้ให้ดีๆก่อนเนี่ย พอได้จังหวะจะมี เราจะได้ลูกที่สมบูรณ์แล้วเราจะไม่แท้งง่าย หมอกะดิฉันก้อนั่งคุยกันว่าในแต่ละวันเราควรจะเน้นอะไรบ้าง คุณลองหาพวกหนังสือชีวจิตมาอ่านนะคะ ทํานองนั้นแหละค่ะ หมายถึงทํานองในแง่ว่าในแต่ละวันควรมีอะไรบ้าง จะเน้นเรื่องกรดโฟลิคเป็นพิเศษ พวกถั่วกินเล่น ผักใบเขียวต่างๆ วีทอะไรนี่อ่ะนะคะ ส่วนเรื่องเนื้อสัตว์หรือไม่เนื้อสัตว์นี่ก้อแล้วแต่แต่ละคนไปนะคะ คุณKitti อยู่เมืองไทยได้เปรียบตรงโอกาส ถ้าสนใจก้อหัดไปนั่งสมาธิวิปัสนาอะไรมันจะทําให้จิตใจผ่องใส ช่วยได้ค่ะ การบํารุงร่างกายและจิตใจที่ว่านี้ ให้มันไปเรื่อยๆ ให้มันสมบูรณ์เข้าไว้ ดิฉันใช้อยู่เกือบสองปี อาหารทําทานอยู่กะบ้านเองเกือบหมด ไปไหนก้อหอบของตัวเองไปเอง แล้วพอได้จังหวะจะมี คุณจะได้ลูกที่น่ารักสมบูรณ์จริงๆด้วย อย่าลืมมาอัพเดทข่าวให้ฟังด้วยนะคะ จะคอยลุ้นค่ะ ไว้ถึงคราวนั้นดิฉันจะคุยให้ฟังเรื่องนมแม่ ทําไงถึงจะมีนํานมแม่ให้นานๆให้พอกะลูกโดยไม่ต้องไปซื้อแม่วัวมาผูกไว้หลังบ้าน จากคุณ : เขียวอ่อน - [ 30 ก.ย. 47 21:11:08 ]

ความคิดเห็นที่ 13 คุณkitti ส่วนเราน่ะคะ แต่งงาน 1 ปีไม่มีลูกซะที ไม่ได้คุมด้วย แต่ไม่มีซะทีใครให้ไปหาหมอไหนก้อไป จนเบื่อ จนเรามาเจอหมอที่ รพ.เจตนิน ค่าใช้จ่ายก้อพอๆ กับที่เรา ไปหาหมอแผนฯ นั่นแหลอตามโรงพยาบาลต่างๆ นี่เลย คุณหมอให้เราทานยาตกไข่ ทานได้ 3 เดือน ยังไม่ท้องก้อเลยใช้ฉีด 5 เข็ม รู้สึกเข็มละพันอ่ะ ก้อ 5 วัน สรุปไม่ท้อง ผ่านไปสี่เดือน เริ่มท้อแระ เราเลยลาออกจากงานมาเป็นแม่บ้าน คุณหมอเลยเปลี่ยนใหม่ ให้เราฉีดยาและดูวันตกไข่ แล้วให้สามีเอาเชื้อออกแล้วใช้วิธี ฉีดเชื้อ เข็มแรกไม่ติด เข็มสอง ติดเลย ดีใจมากๆๆๆๆๆๆๆๆ ก้อประคบประหงมกันอยู่ตอนนี้ เฮ้ออออตอนท้องช่างแสนสบายอะไรอย่างนี้น่ะ ไม่ต้องทำอะไรเลย นอนฟังเพลงร้องเพลง อาหารก้อมีคนทำให้ เอาใจเราตลอด อิอิอิอิ รู้งี้ท้องซะตั้งนานแระ รพ. เจตนินอยู่ตรง ซอกของเซ็นทรัลชิดลมอ่ะ เรียกว่าอะไรไม่รู้อ่ะจ๊ะ แต่มีเว๊ปน่ะ เดี๋ยวหาให้ก่อน ได้แระ โรงพยาบาลเจตนิน 5 ถ. เพลินจิต ซ. ชิดลม เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10300 โทร. 655-5300-10 โทรสาร 655-5313 ของเราไปพบคุณหมอเจริญ โดยเฉพาะเลยท่านเก่งมากค่ะ ตอนนี้เรากำลังให้เพื่อนบ้านไปหาท่านอยู่ค่ะเมื่อวันพุธไปด้วยกัน เพื่อนบ้านเรา เขาอายุ 39 เคยฉีดสี แล้วมีไข่ตกด้วย ปกติทั้งคู่แต่แต่งงานมา 11 ปี ไม่มีลูก เขาเลยท้อ เราเลยแนะนำเขา เขาเริ่มมีพลัง ก้อดีใจด้วยอ่ะคะ จากคุณ : สุนทราภรณ์ - [ 1 ต.ค. 47 08:59:12 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ขอออกความเห็นด้วยอ่ะ ดีใจจังที่มีความคิดนี้ เพราะตริงๆ แล้วเด็กที่บ้านมีสัตว์เลี้ยงไว้ด้วยนี่ก้จะสร้างภูมิคุ้มกันให้เขานะคะ แล้วยังช่วยให้น้องที่ได้เลี้ยงนี่มีจิตใจที่ดี อ่อนโยน และรู้จักแบ่งปันด้วยค่ะ แล้วเค้าตัวไม้ใหญ่มากใช่ไหมคะ คงไม่ต้องกังวลหรอกค่ะ จากคุณ : อากิ - [ 1 ต.ค. 47 20:23:19 A:61.90.32.166 X: TicketID:069950 ]

ความคิดเห็นที่ 15 คุณแม่ลูกอ่อน เลี้ยงได้ค่ะ ไม่ต้องคิดอะไรมากเลย ของ เอ. แต่งงานมา 3 ปี ยังไม่มีบุตร พอไปซื้อ ชิสุ มาเลี้ยง ได้ประมาณ 4 เดือน เอ.ก็ตั้งครรภ์แล้วค่ะ แต่ เอ.ไม่คิดว่าเค้าลูกอิจฉานะค่ะ (เอ.ว่า เกิดจากการที่เราสองคน ต้องตื่นนอนกลางดึกมาดูแลเจ้าลูกสาวตัวน้อย ก็เลยทำให้เรามีกิจกรรมร่วมกันมากขึ้น) โอกาสการมีบุตรก็เลยมากขึ้นไปด้วย ก็เท่านั้น ถึง เอ. จะตั้งครรภ์แล้ว แต่เอ.กับสามี ก็ยังรักเค้าอยู่เหมือนเดิมนะค่ะ จากคุณ : เอ. - [ 2 ต.ค. 47 01:09:55 A:210.246.68.27 X: TicketID:047994 ]