CafeTech-ExchangePantip MarketChatTrendyMobilePantown


    ปีป๊อต.........ลูกเป็ดขี้เหร่

    วันนั้นจําได้ว่าเป็นวันอาทิตย์สุดท้ายของเดือนพย. ปี2002 ปีนั้นหน้าหนาวมาช้าหน่อย หิมะไม่ตกเลย ขนาดปลายเดือนพย.แล้วก้อยังอากาศดีี ฟ้าใส ชวนให้ออกไปเดินเล่นกัน แล้วก้อเลยไปกินข้าวเย็นต่อที่ภัตตาคารแถวนั้น ตอนจ่ายเงิน ริคเหลือบไปเห็นประกาศขายลูกหมา เป็นภาพถ่ายลูกหมาพันธุ์เวสตี้สีขาว 4 ตัวติดไว้ที่ฝา บอกเบอร์โทรศัพท์ให้ติดต่อ แต่ไม่ได้บอกราคา ที่สนใจจะดูลูกหมาพันธุ์นี้ก้อเพราะว่าแถวบ้านเคยมีบ้านนึงเลี้ยงหมาพันธุ์นี้ไว้ เห็นมันนั่งเล่นที่สนามหน้าบ้านทีไรต้องได้อมยิ้ม อารมณ์ดีทุกที เพราะมันน่ารักมาก ก้อเลยโทรศัพท์ติดต่อเค้าไป เค้าก้อนัดให้ไปดูลูกหมาได้ในคืนวันรุ่งขึ้น ลูกหมาเพิ่งอายุได้ 6 อาทิตย์ ครอกนั้นจริงๆมี 6 ตัว ตายไป 2 ตัว ก้อเลยเหลือขาย 4 ตัว พอไปถึงตอนมืดๆหน่อยลูกหมาเพิ่งตื่นนอนกัน ก้อวิ่งออกมารับแขก สามตัวแรกขนปุกปุยน่ารัก ท่าทางสดใส ตัวนึงมีคนจองไปแระ ที่เหลือยังว่างอยู่ สามปุยก้อวิ่งมาเล่นๆแป๊บๆแล้วก้อไป คล้ายๆว่าไม่ค่อยแคร์เท่าไหร่ ส่วนตัวที่สี่นี่อ่ะสิ ตัวนี้เป็นตัวสุดท้องของครอก ตัวก้อเล็กกว่าเพื่อน ทําอะไรไม่ค่อยทันพี่ๆเค้า ค่อยๆก้าวเดินสะโหลสะเหลมาช้่าๆเหมือนลูกเป็ดขี้เหร่ ขนงี้ฟีบมาเชียว ประมาณว่าขี้เหร่เรียกพี่ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า  ตอนเดินเตาะแตะมาต้องคอยลุ้นว่ามันจะพับลงไปหรือเปล่า พอเดินมาถึง อุ้มขึ้นมาเล่นด้วย ตาขี้เหร่นี่ก้อจัดการเลียมือใหญ่เลย เลียแบบไม่พัก เลียแบบทักทายคนคุ้นเคยกันมาก่อน แล้วก้อถอนหายใจยาวๆๆๆๆๆแบบมีความสุขแล้วก้อหลับไปในอ้อมกอด หลับไปพักใหญ่ พอตื่นมาอีกที ก้อจับวางเค้าลงให้เดินเล่น ปรากฏว่าไม่ยอมไปไหน คลานต้วมเตี้ยมหันหัวกลับมาครางหงิงๆนอนซบอยู่ข้างๆตัก ตอนนั้นไม่ได้ติดใจตัวนี้อะไรมากมาย ลังเลอยู่ว่าจะเลี้ยงหมาดีไหม ก้อบอกเจ้าของเค้าว่าแค่มาดูเฉยๆ ไว้จะคิดดูก่อน เค้าก้อบอกว่าไม่เป็นไร แต่ก้อคุยกันไปเยอะแระ เจอเค้าสัมภาษณ์ละเอียดไปเรียบร้อยแล้วว่าทําอะไร อยู่ที่ไหน เจ้าของเค้าเองก้อบอกว่าเค้าน่ะไม่ใช่จะขายลูกหมาให้กับทุกๆคน เค้าสกรีนคนซื้อเหมือนกัน เค้าถึงตั้งราคาหมาเค้าไว้ค่อนข้างสูงหน่อยนึง เค้าอยากให้หมาเค้าทุกตัวได้ไปอยู่ในที่ดีๆหน่อย ปกติลูกหมาพันธุืื์อะไรๆที่เห็นขายๆกันทั่วๆไปก้อจะราคาประมาณ 150-250 เหรียญ นี่จะเอาถึงห้าร้อยเหรียญ กลับออกมาจากบ้านนั้นก้อนั่งคุยกันมาในรถกับริคว่าตัวไหนน่ารัก ขนปุยอ่ะน่ารักแน่ๆ แต่มันมีปุยเหลือให้เลือกอยู่สองตัว เอาตัวไหนดีอ่ะ ริคก้อบอกว่า ชอบตัวไหนก้อเอาตัวนั้น อ้าว ไม่ได้ช่วยกันเล้ย ช่วงที่เรานั่งคุยกันไปเรื่องตัวโน้นทีตัวนี้ทีก้อจะมีอะไรแว๊บๆเข้ามาในใจอยู่เรื่อย เป็นภาพของเจ้าตัวขี้เหร่นี่แหละที่กําลังเลียมือเราแล้วก้อถอนหายใจยาวอย่างมีความสุขแล้วก้อหลัีบไป ภาพนี้จะคอยปิ๊งเข้ามาในหัวเรื่อยๆจนสองวันผ่านไปก้อยังแว๊บๆมาให้คิดถึงอยู่เรื่อย มันบอกไม่ถูกว่าคืออะไร เมื่อไหร่ที่ลังเลระหว่าง 2 ตัวขนปุย ก้อจะมีภาพตัวขนฟีบแทรกเข้ามาทํานองว่า ต๊ะเอง อย่าลืมเค้านะ ตกเย็นเลยบอกริคว่า ตัวเล็กนี่อ่ะ มันติดๆอยู่ในใจยังไงก้อไม่รู้ มันปิ๊งๆนะ ความรู้สึกมันแปลกๆกว่าที่เล่นกะพี่ๆมันนะ แต่ก้อห่วงความขี้เหร่ของมันนะ ขนงี้ไม่ได้ปุยสวยเหมือนพี่ๆมันเลย ไม่รู้จะเอามันดีหรือเปล่า ริคก้อบอกว่า เออไม่เป็นไรหรอก ลูกหมาก้อยังงี้แหละ เด๊วมันโตมาก้อเปลี่ยน เอาสิตัวนี้ก้อดีนะ ตัวผู้อ่ะก้อดีนะจะได้ไม่มู๊ดดี้ง่าย อิอิ แล้วริคก้อเลยโทรไปบอกเค้าว่า เมียขอซื้อตัวเล็ก เค้าก้อหัวเราะบอกว่า I knew it.  That dog already chose her.  
    หลายปีมาแล้ว เคยไปเที่ยวรัฐทางใต้ของเมกา เรียกแท๊กซี่มารับที่โรงแรม รถแท๊กซี่ที่มารับก้อเป็นรถแวนตํ่าสามตอน พอเปิดประตูเข้าไปนั่งตอนกลาง ตกใจเพราะเห็นหมาเยอรมันเชิฟเพิดตัวใหญ่นั่งอยู่แถวหลัง คนขับแท๊กซี่ก้อถามว่ารังเกียจหมาไหม หมาเค้าไม่กัดหรอก ไปไหนไปด้วยกัน ก้อเอาก้อเอา ตอนนั่งๆไปก้อคุยกะเค้าไปเรื่องหมา แล้วก้อเห็นว่าหมาตัวนี้จะจับตามองเจ้าของของตัวเองมากเลย เหมือนๆกะว่าเจ้าของคือชีวิตของเค้าเลย ใครคิดจะจี้แท๊กซี่คันนี้ต้องคิดหนักหน่อย อีตาแท๊กซี่คนนี้ก้อคุยโน่นนให้ฟังแล้วพูดประโยคนี้ออกมาว่า  You know....sometimes, a dog chooses its owner.  ตอนนั้นไม่เข้าใจคําๆนี้ ยังคิดว่าเป็นคําพูดเรื่อยเปื่อย แต่พอเจอเหตุการณ์ปีป๊อตเลือกเจ้าของแล้วถึงเข้าใจว่าเหตุการณ์แบบนี้มีจริงเหมือนกัน แล้วถ้าใครได้ดูหนังเรื่อง Babe ภาค 1 จําตอนที่่เจ้าของฟาร์มตัวเอกของเรื่อง ไปอุ้มเบ๊บขึ้ืนมาทายนํ้าหนักให้จดเอาไว้ แล้วมีการมองสบตากันกับเบ๊บแล้วเกิดอาการปิ๊งได้ไหม  แล้วในที่สุดก้อเป็นโชคชะตาที่ตัวเองทายถูกเลยทําให้ได้เบ๊บมาอยู่ด้วย โดยส่วนตัวจะชอบตอนนี้มาก เพราะดูทีไรทําให้นึกไปถึงตอนที่ปีป๊อตมาเลียมือกับมานอนในอ้อมกอดหนแรก
    ปีป๊อตโตขึ้นมาเป็นหมาที่หน้าตาดี แต่ตัวจะเล็กกว่าพี่ๆหน่อยนึงด้วย เพราะความที่เป็นลูกสุดท้องของครอก ่ปีป๊อตได้นิสัยชอบเล่นลูกบอลมาจากแม่ แล้วก้อได้นิสัยค่อนข้างเงียบ ไม่เห่ามาจากพ่อ

    รูปแรกนี่ ปีป๊อตยังอายุประมาณหกเจ็ดอาทิตย์ ถ่ายกับพี่ๆอีกสองตัว ปีป๊อตคือตัวซ้ายสุด ตัวเล็กที่สุด

     
     

    จากคุณ : เขียวอ่อน - [ 29 พ.ย. 47 11:47:53 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป