ความคิดเห็นที่ 1 มาอีกแล้ว..ทำไมเราคนแรกทุกทีเลย ผมเองก็ไม่ได้สัมผัสกะวงการนี้แบบลึกๆเหมือนกับหลายๆท่านนะครัย แต่เป็นมุมมองของคนเลี้ยงคนนึง ที่ชอบและรักในงานอดิเรกนี้ และเห็นแง่มุมต่างๆผ่านทั้งจากประสบการณ์ตรงและจากสื่อที่ผมได้รับ ตั้งแต่เด็กๆมา ไม้น้ำก็อยู่คู่กับตู้ปลาแบบ พรอพประดับตู้ที่อยู่ไม่นานก็ตายไป เนื่องจากในตอนนั้นยังไม่มีใครเลี้ยงอย่างจริงจัง ร้านปลาเล็กๆแถวบ้านผมก็มีแค่ มัดสาหร่ายหางกระรอก กะเทปเล็กไม่กี่กระถางให้ผมซื้อมาใส่ตู้เล่น ซักสองอาทิตย์ไม่เกินมันก็หมดสภาพไป แต่ในช่วงหลายๆปีที่ผ่านมา อาจจะซัก 5-6 ปีวันนึงผมเข้ามาในพันทิปเห็นรูปตู้ที่มีริกเซียขึ้นเต็ม ความสนุกแบบเด็กๆมันกลับเข้ามาอีกแล้ว ผมเริ่มที่จะเลี้ยงไม้น้ำอีกครั้ง และพบว่าม้นแตกต่างจากตอนเด็กๆอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความหลากหลายของพันธุ์ไม้ อุปกรณ์การเลี้ยง หรือแหล่งความรู้ต่างๆ ซึ่งแต่ก่อนผมอาจจะได้เห็นมันแค่ในหนังสือต่างประเทศเท่านั้น แต่ยิ่งลงลึกเข้าไป ผมพบว่า ถึงมันจะต่างจากเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนตอนผมเด็กๆมากแต่มันก็เหมือนเด็กที่กำลังจะโต ต่างจากวงการปลา หรือสัตว์เลี้ยงอื่นๆ ที่อ่านจากในหนังสือ ส่วนใหญ่ ผู้ผลิตรายใหญ่ๆในบ้านเราจะเน้นการผลิตไม้พื้นๆเพื่อการส่งออกมากกว่า ส่วนแหล่งจำหน่ายเท่าที่เห็นก็จะมีสองกลุ่ม คือพวกร้านปลาที่ขายสำหรับ คนเลี้ยงปลาไปประดับตู้ ซึ่งไม่ต่างจากตอนผมเด็กๆเท่าไหร่ แต่มีพันธุ์ไม้หลากหลายมากขึ้น กับอาจจะได้คำแนะนำเล็กๆน้อยๆจากเจ้าของร้านที่มักจะโดนถามว่า หลอดไฟปลาใช้ได้มะ บางคนก็อาจจะยอมลงทุนซื้อหลอดไม้น้ำไปติดบ้างแต่ก็ไม่ได้จริงจังอะไร อีกกลุ่มก็คือร้านที่ขายไม้น้ำโดยเฉพาะ ก็จะมีคนที่เลี้ยงและตั้งใจจะศึกษาอย่างจริงจัง และกลุ่มที่คิดจะเลี้ยงหรือกำลังลองเลี้ยงแบบกล้าๆกลัวๆ ทั้งในเรื่องของความรู้ในการเลี้ยงและการลงทุน เมื่อมองๆดูแล้ว สิ่งที่ยังขาดไปในวงการไม้น้ำของบ้านเราคือ ความรู้พื้นฐานในการดูแล ผมได้อ่านกระทู้เยี่ยมศุนย์แสดงพันธุ์สัตว์น้ำและไม้น้ำของ มหาลัยแล้วยังเห็นเลยว่าเค้าไม่ได้ให้ความสำคัญกับไม้น้ำเท่าไหร่เลย ต่างจากกล้วยไม้และไม้ประดับเศรษฐกิจอื่นๆอีกมากนัก เพราะการที่วงการอะไรซักอย่างจะเติบโตแบบยั่งยืนได้ คงจะไม่ใช่ การขายของให้กับลูกค้าหน้าใหม่อยู่เรื่อยๆ เพราะขนาดเพื่อนๆบางคนที่เลี้ยงจริงจังยังมีวันเบื่อและคิดจะเลิกเลี้ยงไปเลย แล้วคนที่เลี้ยงตายเลี้ยงตายล่ะ ตู้ไม้น้ำมันดีตรง ที่คนเกือบทุกคนเห็นจะเกิดสิ่งที่เรียกว่า "รักแรกพบ" แต่การที่จะชนะใจเธอได้นั้น ถ้าไม่มีความรู้แล้ว เสียเงินไปหลาย อาจจะได้แต่ตู้เปล่าๆกับอุปกรณ์กองโตทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้าก็ได้ การมีแหล่งความรู้ที่ดี เก็บไว้อย่างเป็นระบบเพื่อให้คนที่คิดจะเลี้ยงหรือเลี้ยงอยู่ใช้ประโยชน์ได้ ควบคู่ไปกับการค้าขายที่ดี ทำให้ผู้ซื้อรู้สึกว่าเค้าได้ความรู้คู่กับสินค้าที่เลี้ยงไม่ถูกปล่อยให้เหมือนไปซื้อผักบุ้งตามตลาด อาจจะทำให้คนกล้าที่จะลองชนะใจเธอได้โดยไม่ชอกช้ำเหมือนที่เคยๆมาก็ได้ครับ อยากให้ถึงวันที่ผมฝันเร็วๆจริงๆ จากคุณ : Banx - [ 29 พ.ย. 47 19:11:16 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ตามมากับพี่ banx ติดเลยครับ ที่ 2  แต่ไม่ขอออกเสียงนะครับ เพราะยังรู้สึกไม่มีคำตอบที่ตรงกับใจเท่าไหร่ เอาเป็นว่าอื่นๆแล้วกัน ส่วนความตามความเห็นของผมนั้น นะครับเห็นว่าการเลี้ยงไม้น้ำเป็นงานเล่นๆ ไม่เครียดครับ อยากได้อะไรก็หาเก็บเงินซื้อ แพงบ้างถูกบ้างก็กัดฟันซื้อกันไปถ้าอยากได้จริงๆ เพื่อความสบายใจยอมได้ครับแหะๆ แต่มีคำถามเกิดขึ้นมาใน web อ่านแล้วไม่สบายใจจริงๆก็เห็นจะเป็น ของภาค 1 ++คือเท่าที่ได้อยู่ในห้องนี้มาตั้งแต่ก่อตั้ง ก้อเข้าใจว่าทุกๆคนต่างมีความรักและชอบพรรณไม้น้ำเหมือนๆกัน และอยากที่จะแบ่งปันให้ผู้อื่นทั้งความรู้และไม้น้ำ ผมจึงอยากทราบว่า ถ้าซื้อๆกันมาแล้วแบบว่าเอามาแจกกันในปริมาณที่มากเกินไป โดยราคาไม้น้ำที่ซื้อมาถูกหรือแพงนั้น มานเป็นที่สมควรมากน้อยแค่ไหน ไม่กลัวตลาดโดยรวมเสียหายเหรอครับ ก้อน่าสงสารร้านค้าน่ะครับอุตส่าไปซื้อต้นพันธุ์มาเป็นกิ่ง กิ่งละไม่ใช่ถูกๆ มาขยายพันธุ์ขายกัน ถ้าหากแจกๆกันมากไปร้านค้าคงได้ผลกระทบแน่นอน แบบนี้คงไม่มีร้านไหนกล้าเอาต้นไม้น้ำสายพันธุ์ใหม่ๆมาจำหน่ายอะสิครับ แล้วไอ้เรื่องฟันราคาผมว่าน่ะถ้าเค้าขายแพงแต่มีคุณภาพก้อสมควรที่จะยอมซื้อได้ครับ จากประสบการณ์ที่ผ่านมาผมเองก้อเข้าใจนะครับว่าต้นไม้ยิงแปลกใหม่นั้นมีตั้งแต่กิ่งละหลักร้อย จนถึงหลักพันต่อกิ่ง ซึ่งก้อเป็นราคาค่อนข้างสูงนะครับจากนั้นพอเข้ามาในตลาดไทยเหลือกิ่งละไม่กี่ร้อยบาท ไม่ทันไรก้อมาแจกกันแร่ะ ที่เหลืออีกไม่นานเหลือพ๊อตละไม่กี่สิบบาทจากนั้นต้นไม้ชนิดนั้นๆจะเริ่มไม่มีขายล่ะเพราะร้านไม่คิดจะทำออกมา ผมว่าพี่ๆทุกๆท่านควรเล็งเห็นถึงสิ่งนี้บ้างนะครับผมกล่าวในฐานะของคนที่เลี้ยงพรรณไม้น้ำคนนึง ไม่ได้พูดถึงร้านค้าและไม่ได้เปงตัวแทนของใครเพราะผมไม่ได้เล็งเห็นถึงคนบางกลุ่ม ผมเล่นโดยภาพรวมหวังว่าคงเข้าใจนะครับ ผมคิดว่ามานก้อมีหลายแง่นะครับความมีน้ำใจกับธุรกิจผมว่าหากเข้าใจกันมานก้อดีนะครับ ถ้าไม่ได้มัวแต่มาเอาหน้ากัน แก่งแย่งชิงดีกันวงการแต่ละวงการคงอยู่อย่างปกติสุข Aquamania ++ ที่ขอยอมรับตรงๆเลยนพครับว่า ไม่ค่อยจะสบายใจเลยที่คุณ Aquamania  ได้ตั้งมา อ่านแล้วรู้สึก เหมือนโดนตัดพ้อต่อว่า กันว่าเป็นเพราะพวกผมหรอครับที่ทำ  แล้วยิ่งพอมาอ่านกระทู้นี้เหมือนจะขัดๆกับอันที่แล้วแฮะตอนนี้เลยสับสนในตัวเองไปเลยครับว่ายังไงกันแน่ที่บอกว่าต้องการข้อมูลบางอย่าง คราวหน้าถามกันตรงๆ เลยก็ได้นะครับถ้าอยากได้ข้อมูลอะไร น้อยใจจังแหะๆ แก้ไขเมื่อ 29 พ.ย. 47 21:11:01 แก้ไขเมื่อ 29 พ.ย. 47 20:54:51 จากคุณ : Dog walker - [ 29 พ.ย. 47 20:54:33 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ผมก็เป็นอีกคนนึงที่เป็นแค่คนเดินตลาดทั่วๆ ไปที่ไม่ได้อยู่ในวงการนี้แบบลึกๆ เกาะวงใน เลยไม่ค่อยมั่นใจ choice ข้อสามที่ว่า "ปล่อยไว้คงไม่เหลือ" นี่มีที่มาที่ไปยังไงครับ มันมี "สิ่งใด" เกิดขึ้นหรือครับ ถึงว่า ถ้าปล่อย "สิ่งนั้น" ไว้แล้ว วงการไม้น้ำจะไม่เหลือ เลยยังไม่ได้ vote ครับ แต่ไม่ว่าเจ้า "สิ่งนั้น" จะเป็นอะไร ถ้ามันจะทำให้วงการไม้น้ำที่ดูเหมือนจะ "ฟู่ฟ่า" แบบที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้มีอันต้องจบลง ผมว่าการเลี้ยงไม้น้ำก็ยังคงมีอยู่ต่อไปแหละครับ เพราะอย่างน้อยตู้ปลาของผมก็คงจะต้องมีไม้พวกสาหร่ายหางกระรอก สาหร่ายฉัตร ลานไพลิน ผักเป็ดแดง อเมซอนใบกลม บัวแดง ขาไก่ด่าง ฯลฯ ซึ่งผมมั่นใจว่าพวกไม้พื้นๆ หรือไม้ 3 กำยี่สิบแบบที่เราชอบเรียกกันเหล่านี้ ยังไงๆ ก็คงต้องมีอยู่ในตลาดปลาเหมือนที่เคยเป็นมาตั้งแต่ 20 ปีที่แล้ว (ยุค"แฟนฉัน" อ่ะครับ) จากคุณ : aflame - [ 29 พ.ย. 47 21:01:01 ]

ความคิดเห็นที่ 4 เป็นคนที่ 3 ง่ะ ปล่อยให้เป็นไปตามกลไกการตลาดครับ มีคนเลี้ยงมากขึ้น ก็จะมีคนเพาะขายมากขึ้น ของแข่งกันขาย ราคาก็จะลดลง ดีอยู่แล้วไม่ต้องทำอะไรแต่คงไม่โตไปกว่าเนี่ยปล่อยไว้อีกหน่อยคงไม่เหลือ พูดเล่นครับอย่าซีเรียส ขอเลือกข้อ 4 อีกหน่อยตลาดจะโตขึ้นอย่างรวดเร็ว คนจะนิยมปลูกไม้น้ำกันมากขึ้นจนมีไม่พอขาย อีก 1 ปีถัดไป ต้นไม้น้ำจะล้นตลาดเพราะ ผลิตกันออกมามาก ราคาจะตกอย่างรวดเร็ว ผู้ผลิตรายย่อยจะล้มหายตายจากไป เหลือแต่รายใหญ่ที่มีคุณภาพ สุดท้ายก็ส่งขายต่างประเทศแข่งกะ TROPICA 555<^v^> จากคุณ : โย่ง2 - [ 29 พ.ย. 47 21:11:45 ]

ความคิดเห็นที่ 5 สำหรับคนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจดี คนๆนั้นคงต้องมีกิจกรรมบางอย่างมาเสริมในชีวิตบ้างอาจจะท่องเที่ยวชอปปิ้งหรืออื่นใด ไม้น้ำก็เป็นกิจกรรมยามว่างนั้นสำหรับผู้ที่ชื่นชอบอย่างเราๆ ผมรักและเลี้ยงไม้น้ำมาอย่างงูๆปลาๆหยุดๆทำๆขุ่นบ้างใสบ้างงามและเน่าตายมาตลอดจนถึงทุกวันนี้แต่ก็ไม่เคยคิดจะเลิกเลี้ยง สำหรับผมปล่อยให้เป็นไปและโตตามธรรมชาติครับ รับรองไม่มีวันตาย พอดีไม่มีหัวข้อให้เลือกโหวตหน่ะครับ อิอิ จากคุณ : ST (SSTT) - [ 30 พ.ย. 47 07:50:23 ]

ความคิดเห็นที่ 6 กระทู้นี้โดยส่วนตัวแล้วผมเรียกกระทู้เปลืองตัวซึ่งไม่ว่าใครตั้งกระทู้อย่างนี้ขึ้นมาก็จะมีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยผมชื่นชมเพื่อนๆในห้องนี้ค่อนข้างมาก ที่สุภาพทั้งในด้านการออกความคิดเห็นและเสนอข้อคิดเห็น กระทู้นี้เป็นกระทู้ที่สร้างความรู้ให้ผมเพิ่มมากขึ้น เพราะโดยส่วนตัวนั้นเป็นผู้ที่ชอบที่เรียนรู้ไปเกือบเสียทุกเรื่องพูดง่ายๆก็คือเป็นเป็ด พอรู้บ้างแต่ไม่รู้จริงครับ ไม้น้ำนี่เป็นอะไรที่ไม่คิดจะเลิกเลี้ยงครับ มันฝังอยู่ในใจตลอดตั่งแต่เห็นมาแล้วว่าอย่างไรเสียสักวันหนึ่งถ้าพร้อมจะต้องเลี้ยงให้ได้ ถึงแม้ว่าจะเลี้ยงตายบ้างรอดบ้างก็ตาม ผมไม่มีโอกาศได้ท่องเที่ยวไปตามสถานที่ต่างๆมากนัก สิ่งที่ไปได้ก็คืออินเตอร์เน็ท ไปเรื่อยๆ ชอบที่ไหนแวะที่นั่นเท่าที่มีเวลา เกริ่นมาตั้งนานไม่เข้าเรื่องสักที เท่าที่ให้หัวข้อมา ถ้าต้องเลือกขอเลือกข้อสองครับ คงไม่โตไปกว่านี้ ในตอนนี้นะครับเพราะโดยส่วนตัวแล้วผมมองอย่างตื้นๆว่าถ้าตราบใดที่ผู้ที่เริ่มเลี้ยงไม่สามารถเลี้ยงให้อยู่รอดได้ก็จะไม่ทำให้วงการนี้ขยายไปได้อย่างจริงจัง อาจจะเป็นแค่เพียงฉาบฉวย พอเบื่อแล้วก็ทิ้งไป ถึงแม้จะรู้ว่าเลี้ยงอย่างไรถึงจะรอดแต่เมื่อไม่มีเวลา หันไปสนใจในเรื่องอื่นก็ต้องเลิกเลี้ยงไปแต่ก็จะกลับมาใหม่เมื่อมีเวลา ผมมองว่าถ้าตราบใดที่ผู้ที่อยากจะเลี้ยงไม้น้ำไม่ศึกษาหรือทำความเข้าใจถึงความต้องการเบื้องต้นของการเลี้ยงไม้น้ำบ้าง ก็ยากครับที่จะมีตู้ไม้น้ำไว้สักตู้ เรื่องปัจจัยอื่นๆผมไม่ถนัดครับมองอย่างพื้นๆว่าถ้าตราบใดที่ผู้เลี้ยงเองไม่ทำความเข้าใจบ้างในพื้นฐานการเลี้ยงไม้น้ำและผู้ขายเองยังไม่ยอมทำความเข้าใจถึงความต้องการของผู้เลี้ยงบ้างในแง่การให้ความรู้เบื้องต้น วงการนี้ก็คงวนเวียนกันอยู่เท่านี้ครับ จากคุณ : JJ (ลูกเฟิร์น) - [ 30 พ.ย. 47 08:54:29 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ไม่มีหัวข้อให้โหวตด้วยครับ ขอเพิ่มหัวข้อ 4.ปัจจุบันก็เรื่อยๆ ค่อยๆโตไปเรื่อยๆ 5.ช่วยกันขยายกลุ่มคนรักพรรณไม้น้ำ จะสามารถโตต่อไปได้ ผมเลือกข้อ 5 ครับ ปัญหาคือไม้น้ำมันเลี้ยงยากมาก ยิ่งกว่าปลาเสียอีก คนลองผิดลองถูกจนเหนื่อย ทั้งๆที่ถามว่าชอบไม้น้ำไหม ผมว่ากว่า 80 % ของคนเลี้ยงปลาก็อยากเลี้ยงถ้ามันไม่ลำบาก หาความรู้ยากอย่างที่เป็นแบบปัจจุบัน แค่ไฟก็แพงกันหูฉี่ เพราะไม่ใช่ mass product ถ้ามีลูกค้าเยอะ ยิ่งผลิตมาก ถึงราคาถูกก็ไม่ขาดทุน เช่นเดียวกันต้นไม้ เพราะเกิด economy of scale แต่ยังไม่มีใครที่เสียสละจะยอมกระตุ้นให้เกิด ตลาดรวมโตขึ้น (market capital) มัวแต่แย่งส่วนแบ่งการตลาดกัน(market share) เหมือนมีเค้กอยู่หนึ่งก่อนก็แย่งกันเอาส่วนที่ใหญ่ แต่ไม่มีใครช่วยกันทำให้เค้กใหญ่ขึ้น ถ้าอุปกรณ์ต่างๆมีราคาถูกลงจนถึงงบประมาณที่พอจะเลือกหากันได้ตามกำลังผู้บริโภคผมว่าตลาดไม้น้ำจะโตขึ้น สินค้าตอนนี้ยังไม่แบ่งตลาดผู้บริโภคอย่างชัดเจน เหมือนปลาก็มีหลายชนิดราคาให้เลือกสรร ปลามังกร รองลงมา ปลาหมอสี รองลงมากปลาทอง และสุดท้ายปลาหางนกยูง อะไรแบบนี้ น่าจะมีการส่งเสริมจัดประกวดตู้จากทางบ้านชิงเงินรางวัล สอนการเลี้ยงไม้น้ำแก่ผุ้สนใจทั่วไป ผมก็คิดไม่ออกนะว่าต้องทำอะไรบ้าง แต่ผมว่าคนที่ผ่านเว็บปลาหรือเว็บนี้ต้องชอบไม้น้ำ แต่มันยากเหลือเกิน จากคุณ : blueranchu - [ 30 พ.ย. 47 09:53:02 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ผมรู้สึกเหมือนคุณ Dog walker เลยนะ จริงๆ ด้วย และก็มีนิทานจะเล่าให้ฟัง มีนกแขกเต้าฝูงหนึ่งประมาณ ๕๐๐ ตัว อาศัยอยู่ในป่างิ้วบนยอดเขาแห่งหนึ่ง เมื่อถึงเวลาหากิน ฝูงนกแขกเต้าต่างพากันบิน ไปกินข้าวสาลีในนาของชาวมคธ เมื่อกินข้าวสาลีอิ่มแล้ว ต่างก็บินกลับรังด้วยปากเปล่าๆ ทั้งนั้น ส่วนพญานกแขกเต้าที่เป็นหัวหน้า เมื่อกินอิ่มแล้ว ยังต้องคาบข้าวสาลีอีก ๓ รวงกลับไปด้วย ชาวนาเห็นก็แปลกใจ จึงพยายามดักจับพญานกแขกเต้าให้ได้ ด้วยการสังเกตที่ยืนของพญานกนั้น แล้ววางบ่วงดักไว้วันหนึ่ง พญานกถูกจับได้ ชาวนาจึงถามพญานกว่า นกเอ๋ย ท้องของท่านคงจะใหญ่กว่าท้องของนกอื่น เพราะเมื่อท่านกินอิ่มแล้ว ยังต้องคาบรวงข้าว กลับไปอีกวันละ ๓ รวง เป็นเพราะท่านมียุ้งฉางหรือเป็นเพราะเรามีเวรต่อกันมาก พญานกตอบว่า ข้าพเจ้าไม่ได้มียุ้งฉาง และเราก็ไม่มีเวรต่อกัน แต่ที่คาบไป ๓ รวงนั้น รวงหนึ่งเอาไปใช้หนี้เก่า รวง หนึ่งเอาไปให้เขากู้ และอีกรวงหนึ่งเอาไปฝังไว้ ชาวนาได้ฟังก็เกิดความสงสัย จึงถามว่า ท่านเอารวงข้าวไปใช้หนี้ใคร เอาไปให้ใครกู้ และเอาไปฝังไว้ที่ไหน พญานกแขกเต้าจึงตอบว่า รวงที่หนึ่งเอาไปใช้หนี้เก่า คือเอาไปเลี้ยงดูพ่อแม่ เพราะท่านแก่แล้ว และเป็นผู้มีพระคุณอย่างมาก ทั้งให้กำเนิดและเลี้ยงดูข้าพเจ้าจนเติบใหญ่ นับว่าข้าพเจ้าเป็นหนี้ท่านจึงสมควรเอาไปใช้หนี้ รวงที่สองเอาไปให้เขากู้ คือ เอาไปให้ลูกน้อยทั้งหลายที่ยังเล็กอยู่ ไม่สามารถหากินเองได้ เมื่อข้าพเจ้าเลี้ยงเขาในตอนนี้ ต่อไปยามข้าพเจ้าแก่เฒ่า เขาก็จะเลี้ยงตอบแทน จัดเป็นการให้เขากู้ รวงที่ สามเอาไปฝังไว้ คือ เอาไปทำบุญด้วยการให้ทานกับนกที่แก่ชรา นกที่พิการหรือเจ็บป่วยไม่สามารถหากินได้ เท่า กับเอาไปฝังไว้ เพราะบัณฑิตทั้งหลายกล่าวว่า การทำบุญเป็นการฝังขุมทรัพย์ไว้ ชาวนาฟังแล้วเกิดความเลื่อม! ใสว่า นกนี้เป็นนกกตัญญต่อพ่อแม่ เป็นนกมีความเมตตาต่อลูกน้อย และเป็นนกใจบุญ มีปัญญา รอบคอบ มองการณ์ไกล พญานกได้อธิบายต่อไปว่า ข้าวสาลีที่ข้าพเจ้ากินเข้าไปนั้น ก็เปรียบเหมือนเอาทิ้งลงไปในเหว ที่ไม่รู้จักเต็ม เพราะ ข้าพเจ้าต้องมากินทุกวัน วันนี้กินแล้ว พรุ่งนี้ก็ต้องมากินอีก กินเท่าไหร่ ก็ไม่รู้จักเต็ม จะไม่กินก็ไม่ได้ เพราะถ้าท้องหิวก็เป็นทุกข์ ชาวนาฟังแล้วจึงกล่าวว่า พญานกผู้มีปัญญา ทีแรกข้าพเจ้าคิดว่า ท่านเป็นนกที่โลภมาก เพราะนกตัวอื่นเขาหากินเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาก็ไม่คาบอะไรไป ส่วนท่านบินมาหากินแล้วก็ยังคาบรวงข้าวกลับไปอีก แต่พอฟังท่านแล้ว จึงรู้ว่าท่านไม่ได้คาบไปเพราะความโลภ แต่คาบไปเพราะความดี คือเอาไปเลี้ยงพ่อแม่ เอาไปเลี้ยงลูกน้อย และเอาไปทำบุญ ท่านทำดีจริงๆ ชาวนามีจิตเลื่อมใสในคุณธรรมของพญานกมาก จึงแก้เครื่องผูกออกจากเท้าพญานก ปล่อยให้เป็นอิสระ แล้วมอบนาข้าวสาลีให้ พญานกรับนาข้าวสาลีไว้เพียงส่วนหนึ่ง ซึ่งกะคะเนแล้วว่าเพียงพอแก่บริวาร จากนั้นจึงให้โอวาทแก่ชาวนาว่า ขอให้ท่านเป็นผู้ไม่ประมาท หมั่นสั่งสมกุศลด้วยการทำทาน และเลี้ยงดูพ่อแม่ผู้แก่เฒ่าด้วยเถิด ชาวนาได้คติจากข้อปฏิบัติของพญานกจึงตั้งใจทำบุญกุศล ตั้งแต่นั้นมาจนตลอดชีวิต นกแขกเต้า ผู้มีปัญญา รู้ว่าควรบริหารจัด การทรัพย์สินอย่างไร จึงจะเกิดประโยชน์สูงสุด ทั้งต่อตนเอง ต่อครอบครัว และต่อสังคม นับเป็นการใช้ทรัพย์อย่างชาญฉลาด ที่ยิ่งใช้ก็ยิ่งมี ความสุขความเจริญ สุขทั้งกาย สุขทั้งใจ สุขทั้งในปัจจุบัน และอนาคต เราทุกคนเมื่อรู้จักเก็บ รู้จักหาทรัพย์แล้ว ก็ควรจะรู้จักหาความสุขจากการใช้ทรัพย์อย่างถูกต้องด้วย เพราะการแสวงหาหรือครอบครองทรัพย์สินที่มี ไม่อาจสร้างความสุขใจ ไม่อาจทำให้เกิดบุญกุศลได้ เทียบเท่ากับการใช้ทรัพย์นั้นจะให้เกิดคุณค่าอย่างแท้จริงต่อชีวิต แก้ไขเมื่อ 30 พ.ย. 47 15:16:00 จากคุณ : Nib - [ 30 พ.ย. 47 10:29:15 ]

ความคิดเห็นที่ 9 กระทู้ก่อนหน้านี้ผมลืมพูดถึงเรื่องหนึ่งซึ่งนับว่ามองข้ามไม่ได้สำหรับวงการไม้น้ำ ซึ่งผมคิดว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้วงการไม้น้ำโตหรือไม่โต ที่จริงสำคัญกว่าตัวไม้น้ำเองเสียอีก ตามผมมาผมจะเล่าให้ฟัง คนเลี้ยงไม้น้ำส่วนมาก เริ่มเลี้ยงปลาก่อนใช่ไหมครับ? ผมคิดว่าส่วนใหญ่ใช่ครับ สังเกตกันบ้างไหมครับว่า ตลาดปลาสวยงามบ้านเราเติบโตขึ้นมากภายในระยะเวลา 10 ปีทีผ่านมาโดยดูจากจำนวนร้านค้าที่ผุดขึ้นมาทั้งในตลาด JJ เอง และร้านตามตรอกซอกซอย ร้านเล็กที่อยู่ริมถนน หรือแม้แต่ในห้างสรรพสินค้า ถามว่าทำไมคนถึงหันมาเลี้ยงปลาสวยงามกันมากขึ้น? มีเหตุผลอยู่ 3 อย่างครับ 1. ราคาตู้ปลาถูกลงอย่างมาก จากเมื่อก่อนตู้ 60 นิ้ว กระจกหนา 3 หุนครึ่ง ราคาเป็นหมื่น เดี๋ยวนี้เหลือแค่ 3-4 พัน (ยกตัวอย่างจากประสบการณ์ผมนะครับ) 2. พันธุ์ปลาสวยงามที่มีให้เลือกอย่างมากมาย ไม่เหมือนสมัยก่อนที่มีแต่ ปลานกยูง ปลาทอง ปลาเทวดา ปลาสอด หรือปลาออสการ์ วนไปเวียนมาไม่มากไปกว่านี้เท่าไหร่ แต่ดูเดี๋ยวนี้สิครับ พันธุ์ปลามีหลากหลายให้เลือกมาก ทั้งใหญ่และเล็ก 3. ราคาปลาสวยงามที่ลดลงอย่างมาก อันนี้ผมพูดโดยภาพรวม แน่นอนที่ว่าปลาที่ราคาแพง ๆ เช่น อโรวาน่า หมอสีบางพันธุ์ ซึ่งจะเป็นผู้เลี้ยงเฉพาะกลุ่มที่มีสตางค์จริง ๆ อันนี้ไม่นับ แต่ถ้ามองภาพใหญ่แล้ว ราคาปลาชนิดต่าง ๆ นั้นลดลงอย่างมากมาย แน่นอนครับ ราคาลดลง ปริมาณหรือ Volume ก็เพิ่มมากขึ้นเป็นกลไกตลาดธรรมดา ๆ เดี๋ยวนี้คนนึกอยากเลี้ยงปลาไปเดินสวน กำเงินไปไม่ถึง 2 พัน เอาสามารถยกตู้เล็ก ๆ สัก 24 นิ้ว กลับบ้านพร้อมปลาได้แล้ว คนเลี้ยงปลาไปเดินสวนบ่อย ๆ เห็นไม้น้ำที่เขาเลี้ยงไว้ตามตู้ดูสวยดี ก็ซื้อไปเลี้ยงมั่ง ส่วนมากก็จะตายครับ เพราะอย่างที่เราทราบกันดีว่า ตู้เลี้ยงปลาอย่างเดียว เลี้ยงไม้น้ำให้รอดหรือสวยยากถ้าไม่เพิ่มไฟ ใส่ปุ๋ย หรือมี Co2 ผมมีความเชื่อว่า ใคร ๆ ก็อยากเลี้ยงปลาโดยมีไม้น้ำสวย ๆ เป็นฉากหลัง แต่ครั้นพอกลับไปถามร้านคราวนี้จะเพิ่งอธิบายว่า ต้องมีปัจจัยเสริม ไม้น้ำถึงจะรอด ตรงนี้ครับที่ว่าสำคัญ! เพิ่มไฟ ใส่ปุ๋ย + Co2 เป็นเงินเท่าไหร่ครับ? เพื่อน ๆ คงรู้กันอยู่แล้ว โดยเฉพาะถ้าใช้ Co2 ชนิดถัง คงต้องกำเงินเรือนหมื่น ถึงจะได้อุปกรณ์ครบชุด ถึงตรงนี้คนส่วนมากถอดใจแล้วครับ ถ้าใจไม่รักจริง จะเหลือก็คนส่วนน้อยแหละครับที่พอมีสตางค์ หรือใจรักจริง ก็กัดฟันควักกระเป๋าซื้อ ไม่เพียงแต่ซื้ออุปกรณ์อย่างเดียว ซื้อไม้น้ำเพิ่มด้วย ด้วยความคิดว่าคราวนี้ละตู้ฉันสวยแน่ แต่ร้อยละเก้าสิบ ไม่เป็นดังฝันครับ แม้มีอุปกรณ์ครบแล้ว แต่ก็ยังเลี้ยงต้นไม้ไม่รอด เพราะขาดความรู้ความเข้าใจ ซึ่งพวกเราเองก็ทราบ ๆ กันอยู่ ว่ามีปัจจัยเสริมอีกมากมาย ซึ่งล้วนแล้วแต่มีนัยอันสำคัญที่จะทำให้ไม้งามหรือไม่งาม คนในกลุ่มนี้ถ้าพอมีความรู้ใช้ Internet เป็นก็พอเข้ามาหาความรู้ ถามเพื่อน ๆ ได้ แต่ไม่ใช่ทุกคนครับที่มีสตางค์ด้วย เล่น Internet ด้วย ซึ่งคนกลุ่มนี้ไม่รู้จะไปถามใคร นี่ยังไม่นับถึงคนที่อยู่ต่างจังหวัดที่บางทีจะเห็นโพสต์กันเข้ามาบ่อย ๆ ว่าหาซื้ออุปกรณ์ยากบ้าง หรือถึงมีราคาก็ต้องไต่กระไดซื้อกัน เห็นไหมครับว่าอุปสรรคเยอะแค่ไหน!! สุดท้ายก็เหลือกลุ่มนิดเดียวจริง ๆ ที่ผ่านอุปสรรคต่าง ๆ มาได้ และกลุ่มนี้ก็มีทั้งเลี้ยงไม้แพง ไม้ถูกคละกันไป ขึ้นอยู่กับความสนใจและกำลังทางเศรษฐกิจ ลองวิสัจนากันดูตามที่ผมไล่มาจะเห็นว่า ตลาดไม้น้ำนั้นจะโตได้รวดเร็วมากกว่านี้อยู่ที่ 2 ปัจจัยหลัก 1. ราคาอุปกรณ์เลี้ยงไม้น้ำรวมทั้งปุ๋ยต้องถูกลงมากกว่านี้ อย่างน้อยครึ่งหนึ่ง 2. ผู้เลี้ยงสามารถหาความรู้ได้ง่ายกว่านี้ ไม่ว่าจะจากร้านค้าหรือซื้อหนังสือ (ซึ่งผมว่าราคาแพงเกินเหตุ) หรือ อินยเตอร์เนต แต่ที่มีประสิทธิภาพที่สุดก็คือร้านค้านั่นแหละโดยต้องใช้เวลาอธิบายให้ผู้ซื้อทราบว่าต้องเริ่มต้นอย่างไร เรียกว่าเริ่มตั้งแต่การ Setup ตู้ครั้งแรกเลยทีเดียว เอาให้ละเอียดเหมือนกับที่ Web คุณ Banx ได้ให้รายละเอียดไว้ ผมเชื่อเหลือเกินว่า พอคนเริ่มต้นเลี้ยงได้ อาจเริ่มจากต้นไม้ถูก ๆ ถ้ามันเจริญงอกงามก็จะสนุกไปกับมัน และจะขยับไปเล่นไม้น้ำที่ราคาแพงขึ้นได้ คือคนพอมีอุปกรณ์ครบแล้ว ทำได้แล้ว ก็จะขวนขวายหาสิ่งแปลก ๆ ใหม่ ๆ เพิ่มขึ้น อันนี้เป็นธรรมชาติของมนุษย์ครับ ยกตัวอย่างให้เห็นเหมือนคนที่เริ่มเลี้ยงปลาชนิดหนึ่ง พอรอดแล้ว ก็อยากไปเลี้ยงปลาอีกหลาย ๆ ชนิดเพิ่มขึ้น ไม้น้ำก็เช่นกันครับ แต่สถานการณ์ขณะนี้ยังไม่เอื้ออำนวยมากขนาดนั้นเพราะอุปกรณ์แพง ร้านค้าหลายร้านก็ยังเอาเปรียบผู้บริโภค โดยใช้วิธีหลอกขายในปริมาณมาก ๆ โดยไม่ได้ใส่ใจว่า คนซื้อไปนั้นจะเลี้ยงได้หรือไม่อย่างไร อย่างนี้คนที่เพิ่งเริ่มยังไม่ทันไรก็ม้วนเสื่อไปแล้ว ประเด็นที่ว่ากันถึงราคาไม้น้ำนั้น ผมกลับคิดว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่นัก ลองคิดกันดูเอาเองก็ได้ว่า ถ้าสมมติคน ๆ หนึ่งลงทุนเครื่องไม้เครื่องมือไปแล้วเป็นพัน ๆ บาท เลี้ยงเป็นแล้ว ไปเจอไม้น้ำแพง ๆ แต่ถูกใจสมมติว่ากิ่งละ 200 บาท ผมคิดว่าไม่เป็นเรื่องยากเกินไปนักที่จะควักกระเป๋าซื้อ ลองคิดดูเองก็แล้วกันว่าคาร์ดินัล 1 ฝูง 10 ตัวก็หลักร้อยแล้วครับ ผมไม่ทราบนะว่าคนอื่นคิดยังไง แต่ผมกลับคิดว่าเรื่องการแจกการแลกไม้น้ำนั้น ที่จริงไม่ใช่สาระเสียด้วยซ้ำที่จะทำให้วงการไม้น้ำโตหรือตาย แต่กระบวนการทางการตลาดต่างหากที่สำคัญ ถ้าผมเป็นเจ้าของร้านไม้น้ำ (แต่ไม่เคยคิดจะเป็น) ผมคงต้องทำอะไรมากกว่าที่ปัจจุบันนี้เป็นอยู่แน่นอน (อยู่ในหัวเยอะมาก) และผมค่อนข้างมั่นใจว่า ตลาดไม้น้ำนี้จะเติบโตขึ้นมาก ถ้ามีคนเริ่มกระตุ้นตลาดอย่างจริงจัง สำหรับกระทู้นี้ ผมขออนุญาตไม่โหวต เพราะผมบอกแล้วว่าสำหรับผมมันไม่ใช่ประเด็นครับ จากคุณ : asaeus - [ 30 พ.ย. 47 10:46:23 ]

ความคิดเห็นที่ 10 อืม อาจจะจิงที่ว่าสเป็นกระทู้เปลื้องผ้า...เอ้ย..เปลืองตัว ก็ยอ่างที่ได้กล่าวไปแล้วในกระทู้อันก่อนหน้านี้แหล่ะครับ ให้โหวตเหรอ ผมคงเอาข้อ 2 เพราะมีแค่ 3 ข้อ เอง ถ้ามีข้อ 4 อาจจะเอานะครับ แต่ถึงอย่างไรข้อ 2 ก็ยังไม่ใช่คำตอบสุดท้ายซะทีเดียว จากคุณ : Thandagra - [ 30 พ.ย. 47 15:41:14 ]

ความคิดเห็นที่ 11 กลับมาอ่านดูอีกครั้ง ตอนแรกคุณ nib เขียนไว้สั้นมาก มาดูอีกที เรื่องนี้กินใจดีๆจริงๆ อามิตตาพุด จากคุณ : blueranchu - [ 30 พ.ย. 47 19:49:22 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ผมเป็นคนหนึ่งที่เพิ่งเลี้ยงไม้น้ำ ไม่ได้อยู่ตั้งแต่จัดตั้งกลุ่ม (ไม่รู้จัดตั้งแต่เมื่อไร) เลี้ยงยังไม่เก่ง ให้คำปรึกษาใครไม่ได้ ไม่มีเวลาเลี้ยงและดูแลให้งามได้ดี ไม่เคยแจกต้นไม้และรับแจกจากใคร ส่วนมากได้แต่อ่านกระทู้อย่างเดียว นานๆ จะขอคำแนะนำสักที ในชีวิตประจำวันไม่มีเพื่อนคนไหนเลยที่เลี้ยงไม้น้ำ แต่ก็พยายามชักชวนให้หันมาสนใจไม้น้ำมั้ง และเป็นคนหนึ่งที่เริ่มเลี้ยงปลาก่อน จึงพบว่าการเลี้ยงไม้น้ำ 1. อุปกรณ์แพง (แต่บางอย่างหาซื้อที่อื่น เช่น ในศึกษาพันธ์ถูกกว่าครับ อย่างปากครีบ ร้านค้าขาย 240.- ผมซื้อมาแค่ 165.- เหมือนกันอย่างกับแกะ) 2. ไม้น้ำที่สวยๆ (นิยมปลูกกันจริงๆ ในกลุ่มผู้รักไม้น้ำ ไม่ ใช่สามกำสิบ) มีราคาแพง 3. เลี้ยงยากถ้าขาดความใส่ใจ และอุปกรณ์บางตัว แค่นี้ก็ลำบากแล้ว แต่ก็ยังเลี้ยงอยู่ ทำให้ส่วนมากจะนิยมเลี้ยงปลาตัวใหญ่ๆ มากกว่า ที่กล่าวมานั้น เพียงจะชี้ให้เห็นว่าต้องมีใจจริงๆ ถึงจะเลี้ยงต่อไปได้ ผมอยากให้มีคนนิยมเลี้ยงไม้น้ำมากขึ้น ผมจึงเห็นว่าการแจกไม่ทำให้วงการไม้น้ำแย่ลง เพราะยังมีคนอย่างผมที่ต้องเดินไปซื้อหาเองอีกมาก แต่เราอย่างมองไม่เห็นพวกเขา เพราะฉะนั้น เราควรจะทำอย่างไรให้คนเหล่านี้แสดงตัวออกมาเพื่อจะได้เป็นกลุ่มเป็นก้อนที่โตมากขึ้น และขยายวงการไม้น้ำให้ยิ่งโต มีคนนิยมมากๆ พวกเราหรือร้านค้าก็จะอยู่ได้เองแหละครับ (แต่ปัจจุบันก็เห็นร้านค้าขายได้ดี ไปทีไรเห็นหมดตู้ทุกที) ที่ให้โหวต ไม่รู้ว่าตั้งเพื่ออะไรครับไม่สร้างสรรเลย ทั้ง 3 ข้อ ไม่น่าโหวตเลยครับ ยังดีที่ไม่มีข้อ 4 ถูกทุกข้อ หรือถอยหลังลงคลอง "เคยชวนหรือแนะนำคนอื่นบ้างไหมให้มาเลี้ยงไม้น้ำถ้าเคยและทำให้เลี้ยงได้จริงๆ นั้นแหละครับ คือ อนาคตที่สดใส" จากคุณ : ก๊อก - [ 1 ธ.ค. 47 00:50:20 A:203.156.26.245 X: TicketID:064297 ]

ความคิดเห็นที่ 13 อะ.อ่านจนตาลายสมองตึงเลย ว่าจะผ่านไปเฉยๆ เพราะเหตุผลที่ตรงใจก็ตรงกับหลายๆท่านที่ ให้ความคิดเห็นมา ขอไม่โหวดค่ะเพราะหัวข้อมันแคบ ไม่ชัดเจน และไม่เคยนึกถึงประเด็นนี้เลยจริงๆ เหมือนกับเป็นการ Resert ธุรกิจ ที่จริงแล้วภาพรวมและความที่น่าจะเป็นกลางๆ น่าจะเป็นเรื่องของงานอดิเรกที่ให้ความสุขทางใจ และอีกประเด็นในเรื่องของการแจก แลกเปลี่ยนไม่น่าจะใช่สาระที่จะทำให้วงการ(ผู้ค้า)นี้มีอันเป็นไปในทางใดทางหนึ่ง เห็นด้วยกับ คคห.ที่ 2 3 5 8 9 ค่ะ ที่จริงเห็นกระทู้ที่แจกต้นไม้ เชื่อว่าเจตนามาจากน้ำใจตามหลังเหตุผลเช่น 1. ต้นไม้โตเต็มพื้นที่จะตัดทิ้งก็สงสารเนอะสิ่งมีชีวิตเหมือนกัน 2. ปรับเปลี่ยนมุมมองและรื้อตู้เพื่อที่จะไปซื้อไม้พันธ์ที่ชอบมาลงใหม่ จะทิ้งก็เสียดาย และคงอีกหลายๆเหตุผล โดยส่วนตัวถ้าเป็นคนหนึ่งที่จะรับในน้ำใจส่วนนี้ คงตื่นเต้นที่จะเจอเพื่อนใหม่ๆในความชอบที่ดหมือนกัน มากกว่าที่จะรู้สึกว่า ดีจังได้ของฟรีไม่ต้องซื้อแฮะ จากคุณ : goo_dga - [ 1 ธ.ค. 47 01:02:31 ]

ความคิดเห็นที่ 14 เห็นด้วยอีกกับ คคห. ที่ 12 อีกด้วยค่ะ การชวนให้คนที่เห็นและชื่นชมกับตู้ไม้น้ำของเรา ให้สนใจลองเลี้ยงดูบ้างไม่ยากอย่างที่คิด ขุนยากกว่าการเลี้ยงค้นไม้อีก จากคุณ : goo_dga - [ 1 ธ.ค. 47 01:12:59 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ชอบความเห็นของคุณ goo_dga ในคห 13 ที่ว่า "...โดยส่วนตัวถ้าเป็นคนหนึ่งที่จะรับในน้ำใจส่วนนี้ คงตื่นเต้นที่จะเจอเพื่อนใหม่ๆในความชอบที่ดหมือนกัน มากกว่าที่จะรู้สึกว่า ดีจังได้ของฟรีไม่ต้องซื้อแฮะ " ได้ใจผมมากเลยคร้าบ จากคุณ : aflame - [ 1 ธ.ค. 47 12:45:28 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ใช่ครับพี่ goo_dga แทงใจมากเลยครับ เหมือนของคุณ aflame เลยครับประโยคเดียวกัน ผมเองเคยได้รับแจกมาครั้งนึงดีใจมากครับ ให้ความรูสึกทางจิตใจที่ดีมากๆ โดยไม่ทันได้คิดถึงเรื่องมูลค่าที่ได้รับเลยครับ เห็นค่าของต้นไม้ที่ได้มาด้วยว่าเค้าให้เรามา จากคุณ : dog walker (Dog walker) - [ 1 ธ.ค. 47 21:10:36 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ดาวน้อยคุณ dog ที่ให้ผมมาวันนั้นมีร้านขอซื้อด้วยครับ ด้วยราคาที่ น่าขายมากๆๆๆ แต่นึกถึงถึงคนให้แล้ว ผมว่าเอามาเพาะให้สวยๆ ช่วยกันทำให้ การเลี้ยงมันเผยแพร่ไปดีกว่าครับ จากคุณ : ไม้บก (Pancake) - [ 1 ธ.ค. 47 22:55:29 ]

ความคิดเห็นที่ 18 อืม...พอคุณ dog walker พูดอย่างนี้ (ใน คห 16) ผมก็เพิ่งนึกได้ว่าตัวเองมีนิสัยแปลกๆ อยู่อย่างนึงว่า ต้นไม้ต้นไหนที่ได้มาฟรีๆ ไม่ว่าจะได้มาจากที่ร้านหรือจากการแจกกันในบอร์ดนี้นี่ผมกลับทะนุถนอมดูแลดีกว่าต้นไม้บางต้นที่ผมไปควักเงินซื้อมาเองซะอีก ก็คงเป็นอย่างที่คุณ dog walker หือคุณ goo_dga ว่านั่นแหละครับ มีร้านนึงเขาเคยให้ Ammania แดงซึ่งก็ถือว่าเป็นไม้พื้นๆ มากิ่งนึง (ถ้าซื้อกิ่งนั้นก็คงไม่เกิน 20 บาท ซึ่งตอนแรกผมก็ถามราคากะจะซื้อแต่เขาก็ให้เลย) แล้วก็ให้ผมแค่ครั้งนั้นครั้งเดียวเองนะ ผมนี่ยังดีใจ รู้สึกดี และกลับไปดูต้นไม้ ซื้อบ้างไม่ซื้อบ้างที่ร้านเขาบ่อยๆ จนทุกวันนี้เลยครับ แล้วก็ ยังมีอีกร้านซึ่งให้ผมมาแล้วหลายครั้ง (ผมไม่ได้ไปขอเค้านะ เขาให้เอง) ไม้พื้นๆ บ้าง ไม่พื้นบ้าง ล่าสุดนี่เขาให้ Erioxxx (อิ อิ สะกดไม่ถูก ต้นที่คล้ายๆ น้ำตาเทียนอ่ะครับ) มากอนึง ตอนแรกผมขอซื้อแต่เขาให้เลยอ่ะ ได้ใจผมเต็มๆ ครับ ก็เช่นกันครับ ผมก็อุดหนุนร้านเขาประจำไปเลย (ไม่ได้หวังจะไปเอาของฟรีนะ แต่เขาได้ใจผมอ่ะครับ) กลับมาที่กระทู้นี้คราวผมก็ยังไม่ได้ vote อีกอยู่ดีแหละครับ เพราะผมก็ยังไม่มั่นใจ choice ที่สามอยู่ดีว่าตกลงอะไรคือสิ่งที่จะทำให้วงการไม้น้ำหรือร้านค้าไปไม่รอด แต่ถ้าจะบอกว่า "สิ่งนั้น" คือ "การแจกไม้น้ำกัน" ผมว่าคงไม่ใช่ประเด็น เพราะขนาดที่ร้านขายไม้น้ำเองเขาก็ยังเต็มใจที่จะเป็น "ผู้ให้" อย่างที่ผมกล่าวไว้ข้างต้นเช่นกันคร้าบ จากคุณ : aflame - [ 1 ธ.ค. 47 23:20:25 ]

ความคิดเห็นที่ 19 กระทู้นี้ชอบมากครับอ่านแล้วอ่านอีกครับ หุ หุ จากคุณ : JJ (ลูกเฟิร์น) - [ 2 ธ.ค. 47 09:06:38 ]

ความคิดเห็นที่ 20 เช่นกันครับคุณJJ กรณีแจกต้นไม้อบ่างบัวไทเกอร์ที่แตกกองอกงามอยู่ทุกวันนี้ของผมก็คุณaflameนั่นแหละครับที่ให้ผมมาอาจเป็นเพราะบัวเลี้ยงไม่ยากหรืออย่างไรไม่ทราบ แต่กับดาวน้อยที่ครั้งนึงคุณน้ำจืดอภินันทนาการผมมาผมประคองสุดฤทธิ์แต่เอาไว้ไม่อยู่ ผมถือว่ามิตรภาพตรงนี้เป็นสิ่งที่ดีที่เกิดขึ้นในชีวิตผม สายน้ำอาศัยดินที่เป็นร่องเพื่อคงอยู่และไหลไปฉันใด ธุรกิจการค้าควบคู่ไปกับน้ำใจได้ฉันนั้น ดีซะอีกที่กลับจะเป็นการส่งเสริมกันและกันให้คงอยู่ต่อไปครับ จากคุณ : ST (SSTT) - [ 2 ธ.ค. 47 13:00:13 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ยาวเชียวครับ เข้ามาอ่านบรรดาท่านจอมยุทธทั้งหลาย ขอเป้นผู้อ่านอย่างเดียวก่อนละกันครับ รอบ้านใหม่เสร็จจะลองสัก 48 นิ้ว ตอนนี้ผมได้แต่นั่งดูเจ้าคาร์ปว่ายเล่นในบ่อคอนกรีตไปก่อน แล้วจะเข้ามาขอความรู้นะครับ จากคุณ : coffeeholic - [ 2 ธ.ค. 47 15:31:10 ]

ความคิดเห็นที่ 22 เข้ามาอ่านกับเขาทีหลังเลยเรา ทุกคำถามและคำตอบล้วนมีผู้กล่าวไปแล้ว ไม่ขอ Vote กระทู้นี้ เพราะคิดว่าน่าจะมีคำตอบอื่นที่เหมาะกว่า มีกระทู้อย่างนี้ก็ดี รู้สึกว่าทำให้ความผูกพันธ์ในกลุ่มนี้เหนียวแน่นมากขึ้น พรุ่งนี้ขอลาพักร้อนไปพักผ่อนจากงานประจำหน่อย ขึ้นเหนือไปกับหวานใจ ลุยเชียงใหม่+แม่ฮ่องสอน จะลองแวะดูแถวๆริมน้ำลำคลองดู ได้อะไรแปลกๆจะเอามาฝากครับ :o) เอามาฝากอีกแล้ว จะทำให้เกิดกระทู้ สามัคคี อีกไหมเนี่ย.......... See you Next Week..... จากคุณ : ThaiAstrophytum - [ 2 ธ.ค. 47 18:55:52 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ข้างล่างดีกว่าครับ เหะ เหะ แก้ไขเมื่อ 08 ธ.ค. 47 09:36:28 จากคุณ : NongOil - [ 8 ธ.ค. 47 09:31:24 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ขอถามตรง ๆ แบบไม่เกรงใจเลยนะครับ "โหวตไปเพื่อให้เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ" แรงไปหรือเปล่า คงไม่นะครับ กับคำถามธรรมดา ๆ แบบนี้ คิดว่าเจ้าของกระทู้คงเตรียมใจไว้ก่อนแล้ว ตอนที่คิดตั้งกระทู้โหวตนี้ขึ้นมา ก็อย่างที่ว่าแหล่ะครับ ทุกคนต่างก็มีแนวทางของตัวเอง กลไกตลาด จริง ๆ ไม่อยากใช้ประโยคนี้เลย แต่คิดว่ามันคงมีจริง ผมก็เคยซื้อของแพง ต้นไม้แพง ๆ และผมก็เคยแจกต้นไม้ด้วยเช่นกัน ผมก็มีความสุขดี ไม่เสียดายเงินที่จ่ายไป สบายใจกับการแบ่งปันไม้น้ำให้เพื่อน ๆ ชีวิตมันก็แค่นั้นแหล่ะ เอาอะไรกันมากมาย จะมัวมาเครียดหาคำตอบที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ไปทำไม อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด กระทู้ก่อนหน้านี้ผมก็ใช้ประโยคนี้มาแล้ว ตอนนี้ก็ขอใช้ซ้ำอีกที พระอาทิตย์ขึ้น แล้วก็ตก ธรรมดาโลกนะครับ ภาพนี้เก็บมาจากผาหล่มสัก ภูกระดึง เป็นอีกมุมที่ไม่ค่อยเห็น เพราะส่วนใหญ่เค้าจะถ่ายกันตรงมุมที่มีหินยื่นออกไป ก็ถูกใจผมนะภาพนี้ ลองเปลี่ยนมุมมองบ้าง ใช้ความคิดให้มากขึ้น ก็คงจะอยู่อย่างมีความสุขดีนะครับ จับมือกันไว้ครับ เหมือนต้นสนสองต้นที่โน้มกิ่งเข้าหากันครับ อะไร ๆ ก็คงจะดี จากคุณ : NongOil - [ 8 ธ.ค. 47 09:39:01 ]

ความคิดเห็นที่ 25 อ่าสวัสดีครับคุณพี่NongOil ยังตอบกระจ่างเช่นเดิมนะครับ ยินดีต้อนรับกลับมาครับ ท่านนี้ต้อง Return of the king จากคุณ : Aquamania - [ 8 ธ.ค. 47 19:49:24 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ชอบรูปที่คุณ NongOil ถ่ายมากครับสวยได้บรรยากาศจริงๆ เมื่อไหร่ผมจะมีฝีมืออย่างนี้บ้านนะ ก่อนอื่นต้องเก็บตังค์หากล้องดีๆสักตัว ก่อนดีกว่าแต่ไม่รู้เมื่อไหร่ถึงจะได้ จากคุณ : JJ (ลูกเฟิร์น) - [ 14 ธ.ค. 47 08:52:07 ]