| 
      
        | 
           ความคิดเห็นที่ 3   
 วิเคราะห์สถานการณ์การตลาดและการพัฒนาตลาดกล้วยไม้
 
 กรมส่งเสริมการเกษตรได้จัดสัมมนา วิเคราะห์สถานการณ์การตลาดและการพัฒนาตลาดกล้วยไม้ ที่โรงแรมเฟลิกซ์ จังหวัดกาญจนบุรี ระหว่างวันที่ 8-10 กันยายน 2546 เพื่อกำหนดยุทธศาสตร์การพัฒนาอุตสาหกรรมการส่งออกกล้วยไม้ให้ยั่งยืนและบรรลุเป้าหมาย      ส่งออก 10,000 ล้านบาทภายในระยะเวลา 5 ปี โดยมีเจ้าหน้าที่จากสำนักงานเกษตรจังหวัดและสำนักงานเกษตรอำเภอ จากจังหวัด นครปฐม ราชบุรี กาญจนบุรี อยุธยา ชลบุรี นนทบุรี สมุทรสาคร และกรุงเทพฯ เข้าร่วมสัมมนาเพื่อจัดทำยุทธศาสตร์ ซึ่งมีเกษตรกรบรรยายหัวข้อสถานการณ์การผลิต ผู้แทนจากกรมส่งเสริมการส่งออกและผู้ส่งออกบรรยายหัวข้อสถานการณ์การตลาดและการพัฒนาตลาดกล้วยไม้
 มีผลสรุปของการสัมมนา ดังนี้
 1.	ด้านการผลิต มีปัญหาหลัก คือ
 1.1	เพลี้ยไฟ ซึ่งกรมวิชาการเกษตรได้พัฒนาเทคโนโลยีเพื่อแก้ปัญหาเพลี้ยไฟได้แล้วแต่ยังมีอุปสรรคด้านการโอนเทคโนโลยีให้กรมส่งเสริมการเกษตรถ่ายทอดให้แก่เกษตรกร  ทำให้เกษตรกรยังคงใช้สารเคมีในการป้องกันและกำจัดศัตรูพืชสูงซึ่งมีสัดส่วนสูงถึง 50% ของ  ต้นทุนการผลิต
 1.2	สารเคมีเจือปนในน้ำ เช่น น้ำมันเครื่อง ยาฆ่าหญ้า สารเคมีและสารซักล้างจากครัวเรือน ภาคการเกษตรอื่นและโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งยังไม่มีการแก้ไขปัญหาอย่าง   เหมาะสมในขณะนี้ ทางออกที่สามารถดำเนินการได้ คือ การจัดสรรพื้นที่ใหม่เพื่อการปลูกกล้วยไม้โดยเฉพาะ
 1.3	การวิจัยพันธุ์ใหม่ยังมีน้อย เนื่องจากอายุของกล้วยไม้นานประมาณ 4 ปี
 1.4	การขยายพื้นที่ปลูกกล้วยไม้ทำได้ยาก เนื่องจาก ต้นทุนสูงถึง 200,000 บาทต่อไร่ เป็นค่าก่อสร้างโรงเรือน ต้นพันธุ์และอุปกรณ์ (ยังไม่รวมค่าที่ดิน) แต่การกู้เงินจากสถาบันการเงินจะใช้ที่ดินเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันเงินกู้ ถ้าที่ดินไร่ละ 100,000 บาท ให้กู้เต็มมูลค่าที่ดินก็ยังไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่ายต่อไร่ในการขยายการผลิต
 1.5	กองทุนกลุ่ม ที่ได้รับการจัดสรรผ่านสหกรณ์การเกษตรได้รับกลุ่มละ 50,000 บาท ไม่เพียงพอต่อการพัฒนา
 2.	ด้านการตลาด มีลักษณะ ดังนี้
 2.1	ตลาดส่งออกหลัก
 -	ญี่ปุ่น ความต้องการลดลง ต้องการกล้วยไม้     สีอ่อน ขนาดช่อสั้นและยาวปานกลาง
 -	สหรัฐฯ ต้องการต้นกล้วยไม้ ขนาดช่อยาวพิเศษ
 -	สหภาพยุโรป ต้องการกล้วยไม้สีแดงถึง 80% ของการส่งมอบแต่ละครั้ง ขนาดช่อสั้นที่สุด ต้องการกล้วยไม้พันธุ์ 20% ปริมาณการส่งมอบแต่ละครั้งลดลง
 -	จีน ต้องการกล้วยไม้สีแดง วันละ 300,000 ช่อ แต่ราคาต่ำ ขนาดช่อสั้นที่สุด ใช้ประดับในจานอาหาร ตกแต่งโรงแรม และงานแต่งงาน ความต้องการเพิ่มสูงมากขึ้นในช่วงเทศกาล เช่น ตรุษจีน และวันชาติ ซึ่งราคาสูงโดยไม่สนใจคุณภาพ แต่ในอนาคตจีนต้องการกล้วยไม้ช่อยาวมากขึ้น ซึ่งมีราคาสูงมากขึ้น
 -	ไต้หวัน ต้องการกล้วยไม้สีแดง ถึง 80% ของการส่งมอบแต่ละครั้ง และต้องการขนาดเดียว คือ ช่อยาวพิเศษ
 2.2	รูปแบบของกล้วยไม้ที่ส่งออก
 -	ดอกกล้วยไม้ ส่งออกแบบช่อดอก เด็ดดอก (เพื่อใช้ทำพวงมาลัย ส่งออกได้มากช่วงเดือนเมษายนซึ่งเป็นช่วงวัน เทศกาลในต่างประเทศ) และบูเก้ (จัดเป็นช่อใหญ่ และ  ที่ติดเสื้อ)
 -	ต้นกล้วยไม้ ส่งออกแบบ ต้นกล้วยไม้ในขวด เพื่อนำไปปลูกในไต้หวันหรือฟิลิปปินส์ ก่อนส่งออกต่อไปยังประเทศที่สาม และต้นกล้วยไม้ใหญ่ที่พร้อมจะออกดอก ตลาดหลัก คือ สหรัฐฯและญี่ปุ่น ส่งไปทั้งต้นเมื่อได้รับอากาศเย็นจะออกดอกในต่างประเทศ
 2.3	กล้วยไม้ที่ส่งออกไปจำหน่ายในต่างประเทศเป็น  สินค้าที่มีแนวโน้มตลาด แต่ไม่มีงานแสดงสินค้าระดับนานาชาติรองรับ ปัจจุบันมีงานมหกรรมกล้วยไม้ เท่านั้น จัดขึ้นทุกปีที่พุทธมณฑล กล้วยไม้พันธุ์ชนะเลิศจากการประกวดในงานจะได้รับคำสั่งซื้อจากลูกค้าในตลาดต่างประเทศเสมอ
 2.4	กล้วยไม้ยังเป็นดอกไม้ที่ชาวต่างประเทศรู้จักน้อย ควรประชาสัมพันธ์ให้ลูกค้าหันมาใช้ดอกกล้วยไม้แทนลิลลี่ หรือกุหลาบ
 2.5	ปริมาณการส่งมอบในการส่งออกแต่ละครั้งลดลง ต้องการพันธุ์ใหม่ๆ มากขึ้น แต่ผู้ส่งออกและเกษตรกรไม่กล้าปรับเปลี่ยนไปปลูกพันธุ์ใหม่ เนื่องจากตลาดยังต้องการกล้วยไม้พื้นฐานซึ่งเป็นรายได้หลักของทั้งผู้ส่งออกและเกษตรกร
 2.6	ปริมาณไม่สม่ำเสมอ เนื่องจากเกษตรกรเน้นตลาดในประเทศซึ่งเป็นตลาดประจำ โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลตรุษจีน และสงกรานต์ โดยเกษตรกรจะควบคุมไม่ให้กล้วยไม้ออกดอกตามฤดูกาลปกติแต่จะให้สะสมอาหารเพื่อให้ออกดออกมากที่สุดในช่วงเทศกาล
 3.	การขนส่ง ระวางไม่เพียงพอ และค่าระวางสูง ค่าระวางมีสัดส่วนถึง 60% ของ     ค่าสินค้า โดยเฉพาะการส่งออกต้นกล้วยไม้ซึ่งใช้เนื้อที่มาก และต้องใช้บรรจุภัณฑ์ที่ป้องกันไม่ให้ต้นกล้วยไม้เสียหาย ทำให้มีต้นทุนสูงขึ้น
 4.	การเชื่อมโยงระหว่างผู้ส่งออกและเกษตรกรในปัจจุบันยังขาดรูปแบบที่ชัดเจน แต่ผู้ส่งออกก็ต้องการให้เกษตรกรมีส่วนร่วมในวงจรธุรกิจในลักษณะ Cluster แทนการรับซื้อสินค้าอย่างเดียว เพื่อกระตุ้นให้เกษตรกรปลูกกล้วยไม้อย่างมีคุณภาพมากขึ้น โดยคุณภาพของไม้ดอกหมายถึง มีความคงทน นอกเหนือจากไม่มีแมลงและสีสวย
 5.	คนกลางยังมีความจำเป็นในการค้ากล้วยไม้ เนื่องจากมีขั้นตอนต่างๆ ที่ผู้ส่งออกรายใหม่หรือผู้นำเข้าที่ส่งออกด้วยตนเองไม่สามารถดำเนินการได้ จึงควรผลักดันการดำเนินการของตลาดให้เป็นรูปธรรมโดยเร็ว โดยในขณะนี้ กรมการค้าภายในได้ดำเนินการจัดตั้งศูนย์รวบรวมผักผลไม้ดอกไม้สดเพื่อการส่งออก (Perishable One Stop Service Export Center-POSSEC) ซึ่งขณะนี้ศูนย์ POSSEC ได้รับอนุมัติค่าใช้จ่ายในการติดตั้งอุปกรณ์ลำเลียงและเครื่องปรับลดอุณหภูมิ ในระหว่างนี้จึงควรเร่งจัดวางรูปแบบการบริหารศูนย์ POSSEC เพื่อเตรียมรองรับการเปิดดำเนินการของศูนย์ POSSEC ต่อไป
 
 ลองอ่านดูนะคะ
 
 จากคุณ :
ชื่นใจจัง
  - [
8 ธ.ค. 47 11:08:29
] |  |  |