 |
วันนี้ผมกับหมาประสบอุบัติเหตุ มาเล่าให้ฟังคับ
เช้าวันตรุษจีนนี้น่าจะเป็นเหมือนอีกหลายๆเช้าของกระผม ครอบครัวของผมทั้งหมดที่หาดใหญ่คงจะง่วนเตรียมการไหว้เจ้ากันอยู่ในขณะที่ผมอยู่เชียงใหม่กับครอบครัวสี่ขาเพียงสามคนพ่อลูก แต๊ะองแต๊ะเอียไม่ตกถึงมือมาหลายปีแล้วคับ (เปิดเรื่องก็เศร้าแล้วเห็นมั๊ยครับ T_T)
ซอยเล็กๆแห่งหนึ่งกลางเมืองเชียงใหม่
ผมตื่น ปล่อยหมาไปทำธุระในซอย (ผมตามเก็บนะคับ) อาบน้ำ และกำลังจะไปออฟฟิศซึ่งห่างจากบ้านไปสามสิบเมตร
8.30 กิจวัตรสุดท้ายของเช้านี้กำลังจะจบลง ผมจะปิดบ้านไปทำงานในอีกสองนาทีหลังจากเอาขยะไปทิ้งหน้าปากซอย หมาตัวใหญ่เข้ากรงแล้ว ในขณะที่ สีนวล ผู้เชื่องช้าและขี้อาย ของแฟนผม ปรกติจะเดินอยู่ในซอยอย่างหวาดกลัว (มันขี้กลัวครับเค้าเลี้ยงในบ้านมาหกเจ็ดปีจนผมต้องเอามาเปิดหูเปิดตา)
ผมเดินข้ามถนนมาทิ้งขยะ โดยที่ไม่รู้เลยว่าเช้านี้จะเกิดเรื่องยังงี้ขึ้น
สีนวลซึ่งถ้าไม่เรียกให้ตามมา ก็จะไม่กล้าข้ามถนนอย่างเด็ดขาด จะคอยชะเง้อมองผมอยู่หน้าบ้านนั่นเอง แต่เช้านี้มันดันรักใคร่อะไรผมขึ้นมาก็ไม่ทราบได้ เดินตามหลังผมมากลางถนน
ผมหันกลับไปจะเรียกมันให้เข้าบ้าน แต่ไม่ทันแล้ว....
รถมอไซค์คันหนึ่งวิ่งมาด้วยความเร็วพอประมาณ...
...เอี๊ยด....
เอ๋ง!
สีนวล! ผมวิ่งไปอุ้มหมาที่หนักเพียงสองกิโลกว่าๆ ที่นอนหมอบอยู่กลางถนน เลือดไหลออกมาทางปากและจมูกเล็กๆของมัน
รถคันนั้นของเขาหรือเธอก็ไม่รู้ ขี่ผ่านไปแล้วโดยที่ผมไม่ทันตั้งสติดู...ขอบคุณในน้ำใจมากๆครับ ถึงหมาผมจะทะเล่อทะล่าออกมาเอง แต่คุณก็ทำให้ผมได้รู้ว่าโลกนี้ยังมีคนแบบนี้อยู่จริงๆ
สีนวลยังตัวสั่นเทิ้มในอ้อมกอด มันไม่ร้อง ผมไม่รู้ว่ามันเจ็บแค่ไหน เลือดหยดเล็กๆแต่เข้มข้นของหมาอายุราว7-8 ขวบหยดลงพื้นบ้านและเสื้อกล้ามของผม
ผมวิ่งเข้าบ้าน สตาร์ทรถมอไซค์ มือซ้ายอุ้มหมา มือขวาบิดให้เร็วที่สุดเพื่อไปหาสัตว์แพทย์ใกล้บ้าน
เรื่องควรจะจบแค่หมาสุดที่รักของแฟนผมตัวนี้ไม่เป็นอะไรมาก...
ทั้งที่รถยนต์ผมก็จอดอยู่หน้าบ้าน แต่ผมตกใจเกินกว่าจะไปสตาร์ทรถออก
ทั้งที่ปกติถ้าผมพาหมาไปไหน สีนวลจะนั่งที่ตะกร้าหน้า แต่เช้านี้ผมขี่มือเดียว และไม่ใส่หมวกกันน็อค
ผมรีบร้อนมาก ขี่รถเร็วยิ่งกว่าวันไหนๆ...เพราะรู้ว่าหมาตัวนี้มีค่าต่อแฟนผมมาก พี่ชายของมันโดนรถชนต่อหน้าต่อตาแฟนผมเมื่อมันอายุได้เพียงสามเดือน ถ้าสีนวลเป็นอะไรไปผมคงไม่ให้อภัยตัวเอง (ฟังดูแล้วผมเป็นคนดีมั๊ยครับ แต่ผมมีแฟนแล้วนะครับ ดังนั้นสาวๆตัดใจซะ)
นิสัยบนท้องถนนที่ไม่ค่อยดีที่ติดตัวมาตั้งแต่เป็นวัยรุ่นที่หาดใหญ่ยังไม่เลือนไปจากสัญชาติญาณของผม...ผมขี่เลาะไปตามซอกซอยเล็กน้อยแถวบ้านอย่างชะล่าใจ ในใจคิดอย่างเดียวคือให้หมาถึงมือหมอให้เร็วที่สุด
ผมพูดคนเดียวกับหมาไปตลอดทาง...ไม่รู้ว่ามันจะได้ยินหรือรับรู้ได้ไหม
อีกแยกเดียวจะออกถนนใหญ่ และผมรีบเกินกว่าจะเบรคในขณะเลี้ยวขวา ไม่คิดว่ามอไซค์ที่ขี่กันอยู่ทุกวันจะบังคับยากขึ้นสามล้านห้าแสนเท่าเมื่อต้องขี่มือเดียว...
รถยนต์คันหนึ่งขับมาตามเลนซ้ายของเค้า ผมจะเลี้ยวขวาออกจากซอย ผมกำเบรคด้วยมือขวามือเดียวเมื่อใกล้ถึงแยก แต่รถไม่เชื่อฟังอย่างที่คิด มันชะลอลง...แต่ไม่ช้าพอที่จะหยุดหรือชะลอให้ผมเลี่ยงรถยนต์คันนั้นได้
ผมจำเป็นต้องหักขวา ไม่งั้นจะตรงไปและไม่แคล้วโดนรถชนเข้าที่ด้านข้างเต็มๆเป็นแน่ ล้อหน้าของรถมอไซค์ผมเบี่ยงเข้าไปหาเข้าด้านซ้ายของรถยนต์
รถเริ่มเอียงลงไปด้านขวา...ผมรู้ดีว่าต้องชนแน่ๆ
ผมกอดหมาแน่นกับอก ไม่คิดอะไรอีกนอกจากลงพื้นยังไงให้เจ็บน้อยที่สุด
เอี๊ยด...(เสียงรถผม)
เอี๊ยด...(เสียงรถยนต์)
ว้ายย...(เสียงป้าแถวนั้น)
เฮ้ย...(ลุงแถวนั้น)
...(ความเงียบจากผม)
โครม! ... .. . ผมไถลลงจากรถมากองอยู่ที่พื้น ไม่รู้ตัวเองว่าลงท่าไหน ไม่รู้ว่าตัวเองเจ็บไหม แต่ผมลุกขึ้น
รถผมกองอยู่ที่พื้นกลางถนน
รถยนต์ชะลอไปจอดชิดฟุตบาทข้างหน้า ตำรวจหนุ่มคนหนึ่งเดินลงจากรถมาดู
ผมเห็นขากางเกงตัวเองขาด รู้สึกถึงเลือดที่หน้าแข้งซ้ายและเข่าขวาสัมผัสกับด้านในกางเกงขายาว
หมาตัวน้อยยังอยู่ที่อกซ้ายและมือซ้ายผม...
ผมถอนใจ...โล่งอก มันยังไม่ไปไหน และผมยังมีแรงพามันไปหาหมอได้
ผมเดินไปเขียนชื่อ-เบอร์โทรให้ตำรวจ เอานามบัตรเค้ามา พร้อมขอตัวพาหมาไปหาหมอก่อนค่อยคุยเรื่องค่าเสียหายกัน
ท่ามกลางคนแถวนั้นที่ออกมายืนดู ผมยกรถขึ้นจากกลางถนนด้วยมือเดียว
มันสตาร์ทไม่ติด...
ผมฝากรถไว้กับชาวบ้านแถวนั้น แล้วอุ้มหมาเดินไปร้านสัตวแพทย์ที่ตั้งใจมาหา
ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองเดินท่าไหน...เดินตรงหรือไม่ --------------------------------------
ผมเอาหมาวางบนเตียงสแตนเลสของหมอด้วยความระวัง เลือดยังกบปากกับจมูกมันอยู่
มันยืนบนขาตัวเองได้ และไม่ร้อง ผมโล่งใจไปเปลาะหนึ่ง
หมอเช็ดเลือด จับกระดูกต่างๆ ฟังเสียงอวัยวะภายใน และบอกผมว่ามีเลือดออกข้างใน แต่ไม่น่ามีอวัยวะใดฉีกขาดข้างใน ภายนอกก็ไม่น่าหัก หมอฉีดยาห้ามเลือดภายในให้ไปเข็มนึง และให้ยาแก้อักเสบและยาปฏิชีวนะกลับมาป้อน ------------------------------
ผมกลับบ้าน ก่อนออกมาอีกทีเพื่อเอารถไปซ่อม
รถผม ข้างหน้าเบี้ยว ไฟแตก หักอีกสองสามชิ้น ค่าซ่อม = 4000
รถพี่ตำรวจ ค่าทำ = 3000
ค่าหมอ = 260
ขวัญและกำลังใจของผม = 0 --------------------------------
สีนวลกลับมากินข้าวได้ตามปกติ จนถึงตอนนี้มันยังนอนทั้งวัน ผมลางานอยู่บ้านเพื่อเฝ้าไว้
ผมมีแค่แผลถลอกสองสามที่
แต่ผมเสียใจ ถ้าผมเป็นอะไรไปล่ะ? ใครจะดูหมาสองตัวนี้ ใครจะอยู่กับแฟนผม ใครจะเป็นลูกคนโตของพ่อแม่ผม ใครจะเป็นพี่ชายให้น้องผม ใครฯลฯ
ผมยังไม่พร้อมจะเป็นอะไรไป... ----------------------------------
คนเราประมาทกันได้ มากน้อยแล้วแต่กันไป
กับเรื่องสัตว์เลี้ยง บางคนชดใช้ความประมาทหรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ด้วยความบาดเจ็บ พิการ
บางคนเรียกสัตว์เลี้ยงแสนรักให้กลับมาไม่ได้อีกเป็นครั้งที่สอง
กับเรื่องบนท้องถนน บางคนต้องเอาชีวิตไปฝากและไปทิ้งกับเศษเหล็กจาก(ส่วนใหญ่)ญี่ปุ่น ----------------------------------
หลายครั้งที่ผมเข้ามาที่แห่งนี้แล้วได้พบเห็นอุทธาหรณ์มากมายจากความไม่รู้หรือความประมาทของทั้งคนเลี้ยงและสัตว์เลี้ยง ผมคิดในใจบ่อยๆว่าจะไม่ยอมให้เรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นกับตัวเอง
แต่ใครจะรู้ว่าอุบัติเหตุจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่...
ใครจะรู้ว่าถ้าเกิดอุบัติเหตุแล้วจะเสียหายแค่ไหน...
ครั้งนี้ผมยังไม่เสียอะไรไปนอกจากสตางค์ ซึ่งนับว่าเป็นโชคดีในความโชคร้าย
วันนี้ขอเป็นผู้เตือนบ้างนะครับ รักษาตัวเองให้ปลอดภัยว่ายากแล้ว ดูแลรักษาเพื่อนสี่ขาที่พูดไม่ได้ยิ่งยากกว่าเป็นหลายเท่า ----------------------------------------
ไม่ควรประมาทนะครับ...ไม่ว่าจะเรื่องอะไร ที่ไหน และเมื่อไหร่
มีความสุขในวันตรุษจีนทุกคนครับ...
(เขียนพรวดเดียวจบ อาจอ่านแล้วสับสนนะคับขอโทษด้วย)
(เมื่อกี๊ลืมเลือกกลุ่ม ไม่ได้โพสซะนาน...)
จากคุณ :
Silent_Jealouser
- [
8 ก.พ. 48 16:43:44
]
|
|
|
|
|