ความคิดเห็นที่ 1 ปัญหาเดียวกันเลย แก้ได้ 1 พาหมาไปขูดหินปูนในปาก ปากหมาเป็นแหล่งรวมของแบตทีเรีย เวลากินอาหารแล้วมีการหมัก แล้วหมาจะเลียตัว กัดหมัด 2 อาหาร อาหารเม็ดบางอย่างหมากินแล้วตัวจะเหม็นเช่น เพทดีกี 3เวลาหมากินอาหารแล้วเอาผ้าขนหนูผืนเล็กเช็ดปาก ฟันให้ 4 มียาที่เป็นสเปรย์พ่นที่ตัวและบริเวณที่หมานอนลดการเหม็น 5 วิธีนี้ใช้ได้ผลมาก อาบน้ำด้วยน้ำมะกรูดคั้นคะ ไม่น่าเชื่อ หายเหม็นคะ อย่าใช้แชมพูลดกลิ่นสาปหมานะ มันแรง เราใช้แล้วหมาขนร่วงคะแล้วเป็นขี้เรือนเลย แชมพูพวกนี้ไปล้างภูมิคุ้มกันในตัวเขา หมอบอกคะ กว่าจะเจอเหตุหมดหลายพันคะ ใช้แล้วได้ผลหลังไมค์บอกเราด้วยนะ จากคุณ : นางในหนีเทียว - [ 22 ก.พ. 48 00:19:37 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เพิ่มเติมจากความเห็นข้างบน หลังอาบน้ำ ใช้สำลีเช็ดทำความสะอาดที่ข้างในหูด้วยค่ะ เพราะสุนัขบางพันธุ์ เมื่อหูเกิดการหมักหมม ก็จะส่งกลิ่นเหม็นๆ ออกมาได้ จากคุณ : Tichy~ - [ 22 ก.พ. 48 00:51:04 ]

ความคิดเห็นที่ 3 อ่านแล้วก้อเห็นใจเข้าใจ และแปลกใจมากๆ แต่อ้อเป็นลูกครึ่ง อันนี้มีส่วน 1.เรื่องอาหาร มีส่วน แต่ช่วยได้เรื่องฟัน คือหากระดูสดๆมาให้แทะย้ำว่าสดนะคะ ห้ามต้มสุกไม้ได้คะอันตรายต่อกระเพาะ กระดูสดจะนิ่ม กระดูสุกจะแข็ง 2. เรื่องหู ระวังนะคะสำลีเสี่ยงกับตกค้างในหู ใช้ปลายผ้าขนหนูดีกว่า และซื้อยาหยอดหูสุนัขมาใช้ 3.อาบน้ำ ใช้แชมพูที่ไม่มีสารเคมีผสม เมืองไทยมีขายแล้วยังไม่ทราบ หากสนใจหลังไมค์เลยคะ 4.เวลาอาบน้ำต้องล้างชะแชมภูให้หมดจดจริงๆ เป่าขนให้แห้งสนิท ไม่ใช่แห้งเฉพาะ ขนส่วนบน แล้วอับชื้นส่วนผิวหนัง รากขน 5.หากใช้แชมพูใดแล้วหมาขนร่วง พึงสังเกตด้วยว่า แชมพูนั้นมีอะไรผสมมาบ้าง อาจมีบางตัวที่สุนัขคุณแพ้ จึงแนะนำแชมพูที่ ไร้สารเคมี ไร้กลิ่น ไร้สี พวกแชมพูที่สีสวยๆ กลิ่นหอมๆ สารเคมีเยอะ 6.อย่า อาบน้ำหมาแล้วปล่อยตากแดด นั่นไม่ถูกต้อง คุณลองสระผมแล้วไปนั่งตากแดดดูหนังศีรษะคุณรู้สึกไงบ้างแล้วผมคุณจะเป็นไง มันแห้งอะใช่แต่มันแห้งแบบเหนียวนะคะ แสงแดด มี UV ทำลายผิว ทำลายผม สังเกตพวกอยู่เกาะอยู่ชายทะเล ผมกรอบแดง แล้วถึงมาใช้ ครีมทาผิวใช้ไรไรที่มี UV Protection สรุปแสงแดด ไม่มีดีเสมอไปนะคะ จากคุณ : จิงโจ้/ออสซี่ - [ 22 ก.พ. 48 10:46:33 ]

ความคิดเห็นที่ 4 เห็นด้วยกะคำแนะนำจากทุกความเห็นค่ะ นอกจากนี้น้ำสกัดชีวภาพ(หรือเรียกว่าน้ำ EM) ผสมน้ำแล้วราดตัวหลังอาบน้ำก็ช่วยได้เหมือนกันค่ะ มีอีกเรื่องที่อยากจะพูดถึงนิดนึงค่ะซึ่งอาจจะตอบไม่ตรงคำถามนะคะ แต่ขอชี้แจงประโยชน์ของการทำหมันสุนัขคร่าวๆให้ฟังนะคะ เพราะว่ามันไม่มีอะไรโหดเลยแม้แต่นิดเดียวค่ะ ประโยชน์ทางด้านสุขภาพ สุนัขเพศผู้ 1. ป้องกันการเป็นมะเร็งของอัณฑะ 2. ป้องกันโรคเกี่ยวกับต่อมลูกหมาก 3. ป้องกันการเป็นไส้เลื่อน 4. ป้องกันโรคเนื้องงอกในต่อมข้างก้น 5. ป้องกันการอักเสบของเนื้อเยื่อที่อยู่รอบก้น สุนัขเพศเมีย 1. ป้องกันมะเร็งเต้านม (หากทำหมันก่อนอายุ 6 เดือน หรือก่อนเป็นสัดครั้งแรก) 2. ป้องกันมดลูกอับเสบ 3. ป้องกันมะเร็งรังไข่ ประโยชน์ทางด้านอุปนิสัย สุนัขเพศผู้ - ช่วยลดความดุร้าย ที่ไม่จำเป็นหรือมากเกินไปที่เกิดจากฮอร์โมนทางเพศ เช่น ความดุที่เกิดจากการหวงที่อยู่ รวมไปถึงการกัดกับสุนัขตัวผู้ตัวอื่นในบ้านจะลดลงด้วย ในกรณีที่ทำหมันตั้งแต่ยังน้อย (ก่อน 6 เดือน) ความดุร้านในกรณีนี้ส่วนมากจะไม่มี แต่ถ้าทำหมันหลังจาก อายุ 6 เดือน ความดุร้ายอาจจะไม่หายขาดแต่จะลดลง - ช่วยลดการยกขาฉี่ในบ้านเพื่อทำสัญลักษณ์อาณาเขต ถ้าต้องการป้องกันปัญหาดังกล่าวนี้ จำเป็นต้องทำหมันเสียก่อนอายุ 6 เดือน หรือก่อนที่จะยกขาฉี่ครั้งแรก หากทำหมันแล้วฮอร์โมนทางเพศจะลดลงทำให้สุนัขไม่พยายามที่จะต้องการขยายอาณาเขตอีก -ลดความต้องการที่จะหนีออกไปนอกบ้าน ซึ่งอาจจะเกิดอุบัติเหตุโดนรถชนหรือพลัดหลงได้ ปกติสุนัขที่ไม่ได้ทำหมันและไม่มีตัวเมียให้ผสมนั้น จะต้องการที่จะหนีออกไปหาตัวเมียตัวอื่น ซึ่งถ้าทำหมันความต้องการก็จะหมดไปด้วย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น อาจจะยกเว้นสำหรับสุนัขบางพันธุ์ที่มีนิสัยเช่นนี้อยู่แล้ว -ช่วยลดการขึ้นคร่อมขาของคุณ ซึ่งการทำหมันนี้จะช่วยให้ไม่มีปัญหาอย่างนี้ขึ้นมา สุนัขเพศเมีย -ช่วยลดปัญหาในช่วงเป็นสัดได้ ปกติสุนัขเพศเมียจะเป็นสัดปีละ 2 ครั้ง ซึ่งเวลาเป็นนี้จะมีหยดเลือดออกมาทำให้เลอะเทอะ โดยเฉพาะสุนัขตัวใหญ่ แถมจะต้องพบปัญหาที่มีสุนัขตัวผู้มายืนออกเฝ้าหน้าประตูเต็มไปหมดแถมบางทียังมีการต่อสู้เพื่อแย่งตัวเมียกันที่หน้าบ้านคุณอีกด้วย ยิ่งจะต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ และในช่วงนี้สุนัขจะขับถ่ายบ่อยกว่าปกติอีกด้วย ดังนั้นปัญหาที่น่าปวดหัวเหล่านี้จะหมดไปถ้าทำหมัน ประโยชน์ที่ผู้เลี้ยงได้รับ สุนัขที่รักของเราจะได้ไม่ต้องเสี่ยงกับโรคร้าย และไม่ต้องเหนื่อยกับพฤติกรรมบางอย่างอันเป็นสาเหตุจากฮอร์โมนทางเพศ ที่ทำให้คุณปวดหัว ช่วยลดปัญหาต่างๆ ทำให้เราไม่ต้องดุเค้าโดยไม่จำเป็น และจะทำให้เรามีความสุขมากขึ้นอีกด้วยค่ะ เนื่อหาทั้งหมดนี้ ได้คัดลอกมาจากนิตยสาร ชามู ควอเตอร์ลี่ ฉบับเดือน กพ.-เมษ. 2546 โดย ขอคัดลอกในความสำคัญและนำมาแผยแพร่แก่สาธารณะในครั้งนี้ด้วยค่ะ จากคุณ : AmyKo - [ 22 ก.พ. 48 18:17:56 ]