ความคิดเห็นที่ 1 แบบ A ปล่อยลมรั่วใช่ป่าว ส่วน B บีบท่อให้ลมไหลยาก ถ้าเป็นแบบมอเตอร์หมุนเเล้วเจอโหลดหนักๆ(B) มอเตอร์จะหมุนช้าลง โอกาศที่มันจะใหม้มีสุง ส่วนแบบธรรมดาอันล่ะ 70 ก็ซื้อได้เเล้ว ไม่ต้องห่วง มันทน ตุ้ปลาควรจะมีอ๊อกอย่างน้อย 2 เครื่อง แบบธรรมาดายี่ห้อทนๆๆ ท่อเดียวก็ได้ ไม่เช่นนั้นท่านอาจจะไม่โชคดีแบบผม ที่บ้าน มีแบบธรรมดา2 เครื่องใหญ่กับเล็ก เเละมีอ๊อกใช้ถ่านตอนไฟดับอัตโนมัติ (ไม่ใช่ AC/DC auto ตัวล่ะ 1200 ถูกๆๆ 250 เอง) ช่วงสงกานต์อ๊อกตัวใหญ่ดันพังซ่ะ (พังแบบไม่บอกกล่าว ไร้สาเหตุ ) ไฟก็ไม่ดับ ยังดีที่มีอ๊อกตัวเล็ก ไม่งั้นได้ขายตุ้ทิ้ง จากคุณ : wa - [ 19 เม.ย. 48 23:30:14 A:61.91.161.90 X: TicketID:041108 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ต่อแบบ A ผิดแน่ถ้าเป็นการปล่อยลมทิ้ง (เสียพลังงานฟรี) เอาเป็นว่าปั้มลมเล็กทั่วไป ไม่ควรติดวาวล์ วาวล์ ควรใช้กับ ปั้มลมขนาดใหญ่ ที่มีปริมาณลมออกมามาก สามารถใช้ได้20-30หัว เพื่อเป็นการลดปริมาณลมในส่วนที่ใกล้ปั้ม เพื่อให้ลมไปถึงส่วนหัวฟู่ที่ไกลได้ดี ต่อแบบ B ก็ได้ แก้ไขเมื่อ 20 เม.ย. 48 07:20:23 จากคุณ : โชค55 - [ 20 เม.ย. 48 07:19:06 ]

ความคิดเห็นที่ 3 มาเก็บความรู้ครับ โดยส่วนตัว...ผมไม่นิยมแบ่งวาล์วครับ  สองหัวก็ใช้สองหัวทราย  สี่หัวก็สี่หัวทราย  ไม่แบ่งเพิ่มครับ  ก็เลยไม่ได้ใช้วาล์วครับ จากคุณ : ปิติ99 - [ 20 เม.ย. 48 07:50:52 ]

ความคิดเห็นที่ 4 เหมือน ปิติ ครับ จากคุณ : ปติวรตา - [ 20 เม.ย. 48 08:45:34 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ขอมองว่า เป็นเพราะแรงลมเยอะเกินไปใช่ไหมครับ การปล่อยแรงดันของลมออกทางวาล์ว แบบ เอ ผมว่ายิ่งถ้าตู้ลึกมาก แรงลมจะดันได้น้อย จนกลายเป็นว่า โหลดจะตกอยู่ที่วาล์ว กับตัวปั้มเองน่ะครับ แบบ บี การรับโหลดเหมือนการบีบท่อให้เล็กเพราะ ตัววาล์วเอง เป็นข้อจำกัดทำให้ส่งผลต่อปั้มโดยตรง ผมกลับมองว่า การจะช่วยยืดอายุ หรือการให้ได้ แรงลมสูงสุด อยู่ที่ ระยะทาง ความลึก กับ หัวฟู่น่ะครับ ถ้าระยะทางไกลมาก โหลดปั้มเอง คงไม่เท่าไร แต่แรงลมจะน้อยลง ถ้าความลึกมาก โหลดที่ปั้มจะหนัก ถ้าหัวฟู่ ระเอียดมาก โหลดที่ปั้มจะหนัก มองแบบนี้ ผมขอเลือกใช้ แบบ เอ แต่ใช้หัวฟู่แบบทองเหลืองดีกว่า ฟองใหญ่หน่อย เพราะรูใหญ่ โหลดปั้มน้อยกว่า พวกหัวทรายน่ะครับ ตันช้ากว่าด้วย แก้ไขเมื่อ 20 เม.ย. 48 09:19:53 จากคุณ : พี่มีลาสีดำผ่านมาพอดี - [ 20 เม.ย. 48 09:17:55 ]

ความคิดเห็นที่ 6 A ครับ มีเหตุผลนะครับ - การระบายแรงอัดอากาศออกได้มากกว่า ทำให้แรงที่ต้านสนามแม่เหล็กในปั้มน้อยกว่า ความร้อนที่ขดลวดน้อยกว่าแน่นอนครับ อาจจะกินไฟน้อยกว่าด้วย เพราะเสียกำลังไฟไปกับความร้อนน้อยกว่า และความร้อนก็ทำให้ชิ้นส่วนที่เป็นยางหมดสภาพเร็วขึ้นครับ *ความเห็นส่วนตัวนะครับ จากคุณ : N'='.'= - [ 20 เม.ย. 48 11:45:20 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เราก็คิดว่า แบบ A ทำใ้ห้ ลมออก โดยรวมได้ 100% (กรณีที่ pressure drop ในสายน้อยมากๆนะ) Air Pump 100 หน่วย = หัวทราย 80 หน่วย + ปล่อยออก 20 หน่วย สมมุติ ลูกยางปั๊ม ผลิตได้ 100 หน่วย เราก็ควรปล่อยลมออกทั้งหมด 100 หน่วย   อาจจะแบ่งจ่ายในตู้ 80 หน่วย ปล่อยออก 20 หน่วย จะระบายความร้อนได้ดีกว่าและไม่ฝืนกระแสแม่เหล็กตรงลูกยาง ไม่ทราบว่าคิดถูกหรือเปล่าอะ ต้องถามวิศวกร จากคุณ : หญิงยอดนักทดลอง - [ 20 เม.ย. 48 16:07:45 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ลืมบอกนะว่าเป็นปั๊มลมแบบถูกๆ ลูกยาง  140 บาท  ทั่วไป จุดประสงค์เพื่อลดแรงลม ไม่ให้พ่นแรงเกินไป  อะไรทำนองนี้ แต่เพื่อเกิดประโยชน์สูงสุดต่อกระทู้ จะถกประเด็นปั๊มแบบมอเตอร์ด้วยจะดีมากเลย ได้จ๊ะ จากคุณ : หญิงยอดนักทดลอง - [ 20 เม.ย. 48 16:11:00 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เดี๊ยวก่อนนะ   คำถามของโจทย์นี้  เกิดจาก สมมุติฐานที่ว่า *** ความดันที่อั้นในท่อลม  ส่งผลต่อปั๊มหรือไม่ ?  *** จากคุณ : หญิงยอดนักทดลอง - [ 20 เม.ย. 48 16:18:22 ]