ความคิดเห็นที่ 1 บ่อเลี้ยงพ่อแม่พันธุ์ การเลี้ยงพ่อแม่พันธุ์ปลาทองสามารถเลี้ยงได้ทั้งในบ่อซีเมนต์ บ่อดิน ถังไฟเบอร์ ตู้กระจก ฯลฯ ทำเลที่เหมาะสมในการสร้างบ่อพ่อแม่พันธุ์ปลาทอง คือ บริเวณที่แสงแดดส่องได้บ้างในเวลาเช้าหรือเย็น หากเป็นที่โล่งแจ้งต้องทำหลังคาหรือร่มเงาให้แสงส่องลงได้เพียง 25 – 40 % บ่อที่ได้รับแสงแดดที่พอเหมาะจะทำให้สามารถควบคุมการเจริญเติบโตของตะไคร่น้ำและแพลงค์ตอนพืช (Phytoplankton)  ให้อยู่ในปริมาณที่พอดี ทำให้น้ำในบ่อใสสะอาดอยู่เสมอเหมาะกับความเป็นอยู่ของปลา พื้นที่บ่อไม่จำกัดใส่น้ำลึก 30 – 70 เซนติเมตร ขึ้นกับชนิดปลา ถ้าเป็นปลาทองสายพันธุ์หัวสิงห์ ก็จะใส่น้ำตื้น ส่วนพันธุ์   ออรันดาสามารถใส่น้ำลึกได้ให้อากาศผ่านหัวทรายตลอดเวลา บ่อขนาด 4 ตารางเมตร น้ำลึก 70 เซนติเมตร ใส่หัวทรายให้อากาศแรง ๆ 2 – 3 หัว ปล่อยพ่อแม่ปลาในอัตราส่วน เพศผู้ : เพศเมีย เท่ากับ 2:3 ความหนาแน่น 6 ตัว/ตารางเมตร หรือปริมาตรน้ำ 1 ลูกบาศก์เมตร ปล่อยพ่อแม่พันธุ์น้ำหนักรวม 2-2.5 กิโลกรัม จากคุณ : คนรักปลา - [ 27 พ.ค. 48 10:32:19 ]

ความคิดเห็นที่ 2 อาหารที่ใช้เลี้ยงพ่อแม่พันธุ์ อาหารธรรมชาติ ได้แก่ ลูกน้ำ หนอนแดง ไส้เดือนแดง หรืออาร์ทีเมีย อาหารมีชีวิตเหล่านี้จะทำให้ปลาโตเร็ว และปลากินได้ตลอดเวลา แต่การจัดเตรียมหรือจัดหาอาจมีความยุ่งยากในบางพื้นที่ อาหารสำเร็จรูป ได้แก่ อาหารเม็ดปลากินพืชหรืออาหารเม็ดปลาดุกเล็ก โดยอาหารเม็ดปลาดุกเล็กจะดีกว่า เนื่องจากมีคุณค่าทางอาหารสูงกว่า สามารถเลี้ยงปลาได้เจริญเติบโตดีและมีสีสันสวยงาม     การให้อาหารจะให้วันละ 2 – 3 % ของน้ำหนักปลา เช่น มีปลาทั้งหมดหนัก 500 กรัม จะให้อาหารเม็ดวัน 10 – 15 กรัม   โดยแบ่งให้วันละ 2 มื้อ เช้า – เย็น จากคุณ : คนรักปลา - [ 27 พ.ค. 48 10:33:15 ]

ความคิดเห็นที่ 3 คุณสมบัติของน้ำที่ใช้เลี้ยงพ่อแม่พันธุ์ น้ำที่ใช้เลี้ยงปลาทอง ควรเป็นน้ำที่สะอาด ใช้น้ำบาดาล น้ำจากแม่น้ำ หรือน้ำประปาที่ใส่ถังเปิดฝาให้คลอรีนระเหยออกอย่างน้อย 3 วัน มีความเป็นกรด-ด่าง (pH) 6.5-7.5 มีปริมาณออกซิเจนในบ่อเลี้ยงพ่อแม่พันธุ์ปลาตลอดเวลา ความกระด้าง (Hardness) 75-150 มิลลิกรัม/ลิตร และความเป็นด่าง (Alkalinity) 75-200 มิลลิกรัม/ลิตร ปริมาณออกซิเจนที่ละลายน้ำไม่ต่ำกว่า 3 มิลลิกรัม/ลิตร มีการดูดตะกอนก้นบ่อออกทุก ๆ 3 วัน แล้วเติมน้ำให้ได้ระดับเดิม การเลี้ยงปลาทองไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำบ่อย เพราะจะทำให้ปลาช้ำและเกิดโรคง่าย จะเปลี่ยน 3 เดือน ต่อครั้ง ในปริมาณ 25-50% ของน้ำทั้งหมด และหากน้ำในบ่อมีคุณภาพไม่ดี ก็ให้ทำการล้างบ่อ นำน้ำเก่าจากบ่ออื่นมาเติมปริมาณ 30% และใส่น้ำใหม่เพิ่มไปอีก 70% การไม่เปลี่ยนน้ำนาน ๆ แล้วเปลี่ยนจะเป็นการกระตุ้นให้ปลาวางไข่เป็นอย่างดี จากคุณ : คนรักปลา - [ 27 พ.ค. 48 10:34:01 ]

ความคิดเห็นที่ 4 การคัดเลือกพ่อแม่พันธุ์ปลาทอง ปลาทองจะเจริญพัฒนาจนกระทั่งมีความสมบูรณ์เพศเมื่อมีอายุประมาณ 6 เดือน น้ำหนัก 30 กรัม ก็สามารถใช้เป็นพ่อแม่พันธุ์ได้แล้ว แต่แม่ปลาขนาดเล็กจะให้ไข่น้อย และไข่มีขนาดเล็ก การคัดเลือกพ่อแม่พันธุ์ ควรตรวจสอบลักษณะรูปร่างให้มีลักษณะตรงตามสายพันธุ์ สมบูรณ์แข็งแรง มีเกล็ดเป็นเงางาม และตรวจสอบความสมบูรณ์เพศ ดังนี้ ปลาเพศผู้ บริเวณแผ่นปิดเหงือก(operculum) และด้านหน้าของครีบว่ายจะมีตุ่มเล็ก ๆ คล้ายเม็ดสิวเรียกว่า pearl organ เกิดขึ้น ปลาเพศเมีย มีรูปร่างกลมและป้อมกว่าเพศผู้ ปลาเพศเมียที่มีไข่แก่เต็มที่ี่พร้อม  ส่วนท้องจะใหญ่ และอ่อนนิ่ม   แม่ปลาที่ใช้ไม่ควรมีอายุเกิน 1   1/2 ปี เนื่องจากแม่ปลาที่มีอายุมากเกินไปจะไม่วางไข่ จากคุณ : คนรักปลา - [ 27 พ.ค. 48 10:40:53 ]

ความคิดเห็นที่ 5 การเพาะพันธุ์ปลาทองที่ง่ายและประหยัด คือ การใช้วิธีเลียนแบบธรรมชาติ โดยการปล่อยให้ พ่อแม่รัดกันเองในบ่อผสมพันธุ์ ซึ่งมีขั้นตอนการเพาะพันธุ์ดังนี้     การเตรียมบ่อเพาะพันธุ์ บ่อเพาะพันธุ์ปลาทอง ได้แก่ บ่อเลี้ยงพ่อแม่พันธุ์นั่นเอง ปลาทองเป็นปลาตระกูลเดียว กับปลาไน ลักษณะไข่จะเป็นแบบเดียวกัน คือเป็นไข่ติด ไข่ปลาทองมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2 มิลลิเมตร เนื่องจากเป็นไข่ติดจึงต้องเตรียมวัสดุยึดเกาะ วัสดุดังกล่าวเรียกว่า รังเทียม ได้แก่ การนำ พันธุ์ไม้น้ำ เช่น สาหร่ายฉัตร สาหร่ายหางกระรอก มามัดรวมกันเป็นกำๆ ละ10-15 ต้น หรือผักตบชวาที่มีรากยาว นำไปใส่ไว้ในบ่อเพาะพันธุ์ให้กระจายทั่วผิวน้ำ นอกจากนี้อาจใช้เชือกฟางซึ่งตัดให้ยาวประมาณ 50 เซนติเมตร ฉีกให้เป็นฝอยมัดตรงกลางจะได้รังเทียม นำไปใส่ไว้ในบ่อเพาะพันธุ์ให้กระจายทั่วผิวน้ำ วิธีนี้มีข้อดีคือ สามารถนำรังเทียมที่ทำด้วยเชือกฟางกลับมาใช้ได้หลาย ๆ ครั้ง การใส่รังเทียมลงไปในบ่อเพราะจะเป็นการกระตุ้นให้แม่ปลาวางไข่ นอกจากนี้ในบ่อเพาะพันธุ์ต้องมีการเพิ่มออกซิเจนตลอดเวลา เมื่อใส่ รังเทียมไปในตอนเย็นปลาจะวางไข่ในตอนเช้ามืดของอีกวัน โดยปลาตัวผู้จะเริ่มไล่ปลาตัวเมียและใช้ หัวดุนที่ท้องปลาตัวเมียเพื่อกระตุ้นให้วางไข่ ปลาตัวเมียจะปล่อยไข่เป็นระยะๆ ในเวลาเดียวกันนั้นปลา ตัวผู้จะปล่อยน้ำเชื้อเข้าผสมแล้วไข่กระจายติดกับรังเทียม แม่ปลาจะวางไข่ครั้งละประมาณ 500-1,000 ฟอง วิธีการตรวจสอบอย่างง่าย ๆ ก็คือ หลังจากใส่รังเทียมในตอนเย็น จะสามารถตรวจสอบการวางไข่ในตอนเช้า หากพบว่ามีการวางไข่จึงเก็บรังเทียมไปฟักในถังฟังไข่ ปลาทองสามารถวางไข่ได้ทั้งปี ดังนั้น จึงควรใส่รังเทียมลงไปทุกอาทิตย์ นอกจากนี้แม่ปลาจะวางไข่มากในช่วงฤดูหนาว ซึ่งปลาอาจมีการผสมพันธุ์ วางไข่ได้ทั้งวันในช่วงนี้ จึงต้องนำรังเทียมไปเติมในบ่อและเก็บไข่ไปฟักเป็นระยะ     การฟักไข่ นำรังเทียมที่มีไข่เกาะติดไปฟักในถังฟักไข่ ซึ่งอาจใช้บ่อซีเมนต์ ถังไฟเบอร์ โอ่ง หรือกะละมังพลาสติกก็ได้ ถ้าใช้ถังไฟเบอร์ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 2 เมตร ใส่น้ำลึก 50-60 เซนติเมตร จะใช้ฟักไข่ได้ประมาณ 100,000 ฟอง ให้อากาศตลอดเวลา ไข่ปลาทองจะฟักออกเป็นตัวภายใน 2-4 วัน ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิน้ำ ลูกปลาแรกฟักมีขนาดเล็กมาก ตัวใส เกาะติดกับรังไข่หลังจากฟักเป็นตัวแล้วประมาณ 2 –3 วัน ลูกปลาจึงจะว่ายออกจากรังไข่ และว่ายน้ำเป็นอิสระ ลักษณะลำตัวมีเข้มขึ้น จะนำรังเทียมออกจากบ่อในระยะนี้ แล้วอนุบาลในบ่อเดิมต่อไป หรืออาจย้ายลูกปลาไปอนุบาลในบ่อใหม่ก็ได้ จากคุณ : คนรักปลา - [ 27 พ.ค. 48 10:41:59 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ลูกปลาทองที่ฟักออกเป็นตัวในระยะแรก จะยังไม่กินอาหาร เนื่องจากยังใช้อาหารจากถุงไข่แดง ที่ติดอยู่กับหน้าท้องได้เมื่อลูกปลาอายุ 3 วัน ถุงไข่แดงจะยุบ จึงเริ่มกินอาหาร อาหารในระยะแรกคือ ไข่แดงต้มสุกบดละเอียด ละลายน้ำสาดให้กินวันละ 3-4 ครั้ง ลูกปลา 100,000 ตัว ให้ไข่ประมาณวันละ 1 ฟอง เมื่อลูกปลาอายุ 1 สัปดาห์ ควรเสริมไรแดงให้ลูกปลากิน ลูกปลาจึงจะเจริญเติบโตได้รวดเร็ว และแข็งแรงสมบูรณ์ หรือให้ไรแดงตั้งแต่วันที่ 3 เลยก็ได้ เมื่อลูกปลาอายุ 1 เดือน จึงทำการคัดขนาดและย้ายบ่อ โดยคัดปลาที่มีขนาดใหญ่ใกล้เคียงกันไปอยู่ในบ่อใหม่และให้อาหารเม็ดปลาดุกเล็ก หรืออาหารมีชีวิต ได้แก่ ลูกน้ำ หนอนแดง เป็นต้น เมื่อลูกปลาทองมีอายุประมาณ 1.5-2.5 เดือน จะเริ่มเปลี่ยนสี ช่วงนี้ให้ทำการคัดปลาที่มีลักษณะสวยงามถูกต้องตามสายพันธุ์เพื่อเลี้ยงไว้ต่อไป ส่วนปลาที่เหลือจะนำไปเลี้ยงรวมกันอีกบ่อ เป็นปลาทองที่จำหน่ายในราคาที่ถูกกว่า สำหรับปลาที่พิการและถูกคัดทิ้งจะนำไปจำหน่ายเป็นปลาเหยื่อ จากคุณ : คนรักปลา - [ 27 พ.ค. 48 10:42:36 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ที่มา : จากการสำรวจของสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรและกรมประมง ขอขอบคุณ มา ณ โอกาสนี้ที่อนุเคราะห์ข้อมูล จากคุณ : คนรักปลา - [ 27 พ.ค. 48 10:45:44 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ขอบคุณมากครับ เพิ่งจะเลี้ยงเหมือนกัน เลยไม่รู้ว่าต้องทำไงกะมันดี พันธุ์อะไรยังไม่รู้เลย (รู้แต่อึดมาก) จากคุณ : กุ้ยช่ายผจญภัย - [ 27 พ.ค. 48 10:55:39 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ตัวละ 10 บาท ซื้อตามร้านข้างทาง ตอนนี้หัวมันมี หงอนๆ ประหลาดขึ้นมา ไม่รู้เป็นอะไรรึป่าว จากคุณ : กุ้ยช่ายผจญภัย - [ 27 พ.ค. 48 10:57:19 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ขึ้นอยู่ตรงหัวตาด้านบนครับเป็นเฉพาะเจ้าตัวสีแดง มันเป็นปกติตามสายพันธุ์หรือมันเป็นโรคอะไรหรือป่าวครับ วานช่วยแนะนำด้วย ขอบคุณครับ จากคุณ : กุ้ยช่ายผจญภัย - [ 27 พ.ค. 48 10:59:04 ]

ความคิดเห็นที่ 11 บ่อเป็นบ่อ ซีเมนต์ ลงกันซึมสีดำ บ่อเล็กๆ สูงประมาณ 1 ฟุต กว้าง 3 ฟุต เลี้ยง 8 ตัว พักนี้เริ่มมีฟอง ฟอดๆ มีตัวกรอง มีน้ำพุ มีหัวทราย อย่างละ 1 พ่อผมบอกว่าแน่นไป ..อย่างนั้นรึป่าวครับ แต่ตัวมันก็เล็กๆ ว่ายไปว่ายมา ดูไม่มีโรคอะไร จากคุณ : กุ้ยช่ายผจญภัย - [ 27 พ.ค. 48 11:07:30 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ปลาน่าจะเป็น ออรันดา นะครับ ฟอง ขนาดนั้น แสดงว่า น้ำเริ่มไม่ดีแล้วครับ กรองไม่ทัน ครับ ไม่ทราบว่าใช้ระบบ กรองแบบไหน อย่างไรครับ  ดู น้ำแล้ว สภาพไม่ดีเลยนะครับ เปลี่ยนน้ำด่วนครับ (น้ำประปา ที่พักไว้ 2-3 วัน ให้คอรีนหมด) เปลี่ยนประมาณ 40% ครับ ให้อาหารเยอะเกินไปนะครับ ดูจากอาหารลอยเกลื่อน เลยครับ   ปลามันกิน ต้องช้อนทิ้งนะครับ  อย่าปล่อยไว้ เพราะคิดว่า มันจะกินทีหลัง การให้อาหาร ต้องให้ปุ๊บ ปลากินปั๊บ รอให้กินหมด ค่อยให้ต่อ ทีละนิดนะครับ อาหารเยอะเกิน ปลาใช่ว่าจะโตเร็วนะครับ เรื่องปลาเยอะเกิน ตอนนี้ คง พอดีๆ ครับ ไม่เยอะเกินไป แต่ มันจะไม่ดีตอนโต ครับ  ถ้าปลามันอึดอัด มันก็จะเครียด+ โตช้าครับ ให้พอดีๆ + เปลี่ยนน้ำ บ่อยๆ ปลาโตเร็วกว่าครับ ปล. เลี้ยงปลา ถึง มีกรอง อย่างไรก็ต้องเปลี่ยนน้ำสม่ำเสมอ นะครับ  แล้วปลาเราจะไม่มีโรค  ต้องเลือกเอานะครับ ว่าจะดูแล ตอนที่มัน สุขภาพดี ให้มัน สดชื่น ตลอด  หรือว่าจะ คอยดูแล ตอนมันไม่สบาย ครับ จากคุณ : Rhythm Investor - [ 27 พ.ค. 48 12:06:52 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ดูจาดรูปน่าจะเป็นพันธุ์ฮอลันดานะครับ ที่ว่ามีหงอนนะไม่ใช่หงอนครับเค้าเรียกวุ้น สายพันธุ์นี้จะมีวุ้นขึ้นที่หัวแต่จะมากหรือน้อยก็อยู่ที่สายพันธุ์นะครับ บ่อขนาดที่ว่าเล็กไปครับสำหรับเลี้ยงปลาแปดตัว ถ้าจะให้ปลาเจริญเติบโตดีคัดตัวสวยๆเลี้ยงสัก 2 ตัวน่าจะพอเหมาะ บ่อเลี้ยงควรจะมีระบบกรองนอกเป็นถังตั้งที่ขอบบ่อเพราะปลาทองกินอาหารเยอะน้ำเลี้ยงจะเสียเร็วหากไม่มีระบบกรองที่ดีพอนะครับ น้องกุ้ยช่ายผจญภัยเลี้ยงอยู่ที่ไหนครับ จากคุณ : คนรักปลา - [ 27 พ.ค. 48 12:08:47 ]

ความคิดเห็นที่ 14 เพิ่งถ่ายเมื่อกี้กับมือถือเลยไม่ค่อยชัดหน่อยนะครับ อยู่ตรงระเบียงจะโดนแดด เฉพาะช่วงเช้า แต่ก็มีต้นโมก บังให้ร่ม อยู่บ้าง..เพิ่งลองซื้อตัวกรองที่ต่อกับน้ำพุหน่ะครับ อยากได้กรองนอกบ่อ แต่มันก็หาที่เหมาะกับอ่างเล็กไม่ได้ซะที..ช่วยแนะนำด้วยครับ ออ เป็นอ่างปลาทองที่เลี้ยงที่คอนโดหน่ะครับ ระเบียงเล็กๆ เท่านั้นเอง จากคุณ : กุ้ยช่ายผจญภัย - [ 27 พ.ค. 48 12:35:13 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ให้อาหาร 2 ครั้งเช้า-เย็น ประมาณ 1 ช้อนชาเต็มๆ หน่อยๆ อาหารเม็ดอย่างที่เห็น เคยเลี้ยงไม้น้ำจริงแต่ติดปัญหา ตันบ่อยๆเลยเปลี่ยนเป็นไม้ปลอม พอให้ที่หลบภัยเล่นซ่อนหา เปลี่ยนน้ำทุกอาทิตย์ น้ำที่คอนโดเป็นน้ำกรองมีบ่อพักอยู่แล้ว เลยไม่ต้องพักคลอรีน แต่ก็ใส่น้ำยาสีเขียวๆ กับน้ำยา ลดคลอรีน ด้วย..คำถามคือ -ผมควรเปลี่ยนอาหาร สลับกันหรือเปล่าครับ อาหารที่ให้มากไปหรือเปล่า -ดูจากรูปแล้วปลามันแออัดหรือเปล่าครับ (ผมดูแล้วไม่รู้สึกอะไร) -ตัวกรอง+น้ำพุ+หัวทราย เท่านี้พอหรือเปล่า หรือต้องเพิ่มเติมอะไรบ้างไหม -เห็นหนังสือการ์ตูนมันบอกว่าลองใส่เกลือให้ปลา จะทำให้ปลาสดชื่น ผมจะลองได้ไหม หรือว่ามันไม่จริง ขอบคุณ คุณคนรักปลา  และคุณRhythm Investor มากครับ สำหรับคำแนะนำ และขอรบกวนช่วยตอบคำถามด้วยนะครับ ผมมือใหม่จริงๆ ไม่อยากเห็นปลาทองน้อยมันหงายท้องคอย ประชดผม อย่างที่บิดาผมเคยแช่งไว้ (พ่อผมก็เพิ่งจะเลี้ยงปลาพร้อมผมเหมือนกัน แต่เป็นปลาตู้ปอมปาดัวร์อะไรนี่แหละครับ เลยแพ้ทางแกบ่อยๆเถียงไม่ออก แหะๆ) แก้ไขเมื่อ 27 พ.ค. 48 12:49:44 จากคุณ : กุ้ยช่ายผจญภัย - [ 27 พ.ค. 48 12:48:23 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ตามที่ว่ามาก็ OK แต่พยายามล้างตัวกรองบ่อยหน่อยนะครับ 3 วันครั้งเพราะน่าจะเป็นตัวกรองเล็กๆ ไม่แน่นแต่ก็ไม่โตนะครับ จากคุณ : คนรักปลา - [ 27 พ.ค. 48 13:20:07 ]

ความคิดเห็นที่ 17 เข้ามาเห็นด้วยหมดเลยครับ จากคุณ : chanin - [ 27 พ.ค. 48 14:52:57 ]

ความคิดเห็นที่ 18 อาหารเกรด ดีหน่อย hikari ซองดำ หรือ แดง ก็ได้ 100 กรัม  ร้อยกว่าบาท  ถ้าอยากเร่งสี ต้อง Tetra bits กระป๋อง เหลือง (เค้าเอาไว้เลี้ยงปอมปาดัวร์) ให้พ่อ ซื้อ แล้วเราจิ๊ก เอามาใช้ ครับ  อิอิ อาหาร ให้ เท่าๆ กันทุกวันไม่แน่นอนนะครับ ต้องสังเกตุว่า ปลา กิน หมด หรือไม่  ถ้ามันอมๆ แล้ว บ้วนออกมา  ก็ แสดงว่า เยอะไปครับ จริงๆ แล้วเลี้ยงแบบ อดๆ อยากๆ ปลาจะ ปราดเปรียว + แข็งแรง มากกว่า อ่ะครับ ถ้าอยากให้สวย เหมือนฟาร์ม เลี้ยง แบบ อ้วน+ล่ำบึก   ให้อาหารเยอะ แล้ว ต้องเปลี่ยนน้ำบ่อยๆ ด้วยครับ บางฟาร์ม เปลี่ยนวันล่ะ 2 ครั้งก็มีครับ ตัวกรองของ คุณ กุ้ยช่าย มันกรองยังไงอ่ะครับ ผม งง ผมเข้าใจว่า เป็นกรอง ฟองน้ำ เฉยๆใช่ไหมครับ ถ้าใช่ ขอแนะนำ กระทู้ของคุณรักกันครับ ดัดแปลงได้ + ใช้งานได้ดีมากครับ อาจจะใช้กระป๋องอะไรก็ได้ที่ใหญ่ กว่านั้น ปริมาณวัสดุกรอง ยิ่งเยอะ ก็ยิ่งดีครับ ใช้กระป๋อง ใหญ่ๆ ยิ่งดีครับ http://www.pantip.com/cafe/jatujak/topic/J3494959/J3494959.html เวลาเลี้ยงปลา เราต้อง มีจุดประสงค์ นะครับ ว่าเลี้ยงเพื่อความสวยงาม  เพาะพันธ์  ประกวด  เลี้ยงให้โต ถ้าเลี้ยงแบบกะ ให้โต ก็ ถือว่าแน่น เกินไปครับ ถ้าเลี้ยงแบบสวยงาม+โตช้าๆ  ก็ พอดีๆ  ฟิตๆ ครับ ถ้าปรับปรุง ระบบกรองเป็นแบบ ของคุณรักกัน แล้ว ก็ เปลี่ยนน้ำ อาทิตย์ละครั้ง ก็ ดีนะครับ ถ้าไม่อยากกรองกรวด ก็ เอาแค่ กรองด้านบน ก็ ใช้ได้นะครับ   ใส่เกลือแล้วปลาสดชื่น อันนี้จริงครับ แต่เดี๋ยว ก่อน เกลือที่ใส่ ควรเป็น เกลือ กรวด ครับ  เกลือทำอาหาร+เกลือไอโอดีน ไม่ควรนะครับ ใส่ 0.1 % ตามน้ำหนักครับ เวลาเปลี่ยนน้ำ เราเอาน้ำออกเท่าไหร่ เกลือมันก็จะออกไปด้วยเป็นสัดส่วนกัน เวลาเราเติมน้ำใหม่เข้าไป เราก็ เติมเกลือ ให้ความเข้มข้นเท่าเดิม จากคุณ : Rhythm Investor - [ 27 พ.ค. 48 15:30:00 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ขอให้เลี้ยงเก่งๆเหมือนที่เลี้ยงน้องหมาได้น่ารักๆนะค่ะ จะแนะนำอะไรดีละ มีแต่เซียนๆมาแนะนำ เอาเรื่องน้ำก่อนดีกว่า ถ้าน้ำพักไว้แล้ว ไม่ต้องใส่ยาลดคลอรีนอะไรไปแล้วละ ใส่สารเคมีมากๆไม่ดีหรอกนะ ถ้าไม่แน่ใจก่อนเปลี่ยนน้ำก็เอาน้ำที่พักไว้ใส่หัวทรายลงไป เพิ่มออกซิเจนในน้ำ แถมทำให้คลอรีนจางได้อีก เรื่องอาหารนะค่ะ จากประสบการณ์ ที่ทำให้ต้องไปหาคุณหมอบ่อยๆ และคุณหมอก็มักจะแนะนำว่า ให้อาหารสดบ้างก็ดี (อาหารเม็ดก็เหมือนอาหารกระป๋องทำให้อิ่มแต่โปรตีนน้อย ให้เยอะมากก็จะเป็นถุงลม ลอยตุบป่องกลับหัวกลับหางอีก)โดยเฉพาะ ไรทะเล ตัวที่ว่ายแล้วเหมือนมีขายุบยับ หมอบอกว่าสะอาด ดีกว่าหนอนแดงเพราะอาจมีพยาธิ ปลิง ฯลฯ ถ้าขยันก็ไปซื้อเชื้อมาเพาะเองก็ได้ หมอบอก เอาขวดลิตรน้ำอัดลม คว่ำตัดตูด ร้อยเชือก ใส่เกลือนิดหน่อย ใส่หัวทราย ใส่เชื้อไรทะเล วันเดียวก็เป้นตัวตักให้ปลากิน ทำวันต่อวัน(ถ้าขยัน) ไม่ก็ซื้อจาก เจเจ เรื่องกรองพี่ๆก็บอกไปแล้ว เอาเป้นว่า ขยันล้างปลาก็เป้นสุข เชื้อโรคไม่เบียดเบียน ถ้าอยากลองใส่เกลือก็ใส่ได้ค่ะ ใส่ตอนเปลี่ยนน้ำ แต่ไม่ต้องใส่ทุกครั้งนะค่ะ นานๆใส่ทีก็ได้ สูตรใส่เกลือก็ต้องลองถามพี่ๆค่ะ เพราะปกติใส่ตามใจฉันเอาแบบปลาไม่เค็มเกินไปจนเป็นปลาเค็มค่ะ 5555 ยังไงถ้าเลี้ยงประสบความสำเร็จ วาดการ์ตูนปลาทองมาให้ดูมั่งน่ะค่ะ แก้ไขเมื่อ 27 พ.ค. 48 15:40:38 จากคุณ : GT004 - [ 27 พ.ค. 48 15:38:43 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ถ่ายรูปสวยจังครับ จากคุณ : lingo - [ 27 พ.ค. 48 22:30:21 ]

ความคิดเห็นที่ 21 เห่อๆๆ กระทู้สำหรับครักปลาทองจริงๆด้วยค่ะ พี่คนรักปลาไปเอาข้อมูลมาจากใหนคะ ขยันหาให้อ่านจังเลย ที่เห็นจะเป็นฮอรันดาค่ะ สีสรร มาร์คกิ้ง น่ารักดี ฟังจากวิธีการเลี้ยงแล้วก็โอเคนะคะ ในรูปเห็นอาหารเยอะนะ แต่แค่ช้อนเดียวปลาทอง 8 ตัวก็ไม่ถือว่าเยอะ ลองไปเดินเจเจดูนะคะ อาจจะใช้กรองถึงหรือกรองบนก็ได้ค่ะ ที่ห้องก็ตู้ 36 ใส่น้ำแค่ 10 นิ้ว ใช้ปั๊มตัวเดียวต่อเข้ากะกรองบน 2 ตัว (แบบว่าตัวนึงมันเล็กซื้อมาตอนเลี้ยงตู้ 24 อ่ะค่ะ จาปล่อยไว้เฉยๆ ก็ยังไงอยู่)เลี้ยงปลาทอง 6 ตัวน้ำก็ใสดี จากคุณ : Joie_Girl - [ 28 พ.ค. 48 08:57:04 ]

ความคิดเห็นที่ 22 จากคุณ : รักกัน - [ 28 พ.ค. 48 18:57:18 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ขอบคุณสำหรับความรู้ดี ๆ นะคะ ส่วนคุณกุ้ยช่าย ทำตามที่ข้างบนแนะนำเลยค่ะ แจ๋วสุดแล้วเจ้าค่ะ ขอให้มีความสุขกับการเลี้ยงปลานะคะ ปล. ให้อาหารน้อย ปลาไม่ตาย ให้อาหารมาก ปลาไม่ป่วย ก็ตายเจ้าค่ะ จากคุณ : น้ำเจ้าค่ะ - [ 29 พ.ค. 48 00:20:29 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ขอบคุณครับ สำหรับคำแนะนำ ค่อยสบายใจขึ้นหน่อย มีข่าวอัพเดตว่า ปลาทองอีกตัวนึงมันเข้ากะเพื่อนไม่ได้ปลีกวิเวกตลอด แลเตอนนี้โดนรังแก เพื่อนๆรุมตอดจนเกล็ดหลุด เลยต้องแยกมันไว้ ไม่รู้ว่ามีเรื่องแบบนี้กับปลาด้วย งง จริงๆ จากคุณ : กุ้ยช่ายผจญภัย - [ 30 พ.ค. 48 11:43:23 ]