CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangGameRoom


    .............ริบบิ้น............แจ้งให้ทราบครับ...................

    ผมไม่ได้เข้ามาตั้งกระทู้ในจตุจักร 2 ปี เห็นจะได้ นาน ๆ เข้ามาที ดันเอาเรื่องหดหู่มาให้อ่านกันอีก คงไม่ว่ากันนะครับ


    ริบบิ้น หมาของผมไม่สบาย มีเลือดออกที่ช่องคลอด ตอนแรกผมก็นึกว่าเป็นเลือดเมนส์ปกติ ก็ไม่ได้สนใจ วันไหนอารมณ์ดีเลือดก็ไม่ออก วันไหนครึ้มฟ้าครึ้มฝน เลือดก็หยดติ๋ง ๆ สีเข้มบ้าง สีจางบ้าง แล้วแต่อารมณ์ของมัน ผมก็ยังไม่สนใจ จนเลยวันที่คาดว่าเมนส์ของมันควรจะหมดได้แล้ว ทำไมเลือดมันยังออกอีกวะ


    ริบบิ้นกินข้าวได้ตามปกติ สดชื่น ร่าเริงตามนิสัย สิ่งที่เปลี่ยนไปในตอนแรกคืออาการเดินกระเผกของขา และดูเหมือนขาหน้าไม่ค่อยจะมีแรง ผมก็นึกว่ามันคงเล่นกับเก็บตังค์แรงไปหน่อย เลยทำให้เจ็บขา จนคนในบ้านเห็นมันฉี่ออกมาเป็นเลือด ผมเลยพาไปหาหมอ ในครั้งนั้นหมอบอกว่าเป็นอะไรผมจำไม่ได้ เพราะหลังจากนั้นผมพาไปหาหมออีกหลายครั้ง มึนไปหมดทั้งคำอธิบายของหมอ ทั้งเรื่องที่เกิดขึ้น


    ในครั้งนั้น ริบบิ้นหายครับ อาการขาหน้ากระเผกก็กลับมาแข็งแรงเหมือนเดิม แต่มันย้ายที่ไปเป็นขาหลัง และคราวนี้กินอาหารได้น้อยลง เมื่อริบบิ้นผอม ก็ต้องแปรผกผันกับหมาอีกตัวนึงที่บ้าน เพราะฟาดอาหารที่ริบบิ้นกินเหลือทุกมื้อ

    “เอ่อ ริบบิ้นยังถือว่าไม่ผอมนะครับ ฉีดยาไปแล้ว เดี๋ยวหมอจะให้ยาบำรุงไปให้ด้วย แต่……” หมอหลิ่วตาหันไปมองเก็บตังค์ พร้อมกับส่ายหน้าอย่างเซ็ง ๆ

    “เก็บตังค์นี่ ถือว่าอ้วนมากเกินไปแล้วนะครับ เกินไปมาก ๆ ด้วย ร็อตไวเลอร์นี่ อ้วนมาก ๆ ไม่ดีนะครับ วิ่งก็เหนื่อย อาจจะเป็นโรคหัวใจได้ด้วย” ผมหันไปดูเก็บตังค์ ถ้าดับไฟในร้านหมอ คงแยกไม่ออก ตรงไหนหัว ตรงไหนตัว ตรงไหนตูด เพราะมันอ้วนเท่ากันหมด


    ผมพาริบบิ้นไปหาหมอกี่ครั้งจำไม่ได้ เพราะนอกจากมันจะไม่กินอาหาร คราวนี้มันนอนซมเลย กว่าจะลุกขึ้นมาได้ก็ทุลักทุเลมาก ร่างกายก็ดูเหมือนไม่มีแรง คนที่บ้านบอกว่าตอนกินข้าว มีเลือดออกมาจากทางจมูกด้วย และยังถ่ายเป็นเลือดอยู่ คุณหมอบอกว่าริบบิ้นติดเชื้อ ไม่ใช่เชื้อไวรัสนะครับ เป็นเชื้อโปรโตซัว น่าจะเกิดมาจากเห็บหรือหมัด และเลือดที่ออกมาก็เป็นฮีโมโกลบินอะไรนี่แหล่ะ (ถ้าอธิบายผิด ต้องขอโทษด้วยนะครับ)

    “มันจะมีโอกาสหายไหมครับ” ผมถามด้วยใจคอห่อเหี่ยว คุณหมอที่เคยรักษาริบบิ้น กับเก็บตังค์มาตั้งแต่เล็ก ๆ พยายามอธิบายให้ผมฟัง ถึงสิ่งที่เจ้าริบบิ้นเป็น ผมก็เข้าใจบ้าง ไม่เข้าใจบ้าง อยู่หลายครั้ง ก่อนจะหามริบบิ้นกลับมาบ้าน


    เวลาหมาของเราไม่สบายรู้สึกยังไงกันบ้างครับ ผมเชื่อว่าทุกคนเป็นเหมือนผม มันเศร้าจริง ๆ ความเศร้าเกิดมาจากเราสงสารมัน ริบบิ้นนอนแผ่ ลืมตา ตอนนั้นลุกขึ้นไม่ได้แล้ว มันพยายามจะดันตัวมาเล่นด้วย แต่สังขารมันไม่ให้แล้ว

    “อย่าเพิ่งเป็นอะไรนะริบบิ้น เดี๋ยวก็หาย” ผมลูบหัวบอกมัน ผมยังไม่ยอมแพ้ และผมคิดว่าริบบิ้นมันก็ไม่ยอมแพ้ ทั้งเก็บตังค์และริบบิ้นตอนเด็ก ๆ เคยผ่านโรคร้าย ๆ ชนิดที่ว่าน่าจะตายไปแล้วมาทั้งสองตัว เก็บตังค์เคยเป็นลำไส้อักเสบในตอนเล็ก ๆ (ไม่รู้จะมีใครยังจำได้บ้างไหม) เกือบจะตายแหล่ไม่ตายแหล่ ส่วนริบบิ้น ลิ้นเคยไปติดในโซ่ ต้องเฉือนลิ้นเพื่อเอาโซ่ออกมาแล้ว เพราะฉะนั้นครั้งนี้ ผมว่าริบบิ้นน่าจะผ่านไปได้


    ริบบิ้นอาการมีแต่ทรง ไม่ถึงกับทรุด ผมต้องไปทำงานต่างจังหวัด กลับกรุงเทพคืนวันศุกร์ ขับรถผ่านต้นไม้ไหนที่ผูกผ้า ก็นึกขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิช่วยนังริบบิ้นไว้ด้วย พักหลังผ่านบ้านใครมีศาลพระภูมิ เสาไฟฟ้า ตู้ไปรษณีย์ ก็นึกภาวนาขอให้ช่วยมันไว้ด้วย จนเมื่อ 2 อาทิตย์ที่แล้ว ริบบิ้นอาการทรุดลง ช่วงล่างตั้งแต่เอวลงไป เหมือนจะไม่ตอบสนอง ถ้าอุ้มหรือเอามือไปดันเพื่อที่จะอุ้ม ถ้าไปกดตรงที่หน้าท้องก็จะมีเลือดออกมาจากช่องคลอด ครั้งละมาก ๆ ด้วย ผมรีบอุ้มไปหาหมออีกครั้ง หมอฉีดให้ไปอีก 3 เข็ม วันรุ่งขึ้นผมพาไปหาหมออีกครั้ง หมอฉีดยาให้นังริบบิ้นไปอีก 3 เข็ม

    “ให้มันครบโด๊ส ยาตัวนี้แรง แล้ววันพุธมาหาอีกครั้งนะ” หมอบอก คุณหมอแกก็พยายามช่วยเต็มที่ เกือบเจ็ดปีที่แกดูแลเก็บตังค์กับริบบิ้น ทำให้เราเป็นเหมือนคนสนิท ผมพยักหน้าเนือย ๆ ใครที่คิดเลี้ยงหมา เผื่อใจตอนมันไม่สบายไว้ด้วยนะครับ เลี้ยงหมาหนึ่งตัว อย่าคิดแต่อยากเลี้ยงเพราะอารมณ์ชั่ววูบ มันต้องอยู่กับเราไปอีกสิบ ๆ ปี ผมจำได้เคยอ่านที่ มรว. คึกฤทธิ์เคยเขียนไว้ประมาณว่า เลี้ยงหมาเนี่ยะก็เป็นห่วง ตอนเราอยู่ก็กลัวมันจะตายไปเสียก่อน ตอนเราจะตายก็เป็นห่วงว่า จะไม่มีใครดูแลมันต่อ อะไรประมาณอย่างนี้ และมันเป็นอย่างนั้นจริง ๆ

    “นี่ริบบิ้นมันดูสดชื่นขึ้นนะ กินอาหารได้ด้วย เพิ่งพาไปให้หมอดู แกไม่ได้ฉีดยาอะไรให้มันอีก นอกจากจะให้ยาบำรุงอย่างเดียว” คืนวันพุธที่แล้ว แฟนผมโทรมาบอก (ผมอยู่ต่างจังหวัด) เสียงดีใจเหมือนกับสอบเอนทรานซ์ติดใหม่ ๆ ผมพลอยสดใสไปด้วย แต่


    เพียง 4 วันหลังจากนั้น ริบบิ้นอาการแย่ลงไปอีก คราวนี้ไม่กินอาหารเลย กินแต่น้ำอย่างเดียว นอนซมทั้งวัน ผมลองโทรไปหาคุณหมออีกคนหนึ่งอยู่ที่โรงพยาบาลสัตว์เอกชนแห่งหนึ่งไม่ไกลจากบ้าน

    “ต้องพามาตรวจเลือดเพื่อวิเคราะห์หาเชื้อ ต้องมาให้น้ำเกลือ และมานอนที่โรงพยาบาล………..” คุณหมอบอกอะไรอีกหลายอย่าง ซึ่งคล้ายกับหมอประจำของผมบอก ผมตัดสินใจพาริบบิ้นไปหาคุณหมอคนเดิม อย่างน้อย ผมก็จะไม่รู้สึกเสียใจแม้แต่นิดเดียว ถ้าริบบิ้นเป็นอะไรเพราะรักษากับคุณหมอประจำ


    หมอให้น้ำเกลือและขอให้ริบบิ้นนอนที่คลินิก ค่อยมารับกลับในตอนเย็น ผมให้แฟนไปรับริบบิ้นกลับบ้าน ผมมาถึงบ้านในตอนหัวค่ำ ริบบิ้นผงกหัวขึ้นมาดูผม ดูเหมือนอาการมันจะดีขึ้น หรือผมคิดไปเอง

    “มันไม่ยอมฉี่ หมอให้น้ำเกลือไปตั้งเยอะ มันควรจะฉี่บ้าง ยังไม่ฉี่เลย ดูเหมือนมันจะรอ…….อยู่นะ” แฟนผมบอก ว่าริบบิ้นมันรอผมอยู่ ผมเข้าไปลูบหัวริบบิ้น เก็บตังค์นอนคว่ำมองริบบิ้นอยู่ใกล้ ๆ ผมว่าเก็บตังค์ก็เป็นห่วงริบบิ้นไม่แพ้ผม ผมเห็นมันชอบเดินเข้ามาเลียริบบิ้น ดม ๆ แล้วก็นอนอยู่ใกล้ ๆ หลายปีที่อยู่ด้วยกัน เก็บตังค์อยู่กับริบบิ้นทุกวัน ไม่มีแม้แต่คืนเดียวหรือวันเดียวที่ไม่ได้เจอกัน ถ้าริบบิ้นไม่อยู่ เก็บตังค์มันจะเป็นอย่างไร ผมก็ไม่รู้ได้ ยิ่งคิดยิ่งเศร้า


    คืนนั้นผมปิดไฟนอนแล้ว แฟนเขย่าให้ฟังเสียงริบบิ้น เป็นเสียงโหยหวน ฟังออกว่ามันเจ็บและทรมานมาก ริบบิ้นไม่เคยร้องอย่างนี้ ผมลงไปหามันอีกครั้ง ไม่ได้ร้องไห้ฟูมฟาย หรือดึงมันเข้ามากอด ผมลูบหัวมัน ลูบที่หน้าท้อง เขย่ามันให้รู้สึกตัว เหมือนมีก้อนอะไรใหญ่ ๆ จุกอยู่ในคอผม….

    “ริบบิ้น…..” ผมรู้ในตอนนั้นว่าเสียงผมสั่นมาก

    “ถ้าไม่ไหวจริง ๆ ก็…ไป…ซะนะ” สาบานได้ว่าผมบอกมันไปอย่างนั้น ในขณะที่ผมนั่งมองมันหายใจระทวย และผมไม่สามารถทำอะไรได้เลย………………นอกจากสงสาร……….


    ผมตื่นมาตอนเช้าตรู่ รีบขับรถออกจากบ้านเพราะต้องไปต่างจังหวัด ผมหันไปมองริบบิ้นนอนอยู่ และเก็บตังค์นอนอยู่ใกล้ ๆ

    “ริบบิ้น รีบ ๆ หายนะ เก็บตังค์ฝากดูแลริบบิ้นด้วยล่ะ” ผมมักสั่งอย่างนี้เสมอ ในอาทิตย์หลัง ๆ ที่ริบบิ้นไม่สบาย แต่คงจะไม่ได้สั่งอย่างนี้อีกแล้วครับ……ก็..…..อย่างที่ทุกคนเข้าใจ…………….ริบบิ้นตายแล้วครับ

    ……………………………………….

    แฟนผมจ้างคนงานในหมู่บ้าน ให้มาฝังริบบิ้นไว้ที่หลังบ้าน คนงานแนะให้ไปฝังที่นอกหมู่บ้าน เพราะหมาตัวใหญ่ และมีบริเวณโล่งไม่ได้ใช้งาน แฟนผมพยักหน้า หงึก หงึก ก่อนจะบอกให้เขารีบขุดดินใต้ต้นไม้หลังบ้านเพื่อที่จะฝังริบบิ้น ฝังไว้ในบ้านดีกว่าแน่นอน เพราะมันจะได้ไม่เหงา อย่างน้อยก่อนจะไปผุดไปเกิด ก็ยังอบอุ่นอยู่ในที่เก่า บ้านของมัน แต่ถ้ามันจะเป็นผีมาหาผม ก็ขอให้บอกแต่เนิ่น ๆ ก็แล้วกัน เพราะผมเป็นคนขี้กลัวผี


    ก็มาแจ้งให้ทราบครับ เพราะริบบิ้นเอง เมื่อหลายปีก่อน ก็แวะเวียนเข้ามาสอบถามเอาความรู้ บอกเล่าเรื่องราวของตัวมันให้ทุกคนในห้องนี้ฟังอยู่เป็นประจำ ผมเลยคิดว่าควรจะมาแจ้งให้ทราบด้วย ในส่วนของผม ยังมีงานที่ต้องดูแลเป็นพิเศษอีก หลังจากริบบิ้นตาย...........รักเก็บตังค์ให้มากขึ้นครับ

    จากคุณ : schacq - [ 14 มิ.ย. 48 08:45:48 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป