ความคิดเห็นที่ 31
ผมพูดแบบเป็นกลางที่สุดนะครับ ว่า คุณแนนไม่ควรไปพาดพิงคนอื่นเค้านะครับ มันเป็นเรื่องความผิดส่วนบุคคลของคุณแนนคนเดียว ไม่มีขบวนการใด ๆ จ้อง ล้มล้างคนมีชื่อเสียงใด ๆ ทั้งสิ้นสำหรับกรณีนี้ เพราะเป็นเรื่องของการขายของที่ ไม่ใช่ของที่ได้บอกกับลูกค้าไว้ ตัวอย่างเช่น เพชรปลอมจะเห็นภาพได้ชัด... คนขายรู้ไหม? ว่าเป็นเพชรปลอม คำตอบคือ ถ้ารู้...แล้วยังตั้งใจไปขายแล้วบอก ว่า เป็นเพชรแท้ เค้าเรียกว่าอะไรล่ะครับ? (เท่านี้ก็เห็นเจตนาแล้วว่าเป็นอย่างไร?) ไม่เกี่ยวกับเรื่องเค้าจะมาจ้องทำลายล้างใด ๆ เลยครับ... เป็นเรื่องของคุณแนน ตัดสินใจที่จะทำล้วน ๆ... ไม่ใช่ว่าคนอื่น ๆ ก็ไม่ดี เลยทำให้ผมต้องไม่ดีตามไป ด้วย (ต้องคิดให้รอบคอบและต้องซื่อสัตย์ก่อนที่จะทำอะไรลงไป)
ต่อให้เค้าจ้องทำลาย ถ้าเราดีจริง ไม่คด ไม่โกง ซื่อสัตย์ต่อลูกค้า ทองจริงตกน้ำ ไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้... ใครก็ทำอะไรคุณแนนไม่ได้ครับ... แต่เรื่องก็ผ่านมา แล้ว... จะทำอะไรได้ตอนนี้... มันเหมือนกรณีคุณหมอที่ฆ่าภรรยาตายนะครับ ถามว่า เค้ายังเป็นหมออยู่หรือเปล่า เค้ายังเป็นหมออยู่ ถามต่อว่าเค้ายังเป็นคนเก่ง หรือเปล่า ความรู้แพทย์ก็ยังมี เก่งไหม? คำตอบเก่งครับ ... แต่พอมีคดีเกิดขึ้น ทุกคนรู้ข่าวหมด ... ถามคุณแนนต่อว่า ถ้าคุณแนนป่วย คุณจะกล้าไปให้หมอคนนี้ รักษาอยู่อีกหรือเปล่าครับ? ทั้ง ๆ คุณหมอคนนี้ยังเก่ง และยังยืนยันความสามารถ ของตนเองที่พร้อมจะทุ่มเททั้งแรงกาย, แรงใจ, ความรู้ความสามารถ, สรรพกำลัง ทั้งหมด ที่จะรักษาคนไข้คนอื่น ๆ ต่อไป...(เหมือนที่คุณยืนยันจะทุ่มเทความรู้ ความสามารถอยู่ ณ.ตอนนี้ !!!) ถามว่าคุณยังนับถือคุณหมอคนนี้อยู่หรือเปล่า ยังไว้ใจ ยังอยากให้รักษาคุณอยู่หรือเปล่าครับ? เท่านี้คุณแนนก็จะได้คำตอบแล้ว ครับว่าคุณอยู่ในสภาพเช่นไรในตอนนี้ ......
คือ สำหรับเหตุการณ์นี้ของคุณแนนต้องถือว่า เป็นเรื่องใหญ่มาก... เกินเยียวยา พอสมควรเลยทีเดียว เพราะถ้าถือเป็นคดีความทางกฎหมายหรือตำรวจ เค้า สามารถเอาผิดเราได้เลยนะครับ เป็นคดีฉ้อโกง ติดคุก ติดตาราง เสียอนาคตเลย ทีเดียว (จะไม่ได้มีโอกาสมาทำงานที่เรารักอีกต่อไป)... จะไปบอกว่า ผมโกงคุณ ไป แล้วคุณจับได้ งั้นผมคืนเงินให้คุณแล้วจบไป เงียบไปล่ะกันนั้น... เราอาจจะคิด ของเราคนเดียว.. คนอื่น ๆ เค้าไม่ได้คิดเหมือนกะเราด้วยนี่นา.... จากกรณี ทองอินโด แล้วไปขายเป็นทองมาเลย์ ถือว่า สาหัสครับ เพราะราคาต่างกันเยอะ ไป เช่น ทองอินโดราคา 20,000 บาท แต่เราหลอกเป็นทองมาเลย์ 50,000 บาท (สมมตินะครับ) มันเหมือนเราโกงเค้า 30,000 บาทเลยทีเดียวนะครับ....
เปรียบเทียบตัดภาพกลับไปที่คดีโจรที่เคยเป็นข่าวปล้นร้าน 7-11 ได้เงินไป 2,000 กว่าบาทเองนะครับ (ถูกจับติดคุกไปแล้ว) แต่เราได้มาถึง 30,000 กว่าบาท ได้มากกว่าโจรที่ปล้น 7-11 อีกนะครับ (ผลลัพท์เหมือนกันคือ ได้เงินคนอื่นมา อย่างไม่ถูกวิธี แต่ต่างกันที่วิธีการเท่านั้น) ถามว่า แล้วภาพของเราจะต่างอะไร จากโจรพวกนั้นครับ? เราจะบอกว่า คุณจับได้ งั้นผมคืนเงินให้แล้วกัน แล้วจบกัน ไป...เลิกแล้วต่อกัน..ขอให้ทุกคนลืมไปเถอะ... คนอื่น ๆ ไม่ได้คิดอย่างนั้น ...แล้ว มันก็จะไปเหมือนกัน Case คุณหมอที่ยกตัวอย่างไว้...ในเรื่องความไว้ใจในอนาคต
กล่าวคือ เสียดายความรู้... อ่านเรื่องนี้ทีไรก็เจ็บปวดทุกที... แต่อย่างไรก็ดีผมยัง อยากให้คุณกลับตัวกลับใจ ยึดถือความจริงใจเป็นที่ตั้ง (มากกว่าแค่คำว่าได้ เงินเป็นใช้ได้... เพราะมีพี่ ๆ ที่น่านับถือหลายท่านกล่าวไว้น่าฟังมากว่า เงินใคร ๆ ก็อยากได้, แต่ความสง่างามและวิธีในการได้มาซิ..สำคัญกว่า ไม่งั้นเรานับถือ คนมีเงิน แต่เงินที่เค้าได้มาจากค้ายาบ้า ซึ่งผิดวิธี เราจะยังนับถือคน ๆ นั้นอยู่หรือ เปล่าครับ? เพราะถ้าถือว่าให้ได้เงินมา ไม่ว่าวิธีจะถูกจะผิดไม่สน วันหนึ่งข้างหน้า เราต้องเดินไปสู่เหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นเช่นนี้อีกครั้งแล้วครั้งเล่าครับ แล้ว ครั้งต่อ ๆ ไป คู่กรณีของเราอาจจะไม่ใจดีเหมือนกรณีนี้ก็ได้นะครับ...แล้ว ผลลัพท์คุณก็คงนึกภาพออก) คุณควรจะได้ใช้ความรู้ที่มีทำประโยชน์ให้กับสังคม เพื่อชดเชยกับสิ่งที่พลาดไป... (คือ ผมยังมองว่านักโทษประหารยังมีการให้ อภัยโทษกันได้)
.... อีกอย่างคือ ถ้าเราผิด เราไม่อยู่ในฐานะที่จะไปสั่งสอนใครได้เลยนะครับ ... แล้วเราไม่ควรจะไปว่า "ใครทำอะไรก็เจ็ง" เพราะในโลกความเป็นจริง ไปดูได้เลย นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในวันนี้ มีสักกี่คนที่ไม่เคยล้มเหลวมาก่อน อาจจะ ล้มเหลวเป็น 100 ครั้ง แต่สำเร็จครั้งเดียวก็รวยเลย (หากเรายึดว่า รวย คือประสบ ความสำเร็จนะครับ) แล้วคนที่เคยล้ม อาจจะประสบความสำเร็จในเดือนหน้า, วันหน้าก็ได้ครับ ใครจะไปรู้ ...ไม่ควรไปว่าเค้า (ผมว่าจะติงคำพูดนี้ตั้งแต่กระทู้ก่อนแล้ว) เพราะเราจะรู้ได้อย่างไรว่า ที่เราคิดว่า เราประสบความสำเร็จมากมาย (ในความคิดของเรา) ในวันนี้ เราจะไม่เดินไปถึงวัน ที่อาจจะเจ็งอย่างที่ว่าเค้าไว้เหมือนกัน... อย่างนั้นหรือ? ไม่งั้นเมืองไทยจะเจอเหตุ วิกฤติเศรษฐกิจโดยที่ไม่มีใครเคยคิดหรือครับ? อะไรจะเป็นตัวการันตีได้ว่า งานที่ เราทำอยู่จะได้รับความนิยมตลอดไป? นั่นคือคำถาม? เพราะฉะนั้นผมจึงไม่อยาก ให้คุณแนนพูดแบบนี้กับใคร ๆ อีกต่อไป รวมทั้งการทวงบุญคุณใครก็ตามที่เราทำ อะไรให้ เพราะการทำอะไรให้แล้วทวงบุญคุณ หมายถึง เราคิดถึงแต่ผลประโยชน์ ไม่ว่าจะด้านตัวเงินหรือในรูปอื่น ๆ เช่น เลี้ยงข้าว, ให้สิ่งของ ที่หวังจะทวงคืนใน อนาคต ... แล้วถ้าคู่กรณีของเราเอาบ้าง ทวงบุญคุณคุณแนน ว่า เนี่ยถือเป็นบุญ คุณนะที่ไม่เอาเรื่อง ไม่งั้นป่านนี้อาจจะต้องไปติดคุก ติดตะรางแล้ว และทวงไป ตลอดชีวิตของเรา แล้วเราจะรู้สึกอย่างไร? เพราะจะไม่เป็นผลดีต่อ Image ของ ตัวคุณแนนเองนะครับ... ด้วยความหวังดี และยังอยากให้โอกาสอยู่ครับ (แม้ว่า สำหรับคนอื่น ๆ จะริบหรี่เหลือเกิน ก็ยังหวังครับ) !
แก้ไขเมื่อ 28 มิ.ย. 48 12:31:13
แก้ไขเมื่อ 27 มิ.ย. 48 12:50:45
แก้ไขเมื่อ 27 มิ.ย. 48 12:44:10
จากคุณ :
Ben_Time
- [
27 มิ.ย. 48 00:55:59
]
|
|
|