ความคิดเห็นที่ 1 เอาสแลนเขียวขึงไว้เพื่อลดแสง  ที่บ้านเราโชคดีมีหลังคา2-3เดือนน้ำใสแจ๋วแต่มีตะไคร่ขึ้นที่บ่อเหมือนกันนะ จากคุณ : Paperclip (Paperclip) - [ 5 ก.ย. 48 17:17:03 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ตามความเห็น 1 ครับ ถ้าไม่หาย อาจต้องเพิ่มยูวีเข้าไปในระบบ จากคุณ : อิงค์-ออม - [ 5 ก.ย. 48 17:33:39 ]

ความคิดเห็นที่ 3 โดนแดดขนาดนี้ ยังไงก็เสร็จครับ คงต้องหาอะไรมาบังแหละครับ หาปลา sucker ใส่ด้วยก็ช่วยมากครับ ผมเองก็ใช้ จากคุณ : ปติวรตา - [ 5 ก.ย. 48 18:08:13 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ยูวี บวกระบบกรองถึง ๆ ครับ ยังไงก็ใส จากคุณ : ตาเด่น - [ 5 ก.ย. 48 18:14:37 ]

ความคิดเห็นที่ 5 บ่อผมก็เป็นนะครับ จะโดนแสงแดดประมาณ วันละ 3-4 ชั่วโมง แต่ก่อนก็เขียวขุ่นไปหมดครับ แต่พอใช้บ่อกรอง มันก็จะดีขึ้น จนเดียวนี้ น้ำใสแจ๋วเลยคับ ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกันน่ะครับ ลอง ทำบ่อกรองดีๆ ดูนะครับ จากคุณ : หนุ่มบางกอก (หนุ่มบางกอก) - [ 5 ก.ย. 48 21:59:17 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ที่ว่าตะไคร่ขึ้นเนี่ย มันขึ้นที่ผนังบ่อ ก้นบ่อ หรือมันแขวนลอยในน้ำครับ ถ้าขึ้นที่ผนัง ก้นบ่อแต่น้ำใส ปล่อยเลยครับ ไม่ต้องไปยุ่งอะไร แต่ถ้าเป็นแบบน้ำเขียวๆ ผมขอแนะนำเป็นประเด็นๆไปแล้วกัน ทั้งนี้ เพื่อเป็นการแก้ปัญหาแบบยั่งยืน ผมขออนุญาตเรียนตามนี้ครับ (อาจจะยาวหน่อย แต่ไหนๆจะตอบก็น่าจะให้ได้ประโยชน์สูงสุด) จริงๆแล้วโดยหลักการนี่ น้ำเขียวๆพอประมาณเป็นผลดีกับปลานะครับ โดยเฉพาะคาร์ฟ ที่ญี่ปุ่นฟาร์มบางแห่งนี่เขาเลี้ยงกันแบบเขียวๆนี่แหล่ะ มันมีประโยชน์ ถ้าอยากทราบว่ามันมีประโยชน์ยังไง ถามมา เดี๋ยวว่างๆจะบอกให้ครับ.. แต่อย่างว่าแหล่ะน้ำเขียวๆขุ่นๆ มันทำให้ไม่สวยงาม ไม่สบายตา ไม่เหมาะกับการเลี้ยงตามบ้าน เข้าเรื่องเลยดีกว่า อันดับแรก ถ้าคุณคิดจะรบกับน้ำเขียว+ได้น้ำคุณภาพดีๆ ปลาแข็งแรงสดชื่น ตามธรรมชาติ ไม่ต้องมานั่งใส่หยูกใส่ยา แถมประหยัดค่าดูแลรักษาอีกกระบุงเกวียน ผมขอแนะนำว่า.. ให้กลับมามองถึง การรักษาระบบนิเวศน์(Ecosystem)ในบ่อเลี้ยงครับ.. (อ่านจบแล้วคุณจะเข้าใจว่าระบบที่ว่านี่มันเกี่ยวเนื่องกับน้ำเขียวอย่างไร) โดยทั่วไปสภาพการเปลี่ยนแปลงของน้ำในบ่อเลี้ยงมักมาจากสาเหตุสำคัญๆไม่กี่ประการ ที่เห็นได้ชัดคือการที่น้ำมีไนเตรท(สารประกอบของไนโตรเจนมากเกินไป) สารประกอบไนโตรเจนเกือบทั้งหมดที่เข้าสู่บ่อเลี้ยง ก็มาจากอาหารที่ให้ปลากินนั่นแหล่ะครับ สารประกอบไนโตรเจนจะตกค้างอยู่ในบ่อในรูปของเศษอาหารและขี้ปลา เมือก กองอยู่ที่ที่บริเวณก้นบ่อบ้าง อยู่ในรูปของสารที่ละลายน้ำได้บ้าง เช่น แอมโมเนีย ไนไตรท์ และไนเตรท สารประกอบไนโตรเจนที่สะสมอยู่ในบ่อนั้น จะมีการเปลี่ยนรูปไปเป็นสารประกอบที่เป็นพิษกับปลามั่ง เป็นอาหารของแบคทีเรียชนิดที่ดีมั่ง บางส่วนจะถูกเปลี่ยนเป็นก๊าซไนโตรเจนและออกจากระบบไป อันเป็นผลมาจากแบคที่เรียที่มีประโยชน์ ย่อยสลายเศษซากทั้งหลายในบ่อโดยธรรมชาติ(กระบวนการย่อยสลายของเสียหรือMetabolism) มีต่อ... จากคุณ : กร๋วย - [ 6 ก.ย. 48 06:13:18 ]

ความคิดเห็นที่ 7 การกรองน้ำจำนวนมากๆโดยวิธีกล (การกรองเพื่อแยกเอาแต่สิ่งแขวนลอยที่น้ำพัดพาข้าสู่ระบบกรองได้) อาจจทำให้น้ำดูใส แต่ในความใสนั้นอาจมีอันตรายแฝงอยู่.. คือการที่ในบ่อของคุณมีภาวะทับซ้อนหมักหมมของเศษอินทรีย์วัตถุเช่น อาหารปลา ขี้ปลา เศษใบไม้ เมือกปลา ฯลฯ มันจะก่อให้เกิด Ammonia (แอมโมเนีย) หรือ NH3 ซึ่งมักจะเกิดขึ้นเป็นกระบวนการเผาผลาญองค์ประกอบโปรตีนและการย่อยสลายของสิ่งมีชีวิตหรือซากอะไรก็ตามที กระบวนการนี้เรียกว่า Ammonification Process (แอมโมเนียปริมาณมากๆ ทำให้ปลาตายหรือป่วย ได้อย่างรวดเร็ว) อีกอย่างที่อยากจะบอกคือ อาหารปลาที่คุณให้ หากเหลือเพียงครั้งเดียวจะทำ ให้เกิดปัญหาแอมโมเนียในระบบได้ยาวนานถึง 20 - 30 วัน ปัญหาน้ำเขียว ตะไคร่ตรึม เริ่มจากตรงนี้!! ..พักไว้ก่อน มาว่ากันถึงพื้นฐาน น่าจะทำให้เข้าใจได้ง่ายขึ้นนะครับ.. ในระบบการเลี้ยงแบบอุดมคติ เราต้องการให้น้ำในบ่อเสถียร เพื่อประโยชน์ในหลายๆด้าน เช่น ประหยัดการดูแลรักษา ลดการเปลี่ยนถ่ายน้ำ สุขภาพปลา ฯลฯ เราก็ต้องสร้างกระบวนการ ที่เรียกว่า Nitrification Process และ Denitrification Process ให้เกิดขึ้นในบ่อเลี้ยง Nitrification Process ซึ่งก็คือกระบวนการเปลี่ยนแปลงโดยอาศัยแบคทีเรียชนิดดีๆ ช่วยเปลี่ยนแอมโมเนียที่เกิดการย่อยสลายภายในบ่อ ให้กลายเป็นไนไตรต์(NO2) (แอมโมเนียกับไนไตรท์เป็นพิษต่อปลามาก) และจากไนไตรต์กลายเป็นไนเตรต(NO3) อันเป็นสารประกอบไนโตรเจนซึ่งเป็นผลิตผลสุดท้ายที่เกิดในกระบวนการ Nitrification ตามที่ว่ามา แต่มันไม่จบแค่นี้ .. เพราะเจ้าไนเตรทที่ว่านี่มันก็คือปุ๋ยดีๆสำหรับตะไคร่น้ำ ดังนั้น เราจึงต้องสร้างกระบวนการ Denitrification ขึ้นมา Denitrification Process นั้นจะเป็นกระบวนการที่แบคทีเรีย(Anaerobic Bacteria) ที่ไม่ต้องใช้ออกซิเจน(หรือใช้น้อยมาก)ในการย่อยสลายไนเตรต ให้เป็นก๊าซ ไนโตรเจน (N) และระเหยออกจากระบบ(หรือบ่อปลา) โดยทั่วไปก็คือการสร้างสภาวะในห้องกรองหรือบ่อกรองให้มีจุดอับออกซิเจน เพื่อให้ Anaerobic Bacteria อาศัยและขยายพันธุ์ได้ โดยการสร้างให้ห้องกรองช่องสุดท้าย (หรือทำห้องกรองน้ำด้วยทรายละเอียดแยกต่างหากโดยรับน้ำส่วนหนึ่ง ที่ผ่านจากกระบวนการกรองจากห้องกรองเดิม) โดยห้องกรองที่ว่านี้ ควรมีความหนาแน่นของวัสดุกรองมากๆ และความหนาของชั้นไม่ต่ำกว่า50 เซนติเมตร ซึ่งจะทำให้นำไหลผ่านได้ช้ากว่าปกติ และมีภาวะอับออกซิเจน กระบวนการ Denitrification ก็จะเกิดขึ้น ถ้าคุณสามารถจะเซ็ทบ่อหรือระบบของคุณได้ตามนี้ คุณจะได้พบกับความสุขในการเลี้ยงปลาที่แสนสบ๊าย สบาย~~ มีต่อ... จากคุณ : กร๋วย - [ 6 ก.ย. 48 06:16:23 ]

ความคิดเห็นที่ 8 สรุปก็คือว่า 1. ของเสียในบ่อเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ปริมาณแพลงตอนพืชเพิ่มปริมาณมากขึ้นอย่างรวดเร็ว (Plankton Bloom) ถ้าระบบนิเวศน์ในบ่อคุณไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ คุณจะเจอกับปัญหานี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า 2. พอปริมาณแพลงตอนพืชมีจำนวนมาก ประกอบกับได้รับแสงแดด(แม้จะไม่เต็มวัน)หรือที่เรียกว่ากระบวนการ สังเคราะห์แสง(Photosynthesis)  แพลงตอนพืชก็จะขยายจำนวนได้อีกมากมาย 3. เมื่อมีแพลงตอนพืชมากในระบบ พอกลางคืน มันก็หยุดสังเคราะห์แสง เกิดกระบวนการนำเอาออกซิเจนในน้ำ ไปใช้และคายก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมา ค่า pH ของน้ำในระบบก็จะลดต่ำลง ปลาของคุณก็จะลอยหัวกันสลอน ในตอนเช้ามืด เพราะปริมาณออกซิเจนในน้ำต่ำ (ค่าpH=หน่วยวัดความเป็นกรดเป็นด่างในน้ำ หรือหน่วยวัดความเข้มข้นของไฮโดรเจนอิออนในน้ำ) 4. สีของน้ำที่เขียวเข้ม เป็นมาตรบ่งชี้ว่าในบ่อเลี้ยงมีอินทรีย์สารตกค้างมากเกินไป ทำให้ในเวลากลางวันน้ำในบ่อเลี้ยงจะมีค่า pH สูงขึ้น สวนทางกับข้อสามที่ค่า pHจะลดต่ำลงในเวลากลางคืน ค่าpHที่สวิงนี้ จะทำให้ปลารู้สึกไม่สบายตัว น้อยเนื้อต่ำใจ ในบางครั้งอาจคิดสั้นอยู่บ่อยๆ 5.  ในภาวะที่ปล่อยให้สีน้ำเขียวเข้มนานๆ อาจจะเกิดการเปลี่ยนแปลงของสภาพน้ำอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะตอนที่ แพลงก์ตอนพืชจำนวนมากตายโดยธรรมชาติพร้อมๆ กันในบ่อเลี้ยง จะทำให้ค่าแอมโมเนีย ไนเตรท พุ่งสูงปรี๊ด จำนวนออกซิเจนในบ่อลดต่ำลงจนปลาปรับตัวไม่ทัน เพราะฉะนั้น... การแก้ปัญหาการเกิดภาวะนำข้นเขียว 1.  เพิ่มหรือปรับปรุงประสิทธิภาพการกรอง โดยเน้นที่บ่อกรองกับวัสดุกรอง ถ้าถูกต้องตามสูตร น้ำใสแน่ แนะนำให้ปรึกษาร้าน ที่มีความชำนาญในระบบ Biological โดยเฉพาะ จะได้ไม่เสียเงินฟรี 2. ในช่วงแรกให้พรางแสงกับบ่อ  ควบคุมปริมาณแสงที่ตกกระทบน้ำในบ่อ อาจเอาไม้ใหญ่มาปลูกลงข้างบ่อ ขึง Saran หรืออื่นๆ ตามแต่จะสามารถ แล้วแต่สภาพแวดล้อม 3. ลองหาน้ำยาดร็อบแพลงตอนขายตามร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับกุ้งหรือไม่ก็น้ำยากำจัดตะไคร่ (Algae Killer) หาซื้อได้ตามร้านขายอาหารปลาใหญ่ๆ  มีหลายยี่ห้อสามารถนำมาใช้ได้ วิธีใช้ศึกษาจากฉลากในบรรจุภัณฑ์ 4. ลดปัจจัยที่ทำให้เกิดแพลงตอนพืชภายในบ่อ เช่น การถ่ายน้ำออกบางส่วนหรือปล่อยน้ำใหม่เติมเข้าบ่อให้น้ำเก่าล้นออกนอก ระบบซัก10 % ของปริมาตรน้ำทั้งหมด ติดต่อกัน 7 วันเพื่อลดปริมาณไนเตรทสะสม อาจจะดูดน้ำเก่าไปรดน้ำต้นไม้ก็ดีไม่สูญเปล่า 5. ลดจำนวนปลาในบ่อ หรือไม่ก็ลดปริมาณอาหารที่ให้แก่ปลาซักระยะ จากคุณ : กร๋วย - [ 6 ก.ย. 48 06:22:10 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ระวังๆๆๆๆ ควรปฏิบัติตามนี้ระหว่างทำการลดปริมาณแพลงตอน 1. ให้อัดอากาศเต็มที่ในบ่อ หลังจากใช้ผลิตภัณฑ์ดังกล่าว โดยอัดลมต่อเนื่อง 1 อาทิตย์ พยายามให้น้ำหมุนเวียนตลอด อย่าประหยัดไฟ เพราะจำนวนตะไคร่จะลดลงอย่างรวดเร็วทำให้ปริมาณออกซิเจนในน้ำลดต่ำลง และเกิดผลต่อเนื่องตามที่กล่าวไว้แล้วข้างบน 2.ในช่วงการแก้ไขน้ำเขียว ปลาของคุณอาจจะป่วยได้ ซึ่งเป็นผลจากการที่สมบัติทางเคมีต่างๆของน้ำในบ่อเปลี่ยนแปลงต่างกันมาก จึงแนะนำให้ทำกระบวนการทั้งหมดแบบค่อยเป็นค่อยไป 3.แนะนำให้ซื้อชุดเทสต์ค่าทางเคมีของน้ำมาติดบ้านไว้ซักชุด เพื่อจะได้สามารถตรวจสอบคุณภาพน้ำได้ ปรึกษาร้านจำหน่ายได้เลย เพราะถ้าอธิบายอีก อาจจะยาวกว่านี้ เอาแค่นี้ก่อน น่าจะช่วยบรรเทา ไม่ได้พิมพ์ยาวๆนานละ เมื่อยนิ้วจิง  อิอิ จากคุณ : กร๋วย - [ 6 ก.ย. 48 06:30:57 ]

ความคิดเห็นที่ 10 แค่อ่านยังเหนื่อยแทนเลย อิ อิ จากคุณ : เลี้ยงปลานี่มันยากจิงหนอ - [ 6 ก.ย. 48 12:24:28 A:61.90.81.61 X: TicketID:078542 ]

ความคิดเห็นที่ 11 มาอ่านได้ความรู้เยอะดี ขอบคุณครับ จากคุณ : ซีโร่ วัน - [ 6 ก.ย. 48 17:54:28 ]

ความคิดเห็นที่ 12 โอ้โห..สงสัยคุณกร๋วยจะเป็นนักวิชาการของกรมประมงหรือไม่ก็นักวิทยาศาสตร์แหงๆเลยค่ะ  อธิบายได้ละเอียดแต่อ่านแล้วงงเลยค่ะ (เพราะไม่มีความรู้เลย แล้วเจอศัพท์เทคนิคเยอะจัด  ข้อมูลอัดแน่น)  แต่ดีค่ะแบบนี้คนที่สนใจได้รู้เหตุผลดีค่ะ จากคุณ : ครอบครัวโชกุน - [ 6 ก.ย. 48 21:21:01 ]