CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    โรคกระเพาะบิด ภัยร้ายของสุนัขพันธ์ใหญ่ที่ไม่ควรมองข้าม

    มีเรื่องที่อยากเล่ากับประสบการณ์สุดโหดร้ายคะ  เมื่อวันพุธที่ผ่านมา  ใกล้ๆ 4 ทุ่ม  น้องหมาที่บ้านซึ่งเป็นพันธ์เซ็นต์ฯ ชื่อ แฟนต้า อายุก้อใกล้ 6 ขวบ เกิดอาการท้องบวม ซึ่งพอสังเกตว่าผิดปกติ แต่เค้าก้อยังไม่มีทีท่าอะไร  เดินมาให้เราพาไปกรงเพื่อเข้านอน  พอเวลาผ่านไปได้พัก เค้าเริ่มร้องเป็นระยะ  เราไปดูก้อเห็นเค้าเดินไปมากระสับกระสาย แล้วก้อเงียบไป  อีกพักก้อร้องใหม่  รู้สึกผิดปกติมากๆ ว่าเค้าเป็นอะไร  จึงลองโทรไปคลีนิคที่รักษาอยู่  แต่ไม่มีคนรับสาย  เราเริ่มหาเบอร์ที่คลีนิคอื่นๆ ก้อไม่มีคนรับสาย  คงปิดกันหมดแล้ว  โทรหาเพื่อนเพื่อลองหาสัตวแพทย์ที่พอรู้จัก  ตรงนี้เราอาจใช้เวลามากไป โดยที่ไม่ตัดสินใจ (ซึ่งตอนนี้รู้สึกโกรธตัวเองมาก)  สุดท้ายได้เบอร์มือถือคุณหมอที่เคยรู้จักแฟนต้า  โทรไปปลุกและเล่าอาการ  คุณหมอให้รีบไปโรงพยาบาลสัตว์ฯ จุฬา ซึ่งเราก้อลืมไปว่าเค้าเปิดตลอด 24 ชม.แล้ว เพราะไกลบ้านมาก  และพอไปถึง  คุณหมอเวรตำหนิเราที่ชักช้า  บอกว่าหมาใกล้ตายแล้ว  อะไรกันเนี่ย  ใจเราหล่นหายไปทันที ขณะที่น้องสาวเริ่มร้องไห้อย่างหนัก  คุณหมอทำการรักษาโดยให้น้ำเกลือ และเริ่มดูดลมหรือที่เค้าบอกว่าเป็นแก๊ส ออกจากท้อง   จากนั้นต้องทำการสวนสายยางเข้าท้องเพื่อเอาอาหารที่ตกค้างอยู่ออกให้หมด  แฟนต้าไม่ได้ความร่วมมือเลย  เค้ากัดสายยางและดิ้นเต็มกำลัง  คุณหมอฉีดยาซึม  ไม่ได้ผล  เปลี่ยนเป็นยาสลบ และต้องเพิ่มปริมาณยาเรื่อยๆ  คุณหมอสอดสายยาง เปลี่ยนสายยาง สอดสายยางครั้งแล้วครั้งเล่า  จนบอกว่าอาจต้องผ่าท้อง  เพราะไม่สามารถเอาอาหารออกจากท้องได้ เพราะอาหารหลายนั้นบูดและส่งผลให้เกิดแก๊ส หากปล่อยไว้จะตาย

    ทันทีที่ได้ยินคำว่าผ่า  เราหมดสิ้นความอดทน กำลังใจหดหาย เพราะหมอบอกว่าในกรณีผ่าอาจไม่รอด  น้องสาวสวดมนต์ ขณะที่เราบอกแฟนต้าว่า  หนูต้องอดทนต่อสู้นะ  ปาฏิหารย์มาแล้ว  อาหารเริ่มถูกขับออกมาพอประมาณ  คุณหมอบอกว่าคงต้องรอดูว่าอาหารออกหมดมั้ย  ผ่านไปแป๊บหนึ่ง  ท้องแฟนต้าเริ่มพ่องอีก  คุณหมอบอกว่าต้องสวนอีก  แฟนต้าไม่ร่วมมืออีกแล้ว  ยาสลบต้องเพิ่มปริมาณอีก พระเจ้าช่วย เราเศร้าใจทุกขณะที่ต้องเพิ่มปริมาณยา  แต่นี่เป็นการต่อสู้เพื่อรักษาชีวิต และเราทำใจว่ามันเป็นวิธีการรักษา  และในที่สุดคุณหมอคาดว่า อาหารน่าจะหมดแล้ว  ให้เวลาอีกชั่วโมงเพื่อดูอาการ ตอนนั้นก้อตีสามกว่า และช่วงเวลาที่เหลือคือการรอคอย

    จากการบอกกล่าวของคุณหมอ  โรคที่เกิดกับแฟนต้าคือ กระเพาะอาหารบิด เป็นโรคที่เกิดแบบเฉียบพลัน เกิดกับหมาขนาดใหญ่ เดิกจากการที่ทานอาหารเสร็จแล้ว หมามีการเคลื่อนไหวเช่น  วิ่ง กระโจน ขึ้นบันได หรือแม้กระทั่งกลิ้งตัวไปมา  พระช่วยเถิด  เราเชื่อว่าหมาของทุกคนคงชอบวิ่งเล่น และแฟนต้าก้อวิ่ง กระโดด  และชอบเอาเท้าตีประตูเวลาที่มีคนหรือหมาอื่นๆ เดินผ่านหน้าบ้าน  เค้าทำแบบมานี่มาตลอด 5 ปีแล้ว  แล้วทำไมมันต้องมาเกิดเรื่องเอาคืนนั้นด้วย  คุณหมอบอกว่า กระเพาะอาหารของหมา มีส่วนปลายที่ไม่ได้ยึดกับผนังหรืออวัยวะใด ทำนองว่า มันห้อยอยู่  เมื่อหมากินอาหารอิ่มใหม่ๆ กระเพาะจะหนักมาก หากไปวิ่ง ไปกลิ้ง ส่วนปลายของกระเพาะมีโอกาสจะพลิก ซึ่งเรียกว่าบิด และทำให้บริเวณนั้นขาดอ๊อกซิเจน อาหารที่อยู่ในกระเพาะจะเริ่มบูดเน่า และสร้างท็อกซิก หรือสารพิษไปทั่วร่างกาย และทำเกิดแก๊สในท้องมากขึ้นๆ โดยโรคนี้ปล่อยไว้ไม่ได้ จะทำให้พิษกระจายไปทั่ว และหมาตายได้ทันที

    ตอนนี้แฟนต้าพ้นอันตรายแล้ว  แต่เรื่องเลวร้ายยังไม่จบเมื่อเราดูอาการจนเช้า และพาแฟนต้าไปเอ็กซเร่ย์ดูกระเพาะ เราพบว่ากระเพาะเค้าบิดไปอีกด้าน ไม่คืนกลับ สภาพปกติ  ม้ามถูกดันไปอีกด้าน  คุณหมอบอกว่า วิธีรักษามีเพียงผ่าตัดเพื่อเย็บกระเพาะส่วนปลายให้ยึดกับผนังท้อง และจัดอวัยวะอื่นๆ ให้เข้าที่  แต่หมอไม่สามารถรับรองการผ่าตัด เพราะเป็นการผ่าตัดใหญ่ที่ต้องมีการวางยาสลบ ซึ่งเคสแบบนี้ที่เมืองนอกถือว่า ถ้าผ่าแล้วรอดแสดงว่าโชคดีมาก

    คุณคิดอย่างไงล่ะคะ  เราเดินออกจากห้องรักษาด้วยความรู้สึกสับสน มืดมนน้ำตานองหน้า ตกลงเราต้องเสียเค้าแน่ๆ หรือ  ย้อนกลับไปถามว่าถ้าไม่ผ่าล่ะ  ถ้าไม่ผ่าก้ออาจกลับมาเกิดโรคนี้ได้ทุกเมื่อ  

    เหตุการณ์นี้ผ่านมาหนึ่งวันแล้ว  เราตกลงใจเอาตัวแฟนต้ากลับมาบ้าน  เพราะหมอบอกว่า ถ้ามั่นใจว่าดูแลได้ ก้อมาผ่าวันหลังเมื่อร่างกายเค้าสมบูรณ์กว่าตอนนี้  วิธีดูแลคือ ลดปริมาณอาหารต่อมื้อลง  เพิ่มมื้ออาหารให้ถี่ขึ้น เช่น จาก 2 มื้อ เป็น 7 มื้อ  หลังทานอาหารต้องควบคุมไม่ให้ออกกำลังใดๆ  โดยปกติหมาใช้เวลาย่อยอาหาร 3-4 ชม.
    ตอนนี้เรากำลังปรับการดำเนินชีวิตของเราและน้องสาว  เราต้องดูแลเค้าอย่างใกล้ชิด  เค้าไม่เข้าใจ และเริ่มหงุดหงิดมาก  แต่เราจะพยายามทำดีที่สุด  แม้ที่ผ่านมา เราไม่รู้ว่าเราทำให้เค้าเป็นแบบนี้หรือเปล่า  แต่เราไม่เคยรู้เรื่องโรคนี้มาก่อนเลย  จึงขอฝากให้เพื่อนๆที่เลี้ยงสุนัขพันธ์ใหญ่ (คุณหมอบอกว่าโกลเด้นท์ ลาบราดอร์ ก้อเข้าข่ายได้) ระมัดระวังด้วยคะ  เราอาจเข้าใจเรื่องของโรคนี้ไม่ชัดเจนและถูกต้องทั้งหมด แต่พยายามถ่ายทอดจากที่ฟังมา  หากมีคุณหมอท่านอื่นๆ มาอ่าน  ขอให้ช่วยเพิ่มข้อมูลด้วย  โดยเฉพาะวิธีการรักษา  เรายังทำใจเรื่องผ่าตัดไม่ได้  แต่เราก้อไม่แน่ใจว่า เราไม่ยอมผ่าเค้า เท่ากับเราทรมานเค้าหรือเราทำร้ายเค้าในวันข้างหน้าหรือปล่าว

    จากคุณ : fanta_323 - [ 16 ก.ย. 48 20:31:44 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป