ความคิดเห็นที่ 7
เรื่องนีต้องคุยกันยาวครับ จากประสบการณ์การเปิดร้านนั้นต้องเริ่มจากใจรักจริงๆๆๆๆ กำไรไม่เยอะครับ ถ้าไม่มีค่าเช่าที่ก็พอจะไปได้คือสรุปต่อเดือนไม่ขาดทุน
ถ้าเป็นร้านที่มีพื้นที่ไม่มากจะลำบากครับ เพราะสินค้ามีมากมายจริงๆ แค่อาหารก็ไม่รู้กี่ยี่ห้อ ถ้าลงน้อยยี่ห้อก็จะเจอลูกค้าเข้ามาถามหาไอ้ที่เราไม่มี ราคาต้นทุนสินค้าที่ได้ก็จะสู้พวกร้านใหญ่ๆไม่ได้ครับ ถ้าลงเยอะก็ต้องแบกค่าStock พื้นที่น้อยก็ที่วางสินค้าไม่พออีก สินค้าที่มีกำไรอย่างที่ความเห็นข้างบนบอก พวก กระเป๋า,ที่นอน,ของจุกจิกนี่ก็ต้องมีให้เลือกเยอะครับ ไม่งั้นก็ไม่น่าเข้า
เรื่องตัดขนนั้นเอาเป็นว่าเหมือนความเห็น 4,5 เลยครับ นอกจากช่างต้องได้มาตรฐานแล้ว ที่สำคัญมากๆต้องเอาใจใส่(ไม่ว่าการดูแล,ความสะอาด,คำแนะนำ ฯลฯ) ต้องสื่อให้เจ้าของน้องหมารู้ถึงความเอาใจใส่ของเราครับ แล้วก็บอกได้เลยครับเจอเคสแปลกๆตลอดเวลา
ทำเล็กร้านก็ไม่น่าเข้า ของไม่ครบ ทำใหญ่โอกาสคืนทุนก็ยาก นอกจากสามารถมองธุรกิจต่อเนื่องได้ ตัวอย่างนะครับ สามารถเปิดคลีนิครักษาเพิ่มควบไปด้วย
เอาเป็นว่าต้องมีเงินทุนพอสมควรจึงจะเปิดได้อย่างสบายใจครับ ถ้ารักสัตว์สิ่งที่ได้อย่างยิ่งคือความสุขในงานของเราครับได้เจอน้องหมาน้องแมวที่น่ารักทุกๆวัน ได้พูดคุยเจ้าของที่รักสัตว์เลี้ยงที่จะคุยกับเราได้ในเรื่องความน่ารักขอลูกๆได้โดยไม่มีเบื่อ เห็นพัฒนาการของน้องหมาที่มาตังแต่ตัวเล็กๆจนโต ...ฯลฯ
มีอะไรยินดีให้คำปรึกษาครับ prawit_i@hotmail.com
จากคุณ :
Metroman
- [
28 ก.ย. 48 16:06:48
]
|
|
|