ความคิดเห็นที่ 1 ก่อนที่จะพูดถึงคำว่า Buffer นั้นเราควรทำความรู้จักคำศัพย์สัก 2 คำคือ "กรด" -สารละลายใดที่วัดค่า pH ได้ต่ำกว่า 7.0 ทางเคมีถือว่าเป็นกรด ถ้าต่ำกว่านิดหน่อยก็เรียกว่า กรดอ่อน เช่น ระหว่าง 5.0 - 6.9 แต่ถ้าต่ำมากๆเช่น 1 หรือ 2 ก็จัดว่าเป็นกรดแก่ "ด่าง"- ถ้า pH สูงกว่า 7 ก็จัดว่าเป็นด่างครับ ด่างที่แก่ที่สุดมีค่า pH=14 ถ้าอยู่ใกล้ 7 ก็จัดว่าเป็นด่างอ่อน ส่วนค่าที่ 7.0 นั้นเรียกว่าเป็นกลาง ( Neutral) คำว่า Buffer ถ้าแปลตรงๆก็หมายถึงตัวกันชนอะไรทำนองนั้นแหละครับ แต่ในทางเคมี คำว่า Buffer หมายถึง ระบบของสารที่ทำหน้าที่รักษาสภาพไม่ให้ความเป็นกรด หรือ ด่าง ของสารละลาย "เปลี่ยนแปลงไปมากหรืออย่างรวดเร็ว" เมื่อเราเติม กรด หรือ ด่างลง ไปในสารละลายที่มีระบบ buffer อยู่ จากคุณ : ปิติ99 - [ 2 พ.ย. 48 15:47:17 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ที่ใช้คำว่าระบบของสารก็เพราะว่า Buffer ประกอบไปด้วยการมีสาร สองตัวอยู่ร่วมกันคือ กรดอ่อน และเกลือของกรดอ่อนนั้น หรือ ถ้าเป็น buffer ของด่างก็ต้องประกอบด้วย ด่างอ่อน และเกลือของด่างอ่อนนั้น กรดที่อ่อนก็เช่น กรดอะซิติก ( acetic acid ) หรือน้ำส้มสายชู ,กรดมด หรือ formic acid เป็นต้น ด่างอ่อนก็เช่น โซเดียมไบคาร์บอเนต (Na2HCO3)หรือ แคลเซี่ยมไบคาร์บอเนต รวมถึงแอมโมเนีย (NH3) ซึ่งเป็นตัวที่เราจะพูดถึงกันต่อไป ในสารละลายที่ไม่มี Buffer นั้น เช่นในน้ำดื่มโพลาริส 1 ลิตร ซึ่งมี pH=7 นั้นถ้าเราเติมกรดแก่ เช่น ซัลฟูริก แอซิก ( H2SO4) ลงไปเพียง 1 หยดเท่านั้น จากค่า pH เดิมที่ 7 นั้นค่าความเป็นกรดอาจลงไปอยู่ที่ 3 หรือ 4 ได้เลย คือค่าความเป็นกรดเพิ่มขึ้นถึง 10000-1000 เท่าเลยทีเดียว แต่ในสารละลายที่มี ระบบ Buffer อยู่ ความเป็นBuffer จะรักษาสภาพของความเป็นกรด หรือด่างไม่ให้เปลี่ยนแปลงไปมาก ซึ่งคุณสมบัตินี้แหละที่เป็นประโยชน์กับการเลี้ยงปลา จากคุณ : ปิติ99 - [ 2 พ.ย. 48 15:48:42 ]

ความคิดเห็นที่ 3 กลับมาเข้าฝั่งเรื่อง ประการังต่อครับ เนื่องจากโครงสร้างของประการังประกอบ แคลเซียมคาร์บอเนต( Ca2CO3)เป็นหลักรวมถึงมีเกลือของคาร์บอเนตตัวอื่นๆอยู่ด้วยเช่น โซเดียมและแมกนีเซียมคาร์บอเนต ก็มีปนมาด้วย เพราะเก็บมาจากทะเลนั่นเอง เจ้าประการังนั้นเมื่อแช่น้ำไประยะหนึ่งก็จะปล่อยเกลือคาร์บอเนตเหล่านี้ออกมายกตัวอย่างเช่น ปล่อย Ca2CO3 ออกมา เจ้า Ca2CO3 นี้เมื่ออยู่ในน้ำก็จะแตกตัวในหลายขั้นตอนจนในที่สุดได้เป็น ด่างอ่อน และเกลือของด่างอ่อนนั้น ซึ่งก็คือ แคลเซียมไบคาร์บอเนต ( CaHCO3 ) ซึ่งมีคุณสมบัติเป็นด่างอ่อน และ CaCO3 ซึ่งแสดงตัวเป็นเกลือของของ CaHCO3 ทีนี้ลองมาดูในตู้ปลาของเราดูบ้างก็จะพบว่าการใส่ประการังลงไปในตู้ต้นไม้น้ำ กับ ตู้ที่เลี้ยงปลาอย่างเดียวนั้นมีความคาดหวังที่แตกต่างกันมากอยู่ จากคุณ : ปิติ99 - [ 2 พ.ย. 48 15:50:47 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ในที่นี้ขอพูดถึงในตู้อะโรฯ ครับ เนื่องจากที่กล่าวมาข้างต้นว่าระบบ Buffer ที่เกิดจากประการังนั้นเกิดจากด่างอ่อนและเกลือของด่างอ่อน ดังนั้นการใส่ประการังในระบบกรองนั้นในเบื้องต้นเราก็จึงจะพบว่าค่าของ pH จะอยู่สูงกว่า 7 คือมักอยู่ระหว่าง 7 กับ 8 ซึ่งเกิดจากคุณสบบัติความเป็นด่างอ่อนของสารที่ประการังปล่อยออกมานั่นเอง อย่างไรก็ตามความสามารถในการเป้น Buffer นั้นมี[u[ขีดความสามารถเช่นกัน คือรองรับการเติมกรด หรือด่างได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น[/u] สำหรับในตู้ปลาที่มีระบบกรองที่ดีนั้น แอมโมเนียที่เป็นของเสียนั้นเป็นด่างอ่อน และจะถูกแบคทีเรียในระบบกรองเปลี่ยนไปเป็นอนุมูลไนเตรทในที่สุด และเมื่อระบบกรองอยู่ไปนานๆ และมีการสะสมของ ไนเตรทในระบบกรองและในน้ำ มากขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดจะเกิดเป็นไนตริกแอซิก( HNO3 ) ซึ่งถือเป็นกรดแก่ขึ้น และเมื่อมีการสะสมกันมากๆขึ้นของกรดไนตริกก็จะพบว่าระบบ Buffer รองรับต่อไปไม่ไหว ซึ่งเราจะพบว่าถึงตอนนั้นจะพบว่า ค่า pH จะลดลงอย่างราดเร็ว บางตู้เคยเห็นลดลงถึง สามกว่าๆ เรียกว่าเกือบเป็นปลาอะโรฯดองเลยครับ จากคุณ : ปิติ99 - [ 2 พ.ย. 48 15:56:36 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ขอบคุณพี่ปิติ เรื่องทางแก้เห็บบนเกล็ดปลานะครับ จากคุณ : beck1313 (beck1313) - [ 2 พ.ย. 48 15:57:04 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ดังนั้นการทำความสะอาดระบบกรองจึงต้องทำบ้างแต่ควรทำด้วยความระมัดระวังคือ 1. ไม่ควรเปลี่ยนน้ำ และล้างระบบกรองในคราเดียวกัน 2. ห้ามใช้น้ำอื่นนอกจากน้ำจากตู้เลี้ยงปลาเท่านั้นสำหรับการทำความสะอาดระบบกรอง 3.ล้างให้สะอาดเพียง 70-80 % ก็เพียงพอไม่ควรสะอาดเหมือนซักผ้าอะไรเทือกนั้น 4.ค่า pH เป็นตัวบ่งบอกที่ดีว่าถึงเวลาทำความสะอาดกรองแล้วหรือยัง กล่าวคือเมื่อ pH ลงมานำหน้าด้วยเลข 5 ถึงคาดว่าได้เวลาแล้วครับ น้ำเป็นหัวใจของการเลี้ยงปลา ระบบกรองเป็นหัวใจของการรักษาสภาพน้ำ และหัวใจของระบบกรองก็คือระบบแบคทีเรียครับ ขอให้ทุกท่านมีความสุขกับการเลี้ยงปลานะครับและขอบคุณทุกท่านที่อ่านจนจบนะครับ **********ขอขอบคุณพี่อะโรฯตัวน้อยมา ณ ที่นี้ด้วยอีกครั้งนะครับ ขอบคุณมากกกกครับพี่ //ปิติ๙๙ จากคุณ : ปิติ99 - [ 2 พ.ย. 48 15:58:14 ]

ความคิดเห็นที่ 7 สวัสดีครับคุณ beck1313  ไม่ต้องซีเรียสครับ  ร่วมด้วยช่วยกันแหละครับ และถ้าถามว่า...สรุปแล้วการใส่ประการับในระบบกรอง  หรือการเติมโซเดียมไบคาร์บอเนต(ผงฟู)ในระบบกรอง...ดีมั๊ย ก็ขอสรุปดังนี้นะครับ (ขอตัดประเด็นเรื่องการใช้ประการังเป็นวัสดุกรองนั้นเป็นการส่งเสริมการทำลายทรัพยากรธรรมชาตินะครับ) ประการัง..ทำให้ระบบกรองเรามี ph buffer เพิ่มขึ้น  โดยน้ำในตู้ที่มีประการังมากเพียงพอจะทำให้น้ำมีค่าเป็นด่างอ่อน ๆ โดยธรรมชาติในขั้นตอนการย่อยของเสียของแบคทีเรียในระบบกรองนั้น...ก็จะทำให้เกิดความเป็นกรดขึ้นในระบบอยู่แล้วนะครับ  รวมถึงการสะสมตัวของไนเตรทก็เช่นกัน ด้วยความที่ในระบบมี ph buffer   แม้จะเกิดกรดขึ้นในระบบ  แต่ก็ไม่ทำให้น้ำในตู้เป็นกรดกระทันหัน หรือทันทีทันใดนะครับ ดังนั้น..เมื่อผู้เลี้ยงเปลี่ยนถ่ายน้ำสม่ำเสมอ  เช่น อาทิตย์ละครั้ง  ก็เป็นการถ่ายเทไนเตรทออกไป  ดังนั้น...ความเป็นกรดก็จะไม่สะสมในระบบต่อไป แต่ถ้าผู้เลี้ยงท่านใด  ละเลยการเปลี่ยนถ่ายน้ำเป็นเวลานาน  ความเป็นกรดก็จะสะสมมากขึ้นไปเรื่อย ๆ   ถึงจุด ๆ หนึ่ง...ความเป็นกรดก็สามารถเอาชนะ Ph Buffer ไปได้ในที่สุด   และเมื่อถึงวันนั้น..ด้วยความที่เป็นกรดสูง  ค่า ph ก็จะต่ำลงอย่างมากและกระทันหัน   แล้วก็จะมีปัญหากับปลาได้ในที่สุด ในกรณีที่หมักหมมมาก ๆ ไม่เปลี่ยนถ่ายน้ำจนทำให้ความเป็นกรดสูงนั้น....ประการังนั้น...ป่นเป็นผงเลยนะครับ สรุปคือ...แม้จะใช้ประการังเป็น ph buffer แต่ถ้าผู้เลี้ยงไม่เปลียนถ่ายน้ำสม่ำเสมอ..ก็สามารถเกิดปัญหาได้อยู่ดีนะครับ จากคุณ : ปิติ99 - [ 2 พ.ย. 48 16:20:08 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ขอบคุณที่นำมาให้อ่านครับ ^_^ จากคุณ : ShOwA - [ 2 พ.ย. 48 16:21:05 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ขอบคุณมากคร้าาาาาาาาาาาาบบบบบบบบบบบบ ^_^ จากคุณ : ปู่ (pop_pu) - [ 2 พ.ย. 48 16:27:46 ]

ความคิดเห็นที่ 10 รูปสวยมากครับพี่ ^_^ จากคุณ : Danny Boy - [ 2 พ.ย. 48 16:36:14 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ขอบคุณพี่อโรตัวน้อยที่มีบทความดีๆมาให้ผมอ่าน และขอขอบคุณพี่ปิติที่นำบทความดีๆมาลงให้เป็นประโยชน์ต่อเพื่อนๆ จากคุณ : vicc - [ 2 พ.ย. 48 16:40:28 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ขอบคุณครับพี่ มีประโยชร์สุดๆๆ ครับ จากคุณ : ณ.สร. - [ 2 พ.ย. 48 16:42:03 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ขอบคุณครับเฮีย จากคุณ : อิงค์-ออม - [ 2 พ.ย. 48 16:42:39 ]

ความคิดเห็นที่ 14 เป็นบทความที่ดีจริงๆครับ ขอบคุณคุณ"อะโรฯตัวน้อย"และพี่"ปิติ" ครับ จากคุณ : หัวหน้าใหญ่ - [ 2 พ.ย. 48 16:43:30 ]

ความคิดเห็นที่ 15 อ่านแล้วพอเข้าใจมากขึ้นอีกหน่อยครับ เดี๋ยวคงต้องเซฟไว้อ่านทำความเข้าใจอีกหลาย ๆ รอบ จะได้เข้าใจอย่างถ่องแท้ครับ ขอบคุณบทความดี ๆ ของ คุณ"อะโรฯตัวน้อย"และเฮีย"ปิติ" ครับผม จากคุณ : ครูเม้ง ณ login ภรรยา (ยอดหญิงนักชิม) - [ 2 พ.ย. 48 16:56:50 ]

ความคิดเห็นที่ 16 เรื่องยากๆ ปวดหัวพวกนี้เข้าใจก็เพราะพี่นี้ล่ะครับ ผมชอบประโยคนี้ครับ "น้ำเป็นหัวใจของการเลี้ยงปลา ระบบกรองเป็นหัวใจของการรักษาสภาพน้ำ และ หัวใจของระบบกรองก็คือระบบแบคทีเรีย" ขอบคุณคุณอะโรฯตัวน้อย ที่เขียนเข้าใจง่ายๆ มาให้อ่าน ขอบคุณพี่ปิติที่นำมา ให้ได้อ่านกัน 4S สร้างสรรค์กระทู้ดีมีคุณภาพอีกแล้วครับท่าน ! จากคุณ : ลุงชินซะแว้วววว (poj89) - [ 2 พ.ย. 48 16:59:06 ]

ความคิดเห็นที่ 17 แล้วแบบมีต้นไม้น้ำหล่ะครับ เห็นพูดค้างอยู่ จากคุณ : ... - [ 2 พ.ย. 48 17:13:43 A:61.91.126.30 X: TicketID:087386 ]

ความคิดเห็นที่ 18 อ่านดูแล้วคนเขียนต้องเป็นคนที่ผมรู้จักแน่ๆเลยอะครับ อ่านแล้วคุ้นๆชอบกล ขอบคุณพี่ปิติที่นำบทความดีๆมาให้อ่านนะครับ จากคุณ : haow - [ 2 พ.ย. 48 17:15:41 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ขอเสริมนิดนะครับว่าทางวิทยาศาสตร์ที่เรียนมา ซึ่งเคยถูกหักคะแนนในส่วนนี้เลยจำแม่น ด่างคือส่วนที่ไม่ละลายน้ำซึ่งส่วนที่ละลายเรียกเบส แต่เพื่อให้เข้าใจในภาษาไทยเลยเหมารวมเป็นใช้ด่าง ขอบคุณพี่ปิติที่มาให้ความรู้ครับ จากคุณ : คุณหอย - [ 2 พ.ย. 48 17:26:16 ]

ความคิดเห็นที่ 20 น่าอ่านมากครับได้อะไรๆเยอะเลยครับ จากคุณ : aekce1437 - [ 2 พ.ย. 48 17:38:50 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ขอบคุณคร้าบบบบบบบบบ จากคุณ : tp14d - [ 2 พ.ย. 48 17:47:25 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ^  _  ^ จากคุณ : เป๋าตังค์ - [ 2 พ.ย. 48 17:48:35 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ขอบคุณครับพี่ มีประโยชน์สุดยอดมากเลยครับ............. จากคุณ : J.สุริน169 - [ 2 พ.ย. 48 20:54:01 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ^_^ จากคุณ : KAKKY - [ 2 พ.ย. 48 21:02:28 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ขอบคุณครับพี่ปิติ พอเข้าใจนิดหน่อยเพราะไม่ค่อยเก่งเคมีอ่ะครับ5555 จากคุณ : off38 - [ 2 พ.ย. 48 21:34:10 ]

ความคิดเห็นที่ 26 บทสรุปสุดยอดเลยครับ อ่านแล้วเข้าใจในเรื่องการดูแลและการรักษาค่าต่างๆของน้ำในตู้ปลาได้ดีกว่าเก่ามากเลย ขอขอบคุณทั้งผู้ที่ลงบทความและผู้ที่คัดลอกบทความมาลงในที่นี้ด้วยครับ จากคุณ : DANG DK - [ 2 พ.ย. 48 21:36:09 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ขอบคุณ สำหรับความรู้ครับ จากคุณ : ระเบิดทราย - [ 2 พ.ย. 48 21:39:42 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ขอบคุณมากๆครับ..... ^_^ จากคุณ : Jumbo A (MAEUK13) - [ 2 พ.ย. 48 21:41:12 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ขอบคุณครับผม จากคุณ : ฉลามหางไหม้ - [ 2 พ.ย. 48 22:02:36 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ขอบุณครับ (^ ^ ~ จากคุณ : Icke - [ 2 พ.ย. 48 22:24:35 ]

ความคิดเห็นที่ 31 บทความดีครับพี่  ขอบคุณที่นำมาแบ่งปันให้อ่าน  ผมยังต้องทำความเข้าใจอีกเยอะเลย จากคุณ : ฟังกัสจัง - [ 3 พ.ย. 48 00:05:57 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ได้ประโยชน์มากครับ ต้องเซฟเก็บเอาใว้อ่าน เหมือนได้ทบทวนความรู้ไปด้วย เก้บเข้าหม้อมานานแล้ว อิอิ จากคุณ : bta_crazy - [ 3 พ.ย. 48 00:23:14 ]

ความคิดเห็นที่ 33 เป็นบทความหนึ่ง ที่ดีมากมากครับ เยี่ยมมากครับ จากคุณ : e20ngx - [ 3 พ.ย. 48 01:42:29 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ได้ความรู้เพิ่มเติมดีครับ และพึ่งรู้นะครับว่า ด่างกับเบส มันมีข้อแตกต่าง ด่างไม่ละลายน้ำ แต่เบสละลายน้ำ กระทู้นี้เยี่ยมครับ ขอเซฟหน่อย จากคุณ : ตาเด่น - [ 3 พ.ย. 48 06:19:16 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ขอบคุณครับ จากคุณ : leksathu - [ 3 พ.ย. 48 06:25:11 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ขอบคุณทั้งสองท่านครับที่นำมาให้อ่านและชมกัน จากคุณ : JJ (ลูกเฟิร์น) - [ 3 พ.ย. 48 07:54:40 ]

ความคิดเห็นที่ 37 จบเร็วไปหน่อย กำลังอ่านดีเลย จากคุณ : ปติวรตา - [ 3 พ.ย. 48 08:47:55 ]

ความคิดเห็นที่ 38 พอดีหนูไปอ่านกระทู้ก่อนหน้านี้ก่อน พอมาเจออันนี้เลย ปรับตัวไม่ค่อยทันค่ะ  อิๆๆ [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : หนูศิ - [ 3 พ.ย. 48 11:43:34 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ขอบคุณมากครับ จากคุณ : แกะแหนม - [ 3 พ.ย. 48 16:57:39 ]

ความคิดเห็นที่ 40 มาเก็บความรู้ด้วยคนครับ จากคุณ : superman-num - [ 4 พ.ย. 48 15:27:20 ]

ความคิดเห็นที่ 41 บทความน่า save as ไว้ที่สุดครับ เพราะเคยเจอมาแย้ว จากคุณ : g_abac - [ 4 พ.ย. 48 22:03:48 ]

ความคิดเห็นที่ 42 หลังจากที่ได้รับคำแนะนำจากพี่ปิติ ก็ใส่ประการังลงไปในกรองบ้าง ซึ่งตอนนี้ PH คงที่อยู่ที่ 7.5 ครับ จากคุณ : g_abac - [ 4 พ.ย. 48 22:04:45 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ขอบคุณครับ ทำให้เข้าใจเรื่องระบบกรองเพิ่มขึ้นเยอะเลย ^_^ จากคุณ : Dragon-Heart 333 - [ 4 พ.ย. 48 23:27:08 ]