ความคิดเห็นที่ 7
ผมก็มีทุนให้ครับ
แบบเดียวกับที่คุยๆ กันอะไรนี่เป๊ะเลยครับ ราคาปกติค่าใช้จ่ายทั้งหมดผมได้เน็ตๆ มาจากโรงเรียน 100,000 บ. (สมมติโรงเรียนหลังเขา วัดลิงขบ ที่ไหนก็ได้ ขอให้ได้ชื่อว่า อยู่ในอเมริกาก็แล้วกัน) ทีนี้ผมต้องหาเด็กส่งไปให้ได้ 10 คนคือต้องจ่ายให้โรงเรียน 1,000,000 บ. ผมก็กะว่าจะได้กำไรในส่วนที่เกินมาเท่าไหร่ก็ได้ สมมติตั้งเป้าไว้ว่า งานนี้ต้องหลอก เอ๊ย ต้องชวนคนไปให้ตามเป้าให้ได้
ผมก็ลงโฆษณา (ให้แมงเม่าบินมาเข้ากองไฟ) ไปว่า "เปิดสมัครสอบชิงทุนไปแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมและเรียนที่อเมริกา ฟรี" ปรากฏว่ามีเด็กแห่มาสมัครประมาณ 3,000 คนได้ ใครๆ ก็อยากได้ของฟรี หารู้ไม่ว่าผมมีแผนการไว้แล้ว ตรงนี้ไม่คำนวนให้แล้วกันนะครับ (ไม่เก่งเลข)
ง่ายๆ ก็คือว่า พอจัดสอบได้ลำดับมาซัก 50 อันดับ ผมก็จะบอกว่า คนที่สอบได้ที่ 1 จะได้เรียนฟรี แต่คนรองๆ ลงมาต้องเสียลดหลั่นกันลงมาตามส่วนนะ แต่ว่าอย่างต่ำสุด (คือคนที่สอบได้ตั้งแต่ที่ 2-3-4...) ลงมาก็ต้องคนละเกิน 120,000 บ.ขึ้นไป (คือที่ผมต้องส่งให้โรงเรียนไงครับ ที่เหลือ 20,000 น่ะกำไรของผมนะ) จนถึงคนได้ลำดับท้ายๆ ในกรุ๊ปนี้ก็เสียเยอะสุด
ที่ว่าเสียเยอะสุดนี่เจ้าตัวไม่รู้หรอก เพราะว่าผมก็จะบอกว่า เด็กคนนี้ได้รับทุนช่วยแค่ 10 % เท่านั้น ต้องจ่ายเงินเอง 90% โอ้ ดีใจใหญ่เลย ได้ทุนกะเขาด้วย
ทีนี้เงินส่วนที่เกินมาของทุกคนนี่แหละ (หลังจากหักกำไรของผมแล้ว อ่ะสมมติได้คนละ 20,000 นะ จริงๆ มากกว่านี้) ก็คือส่วนที่ผมเอาไปโปะให้คนสอบได้ที่ 1 ได้ไปฟรี ภาระก็ตกอยู่กับคนลำดับล่างๆ ที่อยากได้หน้า ว่าได้ทุนก็จ่าย เดี๋ยวลูกเสียหน้าว่าสอบตก คนสอบได้ก็ดีใจใหญ่ โห ลูกเราเก่ง มีความสามารถ ฯลฯ ต้องสนับสนุน ไม่งั้นเดี๋ยวลูกเสียสุขภาพจิต ได้จ่ายเงินก็ยอม ลดกันลงมาเป็นระดับอย่างกะ MLM แน่ะ ลองดูตัวอย่างเล็กๆ น้อยๆ
สอบได้ที่ 1 ได้ไปฟรี (จ่าย 0%) ได้ที่ 2-3 ต้องจ่ายเอง 10% ได้ที่ 4-5 ต้องจ่ายเอง 30% ได้ที่ 6-7 ต้องจ่ายเอง 50% ได้ที่ 8-9 ต้องจ่ายเอง 70% ได้ที่ 10 ต้องจ่ายเอง 90%
(ประมาณนี้นะครับ เป็นตัวอย่างเฉยๆ ห้ามถือเป็นตัวเลขจริงจังล่ะ) ส่วนคนที่เหลือ คือตั้งแต่ 11 ลงไป (ถึงกี่ร้อยคนก็ได้เอ้า) ถ้าอยากไปกับเพื่อนๆ ร่วมโครงการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมฯ (เอาชื่อโครงการมาหากิน ไม่รู้มันไปแลกเปลี่ยนอะไรกับใครที่ไหนมา) ก็ได้สิทธิ์ลดราคา 5,000 บ. ประมาณนี้ เอ่อ ผมบวกเพิ่มไว้แล้วแหละ เหมือนตามห้างซัมเมอร์เซลไง ติดป้ายเกินราคาไว้แล้ว แล้วมาบอกว่าลด แต่ว่าจริงๆ ผมได้กำไรมากกว่าที่ว่านี้อีก สมมติได้อีกคนละ 20,000 บ. รับหมดทุกคน สมัครเยอะๆ ก็ดี ผมจะได้ได้กำไรเยอะๆ
ทีนี้เด็กๆ ก็จะแห่กันมาลงชื่อ ลงเงิน ลงขัน ผู้ปกครองซึ่งลูกได้ "รับทุนการศึกษา" ก็จะแห่กันมาเอาเงินมาให้ผม ผมเองก็ต้องหั่นทุกอย่าง เพราะว่าต้องส่งเงินให้โรงเรียนเป็นราคาเน็ต อะไรเก็บได้ก็เอากำไรเต็มที่ เขาว่าถ้าจะได้ภาษาก็ต้องอยู่บ้านแฟมิลี่ละคน ผมไม่เอาอ่ะ ผมให้อยู่ 2 คนเลย จะได้จ่ายบ้านเดียว ที่เหลือเก็บไว้ เด็กมันไม่รู้หรอก ถ้าถามก็อ้างว่ากลัวจะเหงา ไปตามเรื่อง
สุดท้ายผมก็กำไรอยู่ดี กำไรเห็นๆ ไม่ต้องออกเงินให้ทุนอะไรเลย เงินพวกเขาเองแท้ๆ เฉลี่ยๆ จ่ายกันไป พูดให้ดูดีมันก็ดี ของแบบนี้มันอยู่ที่สมองอันชาญฉลาดของผมต่างหากล่ะ
จริงๆ ถ้าจัดส่งเด็กไปซัมเมอร์มันก็คล้ายๆ กัน แต่ว่าแมงเม่ามันน้อยกว่า ขืนบอกว่าไปเรียนภาษาเมืองนอกต้องจ่ายคนละ 100,000 กว่าบาท ตามปกติใครจะไปล่ะครับ ก็มีแต่พ่อแม่รวยๆ ละสิ กลุ่มเป้าหมายน้อยลงไปอีก คนฐานะกลางๆ ก็จะไม่คิดมาสมัคร ต้องบอกว่าแบบนี้ถึงเป็นภาวะจำยอม เวลาสอบก็ต้องทำให้ดูขลังๆ หน่อย ยากๆ เข้าไว้ เวลาลูกได้ชื่อว่าสอบได้ พ่อแม่ไหนก็ต้องกัดฟันหาเงินมาจ่ายจนได้ ยกเว้นพวกที่รวยๆ อยู่แล้วก็จะคิดอีกแบบ "ลูกชั้นรวยด้วย เก่งด้วย อุตส่าห์สอบได้ ก็ต้องหนับหนุนสิยะ ดีออก ได้ทุนด้วยนะ ไม่ได้จ่ายเต็ม" ปลื้มมม ๆๆ
"ทุนการศึกษา" คนไทยชอบนักคำนี้ อยากไปเมืองนอกฟรี อีกคำนึงก็ "โครงการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม" ฮ่าๆๆๆ ล่าสุดนี่ไปทำงานใช้แรงงานที่ต่างประเทศก็บอกแก้เก้อว่า "ชั้นไปแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมนะยะ ไม่ได้ไปเป็นคนงาน" ค่อยดูดีใช่มั๊ยละครับเจ๊
ใครอ่านจบแล้วถ้าอยากสมัครก็หลังไมค์ถึงผมได้เลย เอ๊ย ไม่ใช่
จากคุณ :
นายขวัญ
- [
19 ม.ค. 49 02:06:05
]
|
|
|