ความคิดเห็นที่ 1 ก่อนอื่นต้องบอกว่าผมไม่ใช่นักลงทุนที่คุณจะเอาตัวอย่างได้ เพียงแต่เห็นมาและเล่าให้ฟัง ถ้าคุณอยู่ Virginia ก็พอจะช่วยได้อยู่เพราะผมมีอนุญาตที่นี่ คำถามของคุณ 1. คุณซื้อได้ถูกต้องตามกฏหมาย โดยไม่ต้องมีใบเขียว รายละเอียดต้องถาม Realtor มีนักเรียนหลายคนซื้อ 2. มี Credit ดี โดยไม่มีงานหายากมากที่สุด เรื่อง Loan ก็ต้องถาม Loan Officer ครับ เขาอยากจะให้จะตายไป โดยเฉพาะถ้าคุณสามารถ ดาวน์ได้สูงๆ 3. Age ไม่เป็น factor ในการตัดสินใจของ Mortgage Banker ครับ ถ้าคุณมีสิทธิ์ทำนิติกรรมได้ 18 ปีอย่างตํ่า 4. Closing Cost ไม่ใช่ปัญหาเลย คุณต้องถาม Realtor ของคุณ หรือไม่ก็ต้องถาม Settlement Attorney อย่าลืมจะซื้อบ้านต้องใช้ Settlement Attorney เสมอ ต้องอ่านและถามจนเข้าใจก่อนลงชื่อในสัญญาต่างๆ ลูกสาวของเพื่อนเขาถือวีซ่านักเรียน เพิ่งซื้อไปหลังหนึ่ง เขาก็ไม่ได้เงินมาจากพ่อสักบาท ผมก็ไม่ได้ช่วยลูกสักบาท แต่รู้ว่าเขามีเครดิทดี มีเขมรคนหนึ่งอยากจะเล่าให้ฟัง อาชีพหลักทำความสะอาดออฟฟิศ in Washington DC and Virginia อาชีพรองซื้อบ้านเก่า ซ่อมแล้วขาย ทำมาประมาณ 20 ปี มี 14 หลัง ผมเคยไปนั่งทีสระกลางนํ้าและเก็บดอกบัวที่บ้านหลังหนึ่งของเขา อยู่ห่างจาก Washington DC สัก 40 ไมล์ได้ ไปห้องสมุดหาหนังสือมาอ่านสักสองสามเล่มก่อนจะช่วยได้เยอะครับ จากคุณ : อิสวาสุ - [ 10 ก.พ. 49 13:38:43 A:71.114.100.41 X: TicketID:105627 ]

ความคิดเห็นที่ 2 คุณอิสวาสุ is correct. จากคุณ : ธนิตา - [ 10 ก.พ. 49 15:03:18 ]

ความคิดเห็นที่ 3 แนะนำให้หาเรียลเตอร์ที่เมืองที่อยู่ค่ะ คนไทยได้ยิ่งดี คุยกันรู้เรื่องดี เพราะแต่ละเมืองกฎหมายไม่เหมือนกัน แต่ถ้าหาคนไทยไม่เจอ หาคนเอเชียจะดีกว่าค่ะ เรื่องซื้อได้ไม่ได้ คุณอิสวาสุบอกมาแล้ว จะมีปัญหาตอนขายเท่านั้นล่ะว่า อาจจะมีเรื่องภาษีที่แตกต่างจากเมกัน ถ้าไม่มีงานทำ แนะนำให้ไปจดทะเบียนเป็นผุ้ประกอบการ แบบที่คนขายของในตลาดนัดจดน่ะค่ะ  ก่อนซื้อเตรียมสเตทเม้นท์ดีๆ ทำให้มีเงินผ่านเข้าออกต่อเดือนเยอะๆ โลนเนอร์แนะนำว่า ถ้ามีเงินเข้ามาสี่พันต่อเดือน ให้เอาเข้าออกสองครั้ง แบ้งค์จะคำนวณจากเงินที่เข้าเท่านัน้ เตรียมสเตทเม้นท์ประมาณ หกเดือน การขอโลนมีหลายประเภทค่ะ คุณอยากซื้อจริงๆมีคนปล่อยกู้อยู่แล้ว เพียงแต่ ดอกจะสูงแค่ไหนเท่านั้น การขอโลนมีทั้ง ขอโลนแบบยื่นสเตทเม้นท์อย่างเดียวไม่ดูหลักฐานการทำงาน ซึ่งดอกสูงกว่า แต่ถ้าเครดิตสกอร์สูงก็ได้ดอกดีกว่านิดหน่อย เรื่องโคลสซิ่งคอส  loan officerอาจจะทำเรื่องโลนให้เยอะกว่าราคาบ้าน เพื่อคัฟเวอร์โคลสซิ่งคอส (จริงๆแล้วเราต้องเสียล่ะ แต่ไม่ต้องเสียเงินก้อน) แนะนำก่อนให้หาเรียลเตอร์นิสัยดีๆ และ loan officerนิสัยดีๆ มีชัยไปกว่าครึ่งค่ะ ปล. คุณอิสวาสุคะ  สนใจที่ virginia beach ด้วยอ่ะ มี upperfixer เหลือมั่งมั้ยคะ ปล.2 คุณอิสวาสุข้ามมาทำที่พิตเบิร์กได้มั้ยคะ?? แก้ไขเมื่อ 10 ก.พ. 49 16:25:15 แก้ไขเมื่อ 10 ก.พ. 49 15:09:23 จากคุณ : เกือกซ่าสีชมพู - [ 10 ก.พ. 49 15:08:52 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ขออนุญาติตอบยาวนะคะ เรื่องเมืองทำเลของบ้านก็สำคัญนะคะ ดูดีๆหน่อย คุณอิสวาสุ อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลยนะคะ พวก Realtor ไว้ใจไม่ได้เต็มร้อย ใครก็อยากขายบ้าน ถึงเป็น Buyer agent ก็เถอะ เขาได้เงินจากคนขายไม่ใช่คนซื้อ แนะนำให้ศึกษาเรื่องเมืองก่อน ดูโรงเรียนว่าดีไหม ถึงคุณจะไม่มีลูกแต่มันจะเพิ่ม Resale value ได้ดี ลองหาใน Google ใช้คำว่า public school ranking นะคะ พวก Msn site ก็มีข้อมูลเกี่ยวกับเมืองต่างๆ ที่ http://www.city-data.com ก็มี เรื่องขอ Mortgage ขอได้คะ ลองไปที่ http://www.quickenloans.com/ ดูนะคะ อันนี้ของ่ายสุด พอได้เมืองที่เล็งๆไว้ก็ไปติดต่อ Realtor โดยส่วนตัวชอบคนที่มี Connection แล้วก็ Well known หรือเป็นคนท้องถิ่น เพราะจะมีบทบาทช่วยเราตอนต่อรอง แต่อย่าเอาพวกที่ Busy จนเกินไป คนที่ยินดีตอบคำถาม ขี้นตอนก็คือเขาจะให้ list บ้านและราคาใน Range ที่คุณซื้อได้หรือมากกว่านั้นสัก 2-3 หมื่น เผื่อต่อราคาได้ เขาอาจจะให้คุณทำ Preapprove ก่อนเพราะความแน่ใจในเครดิตของคุณเขาอาจจะจับคุณเซ็นต์สัญญาว่าจะใช้เขาเป็น Buyer agent นั่นหมายความว่าถ้าคุณซื้อบ้านหลังไหนที่เขาพาไปดู คนขายต้องจ่ายค่านายหน้าให้เขา ระวังพวกนี้ชอบยุให้คุณซื้อบ้านที่เขาเป็น listing agent เพราะจะได้เงินสองต่อ ให้ agent ทำ market analysis ในช่วงปีที่ผ่านมาด้วยว่าเขาซื้อขายกันเท่าไร ราคาขายจริงต่างจากราคาตั้งเท่าไร บ้านหลังหนึ่งใช้เวลานาน เท่าไร คอยดู listing บ้านจาก Multiple listing web site คอยไปดูบ้านที่มี open house ตอนวันอาทิตย์ ขอ Disclosure มาดูประวัติของบ้านด้วย ถ้ามีอะไรไม่ดีหรือเริ่มเก่าจะได้เอาไว้ต่อรอง พอได้บ้านที่ชอบก็จะมีการ offer คุณต้องวางเงินใน escow account ประมาญ 1000 เหรียญ คนขายจะเลือกคนที่เสนอสูงและเครดิตดี ถ้ามีหลายคนอาจจะมีการ Bid หรือ Counter offer หลังจากได้รับ offer จะมีการ Attorney Review 3 วัน ถ้าจะต่อรองอะไรให้ซ่อมอะไร จะ Close เมื่อไรจะตกลงกันตอนนี้ ทนายให้ Realtor แนะนำให้ก็ได้ ใน 3 วันนี้ใครจะเปลี่ยนใจก็ได้ไม่เสีย Penalty ยกเว้นค่าเสียเวลาของทนาย ถ้าเป็นไปได้ในพยายามจ้าง Inspector มาตรวจบ้านภายใน 3 วันนี้เพื่อให้การต่อรองง่ายขึ้น พอตกลงเรียบร้อยคุณต้องไปหา Mortage ให้เร็วที่สุด การที่คุณถือวีซ่านักเรียนจะเป็นข้อเสียเปรียบ เพราะอาจจะหาได้ช้า แนะว่าคนหาก่อนที่จะไป offer พอได้ก็รอวัน Closing ประมาณ 1-3 เดือน ก่อน Close ควรไป walk through เพื่อตรวจสภาพบ้าน ช่วงก่อน Close จะวุ่นเรื่องเอกสารมาก เรื่องประกันบ้าน สารพัด หลังจากได้ Approval จาก Mortgage อย่าลืม Lock rate 30 วันก่อน Close เพราะ Rate จะเปลี่ยนแปลงได้ ตอน Close จะไปทำที่สำนักงานทนาย ทนายจะจัดการเรื่องกรรมสิทธิ์ เรื่องจ่ายเงินให้คนขาย ตรวจตราใบ Hud 1 ให้ดี เตรียมตัวได้เลยเซ็นต์จนเมื่อยมือ หลังจากนั้นทุกคนก็จะมา Congratulation กับคุณ บ้านเป็นของคุณแล้ว (ยกเว้นกรณีคุณอนุญาติให้คนขายเช่าอยู่ต่อเพราะยังขนของไม่เสร็จ) ค่า Closing จะรวม Mortgage เดือนแรกไว้แล้ว หลังจากนั้น เขาจะส่ง Coupon มาให้จ่าย ไม่ใช่ Realtor นะคะแต่ซื้อมา 2 หลังเลยคุ้นเคยกับระบบ เผอิญโชคดีคะที่ซื้อตอนบ้านเพิ่งราคาขึ้น พอขายหลังจากนั้นแค่ 5 ปีทำกำไรได้มากเอาการ (แต่ก็ต้องเอาเงินนี้ไปลงบ้านอีกหลัง) Good luck คะ จากคุณ : Piglet-Yorkie - [ 10 ก.พ. 49 23:02:45 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ซื้อบ้านเพื่ออะไร ถ้าซื้อเพื่อการลงทุน จะต้องซื้อบ้านที่ราคาตำกว่าราคาท้องตลาด เช่นบ้านถูกธนาคารยึดเพราะไม่มีปัญาผ่อน บ้านพวกนี้จะราคาถูกเพราะสภาพบ้านจะไม่ดี ต้องซื้อมาซ่อมแล้วถ้าซ่อมได้เองได้จะได้กำไรมากขึ้นเวลาขาย จะต้องอาศัยอยู่อย่างน้อย๕ปีถึงจะคุ้ม ถ้าซื้อเงินสดก็ง่ายมากใครๆก็ซื้อได้ ไปเจอบ้านสวยๆมาแล้ว ราคาบ้านจะแพงเพราะว่าเจ้าของบ้านแต่งสวย จะเพิ่มราคาบ้าน๗เปอร์เซ็นต์เพื่อจ่ายเป็นค่านายหน้าขายบ้าน(realtor) การเป็นเจ้าของบ้านจะต้องเสียภาษีproperty tax home owner insurance, homowner association fee. เป็นต้น ราคาค่าเช่าบ้านมักขึ้นอยู่กับlocationและราคาของบ้านเช่าเช่นบ้านราคา๑แสนเหรียญค่าเช่าจะประมาณ๑๐๐๐เหรียญต่อเดือน ถ้าจะซื้อบ้านเงินผ่อนจะต้องมีดาวประมาณ๒๐เปอร์เซ้นต์ จะหาธนาคารที่ยอมให้กู้เงินง่ายๆ เวลาอยู่ไปแล้ว๕ปีขายจะได้กำไรถ้าราคาบ้านแถวที่อยู่สูงขึ้น เวลาขายบ้านจะต้องเสียค่านายหน้าประมาณ๗เปอร์เซ็นต์ ถ้าเป็นเจ้าของบ้านแล้วอาศัยอยู่เองเกิน๒ปีแล้วขายได้กำไรไม่ต้องเสียภาษี ข้อสำคัญอีกประการหนึ่งคือ ธนาคารจะยอมปล่อยเงินกู้ได้แค่๓เท่าของ รายได้ของผู้กู้รวมกัน เช่นผู้กู้สามีรายได้๕๐๐๐๐เหรียญภรรยา๒๐๐๐๐เหรียญต่อปี ธนาคารจะให้กู้เงินได้สูงสุดไม่เกิน(50000+20000)*3 เท่ากับ210000เหรียญ และผู้กูต้องมีเครดิดดีFICO scores มากกว่า700 จากคุณ : joe - [ 11 ก.พ. 49 08:23:23 A:68.104.204.209 X: TicketID:051689 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ผมซื้อบ้านในสมัยที่ขับ Taxi หลักฐานต่างๆไม่ค่อยเรียบร้อยเท่าไร ผม Claim Tax (สมัยก่อนตอนมาใหม่ๆ )ให้คนอื่น แต่ของผมเองไปจ้างเขา ทั้งคนทำ Tax, loan officer and Realtor ช่วยกันสุดตัว จากคุณ : อิสวาสุ 555 - [ 11 ก.พ. 49 12:24:24 A:71.114.100.41 X: TicketID:105627 ]

ความคิดเห็นที่ 7 There is a book or two you might want to read... (copied from an ad) . ’You’ll always be poor’ “If you rent, you’ll always be poor,” declares real-estate cheerleader and bestselling author David Bach, author of “Smart Women Finish Rich” and the upcoming “The Automatic Millionaire Homeowner.” “The longer you rent, the less likely you are to buy. You fall further and further behind.” จากคุณ : I - [ 12 ก.พ. 49 19:56:35 A:71.114.100.41 X: TicketID:105627 ]

ความคิดเห็นที่ 8 Khun I ka' I actually finished Start Late finish Rich by David Bach not too long ago. And that's also why I'm so eager to buy a place ka' Thank you for all comments na ka' and please keep posting ka' จากคุณ : Couch Potato - [ 13 ก.พ. 49 17:03:10 ]

ความคิดเห็นที่ 9 I work for on of the biggest mortgage company in the US. Please let me know if you need any help getting a mortgage. 201-289-7286 จากคุณ : AG - [ 15 ก.พ. 49 01:30:21 A:67.85.4.205 X: TicketID:000615 ]

ความคิดเห็นที่ 10 AG are you in NJ? I will keep your phone number. I am thinking about refinancing. THX จากคุณ : Piglet-Yorkie - [ 15 ก.พ. 49 23:23:03 ]