ความคิดเห็นที่ 8
ขำวิธีของคุณดอสจังเลย ครับ แต่ก็ถือเป็น mnemonics ที่ดีอันหนึ่งเลยทีเดียว มีความคิดสร้างสรรค์ดีมากๆครับ ขอมาตอบแบบ (กึ่ง)วิชาการนะครับ วิธีการออกเสียงปัจจัยอดีตกาลของภาษาอังกฤษ การออกเสียงปัจจัยชนิดนี้ (สะกดด้วย -ed เป็นส่วนใหญ่) มีหลักว่าให้ดูเสียงที่มาข้างหน้าปัจจัยตัวนี้ เพราะว่าเสียงที่มาข้างหน้า จะเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนเเปลงเสียงที่ตามมาข้างหลัง (assimilation ของปัจจัย ed นั่นเอง) สังเกตว่า ผมพูดคำว่า เสียง นะครับ ไม่ใช่ตัวสะกด เช่น คำว่า rowed (พายเรือ) เสียงที่มาข้างหน้าปัจจัย -ed คือเสียงสระ โอ ไม่ใช่ พยัญชนะ w นะครับ หรือตัวสะกด s ในคำว่า rose นั่นถือว่าอ่านเป็นเสียง z นะครับ (คือเสียงก้อง) ไม่ใช่เสียง s ธรรมดา กรณีที่ หนึ่ง -ed ออกเสียงเป็น d (ดึ) ถ้าเสียงที่มาข้างหน้าเป็นเสียงโฆษะ หรือเสียงก้อง เช่น เสียง v, th, z, g, j, และสระทุกเสียง เช่น crazed, caved, clothed, clogged, caged, rowed, photoed ทุกตัวออกเสียง เป็น ตัว /d/ หรือ ดึ หมด เช่น เครสดึ เคฟดึ โคลธดึ คล้อกดึ ฯลฯ เพราะว่า เสียงที่มาข้างหน้าทุกตัวเป็นเสียงก้อง จึงทำให้ปัจจัย ed ต้องออกเสียงเป็นเสียงก้องตาม (นั่นคือ เสียง d) กรณีที่สอง ถ้าเสียงที่มาข้างหน้าเป็นเสียงที่ไม่ก้อง หรือเสียง อโฆษะ มีผลให้เสียง ed ตามมาเป็นเสียงไม่ก้องด้วย นั่นคือ เสียง t หรือ ทึ นั่นเอง เสียงไม่ก้องเช่นเสียง p, k, f, th, s, ch และอื่นๆ เช่น stopped, kicked, kissed, churched เป็นต้น ออกเป็น สต๊อปทึ คิกคึทึ (ถ่ายทอดเสียงเป็นไทยได้ดีที่สุดเท่านี้นะครับ) กรณีสุดท้าย ถ้าเสียงที่มาก่อนหน้าเป็นเสียง t หรือ d ให้เติมสระ อิ หรือ เอิด หน้าปัจจัย ed เช่น wanted, needed อ่านเป็น ว้อนทิด นีดดิด (หรือ ว้อนเทิ่ด นี้ดเดิ่ด เป็นต้น) เหตุผลที่ต้องเพิ่มเสียงสระอิเข้าไปนั้น เนื่องจาก เสียง t และ d ในกรณีนี้จะทำให้ออกเสียงได้ลำบากเวลาไม่ใส่ สระ เช่น ถ้าอ่านตามหลักสองข้อข้างบน จะได้เป็น wanted ว้อนทึทึ (เพราะว่า เสียง t เป็นเสียงไม่ก้อง เพราะฉะนั้น เสียงที่ตามมาก็ต้องกลายเป็นเสียงไม่ก้อง หรือเสียง t ไปด้วย) จะเห็นว่า ว้อนทึทึนั้นออกเสียงลำบาก เจ้าของภาษาเลยเติมเสียงสระไปคั่นกลางเพื่อให้ได้พยางค์ใหม่ กลายเป็น ว้อนทิด ไปโดยปริยาย คำยกเว้นต่างๆ เช่น legged, crooked, learned พวกนี้ไม่เป็นตามกฏข้างบน กล่าวคือต้องเติมสระ อิ เข้าไปคั่นกลางด้วย เพราะฉะนั้นคำเหล่านี้อ่านเป็น เล็คกิด ครุกกิด และ เลินนิด เป็นต้น (สังเกตว่าคำเหล่านี้ไม่ใช่กริยา และเป็นคำคุณศัพท์ครับ เลยไม่เป็นไปตามกฏ เช่น he is a learned man ฮี อิส อะ เลิร์นนิด แมน ซึ่งต่างจาก I have learned a great deal ไอ แฮฟ เลินดึ อะเกรทดีล) หวังว่าคงช่วยได้ สิ่งสำคัญคือ ต้องรู้ว่า เสียงที่มาข้างหน้าปัจจัยเป็นเสียง ก้อง หรือ ไม่ก้อง ครับ และไม่ใช่ดูที่ตัวสะกด ต้องดูที่การออกเสียงจริง ๆ (เช่น rose หรือ nose นั้น สะกดเป็น s แต่เสียงจริงๆ คือ z นะครับ ) หมายเหตุ คำว่า rose อ่านออกเสียงเหมือน rows และ nose ออกเสียงเหมือน knows ครับ ลองไปคิดกันเล่นๆว่าทำไมครับ
จากคุณ :
krisdauw (krisdauw)
- [
22 ก.พ. 49 11:09:08
]
|
|
|