15 สิงหาคม ปีโชวะที่ 20 (ค.ศ.1945)
สงครามมหาเอเชียบูรพาที่ยืดเยื้อมาเป็นเวลา 3 ปี 8 เดือน ยุติลง ภายหลังการถ่ายทอดกระแสพระราชดำรัสของสมเด็จพระจักรพรรดิฮิโระฮิโตะ

"จงอดทนอดกลั้นกับสิ่งที่ยากจะอดกลั้นไว้ได้ และจงอดทนกับสิ่งที่ยากจะอดทน"


5 พฤษภาคม ปีโชวะที่ 47 (ค.ศ.1972)
ญี่ปุ่นในยุคเติบโตหลังภาวะสงคราม ... มีการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคเสรีประชาธิปไตย "นายทะนะกะ คะกุเอ" ได้รับการโหวตด้วยคะแนนเสียงทิ้งห่างคู่แข่งขันให้ขึ้นนั่งในตำแหน่งหัวหน้าพรรค

7 กรกฎาคม ปีเดียวกัน นายทะนะกะได้รับการสนับสนุนจากประชาชนด้วยคะแนนเสียงกว่า "60%" ซึ่งสูงที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองของญี่ปุ่นให้ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

มูลเหตุที่ทำให้ประชาชนทั้งหลายพร้อมใจกันเลือกนายทะนะกะ สืบเนื่องมาจากนโยบายหลัก 2 ประการ

1. การฟื้นสัมพันธ์ทางการทูตกับประเทศจีน หลังจากที่มีเรื่องมีราวกับจีนมาตั้งแต่ยุคก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 ภายหลังนายทะนะกะเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้ 2 เดือน เขาบินตรงไปยังกรุงปักกิ่ง ได้พบกับผู้นำเหมาเจ๋อตง และทำสัญญาความร่วมมือระหว่างญี่ปุ่นกับจีน ซึ่งนับเป็นการยุติการตัดสัมพันธไมตรีทางการทูตระหว่างประเทศทั้งสอง ซึ่งยาวนานมากว่า 40 ปี

2. โครงการเปลี่ยนแปลงหมู่เกาะญี่ปุ่น โดยมีแผนที่จะต้องเร่งสร้างรถไฟชินกันเซ็นให้วิ่งไปทั่วทุกมุมของญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเดินทางไปในที่แห่งใดในญี่ปุ่นจะต้องสามารถเดินทางไปถึงได้ภายในวันเดียว และเร่งปรับปรุงประเทศชาติให้มีความทันสมัยในทุกหัวมุมของประเทศ

ทะนะกะไม่ได้จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัย เขาเป็นคนที่พูดโดยไม่เสแสร้งหรือปรุงแต่ง ยึดมั่นในความเชื่อที่ว่า "เงินและอำนาจสามารถเปลี่ยนคนได้" เขามักถูกประชาชนเรียกว่า "คักกุซัง" บ้าง "อิมะทะอิโก" (ท่านเสนาบดี) บ้าง

กล่าวกันว่า เขาเป็นแบบฉบับของคนที่ประชาชนรู้สึกสนิทสนมคุ้นเคยมากที่สุดในบรรดานายกรัฐมนตรีทั้งหลายที่ญี่ปุ่นเคยมีมา

ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีชื่อทะนะกะ ญี่ปุ่นเข้าสู่ช่างการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงสุด GNP ของแต่ละปีได้สูงขึ้นกว่าปีก่อนๆ ประมาณ 5% รายได้ของประชากรติดอันดับสูงที่สุดในโลก ญี่ปุ่นกลายเป็นประเทศที่เศรษฐกิจเป็นสิ่งที่มาก่อนสิ่งอื่น วัฒนธรรม ประเพณี เป็นสิ่งรองลงมา

ราคาที่ดินเพิ่มขึ้นอย่างพรวดพราด ค่าครองชีพทะยานสูงขึ้น (และก่อให้เกิดภาวะเงินเฟ้อในเวลาต่อมา)

ญี่ปุ่นเชื่อว่า "ถ้ามีเงินก็สามารถทำอะไรได้ทุกอย่าง ถ้ามีเงิน ชีวิตมนุษย์ก็มีความสุข ถึงมนุษย์จะย้ำหลักการที่สวยหรูเพียงใด แต่แท้ที่จริงแล้วก็ต้องการเงินกันทั้งนั้น"

ทะนะกะกลายเป็นสัญลักษณ์ของความคิดดังกล่าว

...
...


เวลาผ่านไป 1 ปี

ประชาชนจำนวนไม่น้อยเริ่มไม่พอใจรัฐบาลชุดทะนะกะ ชนชั้นที่สนับสนุนพรรคสังคมนิยมและพรรคคอมมิวนิสต์มีความโกรธแค้นคณะรัฐบาลทะนะกะที่เทผลประโยชน์ของประชาชนไปให้กับธุรกิจการก่อสร้าง ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ พวกเขาจึงใช้พรรคสังคมนิยมและพรรคคอมมิวนิสต์เพื่อให้ปกป้องผลประโยชน์ของกลุ่มตน

นิสัยฝักใฝ่ในอำนาจเงินของ "นายกฯ ทะนะกะ" ถูกโจมตีจากสื่อมวลชนอย่างถึงรากถึงโคน รายงานขุดคุ้ยที่มาของเงินทะนะกะซึ่งนักวิจารณ์ชื่อ "ทะจิบะนะ ทะกะชิ" เขียนตีพิมพ์ลงในวารสารชื่อ "บุงเงชุนชู" ได้ให้ความกระจ่างชัดว่านายทะนะกะสร้างเงินลงทุนทางการเมืองอย่างไร และได้ชี้ปริศนาที่ว่าในบางกรณีเขาได้หลบเลี่ยงปัญหาด้านกฏหมายว่าด้วยภาษีไปได้อย่างชาญฉลาด

1 ปีหลังรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เกิดภาวะวิกฤติการณ์น้ำมัน ... นายทะนะกะถูกกดดันจากการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ



ปีโชวะที่ 51 (ค.ศ.1976)

ในการประชุมคณะกรรมการย่อยเชิร์ชในคณะกรรมการทูตของวุฒิสภาอเมิรกาได้เปิดเผยความจริงว่า บริษัทแม่ของบริษัทล็อคฮีด (Lockheed Corp) ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตเครื่องบินได้จ่ายเงินใต้โต๊ะจำนวนมหาศาลให้กับประเทศญี่ปุ่นและอิตาลี

คำสารภาพของบริษัทล๊อคฮีดในที่ประชุมฯ ถูกนำมาสอบสวนในการประชุมรัฐสภาญี่ปุ่น

พบว่า ... นายทะนะกะรับเงินใต้โต๊ะจำนวน 500 ล้านเยน!

ประเทศญี่ปุ่นเข้าสู่ยุคมืดอีกครั้ง



ปีโชวะที่ 55 (ค.ศ.1980)

โรงเรียนมัธยมต้นเต็มไปด้วยเด็กเกเรกับการรังแกกันในสังคม ข่าวในหนังสือพิมพ์มีแต่ข่าว "นักเรียนมัธยมใช้กำลังอย่างลอยนวลโดยไม่แยแสต่อกฏหมาย ต่อยครูแล้วบังคับให้ก้มลงกราบขอโทษ นักเรียนมัธยมต้นต่อยครู 11 คน ตำรวจ 51 นายออกปฏิบัติการ"

เดือนกันยายนปีโชวะที่ 55 เด็กมัธยมศึกษาตอนต้นชั้นปีที่หนึ่งในโรงเรียนที่โอซาก้าคนหนึ่งทนต่อการถูกรังแกไม่ไหวจึงผูกคอตาย และได้เป็นข่าวใหญ่โตไปทั่วประเทศ

เพียงแค่ช่วงต้นของปีโชวะที่ 56 (ค.ศ.1981) พบว่าเกิดคดีทั้งหมด 876 คดี

...

...



อ่านประวัตศาสตร์ญี่ปุ่นช่วงนี้แล้ว นึกถึงประเทศไทยจริง เหอๆๆ

แก้ไขเมื่อ 03 มี.ค. 49 22:45:10