ความคิดเห็นที่ 1 มีความรู้สึกแปลกๆพิกล..ว่ามันจะทำจุดต่ำสุดใหม่ในรอบ 4 ปี ได้จริงหรือ..ถ้าสถานการณ์บ้านเมืองยังอึมครึมแบบนี้..และถ้าจริงแบ๊งค์ชาติ จะยอมให้บาท/เยนแข็งต่อเนื่องแบบนี้หรือ..มันจะกระทบกับผู้ประกอบการหลายๆกลุ่มหรือเปล่า.. และดูจากอินดิเคเติอร์แล้ว..โดยเฉพาะ RSI ..ถึงแม้ ค่าเงินจะดิ่งลงมาแรง ทำนิวโลว์ขนาดไหน ตั้งแต่เดือนธันวาปีที่แล้ว จนถึงต้นปีนี้..RSI ก็ยังไม่มีทีท่าที่จะทำนิวโลว์ ไปกว่าที่ทำไว้เมื่อคราวเงินเยนอ่อนตัวแบบเร็วและแรงมากจากเดือนกันยา ถึงต้นเดือนพฤศจิกา '05.. ไม่ทำโลว์..แต่ยังทำ ไดเวอร์เจนส์ (การที่อินดิเคเตอร์ทำทิศทางตรงกันข้ามกับดรรชนีค่าเงิน เช่นดรรชนีทำนิวโลว์แต่ RSI กลับไม่โลว์ตาม) ถึง 2 ครั้ง 2 ครา (ตามเส้นเหลือง)..น่าสงสัยเป็นยิ่งนัก..ไม่เฉพาะ RSI แต่รวมถึง SSTO ด้วย จากคุณ : Carpenters - [ 11 มี.ค. 49 17:21:02 ]

ความคิดเห็นที่ 2 บอกตามตรงว่า..ลังเลมากับทิศทางของค่าเงิน บาท/เยน ที่กำลังจะเป็นไปจากนี้พอสมควร..ต้องจับตาดูให้ดี ตรงช่วง..33 ถึง 32.5 ..แถวๆนี้แหละ..น่าจะเป็นจุดตัดสินว่า มันจะไปในทิศทางใดกันแน่.. ถ้าลงมาทดสอบโลว์เดิมเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ไม่สำเร็จ..ก็อาจเป็นจุดกลับตัวของรอบนี้..เพื่อขึ้นกลับไป ทดสอบแนวต้านที่ 35 บาท ต่อไป.. หรืออาจทดสอบครั้งแรก แล้วรีบาวน์(ยังไงก็น่าจะมีรีบาวน์ก่อน) เพื่อสะสมแรงทะลุแนวรับ 32.5 เพื่อทำนิวโลว์ใหม่ในรอบ 4 ปี..และสู่จุดหมายใหม่คือ นิโลว์ในรอบ 7 ปีก็เป็นได้ (โอ้ว..7ปี อันนี้คงอีกนาน).. โอ้ย..ไม่คิดแล้ว..เดี๋ยวเครียด..ฮ่าๆๆๆ ใครที่ทำงาน แล้วต้องมีส่วนได้เสีย มีผลกระทบกับค่าเงินเยน ..ช่วงนี้น่าเห็นใจน๊ะครับ คงเครียดน่าดู..ผันผวนรุนแรงจริงๆ ตลอด 1 ปี ที่ผ่านมา.. มีผู้รู้ท่านอื่นๆ ช่วยชี้แนะเพิ่มเติมด้วยน๊ะครับ.. ทั้งหมดคือการวิเคราะห์เชิงเทคนิค..อยากให้มีท่านผู้รู้ท่านอื่นๆ..ที่มีความรู้ทางด้านวิเคราะห์เชิงพื้นฐาน มาช่วยเสริมด้วยก็ดีครับ.. แก้ไขเมื่อ 11 มี.ค. 49 17:57:08 จากคุณ : Carpenters - [ 11 มี.ค. 49 17:30:49 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ไปดูแดจังกึมมา..ตอนจบซะด้วย..อิอิ..(นี่ขนาดซื้อ DVD มาดูแล้ว ยังอยากดูอีกเลย..สนุก ได้สาระมากทีเดียว เรื่องนี้..).. คราวนี้ลองมาดู ทิศทางของ Baht/USD กันบ้าง..ว่าจะเหมือน เยน บ้างหรือเปล่า.. จะเห็นว่า ไม่เชิงไปในทิศทางเดียวกันนัก..เยนจะค่อยๆไต่ขึ้นไปเรื่อยๆ..พักบ้างตามรายทาง.. ตั้งแต่ปี 02 ..แล้วไปทำจุดสูงสุดเกือบๆ 39 บาท เมื่อรา;ๆrฤษจิกา ปี 04..จากนั้นก็ไต่ลงๆ..จนมาถึงระดับปัจจุบัน..เป็นเหมือนรูปแบบขึ้นและลงภูเขา.. ส่วนดอลล่าร์ ..จะมีรูปแบบก้างปลา..สวิงขึ้นลงแรงกว่ามาก.. แก้ไขเมื่อ 11 มี.ค. 49 20:44:39 จากคุณ : Carpenters - [ 11 มี.ค. 49 20:43:24 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ลองสังเกตุรูปแบบของ การทำไดเวอร์เจนส์..ในรูปแบบต่างๆ..ของดอลลาร์..ตามช่วงเวลาต่างๆกัน.. จะเห็นการทำ Bullish Divergence (ไดเวอร์เจนส์ แสดงการกลับตัวเปลี่ยนเป็นขาขึ้น)...ที่ขีดด้วยเส้นสีเหลือง.. จะเห็นได้ว่า..มีปรากฏให้เห็น Bullish Divergence ..ในช่วง ปลายปี 03 ถึงต้นปี 04..ปลายปี 04 ถึงต้นปี 05....และการทำ Bullish Divergence ของ 2 ครั้งที่ผ่านมา..จะเห็นการกลับตัว..ทำให้ค่าเงินดอลลาร์/บาท..แข็งขึ้นอย่างรวดเร็ว.. และช่วงปีนี้ตั้งแต่ปลายเดือนมกรา ถึงปัจจุบัน..ก็กำลังเกิดสัญญาณดังกล่าวขึ้นแล้ว.. ไหนๆฝากให้ดู Bullish Divergence แล้ว..ก็เลยอยากให้ดูรูปแบบตรงกันข้ามไปด้วยเลยคือ Bearish Divergence (ไดเวอร์เจนส์ แสดงการกลับตัวเปลี่ยนเป็นขาลง)..จะเห็นได้จากที่ขีดเส้นสีแดงไว้..แสดงให้เห็นว่า ราคาปิดที่สูงขึ้น แต่อินดิเคเตอร์กลับมีทิศทางตรงกันข้าม..ซึ่งจะเห็นว่าการเกิด Bearish Divergence ทั้ง 2 ครั้งที่ผ่านมา..ดอลลาร์ก็อ่อนตัวลงมาจริงๆ.. ถ้าจะวิเคราะห์ในเชิงข้อมูลแล้ว..ก็น่าจะเป็นไปได้ที่ค่าเงินบาทแข็งขึ้นจากช่วงปลายปี 05 และต้นปีที่ผ่านมาจนปัจจุบัน..เกิดมาจากกระแสเงินที่ไหลเข้าสู่ภูมิภาค..และมากเป็นพิเศษที่บ้านเรา..จึงทำให้ค่าเงินบาท/ดอลล่าร์ แข็งขึ้นอย่างรวดเร็ว..จาก 41 บาทกว่าๆ..ทะลุ 39 บาทลงมาได้.. และกระแสเงินมหาศาลที่เข้ามาสู่ภูมิภาคนั้น..ส่วนหนึ่งก็คือ เงินของพวกเฮดจ์ฟันด์..ซึ่งก็เป็นเงินลงทุนระยะสั้นจู๋ นั่นเอง.. และแน่นอน เมื่อสั้นจู๋..เฮดจ์ฟันด์สามารถทำกำไรได้จากทั้งการลงทุน.. และกำไรจากค่าเงินบาทที่แข็งขึ้นแล้ว..ก็ย่อมมีการขนเงินออกไป เพื่อทำกำไรระยะสั้นเป็นธรรมดา.. 41-39 ก็มีผลต่างถึง 5% โดยประมาณ..ถ้าในตลาดค้าเงินก็ถือว่ามากมายแล้ว..(เพราะในตลาดค้าเงินแล้ว ไม่จำเป็นต้องใช้เงินจำนวนเต็มในการสั่งซื้อสั่งขาย..) ซึ่งถ้าดูจากรูปการณ์นี้แล้ว..ในระยะสั้นที่จะถึง..อาจมีการเทขายเงินบาทไล่ซื้อดอลล่าร์..ทำให้เงินบาทอ่อนค่าได้..ซึ่งแน่นอน ก็ต้องกระทบค่าเงินบาท/เยน ด้วยเช่นกัน.. จากคุณ : Carpenters - [ 11 มี.ค. 49 21:14:48 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ตอนแรกไปญี่ปุ่นรอบนี้ 10 กว่าวัน..ทั้งครอบครัว 5 คน ใช้เงินมากเอาการ ...กะว่าจะไม่พกเงินสดไปมากเท่าไหร่..จะใช้การ์ดเอาบางส่วนที่ทำได้.. แต่ตอนนี้เริ่มเปลี่ยนใจแล้ว..วันจันทร์ผม กะจะไปแลกเงินเยนเพิ่มอีกดีกว่า..เผื่อมันจะแข็งขึ้นจริงๆ..อิอิอิ.. จากคุณ : Carpenters - [ 11 มี.ค. 49 21:20:53 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ว้าว วันนี้นักเศรษฐศาสตร์มาเองเด้อ พี่ช่างไม้เรียนจบมาทางนี้นี่หนา (รึเปล่า จำไม่ค่อยได้) เป็นช่วงที่น่าซื้อเยนเก็บไว้เป็นอย่างยิ่งครับ ไม่เคยคิดว่าจะมีคนตามเงินเยนด้วย เพราะจะเปิดดูในหน้าหนังสือพิมพ์ทุกฉบับเลยว่าเรทอยู่ที่เท่าไร เท่าที่สังเกตุก็ตรงกับที่พี่ช่างไม่บอกไว้ทุกอย่างเลย และถ้ามันเป็นอย่างนี้ต่อไปคงไม่ได้แน่สำหรับภาคธุรกิจ ว่าแต่พี่ช่างไม้แลกเงินเยนที่ไหนเป็นส่วนใหญ่ครับ ของผมจะแลกที่ Super Rich ซะส่วนใหญ่ จากคุณ : ชัย (Chaibangkok) - [ 11 มี.ค. 49 22:38:32 ]

ความคิดเห็นที่ 7 นั่นนะซิคุณ เมื่อก่อนเคยแลกได้ ๓๗ต่อ ๑๐๐เยน แต่ตอนนี้เหลือแค่ ๓๒กว่าๆ ส่วนมากเวลากลับไทยทีก็พกไปทีละหลายล้านเยน (ไม่ได้คุยนะ เพราะไม่เคยโอนเงินเลย พกสดตลอด )รู้ว่าเสี่ยงแต่ก็พกมาอย่างนี้ หลายๆครั้งแล้ว เดี๋ยวนี้แลกบาทได้น้อยมาก เพื่อนๆก็บ่นกันมาก เพราะส่งเงินมาบ้านแล้วได้น้อยต้องส่งเพิ่ม ต้องทำงานหนักขึ้น แล้วมันจะเป็นแบบนี้อีกไปถึงเมื่อไหร่นะ ? จากคุณ : ชอบเงินสด - [ 12 มี.ค. 49 06:06:27 A:125.52.182.141 X: ]

ความคิดเห็นที่ 8 สวัสดีครับ..น้องชัย..ใช้แล้วครับ..จบทางด้านนี้มา แต่ไม่ใช่เอกการเงินครับ..สนใจเป็นการส่วนตัวมากกว่า.. ที่ผมมาชี้ให้เห็นแนวโน้มทางด้านเทคนิด..ก็เพราะข้อมูล ข่าวสารภายนอกต่างๆ บางทีมันทำให้เราหลงทางได้..แต่อินดิเคเตอร์พวกนี้ มันสามารถบงชี้อะไรบางอย่าง ในการเคลื่อนไหว ของการทำธุรกรรมได้.. เอาแบบภาษาเข้าใจง่ายๆก็คือ..การที่ค่าเงินทำนิวโลว์..แต่อินดิเคเตอร์ต่างๆ กลับไปในทิศทางตรงกันข้าม..นั่นก็แสดงว่า..ในขณะที่มีการกระหน่ำซัมเมอร์เซลล์อยู่นั้น..ก็มีบางกลุ่มเข้ามารับ หรือมีแรงซื้อแอบซื้อ อยู่ตลอดทางลง..เหมือนเวลากองทัพกำลังถูกตีล่าถอย..ก็จะมีกองกำลังไม่ทราบสัญชาติอีกกลุ่มคอยซุ่มดักเก็บอาวุธ เสบียง ที่ทัพนั้นทำหล่นเรี่ยราดไว้ตลอดทางอยู่ด้วย..ประมาณนั้นแหละครับ.. จะดักเก็บไปทำไม..ถ้าไม่เอาไว้ใช้..และกองกำลังไม่ทราบสัญชาตินี้..จะเอาไว้รบกับใครละ..อันนี้ต้องดูกันต่อไป.. คุณชอบเงินสด ครับ..ถ้าเป็นไปอย่างที่ผมคิด...ในอีกไม่นานอาจเกิดการกลับตัว..แนวต้านใหญ่ต่อไป ก็แถวๆ 35 บาท ครับ ซึ่งอาจใช้เวลาเป็นเดือนๆ หรือหลายเดือนจากนี้..อาจจะมีต้านเล็กๆแถว 34 แต่ไม่ค่อยมีผลเท่าไหร่ น่าจะทะลุได้..แต่ 35 นี่ท่าจะผ่าน คงต้องใช้เวลาพอสมควร..ช่วงแถวๆนี้ น่าจะพอถูไถ ส่งเงินกลับได้บ้างน๊ะครับ.. แต่ถ้าผิด..เป็นแบบเส้นปะสีเหลืองในรูป คห.ที่2 ละก็..ตัวมันตัวเผือกแหละครับ..อิอิอิ..แต่ผมก็ยังคิดว่าคงยากหน่อย..เพราะด้วยสถานการณ์ตอนนี้ และแบ๊งค์ชาติก็คงไม่ยอมง่ายๆ.. ยังไงก็ต้องจับตาดูช่วง 33-32.5 ไว้ให้ดีครับ..จะเป็นจุดวัดใจจริงๆครับ.. อูย..ดูเป็นจริงเป็นจัง เหลือเกินเรา..อิอิอิ..แต่ก็สำคัญนะครับ..รู้เขารู้เรา รบกี่ครั้งก็ไม่แพ้นิ๊..รู้ทิศทางค่าเงินไว้ ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายนิ๊... แก้ไขเมื่อ 12 มี.ค. 49 10:26:54 แก้ไขเมื่อ 12 มี.ค. 49 09:12:52 จากคุณ : .. (Carpenters) - [ 12 มี.ค. 49 09:07:49 ]

ความคิดเห็นที่ 9 พี่ช่างไม้ครับ สนใจเรื่องนี้เป็นการส่วนตัว อยากได้คำอธิบายที่ง่ายกว่านี้หน่อย ไม่ได้จบเศรษฐศาสตร์มาก็เลยเข้าใจเรื่องนี้ยากกว่าพี่ หลังไมค์ด้วยนะครับถ้าไม่รบกวนเกินไป จากคุณ : ชัย (Chaibangkok) - [ 12 มี.ค. 49 16:53:13 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เราชอบนะถ้าคุยเรื่องเงินๆทองๆ แม้จะมีไม่มากแต่ มันก็ทำให้เราระวังการใช้เงินมากขึ้น เพราะเงินมันไม่ใช่ผลไม้ที่ยืนต้น จะได้ออกลูกออกดอกให้เรากินได้ตลอด ดอกเบี้ยแบงค์ก็น้อยมาก ไม่รู้จะเอาเงินไปทำอะไรดีเพราะธุรกิจอะไรก็ไม่เป็น ไม่ชอบความเสี่ยง ฝากกับประกันก็ฝากมามากแล้ว จะให้เขายืมเอาดอกก็ขี้เกียจไปทวง ตอนมาหาเรานี่ขยันมา แต่พอตอนใช้นี่เราต้องขยันไปตามหา ดีไม่ดีจะโดนฆ่าอีก จากคุณ : ชอบเงินสด - [ 12 มี.ค. 49 19:11:28 A:125.52.182.141 X: ]

ความคิดเห็นที่ 11 อ๊ากกก คุณพ่อ ผมปวดหัวอะ ไม่เข้าใจ ที่คุยกันนะ รู้แต่ว่า ตอนนี้เยนถูก อิอิ จากคุณ : House Of FlyingBird - [ 12 มี.ค. 49 21:47:26 ]

ความคิดเห็นที่ 12 อ้าว..ตกลงอ่านไม่เข้าใจกันเหรอ..ฮ่าๆๆๆๆ.. งั้นเอาแบบง่ายๆ..ไม่อ้อมค้อมเลยน๊ะ.. คือตั้งแต่ประมาณ ปลายกรกฎาคมปีที่ผ่านมา..จนถึงต้นปีนี้..มีเงินลงทุน "ระยะกลาง" ถึง "ระยะยาว" ไหลเข้ามาในไทยอย่างต่อเนื่อง ..ทั้งในรูปการลงทุนใน ตลาดทุน(ตลาดหุ้น) หรือ ตลาดตราสารหนี้ พันธบัตร ต่างๆ..การลงทุนโดยตรง (เช่นเปิดโรงงานผลิตสิ่งของต่างๆ) จำนวนมาก.. "หลายแสนล้านบาท"..ทีเดียว.. เนื่องจากตั้งแต่ปลายเดือนกรกฎาคมปีที่ผ่านมา..มีพันธบัตรสหรัฐฯที่ทะยอยหมดอายุ เป็นจำนวนมากมายมหาศาล..และที่สำคัญรัฐบาลสหรัฐฯก็ไม่ได้ออกพันธบัตรใหม่เพื่อมารองรับ เงินกองโตมหาศาลที่จะหมดอายุจากพันธบัตรเหล่านี้.. และที่รู้ๆก็คือ..ผู้ที่ถือครองพันธบัตรสหรัฐฯเหล่านี้..เกือบครึ่งหรืออาจจะมากกว่าครึ่งก็คือ.."ญี่ปุ่น"..ครับกระผม..ทั้งภาครัฐ กองทุนต่างๆและเอกชน.. และนี่คือสาเหตุหลักประการหนึ่งที่ทำให้มีเงินกองโตมหาศาลไหลเข้าภูมิภาคและประเทศเราอย่างต่อเนื่องตลอดครึ่งปีที่ผ่านมา..ทั้งจากทางฝั่งตะวันตกและญี่ปุ่น.. จะมาในรูปไหนก็ตาม ไม่ว่าจะลงใน ตลาดทุน ตลาดตราสารหนี้ พันธบัตร ต่างๆหรือการลงทุนโดยตรง..ต่างก็ทำให้ค่าเงินบาท..แข็งโป๊ก ทั้งเร็วและแรงอย่างที่เห็นนั่นแหละครับ.. เมื่อมีเงินทุน "ระยะกลาง" และ "ระยะยาว" แล้ว..ก็แน่นอนก็จะต้องมี เงินทุน "ระยะสั้น" ถึง "สั้นจู๋"รวมอยู่ด้วย.. ซึ่งเงินทุนระยะสั้น ที่เรามักคุ้นเคยในชื่อ "เอดจ์ฟันด์" นั้น..กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วต่อเนื่อง..เราคงเคยรู้จักจุดเริ่มต้นที่ทำให้เรารู้จัก เฮดจ์ฟัน เมื่อเกือบ 10 ปีก่อน แบบลืมไม่ลงก็คือ..กองทุนของ นายโซรอส..นั้นเอง..คงจำกันได้น๊ะครับ.. เดี๋ยวมาต่อ..ประชุมก่อน..อิอิอิ.. แก้ไขเมื่อ 13 มี.ค. 49 12:26:53 จากคุณ : Carpenters - [ 13 มี.ค. 49 09:04:09 ]

ความคิดเห็นที่ 13 เราอยากจะช่วยเดาค่าเงินจัง แต่เราพิมพ์แล้ว ระบบ Pantip บอกว่า ข้อความเรามีคำไม่สุภาพอยู่ งงจัง เดี๋ยวลองใหม่ จากคุณ : สะใภ้ญี่ปุ่น - [ 13 มี.ค. 49 09:20:55 A:58.10.128.78 X: TicketID:107062 ]

ความคิดเห็นที่ 14 พิพม์ภาษาไทย ก็ยังโดนระบบ Pantip บอกว่าว่ามีคำไม่สุภาพอยู่ ไม่รู้คำไหนเหมือนกัน เดาไมม่ออกจริงๆ ขอเป็นอังกฤษเลยละกัน I'm not an economist, but from my 2 cents.. According to the current political uncertainity that has a direct impact on the Thai economy, it is almost unlikely that the Thai Baht appreciates against other currecies, including the Australian Dollar, which has long enjoyed a significant currency gain against the USD since 2002. Probably a huge amount of the SGD currently invested in the Thai market is one of the main factors influencing the rise of the Thai currency. Well, I don't think the Thai Baht will enjoy this climate that long. As long as the investment from Singapore remains on-hold, the Thai currecy will return to where it should be. จากคุณ : สะใภ้ญี่ปุ่น - [ 13 มี.ค. 49 10:14:58 A:58.10.128.78 X: TicketID:107062 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ขอบคุณ..คุณสะใภ้ญี่ปุ่น มาdครับ..ที่มาร่วมแจมความคิดเห็นกัน.. มาต่อ.... พวกเฮดจ์ฟันด์ เติบโตอย่างรวดเร็ว ..จากระดับแสนล้าน..เป็นระดับหลายๆล้านๆบาท..หรืออาจจะมากกว่านี้ก็เป็นได้ ในปัจจุบัน..กองทุนพวกนี้จะอาศัยข้อมูล และการวางแผน บางครั้งก็ผนึกกำลังกันระหว่างกองทุน เพื่อทำกำไร ระยะสั้น ทั้งตลาดหุ้น ตลาดเงิน และตลาดคอมโมดิตี้ (เช่นตลาดซื้อขายล่วงหน้า ทองคำและน้ำมันดิบ เป็นต้น) ทั่วโลก.. เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจโลก อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ ..ทำให้หลายๆกองทุนที่เคยทำธุรกรรมแบบคอนเซอร์เวทีฟ.. ต้องผันตัวเองมาเป็นเฮดจ์ฟัน..เพื่อผลกำไรและความอยู่รอด ในที่สุด... กลับมาดูว่า เฮดจ์ฟันด์ เหล่านี้..มีอิทธิพลขนาดไหนกับตลาดทุนและตลาดเงินประเทศเรา ของภูมิภาค และของโลก..เอาแค่ตลาดทุนกับตลาดเงินก่อนก็แล้วกัน..เพราะเห็นได้ชัดที่สุด.. พวกเฮดจ์ฟันด์ จะทำตัวเปรียบเสมือนปลิงที่เกาะหลัง..”กองทุนระยะกลาง” และ “ระยะยาว” ..อาศัยแฝงตัวเข้ามาในช่วงที่ตลาดหุ้นมีราคาถูก..ตลาดเงินที่กำลังอ่อนได้ที่..และแน่นอน..เมื่อมีเงิน “ทุนระยะยาว” (ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ราว 5-10 ปี..ลงทุนในพันธบัตร ตราสารหนี้ ลงทุนตรง  ส่วนใหญ่)...“เงินระยะกลาง” (ส่วนใหญ่จะลงทุนอยู่ราว 1-2 ปี ในตลาดหุ้น1-5 ปี ในตราสารหนี้ และอื่นๆ)...เข้ามาอย่างต่อเนื่อง ย่อมทำให้ตลาดหุ้นเขยิบตัวสูงขึ้น..ค่าเงินของประเทศนั้นๆแข็งขึ้น.. และนี่ก็คือจังหวะทำกำไรของ เฮดจ์ฟันด์ (ซึ่งส่วนใหญ่จะมีระยะลงทุนเป็นเดือน ถึงหลายเดือน แล้วแต่สถานการณ์) ...เพราะมันจะเป็นกำไรถึง “สองต่อ” ..ทั้งกำไรจากการลงทุน..และจากค่าเงินที่แข็งขึ้น.. เป้าหมายของพวกเฮดจ์ฟันด์ ก็คือ..ประเทศกำลังพัฒนา ..ที่ต้องอาศัยเงินทุนต่างชาติเป็นหลักในการพัฒนาประเทศ และมีตลาดทุน ตลาดเงินที่อ่อนไหว..และการเมืองที่อ่อนไหวได้ก็ยิ่งดี... หนึ่งในเป้าหมายแสนหอมหวานของเหล่า “เฮดจ์ฟันด์” นั้นก็คือ..ประเทศไทย..นั่นเอง... แก้ไขเมื่อ 13 มี.ค. 49 11:22:39 จากคุณ : Carpenters - [ 13 มี.ค. 49 10:40:04 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ตลาดน้ำมันและตลาดทองคำ ก็เป็นตลาดอีกแห่งที่พวกเฮดจ์ฟันด์ จ้องเขมือบกันอยู่..และก็ทำสำเร็จ..เฮดจ์ฟันด์ สามารถผูกราคาน้ำมันให้เชื่อมโยงกับตลาดทุนและตลาดเงินแน่นขึ้นได้สำเร็จ..ทำให้พวกนักเศรษฐศาสตร์ นักวิเคราะห์ต้องทำงานหนักขึ้น..ในการวิเคราะห์แนวโน้มและทิศทาง..ซึ่งก็เป้นจุดประสงค์หนึ่งของเฮดจ์ฟันด์..ที่ต้องการที่จะทำให้มีคนอ่านเกมส์ออกได้น้อยลงไป..เมื่อสัญญาณเตือนภัยทำงานไม่ได้ดี...เฮดจ์ฟันด์ก็ทำกำไรได้ง่ายขึ้น.. แล้วทำไมราคาน้ำมัน..ถึงมาเกี่ยวกับตลาดเงินและตลาดทุนละ... สำหรับตลาดทุนจะไม่กล่าวถึงมาก..เพราไม่ตรงกับกระทู้นี้..แต่ก็บอกคร่าวๆว่า..ก็ทำให้บริษัทจดทะเบียนต่างๆ ทำไรได้น้อยลง จากต้นทุนที่สูงขึ้น (ยกเว้ย บ.น้ำมัน)..ประมาณนี้.. แต่สำหรับค่าเงิน..ก็มีส่วนสำคัญไม่แพ้กัน..จะเห็นได้จาก ราคาน้ำมันที่ถีบตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว..มีผลทำให้การนำเข้าน้ำมันต้องใช้เงินมากกว่าเดิมมาก บางช่วงเกือบเท่าตัว..เอาผลกระทบเป็นตัวเลขที่วิจัยกันมาดูกันก็... การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างสัดส่วนนำเข้า ต่อมูลค่ากิจกรรมเศรษฐกิจ ผลต่อมูลค่าการนำเข้า (ล้านบาท) ผลต่ออัตราการขยายตัวของการนำเข้า (%: Percentage point) - ภาคการบริโภค : สัดส่วนการนำเข้าของการบริโภคภาคเอกชน เพิ่มขึ้น 1% 39,400 ล้านบาท 1.2 - ภาคการผลิต : สัดส่วนการนำเข้าของภาคอุตสาหกรรม เพิ่มขึ้น 1% 26,000 ล้านบาท 0.7 - ภาคการลงทุน : สัดส่วนการนำเข้าของกิจกรรมการลงทุน เพิ่มขึ้น 1% 20,000 ล้านบาท 0.5 - ปริมาณการนำเข้าน้ำมัน เพิ่มขึ้น 1% 5,400 ล้านบาท 0.1 - ราคาน้ำมัน เพิ่มขึ้น 1 US$/Barrel 12,400 ล้านบาท 0.3 ที่มา : ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เทียบแบบให้เห็นชัดๆไปเลย..คือราคาน้ำมันพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว..ตั้งแต่ต้นปี 03 ..จนมาทำจุดสูงสุด(ตอนนั้น) ที่ ประมาณ 55 เหรียญต่อบาร์เรล ประมาณเดือนกันยา ตุลา 04..ค่าเงินบาทก่อนค่าจาก..39 ต่อเหรียญ ไปที่ 41.5 บาท..ประมาณช่วงเวลาเดียวกัน.. จากนั้นราคาน้ำมันมีการปรับตัวลง..ค่าเงินบาทต่อเหรียญก็แข็งขึ้นเช่นกัน..จนกระทั่งราคาน้ำมันวิ่งสูงขึ้นไปอีกครั้ง..จากราวต้นปี 05..ครั้งนี้ไปทำจุดสูงสุด ที่แถวๆ 70 เหรียญต่อบาร์เรล ราวๆเดือนสิงหา กันยา 05..ค่าเงินบาทก็อ่อนค่าตามไปติดๆเช่นกัน..คราวนี้ไปทำจุดสูงสุดที่ 42 บาทเลย... จากนั้นราคาน้ำมันก็ปรับตัวลง ประกอบกับมีเงินทุนต่างๆที่กล่าวมาข้างต้น ไหลทะลักเข้ามาอย่างต่อเนื่อง..ทำให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน... แก้ไขเมื่อ 13 มี.ค. 49 12:37:04 จากคุณ : Carpenters - [ 13 มี.ค. 49 10:43:55 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ลืมรูป..ราคาน้ำมัน..แหะๆ จากคุณ : Carpenters - [ 13 มี.ค. 49 10:52:58 ]

ความคิดเห็นที่ 18 สรุปแบบรวบรัดไปเลย..ไม่ได้ฟันธงน๊ะครับ..แค่ความเห็นส่วนตัว.. จากนี้ไป..ราคาน้ำมันน่าจะทรงๆ..แกว่งตัวอยู่แถวๆ..55-70 เหรียญต่อบาร์เรล..(แค่นี้พวกเฮดจ์ฟันด็ก็ทำกำไรได้แต่ละรอบ มหาศาลแล้ว).. ไม่แน่ ถ้าหากมีวิกฤตการณ์อะไรเกิดขึ้นกับประเทศผู้ผลิตน้ำมัน..อาจวิ่งพุ่งทะลุ 70 เหรียญได้ทันที..เพราะตอนนี้กำลังผลิตของน้ำมันโลก ใช้อยู่ราว 80%กว่า ได้แล้ว..ซึ่งอ่อนไหวมาก..เพราะมีแก๊บเหลือน้อยเต็มที ที่จะเพิ่มเพดานการผิต เพื่อหยุดยั้งราคา.. เงินลงทุน ทั้งระยะกลางและระยะยาว..น่าจะชลอลง..เนื่องจากหลายปัจจัย.. ที่สำคัญคือปัจจัยทางการเมืองของไทย.. ค่าเงินบาทแข็งตัวได้ที่..ที่เฮดจ์ฟันด์ และนักลงทุนระยะสั้น จะทำกำไรได้แล้ว.. สรุปว่าระยะสั้นที่จะถึงนี้..อาจได้เห็นการกลับตัวของค่าเงิน..ทั้งบาทต่อเหรียญสหรัฐ และเยน.. บาทน่าจะอ่อนค่าลง..ไปทดสอบที่แถวๆ 41 บาทต่อเหรียญ และ 35บาท ต่อ ร้อยเยน..ได้ในไม่กี่เดือนข้างหน้า.. ส่วนจะเป็นอย่างไรต่อไป..จะปรับฐานแล้วทะยานขึ้นต่อ..หรือลงมาทำนิวโลว์..ก็สุดจะคาดเดา..ต้องดูสถานการณ์กันช๊อตต่อช๊อตครับป้มมม.. จากคุณ : Carpenters - [ 13 มี.ค. 49 11:06:12 ]

ความคิดเห็นที่ 19 น้องชัย..ครับ..อยากถามอะไรก็โทรมาได้น๊ะ..มีเบอร์พี่แล้วนี่..ไม่ต้องเกรงใจ..คิดไม่แพวหรอก..อิอิอิ..(พูดเล่นน๊ะ).. จากคุณ : Carpenters - [ 13 มี.ค. 49 11:07:30 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ขอบคุณค่ะพี่จี๊ด ขออ่านผ่านๆ รอบนึงก่อนค่ะ แล้วจะมาเก็บรายละเอียดอีกครั้งค่ะ จากคุณ : ** ordinarygirl ** - [ 13 มี.ค. 49 12:00:07 ]

ความคิดเห็นที่ 21 แวะเข้ามาข้ามห้องตามคำเชิญค๊า จากคุณ : น้องกู๊ด - [ 13 มี.ค. 49 12:44:37 ]

ความคิดเห็นที่ 22 คิดคล้ายๆกับคุณชอบเงินสดครับพี่จิ๊ด เมื่อก่อนผมแลกได้ 40กว่าบาทต่อดอลล่าร์ เดี๋ยวนี้ 38กว่าบาท ก็ดีแล้ว เลยเที่ยวได้น้อยลงนิดนึง อิอิ จากคุณ : Mulligan - [ 13 มี.ค. 49 13:12:18 ]

ความคิดเห็นที่ 23 แล้วถ้าซื้อทองแท่งเก็บไว้จะดีมั๊ยค่ะ?หรือว่าซื้อพันธบัตรไว้ดีค่ะ ถ้ามีเงินฝากเยอะ(ถามดูนะคะเผื่อถูกหวยค่ะ) จากคุณ : ชอบเงินสด - [ 13 มี.ค. 49 13:58:06 A:125.52.182.141 X: ]

ความคิดเห็นที่ 24 ยอดเยี่ยมครับ... จากคุณ : The Veeconomic (The Vee) - [ 13 มี.ค. 49 14:19:18 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ตามมาอ่าน จากห้องกอล์ฟจ้า เดี๋ยวหาว่า แก๊งค์ต้มตุ๋น ไม่สนจาย เอาแต่กินๆๆๆ หง่ำๆๆๆ จากคุณ : Leona ค่ะ (Leona) - [ 13 มี.ค. 49 15:07:27 ]

ความคิดเห็นที่ 26 โอ้ว..หวัดดีครับ..น้องวาว..น้องกู๊ด..น้องต่อ..และลุงเคียว..สุดสวยลีโอน่า..อิอิอิ..อุตสาห์มาทักถึงที่นี่.. คุณชอบเงินสด ครับ..ถ้าถามผมตอนนี้ ถ้าให้เลือกแค่สองอย่าง ระหว่างทองคำกับพันธบัตร..ผมเลือกพันธบัตรครับ..ปลอดภัยที่สุด..และแนวโน้มระยะกลาง..อัตราดอกเบี้ยยังน่าจะเป็นขาขึ้นอยู่..ตอนนี้สภาพคล่องแบ๊งค์ก็เริ่มตึงตัว..แบ๊งค์ชาติเพิ่งปรับอัตราดอกเบี้ย..แต่ก็มีแนวโน้มว่าจะปรับอีก.. แต่ถ้าให้เลือกอีก..ถ้าเอาแบบไม่เสี่ยงมากเท่าตลาดหุ้น..ก็ตราสารหนี้ครับ..ให้ผลกำไรมากกว่าพันธบัตร..มีความเสี่ยงมากกว่านิดหน่อย..แต่ก็เสี่ยงน้อยกว่าหุ้นมากครับ..เลือกกองทุนตราสารหนี้ที่ไว้ใจได้..ผู้ดูแลดีๆซักแห่ง..ก็โอเคครับ.. การลงทุน..น่าจะกระจายไปหลายๆแบบครับ..เช่น ถ้าแบ่งเงินเป็นสี่ส่วน.. - ส่วนนึงก็ฝากเอาไว้ในแบ๊งค์ เผื่อเหลือเผื่อขาด ไปเตะไหปลาร้าใครแตก ก็เอาส่วนนี้ไว้สำรองใช้จ่าย.. - อีกส่วนก็ลงทุนในพันธบัตร..มันคงแน่นอน..แต่ผลตอบแทนปานกลาง..ผลตอบแทนก็ขึ้นอยู่กับอายุของพันธบัตร.. - อีกส่วนก็ลงทุนในตราสารหนี้..ให้ผลตอบแทนดีกว่าพันธบัตร..แต่ก็เสี่ยงมากกว่าเล็กน้อย..แต่เสี่ยงน้อยต่างจากหุ้นมาก.. -  ส่วนสุดท้าย..อันนี้ ..ต้องแล้วแต่ละบุคคลครับ..บางคนชอบทำการค้าธุรกิจ ก็ฝากแบ๊งค์กันส่วนนี้ไว้เผื่อมีอะไรดีๆ..บางคนชอบเสี่ยงก็เอาส่วนนี้ไว้ ลงทุนในตลาดหุ้น(เช่นผม..อิอิ)..หรือบางคนต้องการความมั่นคง..ก็ฝากแบ๊งค์หรือซื้อพันธบัตรเพิ่มไป.. หรือถ้าอยู่ต่างประเทศ สามารถทำธุรกรรมตลาดซื้อขายล่วงหน้าได้ก็ไม่เลวครับ..ถ้ามีความรู้ความชำนาญพอ..เช่นทองคำ น้ำมัน หรือค่าเงิน..แต่เมืองไทยยังไม่ได้..ฮือๆๆ.. แก้ไขเมื่อ 13 มี.ค. 49 15:12:58 จากคุณ : Carpenters - [ 13 มี.ค. 49 15:10:19 ]

ความคิดเห็นที่ 27 เรื่องราคาทองคำตอนนี้..ต้องขอบอกว่า ไม่แน่นอนเช่นกัน..จะออกหัวออกก้อย ยังไม่รู้..แต่ดูรูปกราฟแล้ว โอกาสไต่ลงมากกว่าไต่ขึ้น เล็กน้อยครับ..จากการที่หลุด แนวรับ 540 เหรียญ (เส้นแดง)ลงมา.. ดูกราฟแล้วน่าจะไต่ลง..แต่ระยะสั้น น่าจะไต่ขึ้นก่อน..ตามกรอบเขียวที่ขีดไว้.. ถ้าแถวๆนี้รับอยู่..ราคาก็น่าจะวิ่งกลับขึ้นไปทดสอบแถวๆ 565-570 เหรียญ..จากนั้นก็มาดูกันว่า จะทะลุผ่านไปได้ไม๊..ถ้าไม่ได้ ก็จะลงมาสู่นิวโลว์ ไต่ละดับ เป็นเทรนขาลงต่อไป.. แต่ถ้าได้ก็อาจไปถึงไฮเดิม..คือแถวๆใกล้ 580..คราวนี้จะเปลี่ยนเทรนกลับเป็นขาขึ้นใหม่..คราวนี้แหละ อาจได้เห็นทองคำบาทละ หมื่นสองหมื่นสาม หรือหมื่นห้าเลยก็ได้.. อูยยย..พูดแล้วเสียวไส้..ถ้าใส่ทองยืนที่เปลี่ยว.. จากคุณ : Carpenters - [ 13 มี.ค. 49 15:24:51 ]

ความคิดเห็นที่ 28 มานั่งฟังคุณช่างไม้ต่อค่ะ จากคุณ : สะใภ้ญี่ปุ่น - [ 13 มี.ค. 49 17:49:17 A:58.10.131.93 X: TicketID:107062 ]

ความคิดเห็นที่ 29 แล้วราคาค่าอาบน้ำจะเพิ่มขึ้นด้วยมั้ยครับพี่ช่างไม้...อิอิ (แวะมาแซว) จากคุณ : chonfish - [ 13 มี.ค. 49 17:49:27 ]

ความคิดเห็นที่ 30 เข้ามาลงชื่อไว้ก่อนค่ะ พี่ช่างไม้ เจ้าขา ตอนนี้กะลังสนใจเรื่องนี้อยู่ทีเดียว ขอบคุณสำหรับความรู้ เดี๋ยวจะเข้ามาเก็บเกี่ยวนะคะ จากคุณ : รักสีส้มอมเปรี้ยว - [ 13 มี.ค. 49 20:11:37 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ชอบอ่านค่ะพี่ช่างไม้  ขอบคุณค่ะ..เอาอีกเรื่อยๆ นะคะ อุบอิ๊บ พี่ The Vee ไม่ใช่เคียว V9 ค่ะ คนละคน จากคุณ : Tweety สี่ตา - [ 14 มี.ค. 49 00:12:38 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ตามมาอ่าน เหมือนกันครับ จากคุณ : yaipearn - [ 14 มี.ค. 49 11:07:45 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ได้ความรู้ดีครับ ขอบคุณพี่ช่างไม้มากๆ ครับ จากคุณ : ตามมาอ่าน (ต้น หมีพูห์) - [ 14 มี.ค. 49 23:03:13 ]

ความคิดเห็นที่ 34 หายไปไหนมาครับพี่คริส พักนี้ไม่ค่อยเจอเลย สบายดีนะครับ ขอโทษครับ ขอทักทายผ่านคคห. พี่ช่างไม้เล็กน้อย จากคุณ : ชัย (Chaibangkok) - [ 15 มี.ค. 49 13:15:48 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ทักมาจาก บ้านแดจังกึมครับ ขณะนี้อยู่โซล อากาศเย็นสบายดีชะมัด จากคุณ : BigBertha - [ 16 มี.ค. 49 11:44:14 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ตอนนี้ตัวดิฉันเองได้ฝากเงินไว้กับ ประกันชีวิตไว้หลายบริษัทค่ะ ก็มี เอไอเอ ไทยประกัน กรุงเทพฯประกัน ของธ.ไทยพาณิชย์ ด้วยค่ะ และซื้อพันธบัตรไว้ด้วย ตราสารหนี้เคยซื้อไว้แค่ล้านเดียว แค่หนึ่งเดือนขายได้ดอกมาพันกว่าบาท ก็ถือว่าดี เพราะไม่มีการหักภาษี ร้อยละ ๑๕ แต่ก็ถอนออกมาฝากเข้ากับประกันหมด ดิฉันอยากถามว่าการฝากเงินกับปนะกันนี่มีความเสี่ยงเยอะมั๊ยค่ะ เพราะคิดว่าฝากไว้เยอะมากค่ะ ฝากแบบครั้วเดียวก้อนใหญ่และเอาดอกร้อยละ ๓ค่ะ เพราะเทียบดูกับการฝากเงินธรรมดาแล้วดอกมันไม่แน่นอน ภาษีก็เยอะ ขอคืนภาษีก็ไม่ค่อยมีเวลาไป ไม่จำเป็นก็ไม่อยากไปติดต่อสถานที่ราชการไทยเลยค่ะ ไม่ชอบการบริการค่ะ ถ้าเรามีเงินเยนเยอะ ตอนนี้เก็บไว้ก่อนยังไม่แลกบาทจะดีมั๊ยค่ะ ?แฮะๆๆถามไว้ก่อนค่ะ หรือแลกบาทเลยแล้วเอาไปซื้อตราสารหนี้ดีกว่า ตอนนี้ตราสารหนี้ของที่ไหนดีค่ะ? เคยซื้อของไทยพาณิชย์ค่ะ หรือว่าจะซื้อ หวยออมสิน หรือหวยของ ธกส.ดีนะคะ จากคุณ : ชอบเงินสด - [ 17 มี.ค. 49 07:49:08 A:125.52.182.128 X: ]