ความคิดเห็นที่ 1 จบป.ตรียังเป็นได้เลยค่ะ ถ้ามีความสามารถพอ แบบประเภท top ชั้นปี เค้าก็ดึงตัวไปสอนตั้งแต่เรียนจบใหม่ๆแล้ว  ที่นี่ไม่ค่อยบ้าปริญญากันเท่าไหร่ค่ะ  แต่ถ้าเป็น Dr ก็แค่มีโอกาสมากขึ้นเท่านั้นเอง อ้อ อันนี้หมายถึงวิชาสายศิลป์นะคะ แก้ไขเมื่อ 27 มี.ค. 49 05:28:19 แก้ไขเมื่อ 27 มี.ค. 49 03:56:18 จากคุณ : shory - [ 27 มี.ค. 49 03:55:15 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ผมว่าแล้วแต่สาขานะครับ สำหรับสายวิทยาศาสตร์ ระดับ grad ก็ต้อง PhD อย่างน้อยๆล่ะครับ ระดับ college หลายๆที่ก็ยังต้องการ PhD โดยเฉพาะที่ที่อยู่ได้ด้วยงานวิจัย สาขาวิชาชีพอื่นๆ อาจไม่จำเป็นต้องมี PhD คงตอบให้ครอบคลุมทุกสาขาได้ยากครับ รอคนอื่นมาเพิ่มละกานครับ จากคุณ : TheLostSoul - [ 27 มี.ค. 49 05:29:43 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ไม่ทราบว่าประเทศอื่นเป็นเเบบไหนนะคะ แต่ที่เยอรมันส่วนใหญ่คนที่จะมีชั่วโมง การสอนได้มักจะเป็นระดับโปรเฟสเซอร์ขึ้นไป เส้นทางการเป็นโปรเฟสเซอร์ ก็ต้องเรียนจบป.เอกก่อน  จากนั้นก็ทำงานวิจัยระดับ Post-doctoral อีก 2-3 ปีเเละต้องมีประสบการณ์การทำงานจริงด้วย (อันนี้เป็นกฎกระทรวงหรือไงนี่เเหละค่ะ)   ขอยกตัวอย่างอาจารย์ที่คณะที่เราเรียนอยู่ คนเเรก จบป.เอกแล้วก็ทำงานในบริษัทเเห่งหนึ่งเป็นเวลา 20 ปีในขณะทำงานก็มีผลงานตีพิมพ์ในวารสารนานาชาติด้วย จากนั้นจึงมาเป็นโปรเฟสเซอร์ทำงานในมหาลัย คนที่สอง จบป.เอกแล้วทำก็ Post-doctoral ที่อเมริกาจากนั้นก็ทำงานในบริษัทเเห่งหนึ่งเป็นเวลา 19 ปี เเล้วจึงมาเป็นโปรเฟสเซอร์ทำงานในมหาลัย คนที่สาม จบป.เอกแล้วทำก็ Post-doctoral+  ทำงานในบริษัทเเห่งหนึ่งเป็นเวลา 15 ปี . . . คนอื่นๆก็มีประวัติไม่เเตกต่างกันมากนัก คนที่มีประสบการณ์ทำงานต่ำสุดอยู่ที่ 7 ปีค่ะ ส่วนคนที่มีชั่วโมงการสอนที่มีวุฒิป.เอกก็มีเช่นเดียวกัน ตั้งเเต่เรียนมาก็เพิ่งเคย พบมีอยู่เเค่คนเดียวแต่อาจารย์คนนี้ก็จบ Post-doctoral มาหลายปีเเล้วค่ะ  ไม่ใช่คนจบป.เอกใหม่ๆ   ถ้าเป็นการสอนเเบบฝึกหัด คนสอนจะเป็นนักเรียนที่กำลังทำป.เอกอยู่ แก้ไขเมื่อ 27 มี.ค. 49 05:34:45 จากคุณ : Waffleice - [ 27 มี.ค. 49 05:33:01 ]

ความคิดเห็นที่ 4 เคยเห็นแบบที่ไม่ได้จบเอกก็มีครับ แต่ต้องคลุกคลีอยู่ในวงการนั้นพอสมควร หรือไม่ก็มีผลงานเยอะแยะ จนจะเป็นศาสตราจารย์ตั้งแต่อายุยังน้อยครับ จากคุณ : He-Who-Must-Not-Be-Named - [ 27 มี.ค. 49 06:09:13 ]

ความคิดเห็นที่ 5 แล้วคำว่า ศาสตราจารย์  ครู  อาจารย์ นี้ต่างกันมากมั้ยครับ จากคุณ : เลิศพิสิฐ - [ 27 มี.ค. 49 06:24:48 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ประเทศอื่นไม่ทราบนะคะ แต่อังกฤษจะมีระดับดังนั้น - Professor --> อันนี้แก่ๆ ทำวิจัยมาแล้วเยอะๆ - Reader --> อันนี้เป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง เช่น Reader in European Competition Law - Senior Lecturer --> เป็น lecturer ธรรมดายังไม่ได้เป็นศาสตราจารย์ แต่ก็มีอายุพอควรแล้ว เช่น 40+ - Lecturer ---> พวกเด็กจบใหม่มาสอนจะอยู่ระดับนี้ แต่รู้สึกอเมริกันจะใช้คล้ายๆของไทยเราใช่ป่ะคะ? จากคุณ : shory - [ 27 มี.ค. 49 06:56:17 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ที่มหาลัยเราก็มาอาจารย์คนไทย สอนอีคอมเมิรช อายุสามสิบกว่าเกือบ ๆ 40 แกเล่าว่าแกเรียนทั้งหมด 13 ปี ในฟิลนี้ ที่แกสอน ท่าทางจะได้ตังค์เยอะเหมือนกันน่าสนใจ สำเนียงก็ไม่ได้แบบฝรั่งเป๊ะ ๆ แกพูดแกรมม่าบางทีก็มีผิด แต่คิดว่าแกเก่งที่แกสอนน่ะค่ะ ก็สอนดีนะคะ จากคุณ : เหมียวโหด - [ 27 มี.ค. 49 08:09:04 A:60.229.27.21 X: TicketID:098609 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ที่มหาวิทยาลัยผมอาจารย์ที่สอนจบเอกหมดเลย เท่าที่รู้เป็น Prof. ประมาณ 5-6 คน เป็น Asst Prof. 5-6 คน เป็น Assc Prof. 2-3 คน เป็น Lecturer 2 คน จบใหม่เอี่ยม และยังไม่มีอาจารย์คนไทยเลย จากคุณ : zizi lazy - [ 27 มี.ค. 49 08:32:58 ]

ความคิดเห็นที่ 9 Prof. เราไม่จบเอกเพียบเลย เออ แล้วที่อื่นเป็นเหมือนกันรึเปล่าคือ เรียกอาจารย์ทุกว่าProfessor ถึงแม้เค้าจะไม่ได้เป็น Professor อะ...แม้แต่พวก Lawyer มาสอนเราก็ต้องเรียก Professor หมดอะ ...อยากรู้ๆ จากคุณ : Volksrecht - [ 27 มี.ค. 49 09:36:01 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ที่ออสเตรเลีย เริ่มจาก Lecturer (อาจารย์) -> Senior Lecturer(ผู้ช่วยศาสตราจารย์ Assistant Professor) -> Associate Professor (รองศาสตราจารย์) -> Professor (ศาสตราจารย์) เท่าที่เคยเห็น การจะเริ่มเป็นอาจารย์ได้ก็คือ - จบเอกมา มีความสามารถในการวิจัย - จบตรีหรือโทมาแล้วเป็นTAผู้ช่วยสอนก่อน แล้วเมื่อจบโทบวกกับประสบการณ์สอนแล้วก็จะเริ่มเป็นอาจารย์ได้ มหาวิทยาลัยส่วนมากก็จะผลักดันให้คุณต่อเอกและทำวิจัยเขียนเปเปอร์ส่งตีพิมพ์ การจะเลื่อนขั้นขึ้นไปเรื่อยๆดูที่ผลงานวิจัยที่ได้รับตีพิมพ์ การชนะทุนการวิจัยเป็นหลัก....เพราะมหาวิทยาลัยจะได้เงินสนับสนุนจากรัฐมากขึ้นจากการวิจัย ไม่ใช่การสอน....คนที่สอนนักเรียนได้ดี แต่ไม่ค่อยได่ทำวิจัย โอกาสการเลื่อนขึ้นก็น้อยลง... ส่วนที่เมืองไทยก็เหมือนกัน จะมีระบุเอาไว้เลย เช่น การจะเลื่อนเป็น ผศ ได้ต้องมีผลงานทางวิชาการ งานวิจัยหรือเขียนหนังสือเท่านี้ และผ่านคณะกรรมการแล้วถึงจะได้ตำแหน่งทางวิชาการเหล่านี้ แต่ถ้าจำไม่ผิด การจะได้ศาสตราจารย์ในเมืองไทยนั้นน่าจะยากกว่าต่างประเทศ ในออสเตรเลีย การจะได้เป็น Prfessor นั้นมหาวิทยาลัยสามารถอนุมัติได้เองเลย ซึ่งต่างจากเมืองไทยตรงที่คนที่จะได้ตำแหน่งศาสตราจารย์นั้นจะต้องผ่านคณะกรรมการของอุดมศึกษาที่ไม่ใช่แค่ในมหาวิทยาลัยของตัวเองเท่านั้นและเป็นตำแหน่งพระราชทานด้วย(ถ้าจำไม่ผิด) จากคุณ : yuy - [ 27 มี.ค. 49 10:10:22 A:58.160.200.159 X: ]

ความคิดเห็นที่ 11 #9 ถ้าเข้าใจไม่ผิดนะคะ ที่อเมริกาจะเรียกอาจารย์ว่าโปรเฟสเซอร์ โดยไม่ได้หมายถึงตำแหน่งทางวิชาการ ซึ่งจะไม่เหมือนกับที่ออสเตรเลีย อืม แต่ในแฮรรี่ พอตเตอร์ ก็เรียกอาจารย์ว่าโปรเฟซเซอร์เหมือนกับอเมริกัน อืม รอท่านอื่นมาฟันธง จากคุณ : yuy - [ 27 มี.ค. 49 10:36:24 A:58.160.200.159 X: ]

ความคิดเห็นที่ 12 ของที่มหาลัยถ้าจบป. โทก็สอนได้แค่รหัส 100-200 ครับ ส่วน 300-400 อ. จบป. เอกสอนหมดครับ ... ไม่เคยเ็ห็นป. ตรีได้สอนนะครับ จากคุณ : เมื่อลมแรง...ใบไม้ก็ร่วง - [ 27 มี.ค. 49 11:25:15 ]

ความคิดเห็นที่ 13 แต่ที่มหาลัยผม ตรีนะครับ prof จบ PhD แทบทุกคนอ่ะ ยกเว้นที่เห็นสอน class เล็กๆแบบ discussion มีคนเรียน 10 นิดๆ ถึงจะเป็น TA. phd candidate จากคุณ : TheBlaNK - [ 27 มี.ค. 49 12:24:29 ]

ความคิดเห็นที่ 14 อืมม เท่าที่ฟังดูจากทุกคนงั้นก็คล้ายๆเมืองไทยเหมือนกันนะคะ ขอบคุณทุกความเห็นอีกครั้งนะค่ะ จากคุณ : pandachan (Pandachan) - [ 27 มี.ค. 49 19:19:03 ]

ความคิดเห็นที่ 15 อ๋อ เข้าใจแล้วล่ะ สรุปว่า ถ้าเป็นวิชาสายวิทยาศาสตร์ --> จบป.เอกเกือบทั้งนั้น ไม่งั้นก็จะเป็นแค่ผู้ช่วยสอน ถ้าเป็นวิชาสายศิลป์ โดยเฉพาะกฎหมาย --> ไม่ต้องจบเอกก็ได้ โดยเฉพาะกฎหมายเนี่ย จะเรียนเอกได้มันประสาทแทบกิน เข้าใจอีกข้อแล้วว่า ระบบอังกฤษจะมี Tutorial/Supervision คือเป็นการเรียนกลุ่มย่อย กลุ่มละ 2-8 คน นอกเหนือจาก Lecture และ Seminar ซึ่งในการเรียนกลุ่มย่อยตรงนี้ อาจารย์ที่สอนจะเป็นอาจารย์เด็กๆก็ได้ เช่นพวกที่จบป.ตรีมาหมาดๆก็เป็นได้ (สอนดีด้วย..ขอบอก) ซึ่งการเรียนระบบอังกฤษมันจะ rely on tutorials พวกนี้เป็นอย่างมาก แทบไม่มีใครสนใจ lecture (เพราะมันน่าเบื่อ) เราก็เลยเรียกคนสอน tutorial ว่าเป็นอาจารย์กันและพวกนี้ก็เลยเรียกว่าเป็น lecturer ไปด้วย ทั้งๆที่ไม่ได้ lecture จริงๆ ปิ๊ง....เก็ทละ จากคุณ : shory - [ 27 มี.ค. 49 19:29:11 ]

ความคิดเห็นที่ 16 แต่หากต้องการได้ Tenure Track Positions(ระบบอเมริกา) โดยเฉพาะชาวต่างชาติ คิดว่าคงไม่ง่ายนะ แต่ข้อดีก็จะทำให้อาจารย์มหาวิทยาลัยมีอิสระทางการศึกษาสูง จากคุณ : her.lips - [ 27 มี.ค. 49 20:51:26 ]

ความคิดเห็นที่ 17 In my field (science-related), all of the faculty are PhD graduates. Almost all of them have 1 or 2 postdoc training. For full professors, they always have tens of published articles and internationally recognized reputation. Not trivial to become one krub... จากคุณ : amatuer translator - [ 28 มี.ค. 49 04:06:32 ]

ความคิดเห็นที่ 18 In science, let me summarize for you from my experience as follows. 1. Ph.D. or equivalent from a well recognized school and research group in your discipline. 2. Postdoc(s) is(are) almost a must from a well recogized school and research group. Note that the number of years spent on your postdoc training varies. In biology, it may take 3-5 years for the training and in some cases, you may need 2 postdocs before you can get a faculty job. In chemistry and physics, it usually ranges from 1-4 years/postdoc. A longer and longer postdoc training unfortunately seems to be in trend these days. In engineering, on the other hand, it may not necessary to have an extensive postdoc training at all and it is not uncommon for someone with a Ph.D. to get a faculty offer without a postdoc training. 3. Scientific credential, including but not limited to publication (quality and quantity), awards and scholarships, teaching experience, and other extra-curricular activities related to your field. 4. Scientific potential, judging from your previous accomplishment and your future research proposal. 5. Interaction with advisors, mentors, colleagues, and co-workers. This includes networking with people in your field(s) and a very strong support from your (well-known) scientific mentors. P.S. In the US, the academic titles go: assistant professor, associate professor, and professor. These can be tenure or non-tenure track. Unofficially, you may hear someone calls you a pofessor even if you are an assistant professor--that's just for the sake of politeness and it has nothing to do with your official academic title. Sometimes, there are "lecturer" positions at some US universities and colleges. These are not usually regarded as an academic title. Typically the term refers to non-tenure track positions with teaching as a main responsibility (minimum research). จากคุณ : CIT - [ 28 มี.ค. 49 05:40:38 A:131.215.11.201 X: TicketID:055063 ]

ความคิดเห็นที่ 19 คุณ shory ในฐานะนักเรียนกฎหมายที่อังกฤษ ขอถามเป็นความรู้หน่อยหน่อยสิครับ เราเคยเห็นใบแนะนำตัวผู้สมัคร ส.ว. ทำไม เขาเรียน B.A.(Oxon) เศรษฐศาตร์ ปรัชญา การเมือง แล้วทำไมเขา เขียนในใบแนะนำตัวอีกว่า จบ เนติอังกฤษ (บาร์) แต่จำไม่ได้สำนักไหน.. ตกลงเขาไม่ได้เรียนกฎหมาย ก้อเรียน บาร์ อังกฤษได้หรือ? จากคุณ : Litle pros. - [ 28 มี.ค. 49 18:28:34 A:161.200.255.161 X: TicketID:106366 ]