CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    ไปสอบ TOEFL มา มีคำแนะนำเรื่อง reading และ listening มาฝากครับ{แตกประเด็นจาก H4336454}

    บังเอิญว่ามีหลังไมค์มาถามกันเยอะเรื่องเตรียมตัว TOEFL ไม่ใช่ผู้สันทัดกรณีโดยส่วนตัวครับ แต่ว่าฝึกมาค่อนข้างเยอะ เลยคิดว่ารู้อะไรหลายอย่างที่พอจะแนะนำได้ เผื่อจะช่วยเพื่อนๆ ที่กำลังจะต้องสอบเร็วๆ นี้ ทั้ง CBT และ iBT ครับ

    ก่อนอื่นต้องบอกว่าภาษาอังกฤษไม่ใช่เรื่องที่เรียนกันได้ชั่วข้ามคืนครับ ต้องอาศัยการฝึกฝนที่ยาวนาน บวกกับใจรัก จึงจะได้ผลดี ผมเองฝึกมาตั้งแต่เด็กๆ จนป่านนี้เรียนจบทำงานแล้วก็ยังฝึกอยู่ทุกวัน ไม่ต้องขยันครับ แต่ต้องชอบ ถ้าไม่ชอบก็พอฝึกได้แต่จะทรมานตัวเองนิดหน่อย

    เรื่อง reading นั้น เคล็ดไม่ลับคือต้องอ่านบ่อยๆ ครับ ไม่ใช่อ่านแต่ตำรา แต่เห็นอะไรที่เป็นภาษาอังกฤษนี่ต้องหยิบมาอ่านให้หมด โดนหาว่าบ้าก็ต้องยอม (ผมโดนมาแล้ว) คนไทยเวลาอ่านมักจะชอบดูเป็นคำๆ ติดคำไหนก็ไปเปิดดิก (เปิดไปเดี๋ยวก็ลืมเชื่อผมดิ) แล้วก็เอาคำมาเรียงๆ กัน แล้วก็นั่งแปลเหมือนแปล sub นรกตาม DVD เถื่อน ซึ่งห้ามๆๆๆๆ ห้ามทำครับ โดยส่วนตัวผมว่าอ่านภาษาต้องอ่านทั้งประโยค ทั้ง paragraph ได้เลยยิ่งดี แล้วนั่งตีความ ศัพท์ไหนไม่รู้เดาไปก่อน คิดว่าสมเหตุสมผลแล้วค่อยไปเปิดดิกแล้วมาปรับปรุงใจความในหัวของเราเอง เปิดดิกแล้วอย่าให้เสียแรงเปล่า หาสมุดมาเล่มนึงจดศัพท์ทุกคำที่เปิดไปด้วยครับ จะได้จำได้นานๆ อ่านอย่างนี้บ่อยๆ ก็จะอ่านไวขึ้น เข้าใจมากขึ้นครับ แล้วก็จะเขียนเก่งขึ้นโดยไม่รู้ตัวด้วย (เพราะเห็นการใช้สำนวนต่างๆ บ่อย ก็จะยืมมาใช้ได้เวลาคับขัน)

    ส่วนการอ่านในข้อสอบ TOEFL CBT ผมว่าง่ายกว่าอ่านหนังสือพิมพ์อีกนะ เพราะว่าศัพท์ไม่ซับซ้อนเท่า ที่ต้องระวังคือการจับใจความและรายละเอียดครับ เพราะสิ่งที่เค้าถามมันจะเป็น concept และ details ของเรื่อง ต้องระวังให้มากอย่าให้ถูกหลอก (เท่าที่ดูมี choice หลอกที่น่าตอบมากๆ มาให้จริงๆ ครับ) โดยส่วนใหญ่ใจความของแต่ละ paragraph มันจะอยู่ที่ประโยคแรกๆ อะครับลองสังเกตดูจิ ประโยคถัดๆ มามันจะบรรยายรายละเอียดและยกตัวอย่างประกอบ (คล้ายๆ เวลาเราเขียน essay เนาะว่ามั้ยครับ) เรื่องศัพท์ที่ถามใน reading ไม่ยากครับ เพราะถ้าเข้าใจเนื้อความ ไม่ต้องรู้ความหมายศัพท์ใน passage ก็พอจะเลือกคำตัวแทนที่เค้าให้มาใน choice ได้ง่ายๆ  เติมประโยคก็อาศัยการจับใจความเป็นสำคัญเหมือนกัน ในตัวประโยคที่เค้าให้มามันจะต้องมี clue ที่บอกว่าเราควรจะเอาไปแทรกไว้ตรงไหน เช่นในประโยคที่เค้าให้มาแทรกพูดถึงคุณลักษณะของ object A เราก็ต้องไปหาว่า เค้า mention object A ไว้ตรงไหน เราก็เอาประโยคนี้ไปต่อท้าย แล้วก็ลองอ่านทวนไปทวนมาว่ามันเข้าท่าหรือเปล่า ถ้าโอเคแล้วก็กด next ไปเลยครับ ได้มาฟรีๆ 1 ข้อ

    ใน iBT นั้นได้ข่าวว่า reading ยาวกว่าเดิม 2 เท่า ยาวก็ไม่เป็นไรครับ กลยุทธ์เดียวกัน ผมทำตัวอย่างข้อสอบมาแล้ว (ตอนนั้นคิดว่าต้องสอบ iBT) โดยส่วนตัวคิดว่าระดับความยากง่ายพอๆ กัน แต่ว่ามันจะยาวหน่อยแค่นั้น

    มาถึง listening ผมก็ต้องบอกอีกแหละครับว่า ต้องฝึกมากๆ เพราะมันเป็น skill ครับ ฟังมันไปเรื่อย หนัง ละคร ข่าว newsline (เอาเฉพาะท่านผู้ประกาศที่ใช้สำเนียงอเมริกัน), VOA, CNN จุดสำคัญคือฟังแล้ว ต้องพูดตามครับ พูดให้เหมือนเป๊ะเลย ใส่ accent ให้เยอะๆ บางคนคงสงสัยว่าพูดมันจะเกี่ยวอะไรกับฟัง เกี่ยวมากเลยครับ ลองทำดูแล้วจะรู้เองครับ อาจจะเขินตัวเองนิดนึง แต่ทำไปๆ ก็ชินครับ

    บางคนมีปัญหาฟังแล้วจับใจความอะไรไม่ได้เลย ยิ่ง lecture ยาวๆ ยิ่งแล้วใหญ่ ผมใช้วิธียังงี้ครับ เวลาฟัง ตั้งสติดีๆ ห้ามตื่นเต้น แล้วจินตนาการไว้ว่า เรามีกระดาษกับปากกา หรือถ้าใครถนัดพิมพ์ก็นึกไปเลยว่าเรามีคีย์บอร์ดกับคอมพร้อม แล้วเริ่มฟัง ฟังให้ได้ทุกคำครับ แล้วฟังอะไรได้มา ให้นึกว่าเราใช้ปากกาจดลงไปตามที่ได้ยิน หรือพิมพ์ข้อความลงไปในคอม (ในจินตนาการ) ตามที่ได้ยินครับ จุดประสงค์คือต้องเห็นคำที่เราได้ยินในห้วงความคิดของเราเลย ทำคำพูดให้มันเป็นวัตถุเลยครับ ให้มองเห็นได้ แล้วจะไม่พลาดครับ อันนี้ต้องฝึก แต่รับรองว่าคุ้ม ผมใช้ตลอดเลยครับ ฟังอะไรไม่มีพลาด

    ก่อนสอบ ให้ลองเอา listening exercise ทั้งหมดที่มี มาฟังเล่นครับ ทำอะไรไปฟังไปก็ได้ ให้คุ้นสำเนียง ฟังแล้วพยายามจับใจความไปด้วยก็ดีครับ แต่อย่าไปเครียดมาก เวลาสอบจริงจะยิ่งตื่นเต้น

    วันสอบจริง อันนี้เพื่อนแนะนำมาอีกที ให้เร่ง volume ให้สุดๆๆๆ ทั้งที่สายหูฟังและในจอ ไม่ต้องกลัวหูแตกครับ เพราะเสียงเค้าจะอู้อี้ระดับนึง เหมือนใน powerprep ถ้าเสียงเบาไปรับรองว่าไม่รู้เรื่องแน่ๆ

    เวลาฟังนั่งหลังตรงไม่พิงพนักครับ (ผมว่าพิงแล้วสมาธิมันจะหลุด) ตามองที่จอ อย่าหลับตา เพราะจะมี information ที่ช่วยเราขึ้นมาบนจอได้ (โดยเฉพาะใน lectures อาจมีคำบนกระดานดำ หรือ diagram ขึ้นมาก็ได้) ถ้าเป็น conversation ให้พร้อมฟังก่อนกดเริ่ม session หรือกดเลื่อนข้อ เพราะมันจะเริ่มพูดเลยครับไม่มีเกริ่น ถ้าเป็น lectures หรือ long conversation ต้องฟังตั้งแต่ประโยคแรก เพราะอาจจะมี keyword ออกมาได้ หลุดไปอาจหลุดทั้งข้อครับ ฟังแล้วใช้วิธีแบบที่ผมบอก รับรองว่า ไม่ miss ประเด็นครับ ถ้า miss จุดไหนไป หรือถ้าได้ยินศัพท์ที่ไม่รู้เรื่อง อย่า panic ครับ เพราะฟังไปเรื่อยๆ อาจจะเดาได้ หรือตัว choice อาจจะช่วยเราในภายหลังก็ได้ ต้องใจเย็นๆ ครับ

    อีกประเด็นคือ บางคนมีปัญหากับการฟัง long lectures เท่าที่ผมฟังมา คิดว่า เค้าพยายามช่วยเราเต็มที่แล้วครับ เพราเนื้อหาที่เค้าพูด ค่อนข้างจะเขียนมาชัดเจน และเรียงลำดับมาอย่างดีมากๆ จุดไหนที่เค้าจะเน้นหรือจะเปลี่ยนประเด็นเค้าจะเตือนเราก่อนเลย เช่น Before we go further into this subject of ….. I’d like to emphasize that ……ถ้าฟังตามไปได้เรื่อยๆ มันจะ build concept ขึ้นมาได้ดีเลยครับ และจะตอบข้อสอบได้แน่นอน ขอแค่มีสติ ไม่หลุดไปไหน น่าจะพอทำได้ครับ อย่าตื่นเต้นครับ

    ส่วน iBT จะให้ฟังยาวขึ้น เป็นเรื่องเป็นราวขึ้น แต่เค้าจะอนุญาตให้ take note ได้ครับ ตั้งสติ อะไรที่สำคัญก็จดๆ ไว้สั้นๆ แต่อย่าไปเสียเวลากับการจดบนกระดาษมาก ตั้งใจฟังและจดในใจดีกว่าครับ

    ผมไม่ได้มีประสบการณ์มากมายอะไร แต่ถ้ามีปัญหาอะไรอยากถามก็ถามมาหลังไมค์ได้ครับ หรือถามพี่ๆ เก่งๆ ในนี้ก็ได้ครับ ขอให้ทุกท่านโชคดีนะครับ

    จากคุณ : ruiN - [ 4 พ.ค. 49 09:45:34 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป