ความคิดเห็นที่ 13
4. How to prepare for verbal part?
เอ้าละครับ หลายๆคนคงทราบดี พาร์ทนี้เป็นพาร์ทที่ยากที่สุดน่ะคับ สิ่งที่สำคัญที่สุดที่จะเพิ่มคะแนน verbal ได้ก็คือ vocab น่ะคับ
4.1 Choose your wordlist
ถ้าเพื่อนๆ ตั้ง aim ไว้ในใจแล้วว่าอยากได้คะแนน verbal เท่าไหร่ แล้วควรจะท่องศัพท์กี่คำ ก็ถึงเวลาที่จะเลือก wordlist เซ็ตคำศัพท์นั้นมีให้เลือกมากมายครับไม่ว่าจะเป็น Kaplan, Barron, etc หรือที่อยู่ตาม website เช่น www.testmagic.com (นอกจากหนังสือ test prep ทั่วๆไป หนังสือคำศัพท์ที่น่าสนใจคือ Words for smart test takers ของ Mark Alan Stewart (Arco) แต่ผมไม่รู้ว่าเมืองไทยมีขายหรือเปล่าคับ) แต่ละ wordlist ของหนังสือ หรือ website จะแตกต่างกันก็ตรงจำนวนคำน่ะคับ เท่าที่รู้ Barron จะมีเยอะสุดคือ 3,500 คำ ขณะที่ของ Princeton ไม่ถึงพัน (แต่ถ้าหาตาม web ก็จะมีบาง list 4000-5000 คำนะคับ แต่ว่าใครจะนั่งท่องหมดล่ะคร้าบ) ทีนี้แต่ละคนก็จะ claim ว่าของตัวเองเป็น high frequency คับ สิ่งที่ผมอยากบอกก็คือ
There is no perfect wordlist which covers all vocabulary in the test
ถึงแม้จะ claim ว่าศัพท์นั้นเป็น high frequency แต่วันจริงๆเราอาจเจอสิบคำ สองคำ หรือไม่เจอเลยก็ยังมีนะครับ เพื่อนผมคนนึงเคยสอบแล้วท่องของ Princeton review เจอตรงหลายข้อได้ verbal เกือบห้าร้อย แต่อีกคนท่อง Princeton เหมือนกันแต่ไม่เจอเลยซักคำเดียว เลยได้สามร้อยกว่า เพราะงั้นสิ่งที่ดูจะ make sense ที่สุดคือ ท่องมากที่สุดเท่าที่คุณจะทำได้ครับ แล้วอย่าไปยึดติดกับคำว่า high frequency ส่วนเรื่องจำนวนคำนะคับ ถ้าเราคิดว่ามีเวลาท่องแค่พันกว่าคำ แต่ไปเลือก wordlist ของ Barron 3500 คำก็อาจจะท่องได้ไม่ครอบคลุม (ถ้าคุณท่องไล่จาก Aไปเรื่อยๆ พันกว่าคำนี่ก็คงไม่เกินตัว I เอง แล้วที่เหลือล่ะคับ แต่ถ้าจะท่อง random ไปมาก็อาจจะโอเค แต่มันจะดูสับสนไหมคับ) ดังนั้นอาจจะดีกว่าถ้าคิดว่า เราจะท่องให้ได้เท่าไหร่ แล้วเลือก wordlist ซึ่งมีจำนวนคำพอเหมาะกับที่เราจะท่องไหว แล้วทำให้ได้ ท่องให้ได้หมดน่ะคับ
4.2 Utilize a lot of techniques to help you remember vocabulary
ในการจะจำคำศัพท์มากมายขนาดเป็นพันๆคำได้ แล้วแม่นจริงๆ ไม่ใช่เรื่องง่ายนะคับสำหรับคนธรรมดาทั่วไปเช่นผมเป็นต้น (แต่ถ้าเพื่อนๆมีความจำอันล้ำเลิศอันนี้คงไม่มีปัญหา) ดังนั้นเทคนิคต่างๆ เช่น การสร้าง clue, การใช้ flash card, การใช้ notepad etc จะช่วยได้มากทีเดียวครับ
4.2.1 Diverse array VS AIIZ direction การท่องศัพท์เพื่อนๆอาจจะเริ่มเรียงจาก A ถึง Z ตามตัวอักษรไป (ผมย่อว่า AIIZ นะคับเหมือนยี่ห้อเสื้อผ้าดี) หรือจะท่อง diverse array เช่น A สี่คำ, B สี่คำ, C สี่คำ ไปเรื่อยๆจนถึง Z แล้วกลับมา A ใหม่ก็ได้คับ ทีนี้มีข้อดีข้อเสียต่างกันหน่อยน่ะคับ การท่องแบบ AIIZ เนี่ยดูสะดวกดี คือไล่ไปตามเซ็ตของหนังสือ แต่ข้อเสียที่สำคัญมากคือมันสร้างความสับสนมากทีเดียว โดยเฉพาะถ้าพึ่งเริ่มท่องใหม่ๆ ลองดู set A ของ Barron นะคับ Actuarial, Actuate, Acuity, Acumen, Acute
แต่ละคำมีความหมายต่างกัน จะเห็นได้ว่ามันดูใกล้กันไปหมดเลยครับ ทำให้สับสนมากพอสมควร สำหรับการท่องแบบ diverse array มีข้อดีคือจะทำให้สับสนน้อยกว่า เพราะเราท่องศัพท์ที่หน้าตาดูต่างกันสิ้นเชิง เราเลือกมาเลยคับ A สี่ตัว ไม่จำเป็นต้องเรียงมาตามแนวตั้ง อาจจะเรียงตามแนวนอน ซึ่งศัพท์ดูต่างกันมากกว่า เช่น ผมเปิด word list 1 ของ Barron แล้วเลือกคำสี่คำตามแถวนอน Abase, Aboriginal, Abusive, Accrue แล้วผมข้ามไปจำ B ตามแนวนอนเช่นกัน Bard, Befuddle, Benefactor, Bestow เพื่อนๆจะเห็นว่าคำศัพท์ดูหน้าตาต่างกันมาก ซึ่งจะง่ายต่อการจำมากกว่าคับ เพียงแต่ว่า ข้อเสียคือต้องเปิดไปเปิดมาคับ ดูเสียเวลาเช่นกัน สิ่งที่ผมอยากแนะนำจากประสบการณ์คือ ถ้าพึ่งเริ่มท่องศัพท์เนี่ยควรจะเริ่มจาก diverse array technique ก่อนน่ะคับ จนได้ซัก 300-400 คำ แล้วสมองเราเริ่มชิน เราจะท่องได้มากขึ้น เร็วขึ้น แล้วค่อยมาเริ่มท่องแบบ AIIZ เพราะทำให้เราท่องศัพท์ได้เร็วกว่าเดิมนะคับ (ผมว่าเร็วกว่ามากพอควรเลย) แต่ทีนี้ ความสับสนจากการท่อง AIIZ direction เราจะแก้ไขได้ด้วยการใช้ technique อื่นเข้าช่วยนะครับ
(วันนี้ขอโพสต์แค่นี้ก่อนนะครับ เดี๋ยวมาต่อ คือ verbal part ค่อนข้างยาวน่ะคับ)
จากคุณ :
handsome
- [
6 พ.ค. 49 00:48:50
A:58.64.102.241 X:
]
|
|
|