CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    **เรื่องเล่าจากนิวยอร์ก **ตอน หุหุ..เอาคนไทยมาเผา

    มีคนพูดกันมากและบ่อยๆด้วยครับ ถึงเรื่องการปฎิบัติตัวของคนไทยต่อคนไทยด้วยกัน
    ที่มาใช้ชีวิตที่เมืองนอก โดยเฉพาะที่เมกานี่ ทั้งพวกที่ทำงานจะตัวเขียวแล้วหรือไม่เขียว
    ยังอยู่ป่าเชอร์วูดเป็นโรบินฮูดอยู่ หรือพวกนักเรียนที่มาเรียนด้วยทุนพอกอ พ่อกรู
    ทุนจากกอพอจริงๆ หรือทุนจากร้านอาหารที่ตัวเป็นเวท เป็นคนล้างจาน
    ที่ได้ยินกันมา บ้างก็ว่าคนไทยไม่ค่อยรักกัน ไม่ค่อยร่วมใจรวมตัวกัน ต่างคนต่างอยู่
    บ้างก็มีถึงกับกล่าวดูถูกคนไทยด้วยกันไปเลย ชั้นคนนึงละไม่คบไอ้พวกคนไทยเด็ดขาด
    บ้างก็อายตัวเองที่เป็นคนไทย เพราะใจเป็นฝรั่งไปแล้ว ใครถามก็ตอบเลี่ยงไปเลย
    แม้จะหลอกหน้ากะเหรี่ยงๆแท้ๆไม่ได้ ไอ แอม ฟรอม ไทวัน.. โน โน น๊อท ไทยแลนด์
    หรือที่บางคนไม่เจียมสำเนียงภาษาที่พูด ก็บอกไปเฉยเลยว่า
    ไอ เรสส เฮียร์ มาย แฟมิลี่ 'ส เฮียร์ อิน นิวโย๊ก แม้สำเนียงจะฟ้อง จนคนฟังนึกขำ
    หุหุ มานี่เมื่ออายุเกินยี่สิบและก็ไม่ได้ฝึกปรืออิงลิชจนคล่องมาก่อน ลิ้นมันแข็งไปแล้ว
    ไม่รู้จะหลอกกันหาอะไร จะต้องอายชาติกำเนิดทำไม แหยะ ด๊าด จ่าหรี๊ด
    มีเหมือนกันที่ได้ข่าวว่า พวกนักเรียนที่มาจากครอบครัวมีเงิน พวกคนรวยนะ
    พวกนี้เป็นที่น่าอิจฉากันนัก บางคนพ่อมาเช่าอพาร์ทเมนท์หรูๆ บนอีสไซด์แมนฮัทตั้น
    มีรถสปอร์ทขับไปโรงเรียน ไม่ต้องทำงาน เอาแต่เรียน และเที่ยวอย่างเดียว
    ใช้เงินดอลล่าร์ เหมือนใช้เงินบาทไทย  จะกินจะช๊อปก็เลือกแต่เอาเฉพาะพวก
    แพงๆมีคลาส ตามรสนิยมที่ค่อนข้างสูงของตัวเอง แถมพวกนี้หน้าตาจะดูดี มีหล่อมีสวย
    กันอีกต่างหาก
    ผมเคยได้ยินมานะ จริงเท็จไม่รู้ เขาเล่ากันมาว่า ลูกชายเศรษฐีไทย รวยคับฟ้าคนหนึ่ง
    เดินผ่านดีลเลอร์รถพอร์ช ก็แวะเข้าไปดูในโชว์รูม ไอ้เซลแมนที่มีตาแต่ไม่มีแววจะดูออก
    ว่าใครเป็นใครให้รู้บ้าง นายนั่นก็มาที่รถ ขณะลูกชายเสี่ยไทยยืนมองรถ รุ่นคาเรร่าสีแดง
    ด้วยความสนใจ นายเซลแมนแสดงกิริยาเหมือนดูหมิ่นว่า ไอ้ไชนิสนี่คงไม่มีปัญญาซื้อ
    หรอกน่า และคงทำให้โชว์รูมรถแพงๆดูด้อยไปด้วย เดี๋ยวลูกค้าที่กำลังจะดีลกัน
    เกิดไม่ชอบใจก็ได้ นี่ไม่ใช่โชว์รูมรถฮุนได ฮอนเดนะ ลูกค้าต้องมีระดับกว่านั้น
    เสียงพูดของเซลแมนที่บอกกับลูกชายเสี่ยใหญ่บวกกับสายตาเยาะหยัน เมย์ ไอ เฮ็ลพ์ ยู
    และต่อด้วย รถคันนี้ ทู มัช ฟอร์ ยู เรียกเลือดเสี่ยกิมหงวน ไทยแท้ เอ้ย ไมใช่
    หุหุ เรื่องนี้ไม่มีการฉีกแบงค์ครับ
    นายลูกเศรษฐีไทยคนดังก็อย่างว่านะ เหมือนคนรวยโง่ๆไทยทั้งหลายแหละครับ
    ดูถูกเรื่องอื่นๆ เรื่องเรียนไม่เก่ง สมองไม่มีนี่ พอทนได้ แต่เรื่องเงินนี่ดูถูกกันไม่ได้
    นี่หากเป็นเมืองไทย นายนี่คงเอาปึกแบงค์พันตบหน้านายนั่น แล้วโทรบอกพ่อให้คนขน
    เงินสดมาห้าเข่ง แล้วซื้อรถซื้อร้าน เหมาให้หมดรู้เรื่องกันไปเลย
    แต่นี่นิวยอร์ก ทำไรไม่ได้มากกว่า ถามว่าไอ้คาเรร่าสีแดงมีในสตอ๊กไหม ราคาเท่าไร
    นายเซลแมนว่า หากยูมีเจ็ดสิบพันดอลล่าร์ เราก็มีรถให้นายนะ แล้วบอกขอตัวว่า ซอรี่นะ
    ไอไม่มีเวลามากนะ แล้วเดินไปต้อนรับฝรั่งใส่สูทที่เพิ่งเข้าร้านมา
    นายลูกเสี่ยใหญ่ออกจากร้านไป อีกชั่วโมงต่อมาก็กลับมาพร้อมด้วยเช็คเงินสดเกือบ
    เจ็ดสิบพันดอลล่าร์ ที่ตัวเองจำราคาจากสติ๊กเกอร์ที่ติดไว้กับตัวรถ ตรงไปที่นายเซลแมน
    นั่นที่ต้องตกตลึงในลูกบ้า เศรษฐีไทย ทีนี้การต้อนรับก็เปลี่ยนไป เพราะค่าคอมมิชชั่น
    มากๆแต่แสนจะง่ายอย่างนี้ ไม่เคยเจอมาก่อน หากมันกราบได้ มันคงกราบไปแล้ว
    หุหุ ไม่รู้จักคนรวยไทยเสียแล้ว หยามกันได้ไง เรื่องเงินนิ คนรวยไทยเขาถือนะ
     พวกนักเรียนมาเรียนเมกาที่มีฐานะดี รวยๆกันนี่ เขาว่าส่วนมากจะมองแต่ทางไม่ดีกับ
    พวกนักเรียนที่ต้องเอาแรงกายทำงานเป็นทุนค่าเครดิทค่าเรียน ค่ากินอยู่
    บ้างก็ว่าทำให้เสียชื่อไทยแลนด์ ไม่มีเงินมากๆแล้วเสือกมาเรียนเมืองนอก
    ที่จริงผมว่าพวกที่มาเรียนแล้วทำงานด้วยนะ น่าชื่นชมเขาด้วยซ้ำ ไม่ใช่แต่พวกเรา
    เหล่าไทยหรอกครับ พวกชนชาติอื่นๆเขาก็ทำแบบนี้ การเอาแรงกายทำงาน
    ที่ตนเองไม่เคยทำมาก่อนตอนอยู่บ้านเกิด ได้สอนเขาให้รู้จักการต่อสู้ชีวิต
    ได้เห็นและเรียนรู้ระบบการทำงานของฝรั่ง เห็นค่าของเงินกับความเหนื่อยยากตรากตรำ
    บ้างก็ถูกกดค่าแรงจากนายจ้าง ต้องทำสารพัดเท่าที่นายจ้างจะกดได้โกงได้
    ต้องคอยหวาดหวั่น กลัวๆกับการการเสี่ยงแอบทำงาน กลัวเจ้าหน้าที่ ต.ม ไอ้อิมมี่ ไอ้เกร์
    ไม่รู้จะโผล่มาตอนไหน แล้วต้องใช้สมองเรียนให้ได้ ให้จบอีก
    ไม่ใช่ง่ายๆและทำได้ทุกคนนะ

    คนไทยในเมกานี่ มีแยกแยะเป็นกลุ่มๆหลายกลุ่ม มีทั้งกลุ่มน่ายกย่องชมเชย เช่น
    กลุ่มที่ทำงานช่วยเหลือสังคมคนไทยต่างๆ ใครไหนมีเรื่องราวทุกข์ร้อนก็ให้คำปรึกษา
    หาทางช่วยเหลือ และก็มีที่ทำหน้าที่ประสานงานกับองค์กรที่เมืองไทย มีหาทุนบริจาก
    ให้แก่ทางด้านการศึกษา ด้านศาสนาและสังคม
    มีกลุ่มที่อนุรักษ์ความเป็นไทย ช่วยเผยแพร่ขนบธรรมเนียมที่ดีๆของชาติไทยเรา
    มีการตั้งโรงเรียนสอนภาษาและวัฒนธรรมไทยให้แก่เยาวชนไทยวัยเด็ก ที่เกิดและโตที่
    เมกา มีหมดทั้งเริ่มสอนกอไก่ ไปจนถึงสอนดนตรีไทย และรู้จักการทำอาหารไทย

    กลุ่มที่ไม่ต้องชมเชยเขา แต่ไม่ต้องถึงไปด่าว่าเขาก็มีครับ กลุ่มเหล่านี้จะแยกเป็นเหมือน
    ว่า กลุ่มใครกลุ่มมัน ขึ้นแต่รสนิยมที่ตรงกันของคนในกลุ่ม  มีแบบที่ทำตัวเหมือนอยู่เมือง
    ไทยเปี๊ยบเลย ชอบตั้งกลุ่มอวดโชว์ความโก้เก๋ ได้ข่าวใครคนไหนซื้อรถเมอร์ซิเดส
    รุ่นสี่ร้อย เอส ตัวก็จะไปถอยห้าร้อย เอส มาเกทับ ใครซื้อบ้านหกห้องนอนริมหาดแถวๆ
    ลองไอแลนด์ ก็จะหาทางไปซื้อแมนชั่นแถวแฮมพ์ตันให้ได้
    มีงานบอลล์ งานภราดร เต้นรำบอลรูม งานไหนที่ไหน ก็จะแต่งตัวด้วยแฟชั่นเริดหรู
    ชุดราตรี ราคาแพงเท่ารถเกาหลีคันหนึ่งก็ซื้อกันนะ มีเพชรไสวพร่างตาจ้าเจิดไปโชว์กัน
    ของชั้นนี่จากแคตตาล๊อก คาเทียร์ เล่มใหม่นะเธอ  ของชั้น ที่เห็นโชว์ที่วินโดว์ ทิฟฟานี่
    ไงจ๊ะ แหม แค่หลุยส์ วิตตอง กระจอกแล้วจ้า ข้างถนนบอร์ดเวย์มีขายเต็มเลย นี่ใบนี้จ๊ะ
    แปดพันเหรียญเฮอร์มีส์
    โห ได้ฟังแล้วก็น่าขโมยกระเป๋าบ้านั่นไปขาย ได้สักแปดสิบก็เอาแล้ว

    แล้วก็มีกลุ่มที่ไม่รวยไม่จน กลุ่มทำงานใช้แรงเสียส่วนใหญ่ ที่นิวยอร์กนี่ที่รู้ๆ
    มีทั้งที่เป็นเวทเตอร์ เป็นกุ๊กใหญ่ กุ๊กกลางๆ กุ๊กเล็ก ทั้งร้านฝรั่ง ร้านไทย ทั้งเงินดีมากๆ
    ไปจนถึงพออยู่ได้ สบายๆเป็นสุขดี ดีกว่ากลับไปตกงานที่เมืองไทย
    ที่ขับแท้กซี่ที่นิวยอร์กก็มีนะ มีคนขับแท็กซี่คนหนึ่ง เคยขับแท็กซี่มาก่อนหลายปีแล้ว
    เอาเรื่องการขับแท็กซี่มาโม้ในพันทิพนี่ ตอนนี้เขาว่ากันว่าเป็นหนังสือเล่มแล้ว ผมได้ข่าว
    ยังขำเลย ไม่ใช่มันเขียนดีไรหรอก แต่แรงเชียร์จากคนอ่านบวกกับโชคมากกว่า เขาว่า
    หนังสือมันขายดีด้วยนะ ผมว่ามันน่าขอบคุณคนจากพันทิพให้มากนะ
    คนไทยหลายคนครับ ที่ยังขับแท็กซี่อยู่ มีพี่คนหนึ่งขับมาเกินยี่สิบปีแล้ว และพี่แกก็พอใจ
    กับอาชีพนี้ พี่แกไม่ได้เป็นเจ้าของป้ายด้วยนะ แค่เช่าขับจากอู่ วันหยุดก็ไปตีกอล์ฟ หุหุ
    หากเป็นเมืองไทย แท้กซี่ตีกอล์ฟนี่ มันต้องขายรถก่อนนะจึงซื้อไม้กอลฟและอุปกรณ์ได้
    พวกกลุ่มคนใช้แรงงานทั่วไปนี่ จะเข้ากันได้ดีพอสมควรนะ อาจเจอกัน ทักทายกันได้
    ในร้านอาหารสักร้าน ไม่ว่าร้านไทยหรือร้านจีนเจ้าประจำ หรือร้านขายหนังสือพิมพ์
    ร้านให้เช่าวีดีโอของคนไทย บางครั้งได้ยินตั้งกลุ่มคุยกันเรื่องการเมือง มรึงว่าทากสินต้อง
    อ๊อกไป แต่กรูว่า สนติ๊ก็น่าอ๊อกไปด้วยนะ
    แม้ว่าข่าวการ ทรีทคนไทยของคนไทยต่อคนไทย จะเป็นไปแบบไม่น่าออกด้านบวกเท่าไร
    ก็จริง แต่ก็ไม่ใช่ใครจะแสดงออกกันง่ายๆ กับการกระทำของตนเองต่อคนอื่นๆนะ
    ก็มันเป็นสิทธิส่วนบุคคลของเขานะ หากไปก้าวก่ายกันมาก แสดงกิริยาไม่ดีกับเขา
    เดี๋ยวมีเรื่องกันเปล่าๆ จึงแบบที่บอกไงครับ ต่างคนต่างอยู่ อย่ามายุ่งกันดีกว่า

    แต่มีอย่างหนึ่งครับ ที่ผมได้พบเห็นมาด้วยตัวเอง ก็คนที่มาจากเมืองไทยนี่แหละครับ
    ไม่ใช่พวกคนไทยที่อาศัยที่นี่กันนะครับ พวกมาเที่ยว มาอยู่ระยะสั้นๆ ยังเห็นความเป็นอยู่
    ที่เมืองไทยของสังคมไทยอยู่ บ้างก็รับไม่ได้กับระบบที่เมกานี่ บ้างที่มีเงิน มีฐานะ ก็เอา
    ความเป็นอย่างนั้น มาใช้กับคนที่นี่  เห็นว่าพวกอยู่เมืองนอกนี่ ทำไมมันไม่ดูดีเท่าที่คิดเลย
    บ้างก็คิดว่าตัวเองตอนอยู่เมืองไทยเป็นบิ๊ก เป็นบอส มาเมกาที ไม่มีใครรู้จักเท่าไรเลย บ้าง
    ก็แสดงกิริยา เหยียดหยามพวกคนไทยที่นี่ ที่ไม่ได้เรียนสูง ไม่มีหน้าตาในสังคมไทยฝรั่ง

     ตอนผมเป็นเวทร้านไทย ร้านหนึ่ง ในช่วงสั้นๆช่วงหนึ่ง ก่อนขับแท็กซี่ ผมได้เสริฟเสี่ย
    ใหญ่จากเมืองไทย คนดัง ที่ใครๆก็รู้จัก เจ้าของร้านก็รู้จัก เลยมาบอกผมว่า ให้บริการเสี่ย
    คนนี้ให้พิเศษหน่อย ผมได้ฟังแล้วหมดใจทำงานเลย โธ่เว้ยทำไมต้องบริการมันให้พิเศษ
    กว่าลูกค้าคนอื่นด้วยหวะ เพื่ออะไร เพื่อทิปโตๆหรือ ผมก็ทำอย่างนั้น บริการทุกระดับ
    ประทับใจมาตั้งนานแล้ว ไอ้เสี่ยบ้านั่น เวลามันเรียกผมนะ มันเรียก เฮ้ย บ๋อย แล้วใช้มือ
    กวักเหมือนที่มันเคยเรียกสั่งลูกน้องมันนะ จะเอาไรให้ได้ดังใจ หากจะคิดว่ามันไม่รู้อะไร
    ทางเมืองนอกนี่ ก็ไม่ได้นะ มันต้องรู้สิ การเป็นเสี่ยเป็นเห้ มีเงินมีอำนาจ ผมมีไรเกี่ยวกับ
    มันละ ทำไมมันไม่มีสามัญสำนึกสิ่งสำคัญที่สุดของการอยู่ร่วมกันในโลกนี้ละ
    ผมเลยไปบอกเจ้าของร้านนะครับว่า ผมไม่เสริฟไอ้เสี่ยนี้นะ เจ้าของร้านก็ไม่พอใจ เพราะ
    เสี่ยก็เรียกเจ้าของร้านไปนั่งโต๊ะคุยด้วย ผมเลยบอกว่า งั้นผมขอลาออกเลยดีกว่า ผมก็
    ทำตามที่พูด ไปเปลี่ยนชุด แล้วบายบายกับร้านนั้น ตกงานไปอีกครั้ง

    เมื่อผมเลิกอาชีพขับแท็กซี่ ผมเคยบอกแล้วไงครับ ผมได้งานทำที่โรงแรมหนึ่ง
    แรกๆนั้น ไม่มีงานไหนแผนกไหนให้ผมเลือกได้หรอกครับ
    ผมต้องไปอยู่แผนก HOUSEKEEPING ก็เป็นคนงานเฮาส์แมน คนทำความสะอาดทั่วไป
    นั่นแหละครับ กวาดขยะ ดูดฝุ่น ยกของ ทำได้หมดแหละครับ ไม่อายด้วย อยู่เมกา
    แล้วอายได้ไง หุหุ แต่เมืองไทยไม่เอาแน่ ไม่ใช่ไร ไม่พอกิน มากกว่าเรื่องอาย
    วันหนึ่งครับ ผมไปกวาดขยะด้านหน้าของโรงแรม ผมเห็นดอร์แมนกำลังยกกระเป๋า
    เดินทางสามสี่ใบลงจากรถแท็กซี่ แขกที่จะเข้าพัก มากันสี่คน คงเป็นคู่สามีภรรยา กับ
    ลูกชายสองคน ผมได้ยินเสียงพูดคุยกันเป็นภาษาไทยด้วยแหละ
    เมื่อคนไทยกลุ่มนั้น จะเดินเข้าประตูทางเข้า ผมเลยทักทายไปก่อนครับ
    "สวัสดีครับ" แล้วก็เปิดประตูจับประตูกระจกคาให้ทุกคนเดินเข้า
    ผู้ชายไทยหัวหน้าครอบครัวคนนั้น ปรายตามองมาที่ผมครับ
    ผมเลยถามไปครับว่า "มาเที่ยวนิวยอร์กหรือครับ "
    แต่ไม่มีเสียงสวัสดีตอบครับ ไม่มีคำขอบคุณที่ผมเปิดประตูให้ด้วย
    ผมเห็นแบบนั้น ก็อดไม่ได้แล้วครับ คนไทยด้วยกันในต่างแดน แหม มาวางท่าว่า
    คุยกับคนกวาดขยะไม่ได้ ผมเลยเอ่ยไปเสียงไม่เบา ด้วยคำเคยชิน ที่ใช้ประจำในเมกา
    " SHIT"
    แล้วผมได้ยินเสียงเด็กชายคนโต หันไปบอกผู้ชายจอมจุ๊ยว่า
    " พ่อๆ เค้ารู้จักชื่อพ่อด้วยนะ"

    จากคุณ : smartupid - [ วันฉัตรมงคล 18:02:35 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป