เพิ่งสัมภาษณ์ วีซ่าอเมริการผ่านค่ะ ดีใจมากๆ และอยากจะแชร์กับเพื่อนๆ ในพันทิพย์เพื่อเป็นประสบการณ์ให้กับท่านอื่นต่อๆไปค่ะ
เพราะก่อนที่เราจะไปสัมภาษณ์ เราก็ได้อานุสงค์จากพันทิพย์ก่อนไปสัมภาษณ์มากจริงๆ จึงอยากจะแชร์ประสบการณ์ของเราเพื่อท่านอื่นๆต่อไปค่ะ.
เราได้วันนัดสัมภาษณ์เวลา 10.30 น.พอไปถึงพบว่าคนที่ถูกนัดสัมภาษณ์แต่ละรอบเยอะมากๆและเราผ่านสถานทูตทุกวันพบว่าเยอะทุกวัน เห็นเข้าคิวล้นออกมาข้างนอกทุกวัน (คิดดูว่าแต่วันเขาจะมีรายได้จากค่าธรรมเนียมเยอะขนาดไหน ถ้าประมาณ 20 คน/ครึ่ง ชม. x 100 USD.)!!!
เวลานัด 10.30 เราไปถึง 9 โมงนิดๆ, ผ่านการซื้อซองจม.และต้องนั่งรอ 1.5 ชม จึงจะสามารถยื่นเอกสารเพื่อรอรับบัตรคิวได้ (รอบ 10.30 ต้องเข้าคิว 10.00-10.30 น). หลังจากนั้นก็ต้องนั่งรอสัมภาษณ์ คนที่รอสัมภาษณ์เยอะมาก กว่าจะถึงคิวเราประมาณ 12.30 น.(รอจนเบื่อเลย) สรุปแล้วเสียเวลาในการนั่งรอ+เข้าแถวรอประมาณ 3-3.5 ชม.
ใครที่จะไป หาหนังสือไปอ่านด้วยก็ดี จะได้ไม่เบื่อ (เราเอา Talking Dict ไป กะจะไปเล่นเกมส์รอเวลา ปรากฎว่า รปภ.ยึดไว้หมดเลย)
ช่วงระหว่างรอเวลา เบื่อๆ เราก็เลยสวดมนต์พระคาถาชินบัญชรไปเรื่อยๆ(ใครจะเอาไปใช้ก็ได้นะ) ทำให้ใจสงบเยอะและไม่กลัว ไม่ตื่นเต้นด้วย (เรานั่งท่องจนเบื่อเพราะไม่มีอะไรทำ)
ปรากฎว่าพอถึงเวลาเรียกเบอร์เรา เราได้พบคุณรูปหล่อ(ที่เพื่อนๆพูดถึง) ไม่ใช่คุณรูปหล่อเขาจะให้ผ่านทุกคนนะ เพราะผู้หญิงก่อนหน้าเรา ก็โดนเขา reject ไป (เราเห็นเธอถือพาสปอร์ตกลับน่ะ, แต่เราดูลักษณะเขาก็ไม่น่าจะให้ผ่านหรอก เพราะดูท่าทางSelfสูงจนน่าหมั่นไส้)
ต่อไปนี้คือบทสนทนาที่เรายังจำได้ (เราเลือกสัมภาษณ์ภาษาอังกฤษน่ะ)
รูปหล่อ: Sawasdee Krup
เรา: Hi Good morning
รูปหล่อ: You are Khun
(เขาเหมือนพยายามที่จะพูดไทยกับเรา)
เรา: Yes, (เราพยายามที่จะพูดอังกฤษกับเขา)
รูปหล่อ: What was the reason youve got rejected last time???
เรา: Oh, Im sorry, I really can't remember, when I got refused I was so sorry made me didn't even dare to ask them the reason. I went home very quickly and forgot to ask anything. It embarrassed me to get refused by something.
รูปหล่อ: Oh, you changed your name and your passport!!! what's wrong?? (เราเปลี่ยนพาสปอร์ตใหม่ ทำให้ไม่มีบันทึกในพาสปอร์ตเล่มนี้ว่าเราทำวีซ่าไม่ผ่านเพราะอะไร. อีกทั้งยังเปลี่ยนชื่อใหม่ด้วย เขาหา record เรายากขึ้น. แต่ก็ได้คำแนะนำจากเพื่อนๆในกระทู้ว่าให้บอกความจริงไปดีกว่า ว่าเราเคยโดน Reject มาแล้ว เขาก็ใช้เวลาหาชื่อและ record เก่าของเรา, และหาเจอจริงๆด้วย. แสดงว่าเขาเก็บrecord เราไว้หมดเลย)
เรา: well.. I won't call myself that it was something wrong but I would say I was an unlucky person who lost a passport while moved house. I couldn't find it after moved my house.
And I changed my name because the monk recommended me if I wont' change, my life couldn't be succeed as I want to be.
รูปหล่อ: พยักหน้า หงึก พร้อมเปิดเอกสารดู. อ่านจม.รับรองการทำงาน
รูปหล่อ: Didnt you come back to re-apply visa again after that???
เรา: No, It was too embarrassing for me.
รูปหล่อ: So, Why you want to apply again this time?
เรา: there are many reasons happen this time. Firstly, I got very good deal with Travel Agent. I got a cheap package included everything for just only
(จำนวนเงิน) B. I almost dont need to pay anything else just the gifts for my people. (ยังบอกเหตุผลที่อุตสาห์เตรียมมาเยอะแยะไม่หมด เขาก็ถามต่อเลยว่า......)
รูปหล่อ: Do you have any relationship in US??
เรา: No
รูปหล่อ: Do you know someone over there???
เรา: No
รูปหล่อ: Are you sure you are telling me the true??
เรา: Yes, of course. Why I have to lie you???
(ความรู้สึกที่เราคุยกับเขา คือเราไม่รู้สึกว่าเราคุยกับคนที่เหนือกว่า คิดว่าคุยกับคนระดับเดียวกัน ทำให้เราไม่กลัวที่จะตอบ ซึ่งอาจจะเป็นเพราะการที่นั่งท่องพระคาถาชินบัญชรแล้วทำให้ใจสงบพอที่จะ deal กับเขาได้หรือเปล่าก็ไม่รู้)
รูปหล่อ: Can I see your statement??
เรา: Yes, sure (เตรียมแต่สมุดบัญชี ธรรมดามา, ไม่มีหลักฐานที่ดิน, หรือทะเบียนรถ อะไรเลย)
รูปหล่อ: เปิดดูสมุดบัญชีไป-มา ปรากฎว่าเจอเงินโอนมาจากต่างประเทศ 5x,xxx, where was this money come from???
เรา: ตายล่ะหว่า ไม่ได้เช็คดูตรงจุดนี้ ไม่ได้เตรียมคำตอบตรงนี้มาเลย... ทำไงดีหว่า...
เรา: It was the money from my exboss transferred to me to clear his personal stuff after he left the country.
รูปหล่อ: ดูเอกสารไปมา I dont know, its look strange to me
เรา: (ทำเสียงแปลกใจ) Oh Why???? Whats make you feel like that??? Im sure I didnt do anything wrong!
รูปหล่อ: How come your boss had transferred the money under business working?.
เรา: well.. it was not for business proposed. He transferred to me to clear his personal stuffs not for business and I work as
(ตำแหน่งงาน)
I have to do it for him. If it were you, after you leave Thailand but found that you have some personal debt need to be cleared. Will you transfer the money to your organization or to your friend to clear it for you???
รูปหล่อ: Where was this money transferred from???
เรา: from US.
รูปหล่อ: เลิกคิ้ว เหมือนสะกิดใจอะไรขึ้นมา
เรา: (ตายหล่ะว่า... ดันบอกว่า US. ไม่เป็นไรก็เป็นความจริงนี่หว่า) well.. after I done the job for him I didnt contact him at all. I even dont know where is him now. If this clause will cause me a visa refused, I dont think it is fair for me. Coz, I did my job honestly. If you dont believe you can call my company.
รูปหล่อ: พยักหน้าหงึกๆ ดูสมุดบัญชีไปเรื่อยๆ เจอเงินก้อนหนึ่งโอนเข้ามา. What is this money come from??
เรา: Oh, It from my friends who borrowed me and they returned with interests.
รูปหล่อ: Are you sure you are telling me the true???
เรา: Yes, of course. Why I have to lie you???
รูปหล่อ: Are you sure, you didnt do for upward statement??
เรา: No, why I have to do that. I heard my friend got a visa while she has just a few thousand in her bank account. So, I dont think I will need to upward my statement.
รูปหล่อ: why your friends had borrowed your money???
เรา: well.. they didnt have enough money. That why they borrowed.
รูปหล่อ: Are you sure, you didnt upward statement?? (ถามอีกครั้ง)
เรา: Yes, Im sure..
รูปหล่อ: Are you single???
เรา: Yes,
รูปหล่อ: Are you going alone???
เรา: Yes, but I join the tour group.
รูปหล่อ: Dont you have boyfriend???
เรา: Yes, I have. He is Thai.
รูปหล่อ: where is him???
เรา: He is working at
รูปหล่อ: what is his name???
เรา: His name is
.. he is working as
(บอกตำแหน่งงาน)
เราสังเกตุดูเขาถามเหมือนเขาเบลอๆหรือเปล่าก็ไม่รู้ คำถามที่คิดว่าเขาควรจะถาม หรือคำถามที่เราเตรียมมา ไม่เห็นถามเลย. เช่นคำถามที่ว่า จะไปกี่วัน... ไปที่ไหน.. มีหลักฐานอะไรเพิ่มเติม.... (เหมือนที่คนอื่นๆโดน)
และเขาก็ถามคำถามอื่นๆธรรมดาทั่วไป ส่วนมากคำถามที่เขาถามเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในสมุดบัญชี และถามให้แน่ใจว่าเราไม่มี relationship ที่โน่น แต่เราก็ตอบโดยไม่กลัวเกรงเหมือนกัน เราถือหลักจิตวิทยาที่ว่า ทำตัวให้เหมือนคนมีกะตังส์ เหมือนกับว่าเขาจะต้องให้บริการเราไม่ใช่เราไปง้อเขาและทำตัวเหมือนไปขอความเมตตาจากเขา (แต่จริงๆแล้วก็ไม่มีตังส์เท่าไหร่หรอก) ใจเราสงบมากไม่รู้เป็นเพราะสวดมนต์หรือความรู้สึกเราเอง ทำให้เราคุยกับเขาเหมือนคุยกับเพื่อน ถ้าอะไรที่ไม่ถูกเราก็จะเถียง แทนที่เขาจะดุเรา เรากลับดุเขา...
รูปหล่อ: Well
Khun
. Im sorry
(ได้ยินsorry ขึ้นมาชักสะกิดใจ, กะว่าถ้าเขาบอกว่าไม่ผ่าน ก็จะซักไซร้ โดยไม่กลัวเกรง เพื่อให้ได้ความแน่ใจก่อนที่จะถอย)
รูปหล่อ: Im sorry to ask you many questions. I will give you a Visa. I wish you have a good trip.
เรา: งง เลย... กะว่าจะได้คุยนานกว่านี้ คำถามที่เตรียมมาตั้งหลายคำตอบ ยังไม่ได้ตอบเลย... ทำไมเขาตัดสินใจเร็วจัง. :O
เรา: เรากำลัง งงอยู่ก็เลย Say thank you. แล้วก็ถอยออกมา ในใจอยากชวนเขาไปเที่ยวด้วยสิ. รู้สึกขอบคุณที่เขาให้Visa เราเพราะเรารู้สึกว่าเราตอบเขาแบบกวนๆ และไม่ได้นอบน้อมเขา พอที่จะให้เขาพิจารณาให้ Visa เราเลย แต่เขาก็ให้เรามาแล้ว.
วันจันทร์นี้คิดว่าน่าจะได้รับวีซ่า แต่ยังนึกอยู่ว่าเขาจะให้ Single หรือ Multiple entry??? เพราะเราขอเขาด้วยวาจาเป็น multiple ลืมย้ำก่อนกลับอีกทีหนึ่ง (มัวงงอยู่)
หวังว่าคงเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆบ้างนะ นี่เป็นเรื่องจริงของเรา เพิ่งผ่านมาไม่กี่วัน. และขอให้ทุกคนโชคดี. ถ้าเป็นไปได้อย่าไปเพิ่มรายได้ให้สหรัฐโดยเดินทางเข้าประเทศเขามากนักเลย (เราไปอยู่ฟรีกินฟรีก็เลยไป). ต่อให้เราได้หลบไปอยู่ที่โน่น แต่เป็นพลเมืองชั้น 2 หรือ ชั้น 3 ของเขา อย่าไปดีกว่า ถ้าจะไป ไปให้ถูกกฎหมายดีกว่า ลูกหลานรุ่นหลังเราเขาจะได้ทำวีซ่าได้สบายๆ หรือได้รับการยกเว้นการทำวีซ่าเข้าสหรัฐ เพราะเราหยิ่งในศักดิ์ศรีและไม่มีคนไทยหลบหนีเป็นโรบินฮู้ดที่โน่น
เขาจะได้ให้เกียรติเวลาเราไปสัมภาษณ์เพื่อเดินทางไปที่โน่น. เพื่อนเราเป็นคนฮ่องกง เขาบอกว่าเขาไปขอวีซ่าที่ประเทศเขาไม่เห็นยากเลย และเจ้าหน้าที่ก็ไม่หยิ่ง ไม่ดู difficult แบบนี้ด้วย. เราอยากให้เขาทำแบบนี้กับคนไทยบ้างจัง
จากคุณ :
Zenzy
- [
17 มิ.ย. 49 21:13:50
A:203.144.193.58 X:
]