ความคิดเห็นที่ 10
ว่าจะผ่านกระทู้นี้ แต่มันคาใจเลยขอร่ายยาว เพื่อเป็นแรงแห่งรักให้คุณจขกท(TinyGirl) สู้และมองหาหนทางข้างหน้าร่วมกันกับแฟนต่อไป
***ความรักก็มักจะเป็นแบบนี้ล่ะค่ะ สุขทุกข์มั่งเป็นเรื่องของธรรมชาติโหดก็แล้วกัน(โทษภัยธรรมชาติไปนู่นยายดา555)
ยายดาตอนเจอสามีครั้งแรก เธอเป็นหุ้นส่วนในกิจการซอฟแวร์เปิดบริษัทอยู่ที่สุขุมวิท71,รับเป็นที่ปรึกษาด้านซอฟแวร์ให้บริษัทปตท.(แห่งประเทศไทย),ออกแบบจิวเวอรี่ที่ตึกเจมส์ทาวเวอร์(สีลม(บางรัก)),ทำโครงการป่าพรุ๊ โต๊ะแดงให้องค์สมเด็จพระเทพฯ(ถ้าใช้คำราชาศัพท์ไม่ถูกต้องช่วยติติงด้วยนาคะ),ไทยออยล์,มิตรผลและวังขนาย รวมทั้งมีนิสสันเซฟิโร่ป้ายแดงให้ขับไปทำงาน โดยที่ไม่ต้องควักตังค์ซื้อทั้งรถและน้ำมัน เนื่องจากผู้ว่าจ้างเขาจัดหาให้ประจำตำแหน่งที่ปรึกษาน่ะค่ะ แต่หลังจากเราหมดวาระหน้าที่ก็ต้องส่งมอบคืนเขาไป เอิ้กๆๆ
ที่บอกเล่ามาทั้งหมดนี่อย่าคิดว่าโม้เลยค่ะ ก็อย่างที่รู้ๆกันอยู่ ว่าชาวต่างชาติที่ไปทำหากินอยู่บ้านเราน่ะ ส่วนใหญ่ถ้าไม่เป็นครูสอนภาษาก็จะวนเวียนรับจ้าง เป็นที่ปรึกษาและออกแบบรึไม่ก็เปิดกิจการอยู่ประมาณนี้(อันนี้เฉพาะในกรณีที่ยายดาเห็นมากับตาเท่านั้นนาคะ) และสามียายดาก็ต้องมีเจ้าnotebookสะพายบ่า เดินสายไปหากินด้วยตลอดเวลาตราบเท่าทุกวันนี้ แบบว่าขาดไม่ได้เลยเหมือนแฟนคุณจขกท(TinyGirl)ล่ะค่ะ เลยทำให้อยากเสียเวลาออกความคิดเห็นเสนอหน้าในกระทู้นี้ ฮี่ๆๆ
***ตอนแรกก็ภาคภูมิใจล่ะค่ะ ว่าสาวเย็บผ้าจบมาแค่มัธยม3 ไหงโชควาสนาช่างดีเกินคาด ได้สามีเป็นถึงหุ้นส่วนกิจการและที่ปรึกษาบริษัทแนวหน้าของไทย ตัวยายดาเองก็เลิกเย็บผ้าแล้วเปลี่ยนงานใหม่มาเป็นพนักงานPD.Operator(HANA(วิภาวดี64))ด้วยค่าแรงวันละ165บาท
แต่เหตุการณ์ก็ผ่านไปได้ด้วยดีแค่8เดือนเท่านั้น(ก่อนหน้านั้นทำไมฉันไม่เจอเธอฟ่ะ) ท่านเชาวลิต ยงใจยุทธ(นายกฯขณะนั้น)ได้ปล่อยค่าเงินบาทลอยตัว วูบเดียวเท่านั้นเองกิจการทั้งหลายแหล่ และงานที่สามีรับทำไว้ ก็พากันล้มระเนระนาดเอียงกะเท่เร่ไม่เป็นท่า 55555 บริษัทต่างๆก็พากันปลดพนักงานชาวต่างชาติ ที่เกินความจำเป็นออกเพื่อความอยู่รอด และหันไปจ้างคนไทยด้วยกันเองเพราะค่าแรงถูกกว่าเกินครึ่งต่อครึ่ง รวมทั้งกิจการของสามีเองก็ต้องจ้างพนักงานออก เนื่องจากเงินหมุนเวียนติดๆขัดๆ ผลสุดท้ายก็ต้องปิดกิจการของตัวเองก่อนที่จะล้มละลาย โชคดีที่เราไม่มีหนี้สินติดตัว แต่ก็แทบจะไม่มีกินล่ะค่ะ เพราะว่าบางวัน2คนตายายนี่มีเงินติดตัว2ร้อยบาทเอง แค่ซื้อบุหรี่มาร์โบโร่2ซอง+อาหารสามีก็ไม่พออยู่แล้ว ลำพังเงินค่าแรงของยายดาน่ะไม่พอจ่ายค่าเช่าบ้านหรอกค่ะ บางครั้งถึงกับต้องถอดทองในคอไปจำนำเพื่อที่จะมีเงินหมุนเวียน ค่ารถตัวเองไปทำงาน+ค่าอาหารสามี(2ปีแรกที่อยู่ด้วยกัน ยังไม่ได้จดทะเบียนสมรส เลยไม่ต้องอายเพื่อนที่ทำงานและโรงรับจำนำ อิอิ) เคยบากหน้าโทรฯไปยืมเงินแม่ตัวเอง2พันบาท แม่แกก็รับปากว่าจะให้ แต่แล้วก็หายเงียบไปเลย โดยไม่ส่งข่าวมาบอกเราว่าจะให้ยืมหรือเปล่า? และนั่นก็เป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่เอ่ยปากยืมเงินคนน่ะค่ะ
ทางญาติพี่น้อง ยายดาก็ไม่กล้าเสนอหน้าไปหาเขาหรอกค่ะ เพราะว่าตอนได้เสียกันก็ไม่ได้ทำพิธี รึว่าแนะนำตัวสามีให้ญาติๆทางต่างจังหวัดทราบ รวมทั้งน้าสาวที่มีหุ้นส่วนในกิจการด้วยกันเขาก็ลำบาก ต้องหอบลูกหอบเต้ากลับประเทศญี่ปุ่นตามสามีไปเริ่มต้นกันใหม่หมด
และด้วยความที่เราหันไปพึ่งใครไม่ได้เลยในตอนนั้น จึงทำให้เรามีกันและกันในวันนี้มังคะ
**ส่วนเรื่องบัตรเครดิตนี่ สามีและยายดามีไว้เผื่อฉุกเฉินเท่านั้น ถ้าจำเป็นรึว่าต้องจ่ายค่าสินค้าราคาแพงๆนี่ถึงจะยอมรูดการ์ด นอกนั้นกดแต่เอทีเอ็มเอาเงินสดจ่ายตลอด รู้สึกอายๆเหมือนกันอิตอนรูดการ์ดจ่ายค่าของเนี่ย เพราะรู้อยู่แก่ใจว่าเป็นเงินที่เรายืมเขาใช้ก่อน แล้วยังต้องคืนเขาตามกำหนดไม่งั้นเสียดอกบานเลยน่ะสิ ไม่ทราบว่าแม่บ้านท่านใดเป็นเหมือนยายดามั่งรึเปล่าคะ? ขัดๆเขินๆอิตอนเซ็นต์ชื่อในใบสลิปค่าของน่ะ
ป/ล ที่เล่ามาอย่างไม่อายนี่ เป็นเพียงอีก1ตัวอย่างของความไม่แน่นอนของมนุษย์ และเป็นความรักที่เกิดจากคน2คนร่วมกันก่อโดยแท้ มีครบหมดทั้งสุข-ทุกข์และเศร้า(แต่ไม่เคยเคล้าน้ำตาล่ะค่ะ) ส่วนเหตุการณ์ต่อไปในภายภาคหน้าก็ยังไม่รู้ว่าจะดีรึร้าย ก็ต้องชั่งใจตัวเองแล้วล่ะ ว่าหนักแน่นพอไม๊ มีใจที่สู้รึเปล่า ตัวยายดานี่ก็หนักเอาเบาสู้(กินนอนอยู่ข้างจักรเย็บผ้า)หาเลี้ยงครอบครัวมาตลอด จนเท่าทุกวันนี้ก็ยังต้องส่งเสียทางบ้านอยู่(ขอไม่ขอก็จัดให้ด้วยความเคยชิน เมื่อไหร่เขาจะแจกโล่ห์แม่บ้านต่างแดนดีเด่นมั่งว๊าส์..) ผลตอบแทนที่ได้รับกลับมาหน้าชื่นอกตรมอย่างยายดาไม๊ เหอๆๆ(ขำชีวิตตัวเองฟ่ะ)
ป/ล2 "ถ้าคิดจะรัก อย่าไปกลัวกับคำว่าผิดหวังและเสียใจ" ขอเพียงเรามีสติและวิจารณญานในการตัดสินใจ แบ่งแยกเรื่องส่วนตัวและครอบครัวให้ถูกให้ควร รับรองว่าถึงคุณจขกท(TinyGirl)จะเสียน้ำตาในภายภาคหน้า มันอาจจะเป็นน้ำตาแห่งความภาคภูมิใจก็เป็นได้ ใครจะไปรู้ดีเท่าตัวคุณและแฟนล่ะคะ
ยังไงก็ขอเอาใจช่วยอยู่ห่างๆ และยินดีต้อนรับว่าที่และอนาคตสะใภ้ต่างแดนด้วยค่า
จากคุณ :
ศิริรักษ์
- [
27 ก.ค. 49 17:50:25
]
|
|
|