สวัสดีครับ เห็นคลับใหม่ work and travel แบบนี้แสดงว่ามีกระทู้ work and travel เยอะคนให้ความสนใจเยอะ เลยอยากมาเล่าประสบการณ์ ที่ไปมาล่าสุด (work and travel 2006 ) ให้ฟัง
เริ่มแรกเดิมที่ไม่รู้จักหรอกโครงการนี้ เคยแต่ได้ยินชื่อ แต่ไม่เคยคิดจะไปเพราะคิดว่ามันต้อง เก่งภาษาอังกฤษมากๆ และค่าใช้จ่ายต้องสูงมากมายแน่เลย จนกระทั้งเดือน สิงหาคม เราบังเอิญไปยืนอ่านบอร์ดของมหาลัย มีเอเจ่นซี่นึงเขามาแปะรายละเอียด Work and Travel เอาไว้ ก็เลยอ่านสักหน่อย เอ...น่าสนใจแฮะ อ่านๆอยุ่ก็เจอ คนๆคนนึงเขาก็สนใจจะไปเหมือนกัน ก็เลย จัดการแลก MSN กัน ได้เพื่อนมา 1 คนแล้ว
จากนั้นเรากับเพื่อนก็จัดการหา เอเจ่นซี่ ข้อมูลก็ถามรุ่นพี่ อ่านจากพันทิบนี้ละ ได้ข้อมูลมากำมือนึง ตัดสินใจกับเพื่อนไป เอเย่นซี่ที่เขามา แปะโฆษณาที่มหาลัยเราเนี้ยละเนอะ ....ตกลงกันได้แล้วก็ไป สมัครสอบข้อเขียน ข้อสอบข้อเขียนนี้ เห็นมีคนบอกว่าคล้ายๆข้อสอบเด็กที่จะไป AFS นะครับ ไม่แน่ใจนะ
ผลสอบออกมาเรากับเพื่อนสอบผ่าน :-)ีใจ จากนั้นก็รอๆ จนถึงเดือนตุลา สอบสัมภาษณ์ แล้วเขาก็ให้เลือก ว่าจะไปทำงานที่ไหน สามอันดับ ตอนนั้นใน list มี 60กว่างาน เรากับเพื่อน เลือกไปทำคาสิโนที่ เมือง laughlin ทั้งสามอันดับเลย ด้วยผลสอบข้อเขียนภาษาอังกฤษผ่านและ สัมภาษณ์ได้ Excellent มั่นใจเต็มที่ว่าเราต้องได้ไปเมือง laguhlin แน่ๆ
จากนั้นเราก็ดำเนินการจ่ายเงินค่าโครงการ รวมรวบเอกสารขอ Ds2019 จนถึงปลายๆเดือนตุลา ประกาศผลว่าเราได้งานที่ไหน เรากับเพื่อน ช๊อคมากๆๆ อะไรฟ่ะ เลือกเมือง laughlin เนวาดา ทำไมได้เมือง wendoverเนี้ย เครียดมาก เพราะตอนนี้นข้อมูลที่มีในมือ บอกว่าเมือง wendover ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ โทรไปหาเอเจ่นซี่บ่นๆๆ ทำไมถึงได้เมืองนี้ ทำไมไม่ได้ที่laughlin ที่เลือกไว้ฯลฯ
สุดท้ายแล้วเรากับเพื่อนก็ต้องเอา ไม่อยากเสี่ยงเปลี่ยน เอาวะ ยังงัยก็เอาลองสักตั้ง .....รวมรวบเอกสารขอ DS และ วีซ่าเป็นอะไรที่วุ่นวายมากๆๆๆ ต้องกรอกเอกสารเยอะแยะไปหมด กว่าจะเสร็จส่งไปทางเอเย่นก็ ราวๆ ปลายเดือนพฤศจิกายน จากนั้นก็รอประกาศวันสัมภาษณ์วีซ่า
ช่วงระหว่างนี้เราก็ เตรียมหาตั๋วเครื่องบิน จริงๆทางเอเจ่นซี่เขาจะจองให้ไปเป็นกรุ๊ปกับนักเรียนที่ไปทำงานที่เดียวกับเรา แต่เราตกลงกับเพื่อนว่าไปกันเองเถอะค่าตั๋วน่าจะถูกกว่านะ พอได้ job offer มาแล้วเราก็อ่านรายละเอียดข้อตกลงต่างๆ ใน job offer เมือง wendover เนี้ยมันต้อง นั่งเครื่องไปลง Salt lake city แล้วต่อ รถบัสไปเมือง wendover
ตกลงกับเพื่อนเรียบร้อยแล้ว ก็เลยไปจองตั๋วเครื่องบินกัน เรานั้ง ไชน่า แอร์ไลน์ไปลง LA แล้วต่อด้วย United airlines ต่อไป เมือง Salt lake city จองเรียบร้อยแล้ว....เราได้คิวสัมภาษณ์วีซาพอดี โอยตื้นเต้นๆๆ จะสัมภาษณ์ผ่านไหมหนอ กลัวมาก เพราะได้ข่าวกิตติศัพท์สถานทูตอเมริกามาเยอะ เรื่องขอวีซ่า
พอถึงวันสัมภาษณ์ เราตื่นตั้งแต่ ตี 5 นั้งแท๊กซี่ไปรับเพื่อน <บังเอิญหออยู่ทางเดียวกัน> ไปถึงสถาทูตก็ราวๆ 6 โมงเช้า ไปยืนต่อคิว คนเยอะพอสมควร แต่เป็นคนเขมรทั้งนั้น ยืนต่อคิวอยู่เจอดาราคนนึง เขามาขอวีซ่าเหมือนกัน ตอนนั้นสังเกตุเห็น นักศึกษา 3-4 คน คงมาสัมภาษณ์วีซ่าเหมือนกัน แต่ไม่ได้คุยอะไรกันจนกระทั้ง เกือบๆ 7 โมง พี่ที่เอเย่นก็มาถึง แจกเอกสารให้เราแล้วก็แนะนำเรื่อง การตอบคำถามของเจ้าหน้าที่สถานทูต
แปลกดีนะพอได้เข้าไปแล้ว กลับไม่รู้สึกตื้นเต้นอะไรเลย สบายๆ เราได้คิวสัมภาษณ์กับฝรั่งช่อง 10 ที่เขาลือกันหนักหนาว่าหล่อ เออ หล่อจริงๆด้วย เขาก็ถามโน้นถามนี้ ประมาณ 4-5 คำถามแล้วก็บอกว่า ให้รอรับพาสปอร์ตที่บ้านนะ เป็นอันว่าเราผ่านแล้ว เย้ๆๆ จากนั้นก็ไปจ่ายค่าตั๋วเครื่องบินที่เรากับเพื่องจองไว้ แล้วก็เตรียมตัว แพ๊คกระเป๋า
เนื่องจากนี้เป็นการไปเมืองนอกครั้งแรก เราก็ไม่รุ้ว่าจะต้องเตรียมอะไรไปบ้าง โชคดีมีงาน orientation เลยได้รู้จักเพื่อนๆที่จะไปที่เดียวกับเรา สร้าง connection ไปทั่ว ตามตั๋วเราจะต้องออกเดินทางวันที่ 10 มีนา พอถึงช่วงปลายๆ กุมภาพันธุ์ ก็เลยไปซื้อ กระเป๋า ซื้อพวกของใช้ส่วนตัวต่างๆ พูดแล้วก็แนะนำเพื่อนๆหน่อยเรื่องของใช้ส่วนตัว
1.ยาสระผม เราคิดว่าควรเอาไปให้พอ เพราะยาสระผมที่เมืองนอกมันไม่ได้ผลิตมาให้เหมาะกับเส้นผมแบบเราๆกัน เพื่อนใช้แล้วเขาบอกมันเหนียวๆหัว
2.สบู่ อันนี้ไม่ต้องพกไปมาก แต่เราพกไปเยอะเพราะขี้งก ที่นั้น ขวดนึงหลายดอลอยุ่นะ
3.มาม่า & โจ๊กซอง สำคัญนะเพราะช่วงแรกๆไปจะไม่ค่อยมีกินกัน ต้อง จ่ายทั้งค่าบ้าน ค่า มัดจำต่างๆ สารพัด ไม่ค่อยจะมีกิน แถมอาหารฝรั่งมันจะเลี่ยนๆ ด้วย มาม่า กับโจ๊กนี้ละสามารถช่วยเราได้
4.เสื้อกันหนาว อันนี้สำคัญมาก เพราะตอนที่เราไปมีรุ่นพี่ที่อเมริกาแนะนำมา "ไม่ต้องหรอกน้อง พี่อยู่นิวยอร์คยังไม่หนาวเลย เมืองที่น้องจะไปคงไม่หนาวเท่าไหร เอาสเวตเตอรืมาสองตัวก็พอไม่ต้องเอาเสื้อกันหนาวมาหรอก" เราก็เชื่อเต็มที่ แต่ที่ไหนได้ ไปจริงๆมันหนาวมากๆๆๆๆ สเวตเตอร์เอาไม่อยู่ นึกแล้วอนาจตัวเอง ไม่ยอมเอาเสื้อกันหนาวมา เพราะเชื่อรุ่นพี่ และมันหนักกระเป๋าด้วย
5.น้ำพริก&ข้าวสาร น้ำพริกถ้าเอาไปได้ก็จะดีมาก ข้าวสารเราไปหาซื้อเอาได้ เพราะต้องอยู่ที่อเมริกา 3 เดือนถ้าเป้นเมืองใหญ่ไม่เท่าไหร่หาอาหารไทยกินง่าย แต่เมืองเล็กๆนี้ควจะมี น้ำพริกแห้งๆติดไปบ้าง
โอเคนึกอะไรออกจะบอกเพิ่มนะ ลืมบอกไปพอรุ้ว่าผ่านสัมภาษณ์เราก็จัดการลดความอวด จะไปเมืองนอกทั้งทีขอดูดีหน่อยเหอะ ออกกำลังกายทุกวัน หวังจะผอม และก็ผอมลงจริง แต่ตอนกลับมาทำไมมันขึ้นมาตั้ง 8 โลก็ไม่รู้ เฮ้อ...
จัดกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว ถึงวันเดินทาง เครื่องออก 7 โมง รูทการบินของเรานั้น เราต้องนั้งไปลง ใต้หวัน ทรานซิท ที่นั้นแล้วต่อไปลง แอลเอ
คืนก่อนเดินทางนอนไม่กลับเลย ตื่นเต้น กลัวตื่นไม่ทัน นัดกับเพื่อนว่า ถ้ายังงัยจะออกจากบ้านแล้วก็ให้โทรมาบอกด้วย เพื่อนเรามาถึงดอนเมืองตั้งแต่ตี 3 เพราะพ่อแม่เขามาส่งจาก ต่างจังหวัดเลย ส่วนเราไปถึง ตี 4 ตระเวรรับเพื่อนๆที่จะไปส่ง ส่วนพ่อแม่เราเขาอยู่ ต่างจังหวัดนะ เลยไม่ได้ไปส่ง
เชคอิน ตรวจพาสปอร์ต เรียบร้อย... จากนั้นก็ขึ้นเครื่อง โอย ตื่นเต้น ไปเมืองนอกครั้งแรก นั่งเครื่องบินครั้งแรก ด้วย ใช้เวลาเกือบ 4 ชั่วโมงกว่าจะถึงใต้หวัน ถึงไต้หวันก็เจอเด็กไทยทีไปโครงการเดียวกับเราหลายคน จากนั้นนั้งรอเครื่องที่ใต้หวัน 5 ชม ต่อเครื่องไปแอลเอ ใช้เวลา 12 ชม กว่าจะถึงแอลเอ นั่งจนเมื่อยไปเลย
ลงจากแอลเอ เทอมินอล 2 ตอน 12.30 ต้องไปต่อ united airlines ที่เทอมมินอล 8 ตอน 20.00 ตั้งเกือบ 8 ชม. ถามเจ้าหน้าที่ ว่า เทอมินอล 8ไปทางไหน เขาบอกว่า ยูต้องไปที่เทอมมินอลเจ็ด แล้วเขาจะบอกยูเองว่าเทอมินิล 8 ไปทางไหน เราก็จัดการ เข็นรถ จากเทอมินอล 2 ไป เทอมินอล 7
ขอบอกเป็นการกระทำที่ เหนื่อยเปล่า จริงๆมันมีรถ shutter bus รับ-ส่งผู้โดยสาร รอบสนามบินแอลเอ แต่เรากับเพื่อนไม่รุ้กัน เหนือยมากก จาก เทอมินอล 2 ไป เทอมมินอล 7 ไกลมาก หนาวด้วย ไม่อยากเชื่อแอลเอ ทำไมมันหนาวขนาดนี้
ไปถึงเทอมินอล 7 มันเป็นที่เชคอิน ของสายการบิน united airlines คนเยอะมาก หิวด้วย ตั้งแต่กินบนเครื่องบิน แล้วก็ไม่ได้กินอะไรอีกเลย สนามบินแอลเอไม่มีอะไรเลย ไม่มีร้านขายของ ไม่มีที่ฝากกระเป๋า หนำซ้ำ..เจ้าหน้าที่บอกว่า เครื่องยูออก 2 ทุ่มใช่ไหม ยูต้องเชคอินก่อนเครื่องออก 4 ชมนะ ตอนนี้ เพิ่งบ่ายโมงกว่า ยูต้องรอถึง 4 โมงเย็น
โอ้ว มายก๊อต อะไรกันนี้ ตั้ง 4 โมงเย็น แถมไม่มีอะไรขายเลย หิวมากด้วย ทำงัยดี
-------- เดี่ยวมาเล่าต่อ นะ ต่อไปจะเล่าถึงที่ทำงาน เพื่อนเด็กไทยที่เจอที่นั้น และชีวิตที่อเมริกา ตลอด 3เดือน -------
จากคุณ :
RedGarter W&T 2006
- [
5 ก.ย. 49 08:05:50
A:124.120.160.181 X: TicketID:103981
]