ความคิดเห็นที่ 1 ที่ abac ก็ต้องมี take course for sure แม่งตัวอยากได้ตั้งเลยที่นี่ เข้าง่ายแต่จบยากมากกกกกก ขอให้มีตังยังไงก็เข้าได้ ทางที่ดีถ้ามีโอกาสสอบ ielts ให้ได้สัก 5-6 แล้วเอามายื่นจะได้สบาย eng ไม่ต้องเรียน แต่จบเอแบคได้ก็เก่งทุกคนแหละ เก่งมากด้วย.. จากคุณ : เดกราม - [ 8 ก.ย. 49 00:30:11 A:208.147.1.1 X: TicketID:127042 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ถ้าพี่เป็นน้อง พี่เลือกเรียน ABAC พี่ไม่รู้ว่าจบ มหิดลมาแล้วจะดีกว่าไหม เพราะสมัยพี่จบ มหิดลเพิ่งมี ภาคอินเตอร์ไม่นาน แต่เหตุผลที่เลือก ABAC เพราะถ้าน้องตั้งใจจะเรียนสายนี้ จบ ABAC ได้ก็น่าที่จะได้คุณภาพระดับหนึ่ง ก็เป็นการประหยัดเวลาด้วย พี่หวังว่าจะจบ ABAC ได้ 4 ปีนะคะ ถ้าภาษาน้องดี ไม่ไปติด Eng ก็น่าจะเรียนจบช้า กว่าเพื่อนไม่นาน จากคุณ : Piglet-Yorkie - [ 8 ก.ย. 49 01:04:19 ]

ความคิดเห็นที่ 3 well, for me i think muic is better someway somehow... i mean my firends from abac barely speak english and they dont even know how to write a good essay... and i think it would be better for someone who grad from normal thai school to take the pre college course... at least your english and things gonna be better... and if you wanna continue your study abroad esp . in europe it is easier for you to be accepted by the uni... since you´ve got the international degree... from international college... n plus most of my friends who got kicked out, i mean retired, of muic... they went to abac afterward and they told me that eng in abac is suuuuuupppppeeerrrr easy... and they were the best in class... but normally they were morons in muic จากคุณ : puta madre - [ 8 ก.ย. 49 09:28:23 A:84.159.116.90 X: ]

ความคิดเห็นที่ 4 มาคอนเฟิร์มให้อีกคนค่ะว่าเอแบคเข้าง่ายแต่จบยาก เด็กหลายคนเข้ามาเรียนกว่าจะจบเกิน 4 ปีก็เยอะ อีกอย่างขึ้นอยู่กับว่าน้องเข้ากลุ่มกับเด็กประเภทไหน เด็กเรียน เด็กเที่ยว หรือเด็กกิจกรรม ถ้าเด็กเรียนก็จะดีในแง่ของการทำรายงานหรือทำงานกลุ่ม เด็กเที่ยวพากันเจ๊งทั้งกลุ่ม ถ้าเด็กกิจกรรมเรียนอาจพอไหวไปเรื่อยๆ แต่พอจบบริษัทหลายแห่งก็จะดูผลงานด้านกิจกรรมประกอบด้วย หากน้องอยากเรียนให้ทันเพื่อนๆ ก็สามารถเรียนเอแบคจบได้ภายในสามปีครึ่ง (ไม่แน่ใจว่าตอนนี้ยังทำได้หรือเปล่าเพราะพี่จบมานานแล้ว) คือน้องต้องลงเจ็ดวิชาเรื่อยๆทุกเทอมบวกลงซัมเมอร์ น้องก็สามารถที่จะจบภายในสามปีครึ่งได้ค่ะ แต่ตอนนั้นที่พี่ลงเจ็ดตัวได้เพราะเกรดเฉลี่ยเกิน 3.5และทำเรื่องขอลงเจ็ดตัวค่ะ จากคุณ : เลิฟ2ซี - [ 8 ก.ย. 49 09:35:10 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เอแบคจบไม่ยากอย่างที่คิดเลย เรียนชิวๆ แต่ต้องขยันอ่านหนังสือแค่นั้น ติวเตอร์ก็มีข้างมหาลัย ไม่ยากกกก คอนเฟริ์ม จากคุณ : Alumni - [ 8 ก.ย. 49 11:16:15 A:58.136.198.162 X: TicketID:101679 ]

ความคิดเห็นที่ 6 abac มี intensive course นะครับ ถ้าภาษาอังกฤษไม่ดีพอ ถ้าเรียน BBA แนะนำ ABAC ชื่อเสียง BBA ABAC ดีกว่าครับ จะได้สังคมเยอะกว่า ส่วนเรื่องจบมาแล้วเก่งไม่เก่ง คงไม่เกี่ยวกับสถาบันครับ ABAC หรือ MUIC ไม่ให้ผลต่างกันเท่าไรขึ้นอยู่กับตัวเองมากกว่า จากคุณ : Mahtus - [ 8 ก.ย. 49 11:35:45 ]

ความคิดเห็นที่ 7 คืออย่างนี้ครับ พี่จบที่ ABAC นี่แหละครับ เกรดไม่ค่อยดีเลย ได้ 2.8 เองครับ จบ BBA (Marketing) พี่ก็ไม่รู้ว่ายากหรือเปล่า แต่พี่ทำสุดความสามารถแล้วครับ โดยเฉพาะคณิตศาสตร์ 2 ตัว พี่เรียนไป 6 รอบ (Withdraw ไปวิชาละ 2 รอบ) ที่สำคัญไม่สามารถจบได้ใน 4 ปีด้วยครับ อันเนื่องมาจากตอนสอบเข้า ภาษาอังกฤษและคณิตศาสตร์ไม่เป็นไปตามเกรฑ์ที่มหาวิทยาลัยกำหนด (ไปตอนม.5 - สอบเทียบ) ที่จริงแล้ว ตอนนั้นสอบติดมหาวิทยาลัยชื่อดังของประเทศด้วยนะครับ แต่เวลานั้นพี่ไม่ค่อยมีทางเลือก เพราะมหาวิทยาลัยที่เป็น International University ไม่ค่อยมีการเปิดสอน และพี่ประสงค์อย่างยิ่งที่จะไปศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยต่างประเทศ จึงเลือกเรียนที่ ABAC เป็นทางเลือกสุดท้าย เพื่อเรียนรู้ภาษาอังกฤษให้ดีก่อน เมื่อผ่านไป 5 ปี พี่ก็จบมาด้วยเกรดอันน้อยนิดนี่แหละครับ แต่ก็เป็นเบอร์1 ของเพื่อนๆในกลุ่มนั่นแหละ ที่นี้เวลาไปสมัครเรียนต่อต่างประเทศ กลับได้อภิสิทธิ์ในมหาวิทยาลัยที่เค้าว่ากันว่าดีทีสุดในสี่สิบอันดับแรกของโลกมาสองที่ โดยไม่ต้องแสดงผล IELTS แต่ที่เด็ดไปกว่านั้นคือ พี่ได้ 75% ของคะแนนเฉลี่ยทุกวิชา(ระดับ Distinction)ครับ พี่เรียนMaster of Commerce - Marketing พี่ก็ไม่รู้ว่า มหาวิทยาลัยมันง่ายหรือว่าอย่างไร แต่ใครๆก็บอกว่าเข้ายากและเรียนยาก พี่เรียนที่ UNSW ครับ ที่นี่เพื่อนๆคนไทยของพี่ที่มาจากมหาวิทยาลัยเบอร์หนึ่งและเอร์ต้นๆของประเทศที่จบมาด้วยเกรดดีกว่าพี่ ก็ต้องซูฮกให้พี่ละครับ เพราะเพื่อนๆได้กัน 50-65% เอง พี่ก็เลยสรุปว่า ABAC ก็ใช้ได้เหมือนกันนะ แต่ที่สำคัญที่สุดคือ พี่ไม่ต้องไปเรียนพวกวิชา คำนวณ หรือ บัญชี หรือ ฯลฯ ที่ไม่อยากเรียน พี่จึงเล่นแต่วิชา Marketing ท่าเดียว ปัจจุบัน พี่เลยเป็นอาจารย์ต๊อกต๋อยอยู่ที่วิทยาลัยเล็กๆในกรุงเทพแห่งหนึ่ง และที่วิทยาลัยเล็กๆแห่งนี้เพิ่งมีการแจกรางวัลอาจารย์ดีเด่นมา 2 ปี (เลือก1 คนจาก 83 คน) เด็ก ABAC ก็คว้าทั้งสองปี ซึ่งก็คือของพี่ไป 1 รางวัล ด้วยอนิงสงค์กรรมดีที่ก่อ พี่จึงได้เลื่อนเป็นหัวหน้าภาคที่หนุ่มที่สุดของวิทยาลัย แหมพี่นี่มันโชดดีจริงๆ พี่คงสรุปไม่ได้ที่ไหนดีกว่ากัน แต่น้องเข้าไปเรียนให้ได้ซักที่ แล้วทำเกรดให้ได้ 2.8 ขึ้นไป รับรองน้องเข้ามหาวิทยาลัย ที่ทางฝั่งอังกฤษว่า เป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่ดเป็นอันดับ 47 ของโลกโยไม่ต้องแสดง IELTS ได้ก็แล้วกัน นั่นคือ University of Queensland มหาวิทยาลัยเค้าประกาศมาอย่างนี้ เชื่อหล่อเถอะ จากคุณ : wong1976@hotmail.com (UNSW2000) - [ 8 ก.ย. 49 19:44:50 ]

ความคิดเห็นที่ 8 คืออย่างนี้ครับ พี่จบที่ ABAC นี่แหละครับ เกรดไม่ค่อยดีเลย ได้ 2.8 เองครับ จบ BBA (Marketing) พี่ก็ไม่รู้ว่ายากหรือเปล่า แต่พี่ทำสุดความสามารถแล้วครับ โดยเฉพาะคณิตศาสตร์ 2 ตัว พี่เรียนไป 6 รอบ (Withdraw ไปวิชาละ 2 รอบ) ที่สำคัญไม่สามารถจบได้ใน 4 ปีด้วยครับ อันเนื่องมาจากตอนสอบเข้า ภาษาอังกฤษและคณิตศาสตร์ไม่เป็นไปตามเกรฑ์ที่มหาวิทยาลัยกำหนด (ไปตอนม.5 - สอบเทียบ) ที่จริงแล้ว ตอนนั้นสอบติดมหาวิทยาลัยชื่อดังของประเทศด้วยนะครับ แต่เวลานั้นพี่ไม่ค่อยมีทางเลือก เพราะมหาวิทยาลัยที่เป็น International University ไม่ค่อยมีการเปิดสอน และพี่ประสงค์อย่างยิ่งที่จะไปศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยต่างประเทศ จึงเลือกเรียนที่ ABAC เป็นทางเลือกสุดท้าย เพื่อเรียนรู้ภาษาอังกฤษให้ดีก่อน เมื่อผ่านไป 5 ปี พี่ก็จบมาด้วยเกรดอันน้อยนิดนี่แหละครับ แต่ก็เป็นเบอร์1 ของเพื่อนๆในกลุ่มนั่นแหละ ที่นี้เวลาไปสมัครเรียนต่อต่างประเทศ กลับได้อภิสิทธิ์ในมหาวิทยาลัยที่เค้าว่ากันว่าดีทีสุดในสี่สิบอันดับแรกของโลกมาสองที่ โดยไม่ต้องแสดงผล IELTS แต่ที่เด็ดไปกว่านั้นคือ พี่ได้ 75% ของคะแนนเฉลี่ยทุกวิชา(ระดับ Distinction)ครับ พี่เรียนMaster of Commerce - Marketing พี่ก็ไม่รู้ว่า มหาวิทยาลัยมันง่ายหรือว่าอย่างไร แต่ใครๆก็บอกว่าเข้ายากและเรียนยาก พี่เรียนที่ UNSW ครับ ที่นี่เพื่อนๆคนไทยของพี่ที่มาจากมหาวิทยาลัยเบอร์หนึ่งและเอร์ต้นๆของประเทศที่จบมาด้วยเกรดดีกว่าพี่ ก็ต้องซูฮกให้พี่ละครับ เพราะเพื่อนๆได้กัน 50-65% เอง พี่ก็เลยสรุปว่า ABAC ก็ใช้ได้เหมือนกันนะ แต่ที่สำคัญที่สุดคือ พี่ไม่ต้องไปเรียนพวกวิชา คำนวณ หรือ บัญชี หรือ ฯลฯ ที่ไม่อยากเรียน พี่จึงเล่นแต่วิชา Marketing ท่าเดียว ปัจจุบัน พี่เลยเป็นอาจารย์ต๊อกต๋อยอยู่ที่วิทยาลัยเล็กๆในกรุงเทพแห่งหนึ่ง และที่วิทยาลัยเล็กๆแห่งนี้เพิ่งมีการแจกรางวัลอาจารย์ดีเด่นมา 2 ปี (เลือก1 คนจาก 83 คน) เด็ก ABAC ก็คว้าทั้งสองปี ซึ่งก็คือของพี่ไป 1 รางวัล ด้วยอนิงสงค์กรรมดีที่ก่อ พี่จึงได้เลื่อนเป็นหัวหน้าภาคที่หนุ่มที่สุดของวิทยาลัย แหมพี่นี่มันโชดดีจริงๆ พี่คงสรุปไม่ได้ที่ไหนดีกว่ากัน แต่น้องเข้าไปเรียนให้ได้ซักที่ แล้วทำเกรดให้ได้ 2.8 ขึ้นไป รับรองน้องเข้ามหาวิทยาลัย ที่ทางฝั่งอังกฤษว่า เป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่ดเป็นอันดับ 47 ของโลกโยไม่ต้องแสดง IELTS ได้ก็แล้วกัน นั่นคือ University of Queensland มหาวิทยาลัยเค้าประกาศมาอย่างนี้ เชื่อหล่อเถอะ จากคุณ : wong1976@hotmail.com (UNSW2000) - [ 8 ก.ย. 49 19:48:46 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ถ้าพิมพ์ผิดไปบ้าง ก็โทษทีครับ คือพิมพ์ภาษาไทยไม่คล่อง พิมพ์ภาษาอังกฤษไม่เป็น เหมือนพงกนักเรียนนอกที่ไปเรียนมาปีสองปี พูดภาษาไทยไม่ชัด พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ อย่างไงอย่างงั้นคร๊าบบบบบบบบบ จากคุณ : UNSW2000 - [ 8 ก.ย. 49 19:53:58 ]

ความคิดเห็นที่ 10 จริงเหรอ.. ที่ว่า UQ ให้ waive ผลภาษาจากคนที่จบ abac ผมอยู่ที่นี่มาปีกว่าๆ ละ ไม่เคยเจอเคสนี้เลย.. แม้แต่ direct entry เค้าก็ยังไม่มีเลย.. ให้สอบ IELTS ท่าเดียว จากคุณ : O_O (ซาลาเปาไส้เค็ม) - [ 8 ก.ย. 49 22:23:50 ]

ความคิดเห็นที่ 11 Certainly sure krub. Many of my junior , they graduated bachelor degree from the well known international university in Thailand can get in UQ by without provide IELTS score. I don't mention only ABAC students will have a priority to do such case......MUIC, TU, Chula students also get the same opportuniy. That's why I encourage who's been studying in such Univ. try hard to get GPA. more than 2.8, the brilliant side will be waiting for you guys, g' luck. P.S. One education agency claims the same thing as I do, the name is called "Insight consulting". Please visit www.insight.in.th, enjoy! จากคุณ : wong1976@hotmail.com (UNSW2000) - [ 9 ก.ย. 49 08:10:38 ]

ความคิดเห็นที่ 12 เพื่อนเราไม่ได้จบทั้ง MUIC กะ ABAC เค้าจบ แสตมฟอร์ดที่หัวหิน แต่เข้า WARWICK ได้ ตอนนี้ทำงานเป็นConsultant อยู่ 1 ใน Big4 จากคุณ : แล้วจะเอาไรวัดว่าที่ไหนดีกว่า - [ 9 ก.ย. 49 10:58:14 A:58.136.196.130 X: TicketID:101679 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ไม่ใช่แค่เวฟภาษา แต่เวฟวิชาที่เรียนด้วย ซึ่งหมายความว่าจะจบเร็วขึ้นด้วย เรียนเอแบคไม่ยากก็อาจจะจริง ถ้าเลือกเรียนคณะที่ไม่ยาก ผมก็จบมาจีพีเอ ต่ำกว่าพี่ข้างบนที่เรียนนิวเซ้าเวลลอีก ไม่อยากบอกว่าสองกว่า ๆ น้อยมาก ๆ แต่ข้อดีคือ เราไม่ต้องเรียนอังกฤษใหม่ เพราะฉะนั้น ขอย้ำว่า คนที่เรียน จุฬาอินเตอร์ ธรรมศาสตร์อินเตอร์ มหิดลอินเตอร์ และเอแบค สี่มหาวิทยาลัยนี้ คุณไม่ต้องไปเรียนหรือสอบไอเอ้ลอีกต่อไปแล้ว ใครชวนคุณไปเรียนไอเอ้ล แปลว่า เขากำลังหลอกเอาตังคุณ ภาษาอังกฤษระดับมหาวิทยาลัยปริญญาโทไม่ได้ยากขนาดนั้น กว่าจะผ่านภาษาก็ปาไปกี่แสนแล้ว เสียดายตังมาก ๆ กรณีหมายรวมถึงหลาย ๆ มหาวิทยาลัยในอังกฤษด้วย อย่าเพิ่งไปเชื่อใคร จนกว่ามหาวิทยาลัยจะบอกว่าไม่ได้ หลายเอเจ้นท์ได้ค่าคอมถ้าชวนเรียนภาษา มีหลายคนจีพีเอน้อย ๆ ก็ได้เรียนมหาวิทยาลัยดีดี ในอเมริกาด้วย แต่จะไม่บอกว่าใคร ผมก็เรียนที่นี่ เหมือนกัน ไม่มีปัญหาอะไร แต่กระนั้นก็อยากบอกทุกคนว่า มหาวิทยาลัยดีดีไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่างของชีวิต โลกเรายังมีอะไรมากมายกว่านั้น ใครเขาว่ามหาวิทยาลัยคุณแรงค์ต่ำก็อย่าไปสนใจมาก ทำตัวให้ดี แล้วชีวิตคุณก็ดีเองฯ จากคุณ : 1234 - [ 10 ก.ย. 49 18:08:42 A:202.74.178.118 X: TicketID:119711 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ความคิดเห็นที่ 10 จริงเหรอ.. ที่ว่า UQ ให้ waive ผลภาษาจากคนที่จบ abac ผมอยู่ที่นี่มาปีกว่าๆ ละ ไม่เคยเจอเคสนี้เลย.. แม้แต่ direct entry เค้าก็ยังไม่มีเลย.. ให้สอบ IELTS ท่าเดียว จากคุณ : O_O (ซาลาเปาไส้เค็ม) - [ 8 ก.ย. 49 22:23:50 ] เอาเคสผมไหม ผมยูซิดนีย์ จากคุณ : 1234 - [ 10 ก.ย. 49 18:11:40 A:202.74.178.118 X: TicketID:119711 ]

ความคิดเห็นที่ 15 wong1976@hotmail.com ดีใจ๊ ดีใจที่ได้เจอรุ่นพี่นะ ผมน่ะ ไม่ค่อยเจอเด็กเอแบคในกระทู้เลย นึกว่า เราเป็นชนกลุ่มน้อยของสังคม มหาวิทยาลัยก็เพิ่งเปิด ผมส่งเมลล์ไปนะ เผื่อพบปะสังสรรค์กัน คริ คริ จากคุณ : Oat - [ 10 ก.ย. 49 22:32:46 A:202.74.178.118 X: TicketID:119711 ]

ความคิดเห็นที่ 16 Australian national unviersity doesn't waive ka. they look to make sure ur english scores are good enough. they also look at ur toefl + ielts. + also agree. not matter what ur study just make the grades and u can get into a good uni ka. cheers จากคุณ : x muic / x anu - [ 12 ก.ย. 49 11:40:09 A:203.150.233.178 X: ]

ความคิดเห็นที่ 17 หวัดดีค่ะ มาช่วยแสดงความคิดเห็นนะคะ เราก็เพิ่งจบจากabacเหมือนกันคะ อยากจะบอกว่าตอนแรกอยากเข้าที่นี่มากคะ(เนื่องจากentไม่ติด55) แต่พอเข้ามาแล้วก็รู้สึกอยากออกมากเช่นกัน เนื่องจากโง่engมากๆค่ะ เข้ามาก็ต้องเรียนintensiveก่อนอ่ะคะ แล้วก็สอบว่าผ่านรึป่าว แต่โชคดีมากเลยคะ ผ่านทั้งMath&Eng ก็เลยไม่ต้องติดอารัย พอเรียนมาเรื่อยๆก็เริ่มปรับตัวได้คะ เรียนพิเศษบ้าง อ่านเองบ้าง ก็ไม่ได้ยากอย่างที่คิดเท่าไหร่ แต่ขอแค่ให้ทำงานส่ง เข้าเรียนอย่าให้หมดสิทธิ์สอบ(เที่ยวบ้างเป็นบางครั้ง อิอิ) ก็น่าจาจบได้อ่ะคะ ถ้าไม่ได้เรียนแบบว่าต้องเอาเกียรตินิยม อย่างเราก็จบมา2.9/3ปีครึ่ง ตอนนี้เลยรู้สึกดีใจมากคะที่เรียนจบจากที่นี่ได้ เนื่องจากได้ภาษา(ดีขึ้นกว่าเดิม แต่ไม่เก่งนะคะ) และสังคมที่กว้างขึ้น ตอนนี้ก็กำลังจะไปเรียนต่อที่ออสเตรเลียคะ กำลังดูๆมหาลัยอยู่ งัยก็ขอให้โชคดีนะคะ แต่ที่สำคัญเรียนที่ MUICหรือABACก็คงไม่ต่างกันมากหรอก(มั้ง) อาจแตกต่างกันที่สังคมนิดหน่อย ถ้าตั้งใจ เรียนก็น่าจะจบเหมือนกันคะ...โชคดีนะคะ...สู้ๆ จากคุณ : freshy99 (bewie) - [ 12 ก.ย. 49 18:49:38 ]

ความคิดเห็นที่ 18 BBA ของ MUIC อยู่อันดับ 2 ของเมืองไทย รองจาก ม. ธรรมศาสตร์ นะครับ จากคุณ : พี่ปี 4 (Chayakan) - [ 14 ก.ย. 49 21:17:29 ]

ความคิดเห็นที่ 19 คห18 เอาอะไรวัดเหรอว่าได้ที่2 เรายังไม่กล้าบอกเลยว่า BBA จุฬาดีกว่า MUIC เพราะยังไม่เคยเรียนทุกมหาลัย ต้องลองเรียนทุกมหาลัยถึงจะบอกได้ว่าอันไหนดีกว่ากันนะ จากคุณ : 55 - [ 15 ก.ย. 49 15:56:06 A:58.136.216.182 X: TicketID:101679 ]

ความคิดเห็นที่ 20 เราว่า การที่เข้าง่าย ออกยาก มันไม่เสมอไปอะคะ มันอยู่ที่เราเองคะ แต่ที่บอกว่า ต่อให้มีเงิน ก้อ ไม่ช่วยให้จบเร็วขึ้น อันนี้เราว่าจิงนะ เพราะ แต่ละที่ก้อเรียนยาก กันอะ โดยเฉพาะ muic เราไม่ได้เรียน bba คะ แต่เพื่อนเราเรียนอยู่ หืดขึ้นคอ เหมือนกันนะคะ ถ้าใครขยัน เราว่าคนนั้น ก้อจบเร็ว ใครขี้เกียจ คนนั้น ก้อจบช้า ส่วนที่ไหนดีก่า ก้อคงขึ้นอยู่กะความพอใจของผู้เรียนนะคะ ว่าเต็มใจที่จะเรียนที่ไหนนะคะ อันนี้บอกไมได้เหมือนกัน เพราะ เรายังเอาตัวเองไม่รอดเลยอะคะ เราก้อเรียนช้าแบบ จขกท นะคะ เราอยู่ปีสามเอง แต่เพื่อนเราปี สี่แล้ว เพราะ ฉะนั้น สู้ๆคะ เราจะบอก ว่าเหตุผล การตัดสินใจเลือก ที่เรียนของเรา คือ อยู่ใกล้ บ้านคะ เหตุผลน่าเกลียดมากๆคะ ถ้าบ้านเราอยู่ ใกล้ เอแบค เราก้อเลือกเอแบค คะ แต่นี่บ้านเราอยู้ใกล้ muic เราก้อเลยเรียนที่นี่ ง่ายมะคะ อย่าคิดมากคะ เอาที่เราพอใจนะคะ จากคุณ : จะจะ (galgerchose) - [ วันปิยมหาราช 18:51:02 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ปัญหาคุณไม่ได้อยู่ที่ที่เรียนหรอก ปัญหาคุณอยู่ที่ตัวเอง คิดจะเรียน บริหาร ตัดสินใจต้องรวดเร็ว รู้จักตอบสนองความต้องการตัวเองให้ได้ก่อน หัวใจ management คือ Run business at speed of thought เรียนที่ไหนไม่สำคัญ สำคัญที่ว่าเรียนแล้วได้ประสบการณ์มามากน้อยแค่ไหน คุณเห็นความสำคัญจากการเรียนรู้จากโลกใบเบี้ยวๆ นี้ กับห้องเรียนสี่เหลี่ยมแคบๆ แตกต่างกันยังงัย ผมแนะนำว่า ใช้ชีวิตให้ง่ายที่สุด อย่ามองอะไรก้อเป็น ปัญหา มองอะไรเป็นอุปสรรค...เพราะอะไร? เพราะนั่นจะสร้างปัญหาในการตัดสินใจของคุณ ผมชอบแนวคิดฝรั่งอยู่อย่างนึง เค้าบอกว่า เค้าไม่ได้ต้องการคนเก่ง แต่เค้าต้องการคนที่ พัฒนาอยู่ตลอดเวลา ย้ำ..ว่าตลอดเวลา ฝากคำว่า dynamic ไว้ให้คุณติดตัวไว้ละกัน มันตอบคำถามในชีวิตได้หลายอย่าง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับคุณ โชคดีครับ จากคุณ : Lujax (Lujax) - [ 26 ต.ค. 49 19:54:36 ]