ความคิดเห็นที่ 1 จะ sue เพราะเสีย self น่ะ คงไม่ได้หรอกคับ แต่จะ sue เพราะเขา reject ก็คงไม่ได้อีก เพราะเขามีวิธีการของเขา มีเกณฑ์ของเขาแหละคับ จากคุณ : จะว่าไปแล้ว - [ 5 ต.ค. 49 13:43:38 ]

ความคิดเห็นที่ 2 จะ sue ฐานอะไรล่ะครับ breach of contrat ก็ไม่ได้ เพราะ สถานทูตก็ไม่ได้มี obligation อะไรกับเรา ที่ต้องออกวีซ่าให้ Tort ก็ไม่ได้ เพราะแทบหา duty of care ไม่ได้เลย เว้นแต่ ลื่นล้มหัวแตกในห้องน้ำที่สถานทูต อาจจะพอมีหวังนะครับ แก้ไขเมื่อ 05 ต.ค. 49 14:42:09 จากคุณ : praphrut608 - [ 5 ต.ค. 49 14:39:57 ]

ความคิดเห็นที่ 3 http://www.thaijustice.com/webboard.asp?sub=0&id=331766 ^ ^ ^ ลองดูกระทู้นี้นะครับ จากคุณ : Esprite - [ 5 ต.ค. 49 14:57:08 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ^ ^ ^ ตอนนี้อาจจะยังเข้าไม่ได้ ต้องรอประมาณกลางคืน ลองเข้าใหม่อีกครั้งนะครับ จากคุณ : Esprite - [ 5 ต.ค. 49 14:58:36 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เจ้าพนักงานสถานฑูตอเมริกาปฏิเสธวีซ่าตอนเราไปขอวีซ่าท่องเที่ยว ถือว่าเป็นคำสั่งทางปกครองหรือเปล่าครับ ? แล้วกรณีแบบนี้จะฟ้องศาลปกครองได้หรือเปล่าครับ *ป.ล. มีหลักเกณฑ์ดูไหมครับ ว่าองค์กรไหนเป็นองค์กรฝ่ายปกครอง คำสั่งไหนเป็นคำสั่งทางปกครอง จากคุณ : ศริชัว - [14 ส.ค.49 19:15] ----------------- ความคิดเห็นที่  1 : เขามีเอกสิทธิ์ทางการทูตนะครับ จะฟ้องศาลโลกหรือครับ จากคุณ : ทะแนะ - [14 ส.ค.49 19:37]   ความคิดเห็นที่  2 : เอ แล้วเค้าเป็น "เจ้าหน้าที่" ในความหมายของกฎหมายปกครองของเราหรือคะ การจะให้วีซ่าหรือไม่ให้เป็นสิทธิของประเทศนั้นๆ ไม่ต้องมีเหตุผลในการปฎิเสธยังได้เลย จากคุณ : เอามาปนกันมั่วไปหมด - [14 ส.ค.49 20:43]   ความคิดเห็นที่  3 : "เอกสิทธิ์ทางการทูต" หมายความว่ายังไงครับ เหมือนเค้าเอาประเทศอเมริกามาตั้งไว้ในประเทศไทยแต่อยู่ในรูปของสถานทูตหรอครับ แล้วแบบนี้เค้าก็ไม่ต้องทำตามกฎหมายไทยหรอครับ จากคุณ : ... - [14 ส.ค.49 20:47]   ความคิดเห็นที่  4 : เขาจะอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้ใครเข้าประเทศเขาก็ได้เป็นเอกสิทธิทางการฑูตของแต่ละประเทศ ไม่เกี่ยวกับกฎหมายปกครอง เป็นเรื่องทางการฑูต จากคุณ : อย่าเอามาปนกัน - [14 ส.ค.49 21:24]   ความคิดเห็นที่  5 : รอ 3 เดือนแล้วไปยื่นใหม่สิ จากคุณ : วงวง - [14 ส.ค.49 22:06]   ความคิดเห็นที่  6 : เมื่อถูกปฏิเสธขอวีซาก็ต้องดูว่า เขาปฏิเสธเพราะอะไร ส่วนใหญ่มักจะแสดงสถานะทางการเงินที่เขาไม่พอใจ ไม่แน่ใจว่าไปแล้วจะกลับ หากจะยื่นใหม่ต้องหาหลักทรัพย์ หลักฐานที่แสดงว่าเรามีฐานะดีพอที่จะไม่ไปอยู่ถาวรที่อเมริกา ปกติหากถูกปฏิเสธครั้งแรกแล้ว ครั้งต่อไปขอยาก ระยะปีสองสามปีมานี่ขอวีซาเข้าอเมริกายากมาก ๆ ต้องเตรียมใจครับ จากคุณ : ผศ.เสนาะ เพียรธัญกรณ์ psanoh@hotmail.com - [15 ส.ค.49 00:29]   ความคิดเห็นที่  7 : ไม่ใช่ คำสั่งทางปกครอง ครับ ไม่ใช่ จนท.ของรัฐตามความหมายใน พรบ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง ด้วย และก็ไม่ใช่ เอกสิทธิทางการทูตด้วย เขาเรียกว่าประเทศนั้นมี เอกสิทธิ ที่จะให้ใครหรือ บุคคลใดหรือ กลุ่มบุคคลใด คณะใดให้เข้าเมืองของเขายังไงก็ได้โดยที่ไม่จำต้องมีเหตุผลประกอบยังได้เลย ประเทศไทยเรายังทำได้เลย ตาม พรบ.คนเข้าเมือง ต่อให้รวย มีเงินเยอะถ้าเขาไม่ให้เข้าก็คือเข้าไม่ได้ครับ การเข้าเมืองนั้น ถือ เป็นหลักสากล ทุกประเทศมีบูรณภาพแห่งดินแดนใครจะละเมิดมิได้ จากคุณ : ตม. - [15 ส.ค.49 00:56]   ความคิดเห็นที่  8 : ได้ความรู้ดีมากๆเลยครับ ใครช่วยให้ความรู้เรื่องสถานทูตกับการตกอยู่ภายใต้กฎหมายไทยจะดีมากเลยครับ จากคุณ : TTT - [15 ส.ค.49 04:54]   ความคิดเห็นที่  9 : เจ้าของกระทู้และความเห็นที่3 ไม่น่าจบนิติศาสตร์หรือรัฐศาสตร์นะครับ น่าจะศึกษาหาความรู้มากกว่านี้ถ้าคิดจะไปเรียนต่อต่างประเทศด้านนิติศาสตร์ 1.เจ้าหน้าที่สถานทูตไม่ใช่เจ้าพนักงานปกครองครับ เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐนั้นๆที่มาประจำในราชอาณาจักร 2.เจ้าหน้าที่ทางการทูตได้รับเอกสิทธิ์ทางการทูต (Under international law, diplomatic missions enjoy an extraterritorial status and thus, although remaining part of the host country's territory, they are exempt from local law.) 3.สถานทูตของรัฐใดถือเป็นเขตรัฐนั้น 4.visaคือเป็นเครื่องหมายแสดงการรับรองที่ประทับอยู่ในหนังสือเดินทางว่า หนังสือเดินทางฉบับนั้นได้รับการตรวจตราแล้ว ในกรณีที่ผู้ถือหนังสือดังกล่าวยื่นขอเดินทางเข้าไปในประเทศที่ให้การตรวจลงตรา และทุกอย่างถูกต้องจึงให้ผู้นั้นเดินทางไปยังประเทศดังกล่าวได้อนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยความสัมพันธ์ทางกงสุลได้บัญญัติไว้ในข้อ 5 ของวรรค D 5.พึงเข้าใจว่า แม้หนังสือเดินทางจะได้รับการตรวจลงตรา(visa)แล้วก็ตาม ก็มิได้เป็นการประกันร้อยเปอร์เซ็นต์ว่า ผู้ถือหนังสือนั้นจะได้รับการยินยอมให้เดินทางเข้าไปในรัฐที่ให้การตรวจลงตรา คือ เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองในรัฐนั้นอาจห้ามมิให้เข้าประเทศได้ ทั้ง ๆ ที่ได้รับการตรวจตราแล้วก็ตาม ศึกษาเพิ่มเติมได้ในอนุสัญญากรุงเวียนนา(Vienna Convention on Consular Relations และ Vienna Convention on Diplomatic Relations) จากคุณ : เด็กน้อย - [15 ส.ค.49 06:40]   ความคิดเห็นที่  10 : หลักกฎหมายระหว่างประเทศ ตามความเห็นที่ 9 ครับ หากสงสัยต่อว่าไอ้อนุสัญญามาใช้บังคับได้อย่างไร ไปดู พระราชบัญญัติว่าด้วยเอกสิทธิ์และความคุ้มกันทางการฑูต 2527 ส่วนเรื่องคำสั่งทางปกครอง ไปดูบทนิยามของกฎหมายว่าเป็นการใช้อำนาจตามกฎหมายของเจ้าพนักงานของรัฐอันกระทบสิทธิ กรณีนี้ ไม่ใช่เจ้าพนักงานตามกฎหมายไทย ไม่ใช่เป็นการใช้อำนาจตามกฎหมายไทย และไม่เป็นหน่วยงานของรัฐบาลไทย ไม่เข้ากฎหมายนี้ ครับ ถามต่อว่าฟ้องได้ไหม หากเสียหาย ฟ้องศาลไทยได้ แต่น่าเป็นคดีแพ่งสามัญเรื่องละเมิด ส่วนจะบังคับได้แค่ไหน ฟ้องใครได้บ้าง ไปดูเอกสิทธิและความคุ้มกันตามกฎหมายที่ว่าอีกทีหนึ่ง คดีอาญายังฟ้องเจ้าหน้าที่สถานทูตไม่ได้เลย แต่เขามีวิธีการทางการทูตดำเนินการอยู่ อย่าห่วง จากคุณ : เด็กกลาง - [15 ส.ค.49 11:50]   ความคิดเห็นที่  11 : เรียน คห ที่ 7 ท่าน ตม. ผมหมายถึงเจ้าหน้าที่สถานทูตมีเอกสิทธิที่จะไปฟ้องร้องเขาไม่ได้ ฉะนั้น ผมยังยืนยันว่าเขามีเอกสิทธิทางการทูต คห ที่9 ชัดเจนนะครับตามข้อ 1 และ 2 แลประเทศสหรัฐมีสิทธิที่จะอแนญาตหฟรือให้วีซ่าใครเข้าประเทศก็ได้หรือปฏิเสธก็ได้เป็นสิทธิ์ของประเทศนั้น ๆๆ นะครับ จากคุณ : ทะแนะ - [15 ส.ค.49 20:10]   ความคิดเห็นที่  12 : เรียน คห ที่ 7 ท่าน ตม. ผมหมายถึงเจ้าหน้าที่สถานทูตมีเอกสิทธิที่จะไปฟ้องร้องเขาไม่ได้ ฉะนั้น ผมยังยืนยันว่าเขามีเอกสิทธิทางการทูต คห ที่9 ชัดเจนนะครับตามข้อ 1 และ 2 แลประเทศสหรัฐมีสิทธิที่จะอแนญาตหฟรือให้วีซ่าใครเข้าประเทศก็ได้หรือปฏิเสธก็ได้เป็นสิทธิ์ของประเทศนั้น ๆๆ นะครับ จากคุณ : ทะแนะ - [15 ส.ค.49 20:10]   ความคิดเห็นที่  13 : การที่จะพิจารณาว่าการกระทำใดเป็นคำสั่งทางปกครองหรือไม่นั้น ดูบทนนิยามจากกฎหมายวิ.ปฏิบัติ ม. ๕ ครับ โดยมีข้อที่ต้องพิจารณาก่อนว่าเจ้าหน้าที่คนที่ปฏิเสธนั้นมีสถานะเป็น เจ้าหน้าที่ของรัฐตามความหมายในกฎหมายดังกล่าวหรือไม่ และต้องพิจารณาประกอบกันว่าการกระทำของเจ้าหน้าที่ดังกล่าวนั้นเป็นการกระทำในทางปกครอง(ที่เรียกว่าคำสั่งทางปกครอง)หรือไม่ โดยพิจารณาว่าการสั่งการของเจ้าหน้าที่นั้นเป็นการใช้อำนาจตามกฎหมายปกครองในทางใช้อำนาจบังคับเหนือเอกชนหรือไม่ แต่กฎหมายที่ว่านี้หมายถึง กฎหมายภายในประเทศเท่านั้นนะครับ หลักเกณฑ์จากกฎหมายที่เจ้าหน้าที่นำมาปฏิเสธนั้นหากเป็นหลักเกณฑ์จากกฎหมายของประเทศที่เจ้าหน้าที่ผู้นั้นสังกัดอยู่ย่อมไม่ใช่กฎหมายที่ให้อำนาจเจ้าหน้าที่ในทางปกครองตามความหมายของ กฎหมายวิ.ปฏิบัติ(กฎหมายปกครองภายในประเทศ) การที่เจ้าหน้าที่ปฏิเสธจึงไม่เข้าลักษณะเป็นคำสั่งทางปกครองได้เลยครับ ส่วนเหตุผลอีกด้านหนึ่งนั้นก็คงเป็นดั่งที่ความเห็นที่ ๔ และความเห็นที่ ๙ เสนอมานั่นแหละครับ.... จากคุณ : ขามทะเลสอ. - [16 ส.ค.49 09:04]   ความคิดเห็นที่  14 : สถานทูตอเมริกาและพนักงาน ไม่ใช่หน่วยงานของรัฐและพนักงานของรัฐ(รัฐไทย) ไม่อยู่ในเขตอำนาจศาลปกครอง จากคุณ : คนเรียนเนต์ทางไกล - [16 ส.ค.49 11:20]   ความคิดเห็นที่  15 : สุดยอดๆๆๆๆ จากคุณ : ttt - [16 ส.ค.49 18:37]   ความคิดเห็นที่  16 : 1สถานทูต ไม่ไช่หน่วยงานทางปกครอง จึงไม่สามารถถูกฟ้องที่ศาลปกครองได้ 2เจ้าหน้าที่สถานทูต ไม่ใช่ เจ้าหน้าที่ ในกฏหมายปกครอง ไม่สามรถถูกฟ้อง ที่ศาลปกครองได้ 3เจ้าหน้าที่ ออกคำสั่ง ไม่ให้วีซ่า ไม่ใช่คำสั่งทางปกครอง เพราะไม่ใช่ คำสั่งที่ออกโดยใช้อำนาจทางปกครอง คำสั่งไม่ให้วีซ่า จึงอุทธรต่อศาลปกครองไม่ได้ 4 สรุป การใช้ดุลพินิจ ไม่ออกวีซ่าให้แก่บุคคลใด บุคลลนั้นไม่สามารถ ฟ้องศาลปกครองได้ จากคุณ : แมวเหมียวตาโต - [17 ส.ค.49 12:12] แก้ไขเมื่อ 05 ต.ค. 49 15:04:37 จากคุณ : Esprite - [ 5 ต.ค. 49 15:02:21 ]

ความคิดเห็นที่ 6 อ่านข่าวที่เจ้าหน้าที่ ไม่ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของเวเนซูเอล่าเข้าประเทศไหมคะ คนระดับนั้นน่ะ เขาไม่ให้เข้าก็เข้าไม่ได้ สมัย รสช. หัวหน้าพรรคการเมืองพรรคหนึ่ง ที่จะต้องเป็นนายก เพราะได้เสียงข้างมาก สหรัฐอเมริกาไม่ให้เข้าประเทศค่ะ คนระดับนั้นถ้าเขาฟ้องได้ เขาคงทำให้เป็นเยี่ยงอย่างไปเล้ว แต่มันไม่มีสิทธิ์ที่จะทำมากกว่า บ้านเขาจะต้อนรับใครเป็นเรื่องของเขา แก้ไขเมื่อ 05 ต.ค. 49 19:00:18 จากคุณ : mrs.night owl - [ 5 ต.ค. 49 18:57:52 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เป็นกระทู้ที่ให้ความรู้มาก ๆ ครับแม้จะไม่มีผลประโยชน์อะไรในเชิงปฏิบัติ ขอบคุณผู้ริเริ่มดึงเอากระทู้มาลงที่นี่ เสริม คคห. ๖   มี "ผู้ใหญ่" ของไทยท่านหนึ่ง (เป็นท่านเดียวกับใน คคห ๖ หรือเปล่าไม่ขอเปิดเผย) เคยติดต่อสำนักงานทนายความในสหรัฐ สอบถามความเป็นไปได้ ที่จะฟ้อง ทางการสหรัฐ ที่มีชื่อท่านในบัญชีดำ ของบุคคลที่จะไม่ออกวีซ่าให้ ในที่สุดก็เลิกล้มความตั้งใจจะฟ้อง เพราะอะไร ไม่ขอพูดอีกเช่นกัน จากคุณ : นายคลิค - [ 5 ต.ค. 49 21:05:33 ]

ความคิดเห็นที่ 8 กระทู้นี้ให้ความรู้และอธิบายได้ชัดเจนมากค่ะ จากคุณ : BMW (BlackmagicW) - [ 5 ต.ค. 49 23:31:07 ]

ความคิดเห็นที่ 9 แต่ชาวไกลบ้านน่ะ ชอบ Susie(ขาใหญ่ของเรา) นะครับ อิอิ ง่า... มันเกี่ยวกันมั้ยล่ะเนี่ย แหม ขอบอกว่าไม่ได้ใหญ่แค่ขานะคะ ใหญ่ไปหมดแหละ อิอิ จากคุณ : Susie - [ 6 ต.ค. 49 09:32:57 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เอามาฝากให้อ่านกันนะคะว่าส่วนใหญ่แล้วสาเหตุที่ถูกปฏิเสธวีซ่านั้น เขาใช้อะไรเป็นเกณฑ์ (ไม่ใช่อารมณ์แน่นอนค่ะ)... "Section 214(b) is part of the Immigration and Nationality Act (INA). It states: Every alien shall be presumed to be an immigrant until he establishes to the satisfaction of the consular officer, at the time of application for admission, that he is entitled to a nonimmigrant status... To qualify for a visitor or student visa, an applicant must meet the requirements of sections 101(a)(15)(B) or (F) of the INA respectively. Failure to do so will result in a refusal of a visa under INA 214(b). The most frequent basis for such a refusal concerns the requirement that the prospective visitor or student possess a residence abroad he/she has no intention of abandoning. Applicants prove the existence of such residence by demonstrating that they have ties abroad that would compel them to leave the U.S. at the end of the temporary stay. The law places this burden of proof on the applicant." (DOS) การจะฟ้องร้องหรือร้องเรียนสามารถทำได้ "ถ้า" คุณสามารถพิสูจน์ได้ว่าคุณได้รับความไม่เป็นธรรม... จากคุณ : BMW (BlackmagicW) - [ 6 ต.ค. 49 23:07:43 ]