Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    ความเป็นอเมริกาทำให้เราเสียพี่สาวคนเดิมไปแล้ว......

    เรามีพี่สาวคนนึงไปอยู่อเมริกา 7-8 ปีได้แล้วค่ะ เขาไปตั้งแต่ม.5 ได้ทุน AFS ไปเรียนhigh school ที่นู่นหนึ่งปี เขาเป็นคนเรียนเก่งค่ะ เป็นนักเรียนดีเด่นมาตลอดตอนอยู่เมืองไทย พอไปเรียนที่เมืองนอกก็ยังเรียนเก่งกว่าเพื่อนฝรั่งด้วยกัน เมื่อเรียนจบแล้วกลับมาเมืองไทย เขาก็ทำเรื่องไปเรียนต่อปริญญาตรีทันที ตอนนั้นเราก็เด็กอยู่ไม่รู้เรื่องอะไร เห็นเขาตั้งใจจริงได้ไปเรียนเมืองนอกเราก็อยากเป็นอย่างเขาบ้าง......
    พอเราขึ้นม.ปลาย การเงินบ้านเราเริ่มหมุนไม่ทัน แม่ส่งเงินไปเป็นค่าเทอมและค่ากินอยู่ให้พี่สาวที่นู่นตกเทอมละหลายแสนบาท พี่สาวเราไปเรียนบริหารธุรกิจเพราะเขามีความฝันว่าอยากจะเป็นนักธุรกิจ แต่เขาก็เรียนได้แค่สองปี ก็บอกแม่ว่า ขอเขาเปลี่ยนแผนการเรียนไปเรียนด้านครุศาสตร์เพราะเรียนธุรกิจจบยาก หางานยาก แต่ถ้าเรียนครุศาสตร์จบแล้วเขาจะทำงานเป็นครูจะได้รับสิทธิพิเศษได้กรีนการ์ดง่ายขึ้น ซึ่งเขาก็ต้องเริ่มต้นเรียนใหม่ (ค่าเรียนที่จ่ายไปสองปีก่อนหน้านี้ก็สูญเปล่า) แม่เราก็จำใจหาเงินส่งไปให้เขาเรียน แม้จะต้องไปกู้เงินญาติๆก็ยอม พอเราเรียนจบม.6 เราอยากไปอยู่กับพี่สาวที่นู่น อยากไปเรียนป.ตรีที่นู่น เราตั้งใจสอบโทเฟิลจนผ่าน เตรียมตัวจะไปอยู่แล้ว เราสละสิทธิ์ไม่สอบโควต้า (อยู่ต่างจังหวัด) เพราะตั้งใจจะไปเรียนอเมริกาแน่ๆ แต่แล้วแม่ก็มาขอร้องให้เราเรียนต่อในเมืองไทยไปก่อน เพราะแม่ส่งค่าเทอมพี่สาวยังไม่ไหว (ตอนนั้นพี่สาวเรียนอยู่ปี 2 ) แม่บอกว่า ขอให้พี่สาวเรียนจบแล้วเขาทำงานที่นั่น จากนั้นถึงจะให้เราไปเรียนต่อโทที่นู่น พี่สาวก็จะได้ช่วยเราไปด้วย เราก็เลยต้องตัดใจ สอบเอ็นทรานซ์ (ซึ่งเหลือเวลาอีกแค่หนึ่งเดือน) และแล้วเราก็ได้เป็นลูกแม่โดม
    ช่วงระหว่างที่เราเรียนปริญญาตรีอยู่นั้น พี่สาวเราก็ยังเรียนไม่จบเพราะเขาเรียนไปทำงานพิเศษเป็นเด็กเสริฟไปด้วย แต่รายได้ก็ไม่พอกับค่าเทอม แม่เราก็ต้องช่วยส่งอยู่เรื่อยๆ จนพอเราเรียนจบ ป.ตรี เริ่มทำงานแล้ว พี่สาวก็ยังเรียนไม่จบ เราก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาเรียนจบช้ามากๆ เขาใช้เวลาตั้งหกปีกว่าจะจบปริญญาตรีได้ แล้วพอจบมาก็หางานทำไม่ได้ ยังเป็นเด็กเสริฟตามร้านอาหารเหมือนเดิม แม่เรียกและขอร้องให้เขากลับเมืองไทย เขาก็ไม่ยอมกลับ เราเคยไปเรียนภาษาที่นู่นช่วงนึง เราก็อยู่กับพี่สาวไม่ได้ ทะเลาะกันทุกวัน เรารู้สึกว่า นิสัยของเขาเปลี่ยนไปมากๆ ตอนนั้นเราจะเรียนต่อป.โทแล้ว แต่เราเห็นว่า แม่เราส่งเงินมาให้เรียนต่อไม่ไหวแน่ๆ จะให้เราทำงานพิเศษเก็บเงินไปเรื่อยๆก็ไม่รู้จะได้เรียนเมื่อไหร่ แถมวีซ่าที่มีก็เป็นวีซ่าเรียนภาษาแค่หกเดือน พี่สาวบอกว่าถ้าเราตั้งใจจริง เราก็ต้องทำงานเก็บเงินไปเรื่อยๆก่อน แต่เราไม่อยากเป็นโรบินฮู้ด เราบอกเขาว่า เรามาอเมริกาเพราะเราอยากเรียนต่อนะ ไม่ใช่มาเป็นเด็กเสริฟ ถ้าต้องอยู่ต่อไปโดยไม่รู้ว่าจะได้เรียนเมื่อไหร่เราขอกลับเมืองไทยดีกว่า พี่สาวเราก็โกรธใหญ่ เขาหาว่า เราไปดูถูกเขาที่เขาทำงานเป็นเด็กเสริฟ เขาได้ค่าแรงค่าทิป ยังมากกว่าคนทำงานประจำที่เมืองไทยหลายเท่า.....
    แล้วเราก็กลับเมืองไทย เราสงสารแม่ เราไม่อยากเป็นโรบินฮูด ถ้าจะอยู่เราก็จะอยู่อย่างถูกกฏหมาย เรากลับมาทำงานต่อที่เมืองไทย ช่วยงานที่บ้านบ้าง
    ช่วงสามสี่ปีที่ผ่านมา ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของบ้านเรามีปัญหาอย่างหนัก ต้องขายที่ทางเพื่อปิดหนี้เงินกู้ธนาคารและเงินกู้นอกระบบ ใหนจะเงินที่ยืมจากญาติๆที่แม่เราส่งไปให้พี่สาว เราพยายามทุกวิถีทางที่จะช่วยเหลือทางบ้าน เราเป็นที่รองรับอารมณ์ของแม่แทนพี่สาว แม่เราโทรไปหาพี่สาวขอร้องให้เขากลับมาช่วยงานที่บ้าน เขาก็ไม่ยอมกลับ เขาบอกว่า เขาอยู่ที่นั่นเขามีอนาคตที่ดีกว่า ชีวิตเขาอยู่ที่นั่น ถ้าให้เขากลับมาช่วยงานที่บ้านก็ต้องให้พี่น้องทุกคนลาออกมาช่วยงานแม่ด้วยเหมือนกัน เราเคยพูดกับพี่สาวว่า เพราะพี่สาวมาเรียนเมืองนอกแบบนี้ รู้บ้างหรือเปล่าว่าที่บ้านเดือดร้อนแค่ไหน ต้องมีหนี้สินมากมายก็เพราะส่งให้เขาเรียน เขาก็ด่าเรากลับว่า ทำไมต้องมาคิดว่าคนนี้ใช้มากคนนี้ใช้น้อย เรากับพี่น้องคนอื่นๆก็ใช้เงินทางบ้านเหมือนกัน ( แหม ค่าเทอมเราหนึ่งเทอม ไม่ถึงสองหมื่น ของเขาหนึ่งเทอม -3-4 แสนเนี่ยนะ เอาไปเปรียบไม่ได้เลยเหรอ)
    ตอนนี้เขามีแฟนเป็นฝรั่ง อายุเท่าแม่เรา แม่แฟนเขาเป็นเศรษฐี คบกันมานานแล้ว แต่ก็ไม่เห็นว่าจะแต่งงานเสียที แม่เราก็หวังว่าพี่สาวเราจะได้แต่งงาน จะได้กรีนการ์ดและอยู่อย่างสุขสบาย แต่ทุกวันนี้พี่สาวเราก็ยังไม่ได้แต่งงาน แม่ถามเรื่องนี้ทีไร พี่สาวเราก็โมโหทุกที
    เมื่อต้นปีที่ผ่านมา พ่อเราเสียกระทันหัน พี่สาวเราจะกลับมาแต่ก็ไม่ได้กลับมาไหว้ศพพ่อ เพราะตอนนั้นแฟนพี่สาวเราไม่สบาย แม่แฟนขอร้องไม่ให้พี่สาวเรากลับและบอกว่าจะชดเชยเงินให้ทางบ้านเราเองถ้าบ้านเราต้องการ และถ้าแฟนพี่สาวหายดีแล้วจะให้พี่สาวแต่งงานกับเขาทันที พี่สาวเราก็เลยไม่กลับ จนป่านนี้แล้ว แฟนเขาหายดีแล้วก็ไม่กลับ เรารู้สึกโมโหมากๆ เราไม่คิดที่จะให้อภัยเขาเลย ที่ผ่านมาเขาก็ทำให้แม่ร้องให้มาเยอะ ทำให้พวกเราต้องวิ่งหาเงินส่งให้เขา ต้องโดนญาติๆดูถูก ต้องถูกเจ้าหนี้ไล่ตาม แม่เราก็ยังหวังว่าสักวันพี่สาวเราจะได้แต่งงานกับผู้ชายคนนี้และได้มีสิทธิ์ในทรัพย์สินของทางนั้น แม่เราก็ยังพูดดีกับพี่สาว ชื่นชมเขาออกหน้าออกตา แต่พอทะเลาะกับพี่สาวทางโทรศัพท์ แม่เราก็ร้องให้ มาระบายอารมณ์กับเรา เมื่อก่อนเรารู้สึกน้อยใจมากๆ แต่ตอนนี้เราทำใจแล้ว ไม่ว่าจะเรื่องแม่หรือพี่สาว เราผิดหวังกับพี่สาวมากๆ ช่วงที่พ่อเราเสียใหม่ๆ เราต้องออกจากงานเพื่อไปดูแลแม่และจัดการงานศพ วิ่งหาเงินหยิบยื้มจากญาติๆมาจัดงาน แต่พี่สาวเราไม่ส่งเงินมาช่วยเลย แถมโทรมาสั่งนู่นนี่ว่าให้ทำแบบนั้นแบบนี้ หลังงานศพเสร็จแล้ว เราก็ยังอยู่ช่วยแม่ทำงานที่บ้าน เราไม่มีรายได้ พี่สาวเราก็บอกแม่ว่า เมื่อไหร่เราจะเลี้ยงตัวเองได้สักที จะอยู่เกาะแม่กินไปอีกนานแค่ไหน (เรางงมากๆ เพราะตอนพ่อเสียใหม่ๆ พี่ชายเราก็ทำงานอยู่ต่างจังหวัด เขามีครอบครัวแล้วและลางานมาไม่ได้ น้องชายเราก็เรียนป.ตรีอยุ่ที่รามฯ กำลังสอบอยู่ เราก็เลยเสียสละ มาอยู่ช่วยแม่)
    เราโมโหมากก็เลยกลับมาอยู่กรุงเทพ หางานใหม่ ไม่นานก็ได้งานที่ดี บริษัทที่ดี เงินเดือนดี เริ่มมีเงินเก็บ เลี้ยงตัวเองได้ เราส่งเงินไปให้แม่ทุกเดือน แม้จะไม่กี่พัน และช่วยแม่จ่ายหนี้บัตรเครดิตด้วย ในขณะที่พี่สาวเราเขาเคยว่าเรากับพี่น้องว่า ไม่เคยส่งเงินมาให้แม่ ชีวิตจะไม่เจริญหรอก ไม่เหมือนเขาที่ส่งมาให้แม่หลายหมื่นแล้ว
    แต่ทุกวันนี้เขาส่งให้แม่เดือนละหนึ่งหมื่นบาท แล้วก็โทรถามแม่ทุกครั้งว่าไปใช้จ่ายอะไรบ้าง เราส่งให้แม่ยังไม่เคยถามแม่สักคำ แม่เราก็โมโหพี่สาว ทำยังกับว่าแม่เราไปติดหนี้เขาอย่างนั้น....
    ทุกวันนี้เรารู้สึกอย่างเดียวว่า เราไม่สนใจพี่สาวเราแล้ว เขาจะเป็นยังไงก็แล้วแต่บุญแต่กรรม ต่อให้ชาตินี้ไม่ได้เจอหน้าเขาอีกเราก็ไม่รู้สึกรู้สาอะไร เพราะสิ่งที่เราแคร์คือ ชีวิตของเรา แม่ พี่น้องที่อยู่เมืองไทย และเก็บเงินสร้างฮวงซุ้ยให้พ่อเราที่จากไป (ตั้งแต่เสียก็ยังไม่ได้ทำให้เขา เพราะที่บ้านไม่มีเงินพอสร้าง)
    เราไม่รู้ว่าทำไมพี่สาวเราถึงอยากอยู่อเมริกามากจนถึงกับไม่กลับมาเมืองไทย ยอมอยู่อย่างผิดกฏหมายที่นู่น ที่ร้ายที่สุดคือ ไม่แม้แต่จะกลับมาไหว้ศพพ่อเลย....

    จากคุณ : mm - [ 26 พ.ย. 49 23:04:15 A:58.8.123.123 X: TicketID:106935 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom