Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    นักเรียนทุน ก.พ.: เมียฝรั่งใจดีกับผีพนัน

    หลังจากเขียนเล่าประสบการณ์เรื่องการเรียนแบบนักเรียนจ๋าไปแล้ว ผมขอแบ่งปันประสบการณ์เพิ่มเติมที่เกี่ยวกับคนบ้างนะครับ ในฐานะครู ผมบอกนักเรียนของผมเสมอว่าการไปเรียนต่างประเทศ เราจะได้ประโยชน์จากทักษะการพบปะเพื่อนมนุษย์มากที่สุด เพราะเราได้เรียนรู้ก็จากคนนี่เอง มูลค่าของมันสูงกว่าปริญญาใดๆทั้งสิ้น และในวันนี้ผมจะขออนุญาตเล่าเรื่องที่ประทับใจผมมากเรื่องหนึ่งซึ่งเป็นเรื่องของ คนล้วนๆครับ
    ..........................................................................

    นักเรียนไทยอย่างพวกเรา ส่วนใหญ่ก็มองหางานพิเศษทำกันเวลาไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ เพราะเรื่องเงินมันเรื่องใหญ่ใครก็รู้ พวกเราก็ต้องการช่วยเหลือทางบ้านไม่ต้องให้มาลำบากกับการส่งเสียเรา หรือบางคนสุดแสนจะรวยแต่พอเห็นเพื่อนๆไปทำงานพิเศษกัน โดยเฉพาะงานในร้านอาหารไทยกันก็เกิดลัทธิเอาอย่าง แหม! it's a เหงา นะครับ หากเราต้องอยู่บ้านแล้วเห็นเพื่อนๆไปทำงานกันหมด ก็ต้องขวนขวายกันน่าดู บางครั้งเราก็มาอวดทับกันอีกว่า เฮ้ยได้งานแล้วนะ

    ที่ออสเตรเลีย นั้นสมัยผมไปเรียน นักเรียนไทยก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไรกันมากส่วนใหญ่ก็มาแนวสู้ชีวิตกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีเพราะมันทำให้เรื่องราวของชีวิตพวกเรามี"สีสัน"กันเสมอ บางคนมาเหยียบแผ่นดินออสเตรเลียแค่สองวันก็ทำ resume  เตรียมไปเดินร่อนตามร้านอาหารไทย บางคนก็ Walk In เข้าไปตามร้านอาหารเองแล้วก็แนะนำตัวเองและของานเสร็จสรรพ เก่งมากน้อง++ ขอชื่นชมคนสู้แบบนี้

    แต่วิธีการที่ได้ผลมากที่สุดในการได้งานในร้านอาหารไทยก็คือ การฝากฝัง แหม สังคมไทยเรานี่ระบบอุปถัมภ์ช่างแพร่ขยายไปทั่วโลกจริงๆเลยนะครับ หากเรามีเพื่อนอยู่ที่ร้านหนึ่งแล้วอยากไปทำงานก็ให้เพื่อนฝากให้เลยครับ หรือบางคนก็ไปขอฝึก

    "พี่ขาหนูขอฝึกฟรี ไม่เอาตังค์ก็ได้ หนูอยากได้ประสบการณ์" หากมีคนมาแนวนี้ที่ร้าน เด็กเดิมๆในร้านจะนึกถึง ฉากในละคร All About Eve ตอนที่นางเอกขอมาฝึกงานแต่หวังจะแอบโค่นบัลลังก์เขียงทองของพวกเรา แล้วก็จะกันๆเด็กใหม่กันน่าดู
    ----------------------------------------------------------
    "เจ๊ครับ ตอนนี้พวกเราก็พอทำงานกันได้ ไม่ต้องเอาน้องเขามาหรอกครับ หากไม่ทันเดี๋ยวผมจะเร่งมือให้เร็วขึ้น" หนุ่มใหญ่คนนึงกล่าวกับเจ้าของร้านสาวไทย ในวันที่ผมไปสมัครทำงานร้านอาหาร และก็มองมาที่ผมแบบ mode โหดสุดๆ

    "แหม พอมีคนมาสมัคงานแกก็กลัวโดนลดวันใช่ไหมละไอ้โย ชั้นรู้ทันแกหรอก เจ๊แมวเอาเหอะ ร้านเรามันยุ่งมากนี่มันก็ใกล้คริสต์มาสนะ เอาน้องมาช่วยนะเจ๊" พี่อ้อย สาวผิวคล้ำ ร่างสูงใหญ่หน้าตาเป็นมิตร แอบยิ้มให้ผม ผมคิดว่าตอนนี้แอบมีคนลุ้นให้เราได้งานแล้ว

    แหม ผมเองก็ไม่ได้ซีเรียสอะไรมากกับงานนะครับ ไม่ไปเดินๆๆๆหางาน เหมือนเพื่อนบางคนที่มีคติประจำใจว่า ไม่ได้งาน ไม่เลิกเดิน ที่สำคัญผมเองคงยุ่งกับการเป็นนักศึกษาปริญญษโทในมหาวิทยาลัยด้วย (ตอนนั้นเรียนโทอยู่ครับ) แต่ได้งานก็ดีนะครับ จะได้มีเงินไปทำอะไรมากขึ้น

    จริงๆแล้วการเป็นนักเรียนทุน ก.พ. นั้นทางสำนักงาน ก.พ.ไม่อนุญาตให้นักเรียนทุนสามารถไปทำงานร้านอาหรหรืองานอะไรใดๆทั้งสิ้น เพราะเขาคาดหวังให้เราเรียนอย่างเดียวให้เต็มที่ ให้ดีที่สุด หากจับได้ถือว่านักเรียนคนนั้นทำผิดระเบียบทันที แต่ผมเชื่อว่ากว่าร้อยละ ๖๐ ของนักเรียนทุน ก.พ. ที่ผมรู้จักในตอนนั้น ก็ทำงานเสริมกันทั้งสิ้น เสริ์ฟบ้าง ผัดแกงบ้าง ล้างจานบ้าง ทำขนมบ้าง จริงๆแล้วไมเห็นแปลกเลย ผมว่าเป็นการดีซะอีก ที่ให้นักเรียน นักวิชาการได้เสริมภูมิชีวิตกับประสบการณ์หลายรูปแบบ และที่สำคัญได้เจอกับคนที่จะนำมาซึ่งประสบการณ์ที่เราจะไม่สามารถเจอได้ในตำราหรือมหาวิทยาลัยใดๆในโลก ก.พ. น่าจะคิดนอกกรอบบ้างนะครับ

    "เอ้อ เจ๊เห็นว่ามันก็ยุ่งๆนะ น้องมาทำงานกับเจ๊ก็ได้ แต่ไม่ต้องฟรีเฟรออะไรหรอก เดี๋ยวเจ๊ให้ค่ารถคืนละ ๔๐ เหรียญก่อนนะ พอคล่องๆเดี๋ยวจะขึ้นให้อีก นี่ถ้ายัยแอ๋มไม่ฝากมาเจ๊ไม่รับนะเนี่ย" ผมโชคดีที่ได้แอ๋มเพื่อนที่มหาวิทยาลัยที่ผมติววิชาสถิติให้ฝากงานที่นี่ให้กับผม

    "เรียกเจ๊ว่าเจ๊แมวก็ได้นะน้อง น้อละชื่ออะไร แล้วมาเริ่มงานพรุ่งนี้สี่โมงครึ่งได้ไหมจ๊ะ" เจ๊เจ้าของร้านแนะนำตัวแล้วยิ้มให้ผม  ผมก็พรีเซนต์ตัวสุดฤทธิ์ครับในวันนั้น สัญญากับเจ๊แมวว่ามาได้และจะรีบมาแล้วก็เกทับว่าเคยทำงานร้านอาหารมาบ้าง แหมแต่นั้นมันเล่นๆกับเพื่อนที่กรุงเทพนะครับ

    "เดี๋ยวพรุ่งนี้มาทำงานแล้วเจ๊จะแนะนำให้รู้จักคนในร้านนะ เราอยู่กันมาแบบพี่แบบน้องนะจ๊ะ"

    ผมกวาดสายตามองรอบ "ร้านนารายณ์ไทย" ร้านอาหารเล็กๆประมาน 15 โต๊ะ ในเขตย่านผู้ดีมีเงินของออสเตรเลีย ร้านอาหารไทยแห่งแรกที่ผมจะได้เริ่มเป็นเด็กร้านอาหารเหมือนที่ใครๆเคยบอกว่าอยู่เมืองนอกต้องทำงานร้านอาหารไทย เหมือนกับหนังไทยที่ผมเคยดูเช่นพริกขี้หนูกับหมูแฮม  เหมือนกับที่คนหลายคนคาดหวังว่าจะต้องได้มาทำ เอาแล้วชีวิตบทใหม่กำลังก้าวเข้ามาอีกครั้ง
    ................................................................

    จากคุณ : Dr.Art - [ 1 ธ.ค. 49 10:36:11 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom