ความคิดเห็นที่ 1 การตั้งเกณฑ์การรับสมัครในเวปไซต์มันก็เหมือน Marketing อะครับ ทำให้ของมีคุณภาพมากขึ้น น่าสนใจมากขึ้น ถ้าคุณเป็นคนที่เรียนเก่งมีผลการเรียนดี คุณอยากเข้ามหาลัยไหนมากกว่ากันระหว่างมหาลัยที่มี requirement 2:1 กับ 2:2 แน่นอนครับ คุณต้องมีแนวโน้มที่จะเลือก 2:2 เพราะมันต้องดูดี มี value เหมาะกับเกรดอย่างคน ดังนั้นเป็นแค่กลยุทธ์ ของมหาลัยที่อยากได้ คนเกรดเยอะเป็นธรรมดา แต่ว่ามหาลัย มันเขียนไว้ไม่ใช่ หรอ แต่ในมุมมองกลับกัน ถ้าผมเป็น admission แล้วตั้งเกณฑ์ไว้ระดับสูงๆ จิงๆ นะ ถ้ามีไอ้เด็กบ้าที่ไหน ได้ 2 กว่า มาสมัครกับผม ผมก็ว่ามันน่าสนใจดีนะครับ ดูไอ้เด็กคนนี้มันกล้าดี มีแวว ยิ่งถ้าเอกสารประกอบมันเยี่ยมนะผมปล่อยผ่านชัวร์ หรือว่าคุณว่าไม่จิงๆ มหาลัยที่อังกฤษมันเป็นธุรกิจส่วนนึงด้วยนะ คุณลองพิจารณาจาก ค่าเทอมของมหาลัยสิ แตกต่างกันมากๆ บางที่คุณเรียนโทได้ 2-3 ใบของอีกทีนึง ลองคิดสิครับ จาก Demand กับ Supply Law ถ้าราคาสินค้าถูก คุณภาพ ok คนน่าจะแย่งกันซื้อๆ ตามหลักธรรมชาติ ดังนั้นปริมาณ Q ของคนที่สมัคร U ระดับกลางๆหรือค่อนข้างสูง ของอังกฤษ ซึ่งค่าเรียนเพียงแค่ 10000 กว่าๆ เปรียบเทียบกับ U ที่สูงๆ ค่าเรียน เกือบ 20000 หรือ 20000 กว่าๆ (อันนี้ผมไม่รวม MBA นะครับมันราคาอีกแบบนึง) คนสมัครย่อมน้อยกว่าอยู่แล้วครับๆ ดังนั้น ตามหลักความน่าจะเป็น คุณก็มีสิทธิ์อยู่พอสมควรในการได้รับ คัดเลือก ถ้าผมสามารถ write equation เปอร์เซนต์สำเร็จในการตอบรับ จากมหาลัย กับ factor ที่มีผล น่าจะเขียนออกมาในสูตร Linear Regression (Econometrics) Q=B1+(0.4)(เกรด)+(0.2)Reference+(0.2)Englishtest+(0.2)Statement&Experience&Aspiration+ E เมื่อ E เป็น factor อื่นๆ ที่มีผลต่อเปอร์เซนต์ในการตอบรับอื่นๆที่ยังไม่ชัดเจน สมการนี้ผมคิดว่าน่าจะ work นะครับ ถ้าจากสมการนี้ผมยังให้ gpa เป็นค่าน้ำหนักที่ค่อนค้างสูงนะครับมากกว่าปัจจัยอื่น 2 เท่าแต่อย่างไรก็ตามถ้า factor อื่นประสบความสำเร็จ นั่นหมายความว่า คุณได้เก็บ factor นั้นไปเกือบ 60% เต็มๆ นั่นหมายถึง เมื่อคุณยังรวมกับคะแนนที่ได้จาก gpa เข้าไปคุณก็ยังมีโอกาสสูงมากที่จะได้ตอบรับ หรือยังไม่พอ จะ เอาทฤษฏี Action = Abs(Reaction) แม้จะไม่ตรงทฤษดีเท่าไหร่ แต่มันก็น่าจะอธิบายได้ว่า ปริมาณแรงกระตุ้น แรงผลักดันของคุณต่อสถาบันนั้นๆ คุณผลักมันลงไปในใบสมัครของคุณโดยการเขียน SOP แล้วขออาจารย์เขียน recommend โดยระบุชื่อ U ลงไป ดังนั้นมหาลัยจะมานั่งอ่านก็จะเกิด แรง Reaction แรงที่มหาลัยสนใจเด็กคนนั้นๆ ในอัตราที่เท่าๆกัน (จิงๆ ไม่เท่าหรอกครับอาจจะมีพลังงานสูญหายไปจากการส่ง post ไกลๆ555) ดังนั้นมันก็คงหลงเยอะละน้า แรงนั้นเหมือนกับโมเลกุลของไหล ที่ส่งผ่านต่อไปยัง admission tutors ซึ่งร่วมกันตัดสินใจหลายคน อย่างช้าๆ เนื่องจากเป็นการกระจายโมเลกุลแบบการแพร่ Diffusion เมื่อถึงจุด Equilibrium ทุกคนจะได้รับความทราบซึ้งตรึงใจในใบสมัครของคุณอย่างๆเท่าๆกัน และเห็นพร้อมต้องกันในการออกใบตอบรับ offer ของคุณในที่สุด ถึงแม้ผมจะเพ้อเจ้อไปหน่อยครับ อยากให้คนที่เกรดน้อยๆได้เดินทางตามฝันของตน เป็นคนตัดสินใจเลือก ด้วยตัวคนเอง ไม่ใช่ให้สิ่งๆ นึงมา ครอบงำชีวิตและเปลี่ยนการตัดสินใจของคุณ จากคุณ : เกรดน้อย - [ 8 ธ.ค. 49 01:14:19 A:131.227.230.253 X: ]

ความคิดเห็นที่ 2 เนื้อเรื่องน่าอ่านมาก แต่อ่านยากจังค่ะ ได้โปรดเคาะบรรทัด เคาะพารากราฟด้วยเถิดนะคะ พลีสสส จากคุณ : RUBIS - [ 8 ธ.ค. 49 01:16:39 ]

ความคิดเห็นที่ 3 โทดทีครับ พิมพ์ผิด ต้องเป็น "คุณต้องมีแนวโน้มที่จะเลือก 2:1 เพราะมันต้องดูดี มี value เหมาะกับเกรดอย่างคุณ" ใช่ลืมประเด็นเรื่องค่าพิจารณาใบสมัครด้วยครับ มันทำให้ดูมีคุณค่ามากขึ้น ดังนั้น Demand ยิ่งจะตกลงไปอีก - - ดังนั้นจ่ายไปเลยครับ มันเข้าถึงยากครับ คนบางคนเกรด โอเคๆ ยังไม่กล้าสมัครเลยครับ 555 จังหวะดีแบบนี้ต้องรีบเสียบครับ จากคุณ : เกรดน้อย - [ 8 ธ.ค. 49 01:42:19 A:131.227.230.253 X: ]

ความคิดเห็นที่ 4 อยากเป็นกระทู้แนะนำรึเปล่าคะเนี่ย เราว่าคุณมองมหาวิทยาลัยแค่ชื่อเสียงมากเิกินไปนะ บางมหาลัยถึงไม่ติดท็อป 50 แต่ในบางสาขาเขาอาจจะแข็งก็ได้ จริงอยู่ที่เอเจนซี่บางทีก็เชื่อไม่ได้ แต่ไม่อยากให้คนที่เรียนนอกคิดแต่ว่าจบจากไหน มหาลัยไหน แต่อยากให้ดูที่คุณภาพมากกว่าว่าจบมาแล้วมี "กึ๋น" แค่ไหน เราเองจบ honour คณะอินเตอร์จากมธ. ไอเอลเกิน requirement อย่างสบายๆ ประสบการณ์ทำงานสองปีในบริษัทใหญ่เห่งหนึ่ง เคยเรียนที่อเมริกา เราคิดว่าถ้าจะเข้ายูท็อปคงไม่ยากเกินไป แต่เราก็ไม่เอา เพราะเขาไม่มีวิชาที่เราอยากเรียน เราเลยไปเข้ายูซึ่งแรงค์เกือบที่ร้อยในปีนั้น แต่เราก็พอใจที่ได้เรียนที่นั่น ตอนนั้นแม่เราก็ไม่เห็นด้วยว่าทำไมเราไม่เข้ายูท็อปเท็น แต่เราก็อธิบายเหตุผลของเราไป สรุปแล้วดูที่ว่าจบมาแล้วเป็นยังไงดีกว่าค่ะ นั่นคือสิ่งที่สำคัญที่สุดเวลาคุณจะไปสมัครงาน หรือเวลาทำงานจริงๆ บางคนเก่งแต่ในห้องเรียน แต่นอกห้องเอาความรู้มาแอพพลายไม่ได้มันก็เท่านั้น จากคุณ : อยากอธิบาย - [ 8 ธ.ค. 49 01:43:13 A:148.197.141.116 X: TicketID:095710 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เชื่อจริงๆแหละค่ะว่าไม่ได้เข้ายากเข้าเย็นอย่างที่หลายๆคนกลัว  เราคิดว่าส่วนหนึ่งมันก็ขึ้นอยู่กับการพรีเซ้นต์ตัวเองด้วย แต่การเรียนให้จบ ไม่ง่ายแน่นอนค่ะ จากคุณ : pervpanda - [ 8 ธ.ค. 49 01:58:51 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ไม่เคยเชื่อพวก agent เลย เพราะเขาได้เงินมาจากมหาลัยอีกทีนึง แล้วมหาลัยพวกนี้ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยมีคนอยากไปเรียน เลยต้องมี agent ไงคับ พวก U  top  เขาไม่ต้องมี agent หรอกเพราะมีแต่คนอยากเรียนอยู่แล้ว จากคุณ : หน้าอ่อนใส่แว่น - [ 8 ธ.ค. 49 04:14:37 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เคนได้ยินว่ามหาลัยดังดังของอังกฤษ  เข้าง่ายกว่าพวกดังดังของอเมกาครับ เขาว่ากันว่า Oxford Cambridge เข้าง่ายกว่าพวก Havard MIT Stanford Berkeley Princeton Yale จากคุณ : volta - [ 8 ธ.ค. 49 04:42:15 ]

ความคิดเห็นที่ 8 น่าสนใจครับ   แต่พิมพ์เว้นวรรค  เว้นบรรทัดหน่อยดีกว่าครับ   แบบนี้อ่านยากมากๆ   ตาลายยยยยยยยยย จากคุณ : ซอร์บอนน์ - [ 8 ธ.ค. 49 05:52:29 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ผมไม่ค่อยเข้าใจพวก agency เหมือนกันนะ ว่าทำไมเขาต้องไม่ยอมสมัครให้เด็กที่ได้คะแนนไม่ค่อยดีด้วย น่าจะลองช่วย หรือว่ามันเกี่ยวกับธุรกิจก็ไม่ทราบ เพื่อนผมก็มีแบบนี้แหละ ไปติดต่อที่ไหนเขาก็บอกว่าเข้าไม่ไ้ด้ ๆ (ประมาณ 2.7 มธ) ต้อง 3 ขึ้น ผมก็เลยให้มันสมัครเองเลย ก็เข้าได้ ทำเองดีกว่าครับ ไม่ก็ไปหักคอเอเจนซี่เลย ไม่ทำให้ก็ไม่ใช้บริการต่อไป เรื่องอังกฤษก็เข้าง่ายกว่าจริง ๆ นั้นแหละครับ ตามหลักการ demand supply มหาลัยเขาเปิดรับเด็กเยอะกว่า คนสมัครน้อยกว่า เรียนก็ต้องเสียเงินเอง ขณะที่อเมริกาเรียนฟรี มีเงินให้ ต้องสมัครแข่งขันกับคนทั่วโลก ทรัพยากรทางการศึกษาก็ยังต่างกันพอสมควร ที่สำคัญคือตลาดงานหลังจบการศึกษา คนจบจากอเมริกาสามารถหางานทำในอเมริกา ได้มากกว่าคนจบจากอังกฤษครับ โดยเฉพาะในสาขาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ คอมพิวเตอร์ ยังเป็นตลาดที่ดีสำหรับผู้จบการศึกษา ไม่ว่าจะเป็นต่างชาติ หรืออเมริกัน ก็ตาม ไม่ได้ต่างกันมาก  ดังนั้นโดยรวม ๆ แล้ว คนจึงต้องการสมัครเข้าเรียนมหาวิทยาลัยชั้นนำในอเมริกามากกว่า แต่โรงเรียนในอังกฤษ ถึงจะเข้าง่ายแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเรียนง่ายนะ เชื่อว่าเขามีมาตรฐานสูงทีเดียว (อาจจะจบยากกว่าอเมริกาด้วย เท่าที่สัมผัสคนจบอังกฤษมาคุณภาพงานดีนะ เขาจะมีความสามารถในการเรียนรู้ด้วยตัวเองมากกว่า อเมริกาจะติดกับการเรียนแบบป้อนอยู่) แก้ไขเมื่อ 09 ธ.ค. 49 01:52:48 จากคุณ : B.F.Pinkerton - [ 8 ธ.ค. 49 06:28:09 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เห็นด้วยโดยรวมครับ... เอเจนซี่นี่เชื่อมากไม่ได้ มหาลัยไม่ดังให้ส่วนแบ่ง (ค่าเทอมและค่าหอ) เอเจนซี่เยอะกว่า.. เอเจนซี่ก็เลยมักจะไล่เด็กไปสมัคร U รองๆ อีกอย่างนึง ในสาขากว้างๆ รับเยอะๆ อย่าง business อะไรก็เป็นไปได้... ถ้าคนสมัครไม่เยอะกว่าจำนวนที่มหาลัยรับมากนัก คะแนนไม่ถึงเกณฑ์ก็มีโอกาส ถ้ามีที่เหลือ แต่ในบางสาขาแคบๆ มีคนสมัครล้นกว่าจำนวนที่รับได้ 4-5 เท่าเป็นปกติ บางแห่งมีที่ 200 สมัครมา 1000-2000 คน คนที่โปรไฟล์เหนือกว่าที่กำหนดไว้ ก็ไม่ใช่ว่าจะได้ง่ายๆ ถ้าหากคุณอยู่ในวงการนั้น และติดตามผลสักสองสามปี คุณก็จะเดาได้ถูกกว่า 80% ว่าโปรไฟล์แบบนี้น่าจะได้ที่ไหน ไม่ค่อยพลาด อาจมีหลุดโผไปบ้าง.. แต่ส่วนใหญ่ก็จะไปรู้กันทีหลังว่า ที่หลุดโผเพราะมีอะไรพิเศษกว่าชาวบ้านเขา... ไม่จัดเป็นเคสปกติ ผมว่ามันแล้วแต่สาขามากกว่า บางสาขาก็เป็นอย่างที่จขกท. บอก แต่บางสาขาถ้าไม่เจ๋งจริง ก็เข้าไม่ได้หรอก... แก้ไขเมื่อ 08 ธ.ค. 49 06:55:04 แก้ไขเมื่อ 08 ธ.ค. 49 06:49:42 จากคุณ : Lawเก้อ - [ 8 ธ.ค. 49 06:46:42 ]

ความคิดเห็นที่ 11 -ต้องเข้าใจว่า  agency พวกนี้ได้ผลตอบแทนทั้งสองด้านทั้งจากตัวนักเรียนในรูปแบบค่าดำเนินการ  และจากมหาวิทยาลัยในรูปแบบค่านายหน้า -ยูที่มีชื่อเสียงก็คงไม่ได้ให้ค่านายหน้าเขามังครับ จากคุณ : GTi 16V - [ 8 ธ.ค. 49 06:57:51 ]

ความคิดเห็นที่ 12 เห็นด้วยในหลักการครับ แต่หลายๆจุด ผมไม่เห็นด้วยในรายละเอียด จากคุณ : ช่างไฟ - [ 8 ธ.ค. 49 07:56:44 ]

ความคิดเห็นที่ 13 เห็นด้วยกับคุณเจ้าของกระทู้ครับ ว่าอย่าเชื่อ agency มาก ติดต่อสมัครเองจะดีกว่า แต่บาง point ไม่เป็นจริงเสมอไปครับ ในบางสาขา เรื่องเกรดมาเป็นอันดับหนึ่งเลยครับ ไม่ถึงก็ไม่พิจารณา ในสาขา business มันมีปัจจัยแวดล้อมอื่น ๆ มาทดแทนเรื่องเกรดได้ แต่มันใช้ไม่ได้กับทุกสาขาครับ แนะนำให้คนที่จะสมัครเรียนที่อังกฤษเข้ามาอ่านที่เจ้าของกระทู้เขียน จะได้มุมมองอะไรดี ๆ ครับ จากคุณ : Tony Almeida - [ 8 ธ.ค. 49 09:35:34 ]

ความคิดเห็นที่ 14 เอ...อ่านแล้วชักสงสัยครับ อย่างงี้ ถ้าจะสมัครเข้ามหาลัย A การสมัครผ่านเอเจ่นกับสมัครเอง อันนี้ผลลัพธ์จะต่างกันไหม แบบว่า สมัครเอง มีเปอร์เซนต์ได้มากกว่าเอเจ่าน หรือ เปอร์เซนต์การตอบรับไม่แตกต่างครับ จากคุณ : เกี๊ยวหมี่แห้ง - [ 8 ธ.ค. 49 11:36:30 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ความเห็น 14 เท่าที่ทราบนะคะ agency เค้าจะได้percent จากนักเรียนที่ได้ตอบรับและเข้าไปเรียนในยูนั้นๆ ดังนั้น agency ก็น่าจะพยายามผลักดันให้เราสมัครในยู่ที่มีความเป็นไปได้สูงๆหน่อยว่าเราจะเข้าได้แน่ๆ ส่วนเรื่องการพิจารณา ก็ไม่น่าจะแตกต่างนะคะ คิดว่าน่าจะเป็นอย่างนั้น จากคุณ : aspiration - [ 8 ธ.ค. 49 12:43:38 A:24.136.28.152 X: TicketID:102388 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ^ ^^ ขอบคุณ คคห 14 นะครับ ถ้าอย่างงี้ ถ้ายูไหนไม่ได้ให้เอเจนซี่นั้น เป็นตัวแทน เราก็ไม่ควรสมัครยูดังกล่าวผ่านเอเจนซี่นั้นใช่ไหมครับ เพราะเค้าอาจจะไม่ช่วยผลักดันเต็มที่ เพราะเค้าจะไม่ได้เปอร์เซนต์จากยูนั้นเลย เนื่องจากเค้าไม่ได้เป็นตัวแทน จากคุณ : เกี๊ยวหมี่แห้ง - [ 8 ธ.ค. 49 13:21:23 ]

ความคิดเห็นที่ 17 เพราะคุณจบ วิศวะ แต่ไปเข้า management หรือเปล่าครับ ? เกรดจึงไม่ค่อยสำคัญ จากคุณ : คุณชินโซ - [ 8 ธ.ค. 49 13:39:31 ]

ความคิดเห็นที่ 18 เพื่อนบ้านเคยทำอยู่เอเจนซี่แบบนี้ล่ะ เขาบอกเราว่า ไม่ว่าเกรดจะมายังไง เขาก็จะเชียร์แต่ Uni สังกัดเขา เขาจะพยายามโน้มน้าว เพราะได้ % ต่อหัว เยอะมาก พวกเอเจนซี่นี่กำไรเห็นๆ นะ high return บางที่ไม่มี fee เลย ส่งเอกสาร FedEx, DHL ให้ฟรี นี่เพราะเขาได้จากนักเรียนมากกว่าแค่ค่า post หรือ fee อื่นๆ อย่างของ Australia ส่วนใหญ่จะมีเอเจนซี่ทั้งนั้น เว้นบางที่ดังๆ ที่ไม่รับนักเรียนเยอะ หรือนักเรียนส่วนใหญ่มาเรียนโดยทุนการศึกษาน่ะ แม้แต่ education fair เขายังไม่ร่วมเลย จะมาก็แต่ language school ของ Uni ที่พอหาเงินเข้าได้ จากคุณ : . - [ 8 ธ.ค. 49 13:45:14 A:68.167.88.162 X: ]

ความคิดเห็นที่ 19 ต่อจากความเห็นที่ 14 ค่ะ อย่างงี้ก้อเริ่มแอบสงสัยเหมือนกันแล้วว่า ถ้าหากเราบังคับให้เค้ายื่นยูดังๆ ที่เราต้องการ แต่เปอร์เซ็นต์ที่ได้อาจน้อยกว่ายูรองๆ อื่นๆ ที่เราจะได้ชัวร์ แล้วอย่างงี้ agency เค้าจะช่วยเราผลักดันมั้ยน้า จากคุณ : อมยิ้ม - [ 8 ธ.ค. 49 13:53:51 A:161.200.255.163 X: ]

ความคิดเห็นที่ 20 ^ ^^ นั่นน่ะสิ ผมก็เริ่มสงสัยแบบที่คุณอมยิ้มว่าเหมือนกัน เพราะเค้าอาจจะดันให้เราได้ยูระดับรองลงมา แทนที่จะดันให้เราได้ยูอันดับต้นๆ หรือป่าวน๊อ แม้เค้าจะเป็นเอเจนซี่ทั้งยูต้นและยูรอง เพราะยูรองให้เงินตอบแทนมากว่ายูระดับต้น แก้ไขเมื่อ 08 ธ.ค. 49 14:02:07 จากคุณ : เกี๊ยวหมี่แห้ง - [ 8 ธ.ค. 49 13:57:57 ]

ความคิดเห็นที่ 21 น่าสนใจมากค่ะ งั้นถามหน่อยว่า เราจบ เอแบค เกรด 3.00 โทเฟล CBT อยู่ที่ 590 และทำงานอยู่ บ.ฝรั่ง ใหญ่มา 3 ปีแล้ว อย่างนี้มีสิลุ้น Top 10 ของ UK ไหมคะ รบกวนช่วยกันพิจารณาด้วยค่ะ จากคุณ : Happy Farm - [ 8 ธ.ค. 49 14:02:25 A:19.232.155.180 X:136.8.1.100 TicketID:133498 ]

ความคิดเห็นที่ 22 จริงๆ ว่าจะไม่เล่าเรื่องนี้ เพราะแม้กระทั้งตัวผมเองยังรู้สึกว่าตัวเองโง่ๆ ยังไงไม่รู้ cambridge เข้าง่ายมากครับ เชื่อผมเถอะ ถ้าคุณรู้ทางหนีทีไล่ ผมได้ offer จาก cam โดยยังติดเรื่องภาษา แต่เขาก็อนุญาตให้ผมไปทดสอบต่อลองกับเขาได้ เพราะว่าจบโทรจากอังกฤษ พอเขียน mail ไปต่อลอง เขาก็ให้เราเขียนรายงาน 2 เรื่อง พร้อมกำชับว่าใช้เวลาเขียนไม่เกินเรื่องละ 15 นาที และต้องเขียนเอง ผมก็ solo ลงไปเลย เขียนต่อหน้าต่อตาเพื่อนซี้ผมชาวมาเลย์ ซึ่งมันบอกว่าทำไมเขียนเอง มันจะเขียนให้ หรือให้เพื่อนอเมริกันเขียนให้ก็ได้  ผมซึ่งไม่ใช่คนแบบนั้นก็ไม่เอา จะเขียนเอง และเขียนในเวลาที่กำหนด ปรากฏว่าส่งไปไม่ผ่าน cambridge ยังยืนยันให้สอบ ielts ให้ได้ 7 พอเพื่อนชาว hongkong american รู้ มันด่าผมใหญ่ว่าโง่ เพื่อนเพื่อนของมันใช้เวลาเขียน 3 วัน และ ให้คนอื่นเขียนให้ ผ่านกับเป็นแถวๆ มันด่าว่าเก่งมาจากไหนจะมาเขียนเอง เล่นเอาผมหมดศัทธรากับคำว่า ซื่อสัตยืไปเลย แล้วเรื่องที่เพื่อน hongkong ว่านั่น มันก้เป็นเรื่องจริงจริงๆ เพราะผมได้เล่าเรื่องนี้ให้เพือนๆ น้องๆ ที่ผมรู้จัก ที่อยากจะเข้า cambridge ว่าให้หาคนมาช่วยเขียนเรียงความ รับรองผ่าน แล้วก็ผ่านจริงๆ   มันชวนให้สังเวชใจตัวเองว่าไอ้ความซื้อสัตย์มันต้องมาทำให้เราเสียเงินค่าสอบและความเครียดอีกมากมายยย แต่สุดท้ายผมก็สอบผ่านจนได้ ได้ 9 ไป part นึง สะจายยย แต่ความรู้สึกที่เสียไปแล้ว มันเอาคืนได้ที่ไหน จริงๆยังมีความลับอีกเยอะ  แต่รับรองว่า cambridge เข้าง่ายมากๆ ครับ และโกงได้ด้วย จากคุณ : TimeS-To-Enjoy - [ 8 ธ.ค. 49 18:56:34 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ความคิดเห็นที่ 21 น่าสนใจมากค่ะ งั้นถามหน่อยว่า เราจบ เอแบค เกรด 3.00 โทเฟล CBT อยู่ที่ 590 และทำงานอยู่ บ.ฝรั่ง ใหญ่มา 3 ปีแล้ว อย่างนี้มีสิลุ้น Top 10 ของ UK ไหมคะ รบกวนช่วยกันพิจารณาด้วยค่ะ จากคุณ : Happy Farm - [ 8 ธ.ค. 49 14:02:25 A:19.232.155.180 X:136.8.1.100 TicketID:133498 ] ----------------------------------------------------------- มีสิทธิ์ลุ้นแน่นอนครับ น่าจะได้ด้วยอย่างน้อย 4 ที่ เพราะว่าตอนที่ผมสมัครก็ไม่ได้เกรดดีอะไรมากมาย แถมเคย ติดโปรด้วย ผมก็จบเอแบคเหมือนกัน เกรดน้อยกว่าคุณเยอะ ยังเข้าเรียนยูดีดีได้เหมือนกัน (อย่าไปฟังบางคนพูดมาก ประมาณว่าตายแล้วเกิดใหม่ก็ไม่ได้อะไรทำนองนี้ ไม่สร้างสรรค์เอามาก ๆ) แล้วก็ไม่จำเป็นต้องไปเปรียบเทียบกับคนอื่น ๆ ด้วย บางคนเห็นมาเพื่อนจบ honor มาจากยูใหญ่ ๆ ก็กลัวเกรดไม่ดีเท่าเขา เกรดออกมาดันได้สูงกว่าซะงั้น (เพื่อนก็โกรธอีก (เพื่อนไม่ดี)) แนะนำว่า อย่ามาออสเตรเลีย เด็กเอแบคเยอะมาก ๆ เพราะไม่ต้องสอบ IELTs แล้ว (ไม่ต่างกับอยู่เมืองไทย ตำราบางเล่มก็คล้ายกับตอนปริญญาตรี U of 8 อาจยากกว่านิดหน่อย แต่ไม่ได้มากมายอะไร) ตัวผมที่กล้าพูดก็เพราะจบมาที่เดียวกับคุณ เรียนก็ไม่ได้เกรดดีอะไร แต่ก็ยังจบโทมาได้สองใบ จากออส เพราะฉะนั้น อย่าเชื่ออะไรมาก มีโอกาสสมัครหลาย ๆ ที่ไว้ก่อน น้องชายผมลองสมัครก็ได้เหมือนกัน เกรดจบมากสองจุดหกได้มั้ง ก็ได้เหมือนกัน ไม่แปลก จะว่าเขาหาเงินก็ไม่น่าจะได้ เพราะดู ๆ แล้วที่สอน ๆ ในห้องก็มีฝรั่ง ข้อสอบการสอนก็ชุดเดียวกัน (แต่ฝรั่งส่วนใหญ่ได้คะแนนน้อยกว่าคนเอเชีย โดยเฉพาะฮ่องกง สิงคโปร์) ฝรั่งส่วนใหญ่ที่มาเรียนมักจะแก่ (น่าจะมาหาความรู้มากกว่า) สรุปว่า เรียนได้ครับ ต้องลองสมัครดูหลาย ๆ ที่ อย่าไปเชื่อเอเจ้นท์มาก บางที่เชียร์แต่ยู ไม่ลืมหูลืมตาก็มีครับ กระทู้นี้ไม่ค่อยมีคนดันนะ แปลก จากคุณ : Oat - [ 8 ธ.ค. 49 19:16:29 A:58.181.185.26 X: TicketID:091427 ]

ความคิดเห็นที่ 24 เอ่อ ผมก็จบเอแบค เหมือน คคห 21 น่ะครับ เกรดประมาณ 3.1 ประสบการณ์ทำงานประมาณ 5 ปี ไอเอลห่วยไปหน่อย 5.5 เอง อย่างนี้มีสิทธิลุ้นยู Top 10 ของ UK ไหมครับ ที่ถามเพราะรู้ตัวว่าไอเอลมีปัญหาครับ กลัวเค้าไม่รับ จากคุณ : SmilE - [ 8 ธ.ค. 49 19:41:46 A:58.8.193.133 X: TicketID:051776 ]

ความคิดเห็นที่ 25 Agree that Top Univs in the UK are much easier to get in compared with those in the US which are considered among the most elite Univs in the world. One of the important resons is per # 9 said about the financial supports. Some other thoughts though.. http://www.pantip.com/cafe/klaibann/topic/H4922493/H4922493.html จากคุณ : Not talking about agency issue - [ 8 ธ.ค. 49 20:34:07 A:139.184.222.67 X:139.184.30.19 TicketID:067233 ]

ความคิดเห็นที่ 26 แปลกใจเหมือนกันครับ กระทู้นี้ไม่เห็นมีคุณช่างไฟเข้ามาตอบเลย จากคุณ : 4578 - [ 8 ธ.ค. 49 22:06:09 A:58.9.38.169 X: TicketID:131360 ]

ความคิดเห็นที่ 27 คห23 "แนะนำว่า อย่ามาออสเตรเลีย เด็กเอแบคเยอะมาก ๆ เพราะไม่ต้องสอบ IELTs แล้ว " เด็กเอแบคเยอะแล้วไงเหรอครับ? เด็กจบเอแบคไม่ดียังไง? ไม่ควรมาออส เพราะเด็กเอแบคเยอะ มันเกี่ยวกันยังไง? จากคุณ : JOBIJI - [ 8 ธ.ค. 49 22:28:03 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ความคิดเห็นที่ 26   แปลกใจเหมือนกันครับ กระทู้นี้ไม่เห็นมีคุณช่างไฟเข้ามาตอบเลย ความเห็น 12 นั่นแมวหรือไงครับ  555 จากคุณ : GTi 16V - [ 8 ธ.ค. 49 23:38:20 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ^ ^ ^ 555 แมวไง  เห็นด้วย จากคุณ : LTD (littleteddy) - [ 9 ธ.ค. 49 01:03:21 ]

ความคิดเห็นที่ 30 เอ่อ.. คุณTimeS-To-Enjoy ครับ มหาวิทยาลัยเขาไม่ได้โง่หรอกครับ แต่อันนั้นเขาเรียก Honour system นะครับ ถ้าคุณคิดว่า การที่คุณมีโอกาสโกงแล้วพอดีไม่ได้โกง นั่นคือความโง่ ผมก็รู้สึกสังเวชใจในตัวคุณล่ะครับ แล้วถ้าคุณเรียนจบกลับมา ก็ขอให้คุณเลือกประกอบอาชีพด้านอื่นๆเถิดครับ อย่ากลับมารับราชการเลย บ้านเมืองของเรามีข้าราชการจำพวกนี้เยอะเกินไปแล้ว จากคุณ : ช่างไฟ - [ 9 ธ.ค. 49 08:40:03 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ได้ยินมาว่าปีที่แล้วมีเด็กทุนกลุ่มหนึงเขามหาลัย top 10 อเมกา ไม่ได้แต่กลับเข้า พวก Cambridge Oxford Imperial ได้ จากคุณ : volta - [ 9 ธ.ค. 49 12:02:27 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ความคิดเห็นที่ 27 คห23 "แนะนำว่า อย่ามาออสเตรเลีย เด็กเอแบคเยอะมาก ๆ เพราะไม่ต้องสอบ IELTs แล้ว " เด็กเอแบคเยอะแล้วไงเหรอครับ? เด็กจบเอแบคไม่ดียังไง? ไม่ควรมาออส เพราะเด็กเอแบคเยอะ มันเกี่ยวกันยังไง? จากคุณ : JOBIJI - [ 8 ธ.ค. 49 22:28:03 ] --------------------------------------------------------- ตอบาะเรียนจบมาที่เดียวกัน) ทำให้ขาดความน่าตื่นเต้น ที่ว่าเยอะนี่ก็เยอะจริง ๆ นะครับ ที่มหาวิทยาลัยเก่าที่เคยเรียนมา เอแบคมีประมาณร้อยละ 70 ของทั้งมหาวิทยาลัยที่มาเรียนโท ของมหาวิทยาลัยรัฐก็มี เป็นทุนก.พ. เป็นทุนพ่อแม่ก็มีแต่ก็น้อยมาก อันนี้ไม่ได้โกหก เพราะว่า ลองไปถามได้ เด็กเอแบคเยอะแล้วไงเหรอครับ? เรามาเรียนก็ต้องการบรรยากาศใหม่ ๆ ไงครับ ต้องการอะไรที่แปลกไปจากเดิม เหมือนกับเพื่อนผม จบธรรมศาสตร์ก็ไม่ต่อธรรมศาสตร์ ไม่ใช่ว่า ไม่ดี แต่เขาอยากได้อะไรใหม่ ๆ สังคมใหม่ ๆ ไงครับ ขนาดตอนเรียนที่นี่ทำรายงานกลุ่ม ผมยังชอบทำรายงานกับพวกเยอรมันกับฮ่องกงเลยครับ มันจะได้ฟังอะไรใหม่ ๆ แต่ไม่ประหลาดมาก ทำรายงานกับนักเรียนบางประเทศก็ไม่ดี เพราะเหมือนอยู่กันคนละโลก เช่น บางคนจากแอฟริกา เรียนธุรกิจ ก็ยังไม่ค่อยมีแนวคิดทางธุรกิจ เหมือนเป็นนักวิชาการ เด็กจบเอแบคไม่ดียังไง? ดีนะครับ เพราะว่า ไม่มีปัญหาทางการเงิน ภาษา การตอบคำถามหน้าห้อง การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เพราะส่วนใหญ่ก็เรียนกันมาตอนปีสาม โดยเฉพาะวิชา Small Business ของอาจารย์ปรัชญา กับ MM ของอ.วินธัย ก็ดีนะครับ อีกอย่างหนึ่งที่อยากจะบอกว่าดีคือ ไม่มีปัญหาทางการเงินนี่แหล่ะ เพราะเวลาจะทำงานกลุ่มเนี่ย ก็จะทำได้ทันที ไม่ต้องรอนัดเวลาหลายรอบ หรือโดดทำงานกลุ่มไปล้างจานหาตังจ่ายค่าบ้าน (บางคนเรียนเก่งแต่ชอบโดดงานกลุ่มไปทำงานร้านอาหาร ไม่ดีนะครับ) ไม่ควรมาออส เพราะเด็กเอแบคเยอะ มันเกี่ยวกันยังไง? ข้อนี้ฟังบางส่วนก็ไม่จริงนะครับ เพราะอังกฤษกับอเมริกาตอนนี้ก็เยอะเหมือนกัน แต่ออสเตรเลียเยอะกว่า เยอะมาก ๆ ส่วนนึงเพราะออสเตรเลียถูกครับ ถูกกว่าม.รังสิตด้วยซ้ำ (หลาย ๆ มหาวิทยาลัยยังห้าแสนกว่าอยู่เลย แถมโอนหน่วยกิตได้ด้วย) เวลาเรียนอะไร เราก็ต้องการสิ่งใหม่ ๆ และมีประโยชน์ถูกไหมครับ ผมก็ต้องการอะไรใหม่ ๆ เหมือนทุก ๆ คนนี่แหล่ะ ครับ ผมคิดว่า เราควรหยุดการยึดมั่นถือมั่นในสถาบันกันได้แล้ว เอาที่เนื้อหาสาระจะดีกว่า เอแบคก็ดี แต่ไม่ใช่ว่าที่อื่นไม่ดี ทุกที่มีข้อดีข้อเสีย ถ้าได้เจออะไรใหม่ ๆ ดีดี ไม่ว่าจากมหาวิทยาลัย หรือจากใคร ก็รับ ๆ เข้ามาเถอะ ถ้าอย่าไปถือชื่อมหาวิทยาลัยหรือใครเลย โลกเดี๋ยวนี้เปลี่ยนไปมากแล้วครับ จากคุณ : Oat - [ 9 ธ.ค. 49 13:51:52 A:125.25.43.47 X: TicketID:091427 ]

ความคิดเห็นที่ 33 โอ๊ยขอให้มีทุน ไปเหอะครับ เข้าได้หมดเเหละที่อังกฤษ  ส่วนที่อเมริกาเค้ามีเงินสนับสนุน ทั้ง TA RA Fellows ต่างๆ คู่เเข่งเลยเยอะ มีตัวเลือกมาก เช่นเด็กจีน เด็ก อินเดีย  ซึ่งก็ทำให้เข้ายากพอสมควร จากคุณ : Atomic Secret - [ วันรัฐธรรมนูญ 00:03:46 ]

ความคิดเห็นที่ 34 Ok !! เดี่ยวจะลอง จีบ Cambridge Oxford Imperial ดู อิ อิ จากคุณ : Happy Farm - [ วันรัฐธรรมนูญ 00:20:35 A:125.24.43.147 X: TicketID:133498 ]

ความคิดเห็นที่ 35 #31 หมายถึง ป.ตรี หรือ โทเอก ครับ ถ้า ป.ตรี ผมเชื่อว่า Oxbridge ยังเป็นมหาลัยที่เข้ายากสำหรับนักเรียนต่างชาตินะครับ อาจจะยากกว่ามหาลัยอเมริกา เพราะข้อหนึ่งคือคุณต้องผ่านการสัมภาษณ์ ต้องสมัครไปตาม College ซึ่งถ้าหากไปเข้าพวก College ที่ดัง ๆ ก็ต้องแข่งขันกันมากทีเดียว แต่ ป.โท เอก อ๊อกบริดจน์ สำหรับคนไทย อาจจะแล้วแต่สาขา อย่างกฎหมายผมว่ายากพอ ๆ กัน เพราะกฎหมายพวก top 10 ในอเมริกาก็เข้าไม่ยากมากนัก ถ้าคะแนน toefl ถึง ที่ยากก็มีพวก  harvard/yale/stanford แต่ oxford/cambridge ก็ไม่ง่ายนัก ส่วนสายอื่นก็อาจจะตามนั้น จากคุณ : B.F.Pinkerton - [ วันรัฐธรรมนูญ 01:52:08 ]

ความคิดเห็นที่ 36 เป็นปโท สาย วิำึศวะ กับวิทยา ครับ จากคุณ : volta - [ วันรัฐธรรมนูญ 08:07:12 ]

ความคิดเห็นที่ 37 งั้นก็คงตามนั้นแหละครับ จากคุณ : B.F.Pinkerton - [ วันรัฐธรรมนูญ 09:09:13 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ตอนนี้ กำลังทำ proposal สำหรับสมัครเอก ที่นี่อยู่ เหนื่อย ค่ากินใช้แพง ค่าเช่าห้องแพง เล็กกระจิ้ด ภาษากระเตื้องอย่างลำบากลำบนมาก ที่บ้านผมก็พอมีเงินหมุนนะ แต่นี่ยังไม่ค่อยจะไหวเลย นั่งรื้อ คิด ปรับ เปลี่ยน proposal มาพักนึงจนปวดหัว ภาษาก็ได้ฝึกกับเพื่อนเกาหลีเท่านั้น เพราะไม่ได้ทำงานถึงได้ทำงานก็คงได้คุยกับฝรั่งจริงๆ ไม่กี่คำ ยิ่งอ่านงานวิจัย ยิ่งพบว่า อะไรๆ ที่เค้าวิจัย มันไปไกลกว่า หนังสือ ที่ขายดาดดื่นในตลาดมากมายนัก แค่คิดจะเรียนต่อ ต้องมาเตรียมตัวเรียนตอนแก่อีกรอบ ก็รู้สึกกระจ่างถ่องแท้ว่า ยังโง่ไม่หายขาด ตอนนี้ก็ค่อยๆ ขยับดีขึ้นเรื่อยๆ อยากได้ advisor ที่เก่งแนะนำขยายความคิดเรา ยอมรับสิ่งที่เราค้นหา ตรงกับสาขาที่เราสนใจ ผมอยากเข้า Oxbridge , Imperial เหมือนกัน เพราะ ตึกเรียน บรรยากาศ ดูขลังมาก แล้วห้องสมุด น่านั่งมาก น่าจะมีสมาธิอ่านหนังสือง่าย ทั้งสามที่ไปเที่ยวมาหมดแล้ว ที่ชอบอีกที่ก็ u of london ที่ king อยู่กลางเมืองลอนดอนเลย ข้างในบริเวณสงบมาก เหมาะกับการวิจัย คิดอะไรใหม่ๆ เคยขอเค้าเข้าไปใช้ห้องสมุด เค้าไม่ให้ ต้องเข้าเรียนมหาลัยซักยูให้ได้ก่อน ที่อังกฤษนี่ เวลาอยากได้หนังสืออะไร ไปหาเนื้อหาอัพเดตที่ห้องสมุด อัพเดตกว่าที่ไทย แล้วเนื้อหาที่เขียนขึ้นด้วยภาษาอังกฤษ คนเขียนหนังสือ ความรู้เค้าเต็มเปี่ยม ไม่ผ่านการแปลเป็นข้อได้เปรียบข้อหนึ่ง ตอนนี้ ภาวนาว่า ขอให้เจอ advisor ที่เข้าใจคนเอเชีย แล้วก้อกระตุ้นเราเก่งๆ จะได้เข้าเรียนได้สบายใจ ค่าเทอม ค่ากินรวมๆ แล้วกว่าจะจบอีกสามสี่ปี คงออกเบนซ์ได้คันนึงนะครับ หรือซื้อบ้านได้หลังใหญ่พอควร ถ้าขอทุน สงสัยจะวิ่งวุ่นอีกพักใหญ่แล้วก็ เรียนจบก็คงมีงานทำแน่ๆ กลับไปไทยผมหวังว่าจะทำงานได้คุ้มกับที่ลงทุนนะ คนมองว่า อยากได้ U ที่อันดับสูงๆ ก็เป็นเรื่องธรรมดา ถ้าเลือกได้ง่ายๆ คนคงเลือกที่ดีๆ ไว้ก่อน เงินเดือน ความน่าเชื่อถือ ก็ดีกว่า ถ้าไม่ลำบากก็สมัครดูครับ แต่ขอให้คิดว่าเพื่อจะได้ยูที่ดี ห้องสมุดที่ดี บรรยากาศที่ดี สำคัญคืออาจารย์ที่ดี ที่รองรับเป้าหมายในชีวิตเรา ผมอยากได้ imp เพราะอยู่ในลอนดอนจะได้ไม่ต้องย้าย ปรับตัว หาเพื่อน ใหม่มากนัก เพราะยิ่งอยู่นาน ยิ่งเปื่อย ทำเล โซนนั้น ดูปลอดภัยและสวยงามกว่า ที่อยู่ตอนนี้ แต่ค่าดูใบสมัครเค้าชาร์จแพงเหมือนกันนะ สำหรับ ป.โท น่าจะ US70 ไม่แน่ใจ แล้วก็ oxbridge,imp ก็ต้องสอบวัดระดับอังกฤษอีกรอบด้วย ก็ใช้เงินเยอะนะครับ ถ้าสมัครหลายแห่ง จุดสำคัญในหัวข้อนี้ ผมคิดว่า อย่าไปคิดว่าเข้าง่ายเลยครับ คุณจะได้ขยันและตั้งใจสิ่งที่จะทำ เอาง่ายๆ ถ้าเทียบกับเพื่อนร่วมชั้นตอนเรียน แล้วเรามั่นใจว่าเราก็ honor มันดีนะครับ และยิ่งถ้าเรามีความมั่นใจจาก ประสบการณ์ทำงานจริงจากที่เนื้อหาที่เรียนแทน ก็ยิ่งดีกว่า มันเป็นความรู้ที่ตกผลึกจริง จากการทำงานอันเป็นผลจากการสร้างประโยชน์ด้วยความรู้ที่คุณมี เวลาไปเจออาจารย์ เพื่อนร่วมชั้น ที่เค้าเก่งๆจริงๆ จาก ประเทศอื่นๆ เรามีอะไรไปแสดงให้เค้าดูได้หรือเปล่าว่า เรามีดีให้เค้าชื่นชมหรือทึ่ง เรามีความมั่นใจในความรู้เราไม๊ ถ่ายทอดด้วยภาษาอังกฤษคุณทำได้แค่ไหน ไม่ว่าจะเรียนหรือทำงาน ให้คนอื่นๆ เค้ามองว่าเราเก่งแต่แม้ไม่ได้รับโอกาสเรียนที่ดีแต่ขวนขวาย ดีกว่าให้เค้าคิดว่า จบมาได้ไง หยิบจับอะไรได้แค่นี้ ยิ่งเวลาสัมมนา หรือ พรีเซนต์งาน ยิ่งชัดเจน ว่าเราเก่งรอบด้านแค่ไหน แน่พอจะเรียนที่นั้น แล้วเอาไปต่อยอดทำงานในตำแหน่งสูงๆ ได้หรือเปล่า ภาษาอังกฤษเราดีจริง หรือดีฟลุคๆ ตอนไปสอบ ในมุมมองของผม ที่มหาลัยเหล่านั้นเค้าตั้งเกณฑ์ไว้สูง เค้าไม่ได้ใช้มาเกตคิดหรอกครับ เค้าใช้ระดับคุณภาพบุคลากรที่เค้าคาดหวังจะได้ ความเห็นสุดท้าย เอเยนซี่ บ้านเราน่าจะต้องพัฒนาอีกพอควร คนวิเคราะห์ใบสมัคร ต้องรู้รอบด้านพอจะคิดได้ว่า ถ้าคนสมัครมีเกรดเท่านี้ เอาปัจจัยอื่นมาเพิ่มโอกาสเข้ายูที่เขาต้องการได้สูงสุดแค่ไหน ไม่ใช่คำนวนแต่รายได้ จากคุณ : Max (Mole) - [ วันรัฐธรรมนูญ 09:21:06 ]

ความคิดเห็นที่ 39 คุณช่างไฟครับ ผมว่าราชการไทยก็มีแต่คนดีที่ดีแต่ปากเยอะเกินพอแล้วนะครับ จากคุณ : TimeS-To-Enjoy - [ 13 ธ.ค. 49 21:37:29 ]

ความคิดเห็นที่ 40 เพื่อนได้ GPA = 2.6 ก็เข้า cambridge / oxford / lbs จริง ๆ แล้วคงไม่ง่าย (เพราะนั่นได้ gmat = 720, toefl = 280) แต่เค้าไม่ได้ให้น้ำหนัก GPA สูงขนาดนั้นจะ disqualify เราได้ มีผลรายงานออกมาแล้วว่า GPA ไม่ได้สะท้อนถึงความสามารถของนักศึกษาโดยเฉพาะถ้าเรียนในสาขาที่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ (gmat กลับ  relevant กว่า) ความยากง่ายของเนื้อหา ความหินของการให้เกรด A จากวิชา differential equation คงยากกว่าวิชาสังคมวิทยาทั้งหลายทั้งปวง เห็นบางคณะแจกเกียรตินิยมอันดับ 1 ปาเข้าไปเกือบร้อย แต่จับมาสอบ gmat คะแนนน่ารักจุ๋มจิ๋มมาก พอไปเรียนก็พบว่าสู้พวกเกรดต่ำกว่า 3 บางคณะ บางสาขา บางมหาวิทยาลัยไม่ได้ คือจะโทษว่าเค้าปล่อยเกรดก็ไม่ถูก บางที่มันกดเกรดจนไม่ได้ผุดได้เกิดเลยเองก็ว่าได้ ฝรั่งเริ่ม respect บางมหาลัยเป็นพิเศษ เช่น tsinghua & itt ถึงเกรดน้อย แต่บางทีเป็นเพราะการแข่งขัน ถ้าคุณจบเกรดต่ำ แต่มาจากโรงเรียนพวกนี้ gmat, gre, toefl สูง โอกาสสูงกว่าพวก gpa สูงในการ elite schools คือยังไม่เคยเห็นคนเกรดสูงแต่ standardized test ต่ำแล้วเข้า top ten ได้ แต่เห็นดาษดาคนที่ gpa ต่ำ standardized test สูงแล้วเข้า top ten รวมทั้ง cambridge / oxford / lbs ได้ จากคุณ : Mamuangkuan - [ 14 ธ.ค. 49 20:06:35 ]

ความคิดเห็นที่ 41 กระทู้นี้ดีจังครับ คือตอนนี้ผมกำลังจะสมัครเรียน pre-master ที่ U. of Leeds ครับ ไม่ทราบดีมั้ยครับ แล้วที่นี่เค้ามี Direct entry หรือป่าวครับ เพราะสอบถามเอเจนซี่แล้วตอบงงมาก ผมอยากเรียนด้าน Marketing ที่นี่ GPA2.7 จากมธ. IELTS 5.5 ผู้รู้ ช่วยตอบด้วยนะครับ จากคุณ : นะครับ - [ 17 ธ.ค. 49 09:05:34 A:89.242.43.253 X: ]

ความคิดเห็นที่ 42 ถามหน่อยคะ เรียนโทในอังกฤษสาขาบริหาร มียูไหนเรียนจบภายในหนึ่งปีได้มั่งคะ แล้วค่าใช้จ่าย ค่ากิน ค่าอยู่ ปีละเท่าไหร่คะ ขอคำตอบเป็นตัวเลขนะคะ ช่วยแจกแจงให้หน่อยนะคะ จากคุณ : ผ่านมา - [ 22 ธ.ค. 49 14:34:55 A:211.19.253.199 X: TicketID:133896 ]