PANTIP.COM : H4946446 ขับรถยนต์บนถนนที่มีหิมะ ต้องทำอย่างไรบ้างคะ? []

ความคิดเห็นที่ 8

ไม่ทราบว่าคุณเจ้าของกระทู้หมายถึง ไม่เคยขับในเส้นทางนั้นมาก่อนเลย หรือเคยขับแต่ไม่ใช่ฤดูหิมะ เพราะว่าถ้าไม่คุ้นเคย
กับเส้นทาง ประมาณว่าขับไปต้องดู map ไป ดู sign ไป ถ้าเป็นแบบนี้ คืออันตรายมากๆ ยิ่งถ้าไม่เคยขับในเมกามาก่อนเลย
ยิ่งน่าเป็นห่วง และไม่แนะนำอย่างยิ่งที่อยู่ๆจะมาขับระยะทางไกลในสภาพที่มีหิมะ บางทีตอนที่หิมะตกเยอะ พวกป้ายต่างๆ
คุณมองไม่เห็นเลยนะว่ามันบอกอะไร เส้นขีดบนถนนก็มองไม่เห็น คือถ้าไม่ใช่เส้นทางที่เคยขับจนชิน มันจะลำบากมากๆ

อีกอย่างคือการติดกับความเคยชินในการขับ ตรงนี้มันเป็นนิสัย เช่น ถ้าคนที่ขับในกรุงเทพมาตลอด จะเคยชินกับระยะเบรค
และระยะที่เว้นระหว่างคันหน้า ระยะของรถคันหน้าในเลนที่เราจะเปลี่ยนไป อะไรต่างๆตรงนี้ มันเป็นนิสัย ติดมาแล้ว
ในกรุงเทพ ระยะพวกนี้ถูกย่นย่อลงมากๆ พวก 3 second rule ระหว่างคันเรากับคันหน้า ใช้ไม่ได้เลยในกรุงเทพ
ในเมืองยุ่งๆอย่าง NY หรือ LA แบบนั้นขับได้ แต่ถ้าพูดถึงการขับในอเมริกาโดยทั่วไป ตรงนี้มันต้องเปลี่ยน
ซึ่งอย่างที่บอกว่าการกะระยะต่างๆตรงนี้มันเป็นนิสัย มันไม่ใช่ว่าพอมาทำความเข้าใจปุ๊บจะเปลี่ยนได้เลย มันต้องใช้เวลา
(เคยนั่งรถของเพื่อนคนหนึ่ง เขาขับแบบคนขับ taxi ในกรุงเทพเลยคือ bumper to bumper แต่นั่นมันบน I-95 !)

บนถนนที่มีหิมะ ระยะเบรคจะลดลงมาก นั่นหมายความว่า เราต้องเว้นระยะระหว่างคันหน้าเยอะมากๆ ซึ่งตามความเคยชิน
บางคนจะรำคาญ และ ขับไปใกล้ในระยะที่เคยชินตามปกติอย่างไม่รู้ตัว ตรงนี้ขนาดคนเมกันที่ชินกับพื้นที่และรู้ว่าควรเว้น
ระยะมากขึ้นในสภาพถนนแบบนี้ ยังเผลอ และทำให้เกิดอุบัติเหตุแบบไม่น่าเกิด ทุกๆ winter เพราะความประมาทนั่นเอง

รถที่เราขับต้องพร้อม ต้องตรวจ fluids ทั้งหลาย ทางที่ดีที่สุดควรนำรถไปทำ winter check up และ top up ทุกอย่าง
และถ้าต้องขับไกลขนาดนั้น ควรเติม windshield washer ที่เป็นแบบ antifreeze และควรมีสำรองไว้ในรถด้วย
อีกอย่างที่มักถูกมองข้ามคือตัว Battery ซึ่งในภาวะที่อุณหภูมิต่ำ จะทำงานได้น้อยลง คือติดยากขึ้น และ ผลิตกระแสอ่อนลง
ดังนั้น ถ้ามันเก่า ทางที่ดีควรเปลี่ยนไปเลย คุ้มกว่า เพราะถ้ารถตายกลางถนนค่าใช้จ่ายในการลากรถ หรือค่าความเสี่ยง
อะไรต่างๆ มันไม่คุ้มกัน สู้เสียเงินร้อยเหรียญไปเลย ได้ของใหม่ไว้ใช้ และตัดปัญหาตรงนี้ในอนาคตไปได้อีก

อีกส่วนที่สำคัญคือยางรถ ถ้าคุณต้องขับทางไกลขนาดนั้น คุณหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องใช้ winter tires และควรเปลี่ยนทุกล้อ
ถ้าทำไม่ได้ ก็เลือกเปลี่ยนสองล้อที่เป็น driving wheels แต่ควรเปลี่ยนหมด ส่วน regular tires บางร้านเค้ามีรับฝากไว้
คือ ถ้าพ้นช่วง winter ก็ไปเปลี่ยนกลับ และควรรู้ด้วยตัวเองและตรวจก่อนออกเดินทางว่าลมยางเหมาะสมหรือไม่
ถึงยางดีแค่ไหน ใหม่แค่ไหน แต่ถ้าความดันไม่เหมาะสม ก็ไม่มีประโยชน์

ยางสำคัญมากนะครับ แค่ traction ที่ดีกว่าเพียงนิดเดียว มันคือจุด critical point เลยว่า จังหวะนั้น รถคุณจะ lose control
บนถนนหรือไม่ ซึ่งนั่นคือจุดที่จะบอกว่า จะเกิดอุบัติเหตุหรือไม่ คือตัวแปรตรงนี้แค่นิดเดียวมันมีผลมากๆกับชีวิต

นอกจากที่กล่าวมาแล้ว น้ำหนัก ที่อยู่บนตัวรถก็สำคัญ รถที่ทรงตัวได้ดีบนหิมะ คือรถที่มีน้ำหนักมาก เราต้องการให้รถ
มีน้ำหนักมากเพื่อที่จะเพิ่ม traction ให้ดอกยางมันฝังกดลงไปบนหิมะเยอะๆ เพื่อการออกตัว และการเกาะตัวที่ดีกว่า
พวกรถกระบะ ที่เปิดหลัง เค้าจะจงใจจอดกลางแจ้งปล่อยให้มีหิมะเยอะๆข้างหลัง เพื่อเพิ่มน้ำหนักรถ

ส่วนรถทั่วไป เขาจะซื้อ ถุงทราย ไปใส่เพื่อเพิ่มน้ำหนัก แต่โปรดระวังว่า อย่าเอาไปใส่ไว้ในกระโปรงหลังเด็ดขาด
เพราะมันจะทำให้นำหนักกดของล้อหน้าลดลง ทำให้ lose traction ให้นำถุงทรายวางบนพื้นรถด้านหลัง คือมันจะ
เป็นตำแหน่งที่ใกล้กับจุดถ่วงของล้อหลังพอดี (ในส่วนของล้อหน้ารถ มี engine หนักอยู่แล้ว)

เวลาขับบนหิมะ จำไว้ว่า อย่าให้รถมีความเร่งมากเกินไป ( ความเร่ง กับความเร็วคนละตัวกัน) ความเร่งนี่แหละที่จะทำให้
เกิดการเสียการทรงตัว เวลาออกตัวให้ออกช้าๆ ease on gas เวลาจะลดความเร็วก็ค่อยๆ เบาๆ ease on the brake
จุดที่จะมีปัญหาคือช่วงถนนที่มีลักษณะโค้ง หรือช่วงต่อของสะพาน ที่เป็น slope ทางเข้าออก ramp ซึ่งเราต้องชะลอ
จุดต่างๆเหล่านี้ ให้ระวังเป็นพิเศษ ทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนความเร็วของรถ ให้ทำอย่างนิ่มนวล

(ใครที่อ่านมาถึงตรงนี้ อาจะเกิดความรำคาญว่า เรื่องพวกนี้ basic มากๆ อีตานี่มาเสียเวลาเขียนยาวๆทำไม ผมอยากบอกว่า
จริงที่มัน basic มากๆ แต่คนทำกันไม่ได้ เพราะเผลอ และประมาท อุบัติเหตุทุกๆ winter จึงเกิดด้วยสาเหตุเดิมๆซ้ำๆ
ดังนั้น เรื่องพวกนี้ถึงต้องย้ำแล้วย้ำอีก เพราะอุบัติเหตุหนึ่งครั้ง เราไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง)

ถ้ารถเสียการทรงตัว ( skid ) อย่าตกใจ จำไว้ว่า ท้ายปัดไปทางไหน-->ให้หันพวงมาลัยไปทางนั้น และอย่าเหยียบเบรค
ถ้ารถ stuck บนหิมะ อย่าเร่งเครื่อง เพราะจะทำให้ล้อยิ่งจมลงไปในหิมะอีก เวลาติดให้ทำสองขั้นตอนคือ
หนึ่ง ลองหันพวกมาลัยไปมาก่อน แล้วค่อยๆออกตัวโดยออกตัวแบบช้าที่สุดเท่าที่จะทำได้ ช้ามากๆ ทีละนิดๆ
สอง ใช้วิธี rocking คือโยกรถ เวลาออกตัวที่บอกว่า ให้ทำช้าๆ รถจะเขยื่อนไปข้างหน้า แล้วถ้ามันไม่พ้นมันจะไหลกลับ
ล้อจะตกลงไปในร่องหิมะตามเดิม จังหวะนั้นให้ออกตัวใหม่ ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ คือจะอาศัย momentum จากการโยก
ให้มันพารถขึ้นมา แต่วิธีนี้ต้องระวัง คือถ้าเปลี่ยนเกียร์ไม่สัมพันธ์กับจังหวะ transmission อาจมีปัญหา

ถ้าทำตามนี้แล้วไม่ได้ผล ก็ต้องลงไปใช้ shovel ซึ่งควรมีติดไว้ในรถ แต่ถ้าเป็นผู้หญิงก็ไม่แนะนำให้ทำแบบนั้นอีก
เพราะอันตรายครับ ถ้าจุดที่รถติดอยู่ เป็นส่วนที่รถคันอื่นๆยังวิ่งๆ เราก็ไม่รู้ว่าใครจะไหลลื่นมาชนเราหรือเปล่าอีก
แต่ถ้าไปติดอยู่ตรงพื้นที่ๆไม่มีรถวิ่งเยอะ ก่อนออกจากรถดึงเบรคมือ แล้วเวลาขุดให้ขุดเฉพาะตามทางที่ล้อจะหมุนไป
จำไว้นะครับ เวลาทำแบบนี้ อย่ายืนในตำแหน่งที่รถจะไหลมาทับเราได้ ให้ยืนด้านข้างรถเท่านั้น

แต่ถ้าไม่จำเป็นอย่าลงจากรถดีที่สุด ถ้ามีปัญหาอะไรให้อยู่ในรถ และใช้ cell phone ให้เป็นประโยชน์
พวก emergency numbers ถ้าไม่รู้ ไม่เป็นไร โทรไป 911 ทีเดียวจบ บอกเขาว่าคุณอยู่ตำแหน่งไหนของถนน

พวกอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นเวลาขับทางไกล ต้องมีให้พร้อม น้ำเปล่าขวดต้องมี ควรมี snacks ติดไว้ด้วย you never know
รถจะต้องเติมน้ำมันให้เต็มถังตลอดเวลา อย่ารอให้น้ำมันเกือบหมดก่อนค่อยเติม เพราะเราไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
บางทีหิมะตกหนักขึ้น ที่คุณคาดว่าจะไปเติมที่ rest area ข้างหน้า คุณอาจจะไปไม่ถึงก่อนน้ำมันหมดก็ได้ อาจจะต้องจอด
รอให้หิมะเบาลง รอให้รถมาโรยเกลือก่อน อะไรต่างๆ ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้น อย่าลืมว่า คุณต้องเปิด heat ใช่มั้ย และ heat
คุณก็ต้องให้รถมัน run ซึ่งต้องใช้น้ำมัน ดังนั้น ควรเติมน้ำมันให้เต็มตลอดเวลาเท่าที่ทำได้

ถ้าต้องจอดแบบนี้ ให้เปิดหน้าต่างรถไว้นิดหน่อย ตรงนี้จำเป็นเพราะเราไม่รู้ว่ามีการรั่วของ CO เข้ามาแค่ไหน
ปกติเวลาขับไป มันจะถ่ายเท มีการไหลอยู่ตลอด แต่ถ้าต้องจอดเฉยๆ ควรจะต้องเปิดหน้าต่างให้มีช่องบ้าง

Stay Warm ครับ

จากคุณ : - 072648 - [ 9 ธ.ค. 49 04:05:41 A:58.64.44.147 X: TicketID:072648 ]