ความคิดเห็นที่ 1 ที่นี้ขอเล่าเกี่ยวกับibtที่สอบมาด้วยตนเองนะครับ ก่อนไปสอบก็หาข้อมูลใรนนี้แหละครับผม ผมว่ามันไม่ได้น่ากลัวอย่างที่หลายคนคิดครับ เอาที่ล่ะpartเลย อิๆๆๆๆ ใครมีอะไรจะshareเชิญเลยครับ Reading ผมยังแอบดีใจอยู่ที่ได้อ่านแค่3เรื่อง เนื่องจากมันจะrandomมา3-5passage เออแล้วมันจะแบ่งเป็นpartนะครับ partแรกจะมีpassageเดียว patrtต่อไปจะมี2passage เวลาเรื่องละ20นาทีครับ และถ้าโชคร้ายคุณจะเจอpartที่3 เราจะไม่สามารถย้อนกลับระหว่างpartได้นะครับ ต่างจากcbtที่ทั้ง4เรื่องเราย้อนไปมาได้หมด แต่ผมว่าถ้าเทียบกับcbtเวลาทำมันน้อยมากๆเลยครับ passageนึงก็ยาวกระจาย ผมอ่านscanกับskimซะส่วนมาก เพราะเรื่องยาวมากๆ ไอ้อ่านscanก็ดี แต่ปัญหามันก็จะมีที่ข้อสุดท้ายครับผม ไอ้ข้อที่ให้เลือกmain pointของเรื่อง3จาก6ข้อครับ การscanอ่านจะไม่พอ ต้องอ่านละเอียดหน่อย ข้อนี้มีค่า2คะแนน แต่เราก็ยังเลือกตัดข้อที่แคบเกิน ไม่มีในเรื่องออกได้ ถ้าเลือกถูก2ข้อก็จะได้1คะแนนครับ แต่ปัญหาคือบางpassageในข้อสุดท้ายมันให้เราเลือกลักษณะของคำเฉพาะที่อยู่ในpassage อย่างเช่นมีตารางของโลมา กับฉลามยังงี้ครับ แล้วให้คุณสมบัติมา7ข้อ ให้เลือกของฉลาม2ข้อ โลมา3ข้อ ข้อนี้3คะแนนแหน่ะครับไอ้เนี่ยแหละที่กลุ้ม เพราะเวลาอ่านทั้งเรื่องก็ไม่ค่อยจะมี แถมไอ้ข้อมูลบางอย่างมันไม่ถูกถามที่ข้ออื่นมาก่อน เป็นข้อเสียของการอ่านscanเลยครับ แต่ให้อ่านทั้งเรื่อง โดยไม่ดูคำถามก่อน แล้วค่อยๆscanหาข้อมูล ผมก็ทำไม่ทัน อันนี้ใครมีอะไรดีๆแนะนำเชิญเลยครับ ข้อดีคือมันมีicon reviewให้ครับ เราจะสามารถไปดูได้ตลอดเวลาว่าข้อใดเราเว้นไว้ครับ และจากหน้าจอreviewเราจะเลือกไปข้อนั้นได้โดยตรง ตรงนี้สะดวกดี จากคุณ : noname - [ 17 ธ.ค. 49 12:30:31 A:203.131.213.228 X: ]

ความคิดเห็นที่ 2 Listening ผมว่าง่ายขึ้นเยอะครับ ถึงเรื่องจะยาวขึ้นมาก แต่มันจดๆได้ และผมรู้สึกว่าตอนสอบcbtเสียงมันจะอู้ๆ ฟังยาก แต่กับibtเสียงชัดกว่าเยอะครับ อันนี้ไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่านะครับผม ตอนจด ผมจดแหลกเลยครับ เขาให้กระดาษมา6หน้า ผมจดเรื่องละหน้าเลยครับ จะไม่จดแต่เฉพาะไอ้เรื่องที่เขาทักทายกัน หรือไม่สำคัญแน่ๆครับ ฝึกจดให้เร็วนะครับ อันไหนฟังไม่รู้เรื่องเช่นHUIjioth เราก็จดมันลงไปทั้งอย่างงั้นแหละครับ จะภาษาไทยก็ได้ และเวลาคำถามมันกลับมาถามเนี่ย เราก็ใช้ไอ้เสียงคุ้นๆที่เราจดเนี่ย เดาเรื่องได้ เพื่อจะหาคำตอบนะครับ มันจะพอเดาได้ว่าที่เราหลุดไปนั้นเป็นเรื่องอะไร ลองฝึกบ่อยๆครับ จดข่าวcnnก็ได้ ฟังบ่อยๆจะรู้ว่าตรงไหนควรจด ตรงไหนไม่ควร สรุปง่ายขึ้นครับผม partนี้ แต่ตอนที่ผมทำ พอเสร็จเรื่องที่6 กำลังคิดว่าไชโย จะได้ไปพักแล้ว มีเรื่องที่7-9โผล่มาอีกset ตาเหลือกสิครับ อารมณ์เลยเสียไปหน่อย แถมกระดาษก็ใช้หมดไปตั้งแต่6เรื่องแรก ยกมือขอแทบไม่ทัน สมาธิก็เลยหลุดๆ แถมเพราะโกรธด้วย ทำให้3เรื่องหลังนี้ ข้อผิดพลาดน่าจะมากกว่า6เรื่องแรกครับ จากคุณ : noname - [ 17 ธ.ค. 49 12:44:53 A:203.131.213.228 X: ]

ความคิดเห็นที่ 3 ตรงนี้เป็นตรงที่ผมไม่ชอบ ถ้าที่ผมได้ยินมาเป็นเรื่องจริงนะครับ ใครทราบช่วยไขข้อข้องใจให้ด้วยนะครับ คือreadingเนี่ยเราจะได้เรื่อง3-5เรื่องแล้วแต่ดวง listeningก็จะได้6-9เรื่องแล้วแต่ดวง แต่มันจะคิดคะแนนเราแค่3เรื่อง กะ6เรื่องเท่านั้นครับ ส่วนที่เกินมาคล้ายๆ เป็นคำถามsurvey หรือทดสอบอะไรของetsเท่านั้น ผมไม่ขอบใจมากๆ ว่าetsเห็นเราเป็นหนูทดลองหรืออย่างไรกันครับ มันทำให้เราเหนื่อยเกินความจำเป็นนะครับ(หลังจากเหนื่อยจากการรอserverของetsเกือบ2ชั่วโมงแล้ว) และมีผลต่อการตอบข้อสอบข้ออื่นแน่ๆครับ เพราะมันจะเหนื่อยขึ้น เบลอขึ้น และเราก็ไม่รู้แน่ด้วยว่าช่วงไหนไม่คิดคะแนน มันfairกับเราหรือครับ? ถ้าเขาคิดคะแนนlisteningเรื่องที่7-9ผมก็ซวยสิครับ etsทำเซ็งเรื่องserverก็ทีแล้ว เกิดไม่กี่ครั้งยังพอทน เกิดบ่อยๆไม่ดีนะเฟ้ย ชักโมโหแล้ว จากคุณ : noname - [ 17 ธ.ค. 49 12:47:08 A:203.131.213.228 X: ]

ความคิดเห็นที่ 4 speakingที่หลายคนกลัวกัน ผมยังไม่รู้มาตรฐานการตรวจของetsนะครับ ต้องลองดูคะแนนก่อน แต่อยากจะบอกว่าข้อสอบมันจะเป็นไปตามformatของมันทั้ง6ข้อครับ หาตัวอย่างได้จากหนังสือibtที่มีขายๆกันแหล่ะครับ ข้อแรกจะเป็นการบอกเรื่องทั่วๆไป อย่างอาหารที่ชอบ ความเห็น บุคคลที่ชอบ ของผมได้เรื่องการเดินทางอย่างใดดีสุดในประเทศคุณครับ ตอนเตรียมก็จดเหตุผลไว้ซัก2-3อัน แล้วมาพูดเป็นประโยคครับ ข้อ2 เป็นให้เลือกระหว่าง2สิ่งครับผม และให้บอกเหตุผล อย่างเช่นถ้าเลือกได้อยากถูกสิงโตกินหรืองูอนาคอนด้ากินครับ พราะอะไร ผมตอบไปทันใดว่าสิงโต เพราะงูอนาคอนด้าถ้ารัดแล้วกระดูกแตก แถมมันจะกลืนเราทั้งเป็นด้วยสยองมากเกินรับได้ ถ้าสิงโตกิน เราโชคดี มันขบหัวเราทีเดียวก็ไม่ทรมาณแล้วครับ 5555555 ผมล้อเล่นน่ะครับผม แต่คำถามก็ราวๆนี้ ผมได้เรื่องที่ว่าเห็นด้วยกับความเห็นไหน ระหว่างคนที่เห็นว่าการเล่นเครื่องดนตรีได้ เป็นสิ่งดี กับอีกความเห็นบอกว่าไร้ประโยชน์ครับ ข้อ3เป็นการอ่านประกาศ หรืออะไรก็ตามแต่ในมหาวิทยาลัยครับ แล้วจะมีบทสนทนาวิจารณ์ครับผม ให้เราบอกว่าประกาศเรื่องอะไร ความเห็นของคนพูดว่าไง เห็นด้วยมั้ย เพราะอะไร ซึ่งจะมีประมาณ2เหตุผลครับ จากคุณ : noname - [ 17 ธ.ค. 49 13:09:24 A:203.131.213.228 X: ]

ความคิดเห็นที่ 5 ข้อ4อันนี้จะยากสุดในความคิดผม ต้องอ่านเรื่องทางวิชาการแล้วฟังprofessorครับ ซึ่งมันจะเกี่ยวกับเรื่องที่อ่าน(อ่านได้หนเดียวนะครับ 45วิ) บางทีก็เป็นหลักเกณฑ์การพิจารณา แล้วprofessorจะบอกตัวอย่างมา2อัน แล้วเราต้องตอบว่าเข้าเกณฑ์มั้ย เช่นบอกว่าอะไรเป็นเกณฑ์พิจารณาว่าเป็นสิ่งมีชีวิต แล้วบอกคุณสมบัติของอะมีบ้าให้เราตอบว่าเข้ามั้ย เพราะอะไรครับ หรือบางทีก็เป้นการทดลอง ตัวอย่างหรือข้อสนับสนุนซึ่งเกี่ยวกับเรื่องที่อ่าน หรืออาจเป็นข้อโต้แย้งทฤษฎีที่เราอ่านไป เวลาตอบก็ต้องบอกเรื่องที่อ่าน กลับความเกี่ยวพันกลับเรื่องที่ฟัง เหตุผลอ่ะครับ ซึ่งตรงนี้ผมว่าต้องอาศัยความเข้าใจมากหน่อยครับ คือผมพลาดข้อนี้แหละครับ เรื่องที่ผมได้ศัพท์มันไม่คุ้นเยอะไปหน่อยครับผม ก็พอฟังออกว่าเป็นอย่างไร แต่หลุดไปบางประเด็น เลยเวลาพูดต้องมั่วเยอะ พยายามพูดสิ่งที่ตนเองฟังได้ครับ เฮ้อๆ ตอนซ้อมเนี่ย บางเรื่องในแบบฝึกหัดที่หามาก็จะฟังง่าย แต่บางเรื่องก็ฟังยาก มันก็อยู่กับดวงคุณด้วยครับ ข้อ5เหมือนข้อ2ครับ แต่เราต้องฟังบทสนทนา เป็นสถานการณ์ของคนพูดซึ่งเราต้องฟังว่ามีปัญหาอะไร และจะมีทางแก้2ทาง ให้เราเลือกว่าถ้าเป็นเราจะทำไง เพราะอะไรครับ ข้อ6 เป็นการสรุปเรื่องทางวิชาการที่เราได้ฟังครับ ก็สรุปไป เวลาพูดทั้ง6ข้อ อย่าลืม paraphrasing กับown wordsนะครับ อันนี้ไม่ว่าใครเขาก้สอนมาครับ ก็หมดแล้วครับ หกข้อ ไม่น่าจะหลุดจากformนี้นะครับ ปัญหาคือนอกจากข้อ4ที่ผมเละแล้ว มีอีก2ข้อที่ผมพุดไม่ทันครับ เวลาหมดไปซะก่อน แต่แอบปลอบใจตนเอง เพราะในคู่มือets ตัวอย่างที่เขามีให้ฟัง แล้วบอกว่าได้คะแนนสูง ก้พูดไม่จบเหมือนกันครับ แต่ทางที่ดีก็ต้องพยายามพูดให้จบล่ะครับ ตอนพุดผมทำมือประกอบด้วย ใครเห็นคงคิดว่าไอ้นี่ท่าจะบ้า เรื่องเสียงคนพูดคนอื่น เวลาเราฟังกับเวลาเราพูด ก็ไม่ค่อยได้ยินครับ เบามากๆ ไม่กระทบครับ พอดีผมทำไปเร็วกว่าคนอื่นในห้องด้วย ถูกกวนนิดหนึ่งตอนอ่านเพื่อเขียนwriting แต่ตอนเราฟังนั้น คนอื่นพุดเราก็ไม่ได้ยินหรอกครับ เฉพาะที่ผมไปสอบนะครับ และก้เป็นความเห็นผมด้วยครับ จากคุณ : noname - [ 17 ธ.ค. 49 13:19:43 A:203.131.213.228 X: ]

ความคิดเห็นที่ 6 ไม่รู้มีประโยชน์มั้ยนะครับ ผมได้อะไรเยอะจากไกลบ้าน ก้เลยลองมาshareสิ่งที่รู้กับได้ไปสอบมาดูน่ะครับ แล้วไว้จะหาเวลากลับมาต่อwritingนะครับ (จริงๆไม่มีใครขอให้เอ็งเขียนหรอก เหอๆๆๆ) ท่านใดมีอะไรแนะนำก็เชิญเลยนะครับ คิดว่าน่าจะมีประโยชน์กับผม และท่านอื่นๆที่กำลังจะไปสอบนะครับ จากคุณ : noname - [ 17 ธ.ค. 49 13:23:33 A:203.131.213.228 X: ]

ความคิดเห็นที่ 7 เห็นด้วยว่า passage ยาวมากๆ คำถามแต่ละส่วนก็ 10 กว่าข้อ ถ้าอ่านละเอียดๆ ทำไม่ทันแน่ๆ เราก็เป็นค่ะ ทำ passage แรกไม่ทัน เว้นไว้ตั้ง 2-3 ข้อ  พอ passage ต่อมา เลยอ่านคำถามไปก่อน แล้วไปหาคำตอบทีหลังใน passage เลยทำทันแบบเหลือเวลาเช็ค 2 passage อีก 5 นาที ส่วนเรื่องการคิดคะแนนที่ว่า มันจะมีบ้างส่วนที่เราทำไป ไม่ได้นำมาคิดคะแนนด้วยเนี่ย เท่าที่ได้ยินมา มันมีผลเกี่ยวกับการแปลงคะแนนให้เป็นเต็ม 30 ค่ะ อย่างเช่นคะแนนดิบ listening เต็ม 34 เนี่ย สมมติผู้สอบ 2 คนได้คะแนนดิบ 30 เท่ากัน   แต่คะแนนที่แปลงแล้วอาจไม่เท่ากัน คือคนนึง อาจได้ 26 คะแนน ส่วนอีกคนได้ 27 คะแนน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความยากง่ายของข้อสอบที่ไม่เท่ากัน ซึ่งการประเมินความยากง่าย ก็มาจากข้อสอบที่เป็นส่วนทดลองเนี่ยแหล่ะ เป็นการทำให้ผลคะแนนออกมาแม่นยำ แล้วก็ยุติธรรมมากขึ้น จากคุณ : โคคาโคล่า - [ 17 ธ.ค. 49 13:31:39 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ขอบคุณมากครับ ความรู้ใหม่ครับ แต่ได้listenning 9เรื่องเนี่ย จดกันมือหงิกเลยนะครับ แถมถ้าreading5เรื่อง ก็ตายไปเลยได้นะเนี่ย เหอๆๆๆ แต่ถ้าเขามีวิธืคิดให้มันยุติธรรมขึ้นก็ดีครับ ถึงฟังดูแล้วยังไม่เข้าใจเท่าไหร่ครับ เหมือนการเอาคะแนนwritngมาแปลงกับpart structureของcbtเมื่อก่อน ผมก้ไม่ค่อยเข้าใจครับ เพราะgrammarเต็มไม่เท่ากัน เดิ๋ยวจะลงต่อนะครับ ไม่รู้กระทู้นี้จะเป็นการตั้งเอง ตอบเอง คุยกับตัวเองซะส่วนใหญ่มั้ย ปล. ขอบคุณคุณโคคาโคล่านะครับ ที่ตอบกระทู้มีประโยชน์เกี่ยวกับibtหลายครั้ง ได้อะไรมากครับ จากคุณ : noname - [ 17 ธ.ค. 49 16:02:44 A:203.131.213.23 X: ]

ความคิดเห็นที่ 9 สุดท้ายคือwritingครับ มาเริ่มที่integrateก่อนครับ อ่าน ฟังแล้วเอาไปเขียน เรื่องที่อ่านก็จะเป็นพวกทางacademicครับ ให้เวลา3นาทีมั้ง ยังไงก็อ่านทันครับ ต่างจากspeakingข้อ4ที่45วิเทียบกับความยาวจะเร็วไปหน่อย เวลาอ่านจดไว้ด้วยนะครับ ว่ามีประเด็นหลัก ประเด็นย่อยอะไรครับ เรื่องที่อ่านจะกลับมาอีกครั้งตอนเราเขียนครับผม ที่นี้พอฟัง professorจะพูดเรื่องที่เกี่ยวกับที่เราอ่านไปแหละครับ คล้ายๆspeakingข้อ4 โดยปกติจะเป็นการโต้แย้งเรื่องที่เราอ่านไปนะครับ แต่ก็อาจพูดเรื่องที่เป็นข้อสนับสนุน หรือตัวอย่างการทดลองก็ได้ครับ เรื่องที่ผมได้คือ บทความที่ว่าคนอ่านliteratureน้อยลง เอาเวลาไปปล่าวประโยชน์กับการดูทีวี ฟังเพลง อ่านหนังสือที่ไม่ใช่literatureที่ไร้ประโยชน์ กล่าวว่าคุณภาพคนอ่านต่ำลง เป็นความผิดคนอ่านครับ ส่วน prof. แย้งว่า ถึงคนอ่านliteratureน้อยลง แต่การอ่านหนังสืออย่างอื่นเช่นหนังสือวิทยาศาสตร์ก็มีประโยชน์ กระตุ้นให้คิด ฉลาดเช่นกัน และการดูtvหรือฟังเพลงก็มีประโยชน์ เพราะ...... ส่วนการที่คนอ่านliteratureน้อยลง ไม่ใช่เฉพาะความผิดคนอ่านครับ แต่เพราะกวีสมัยใหม่ทำเรื่อง ให้เข้าใจยากด้วย ก็ประมาณนี้แหละครับ ก็เวลาเขียนก็สรุปเรื่องที่อ่านกับเรื่องที่ฟัง บอกความสัมพันธ์ครับ ว่ามันแย้งกันยังไงครับผม จากคุณ : noname - [ 17 ธ.ค. 49 16:06:07 A:203.131.213.23 X: ]

ความคิดเห็นที่ 10 ส่วนindependebtจะเหมือนของเดิมครับ แต่เราต้องพิมพ์อย่างเดียวครับ ผมว่าดวงมีส่วนนะครับ ถ้าได้เรื่องที่เราคุ้น หรือพื้นๆ มีเรื่องให้เขียนเยอะก็ดีไป ก่อนอื่นเล่าก่อนว่าสมัยเป็นcbtผมสอบโดยใช้เขียนเอาหมดเลยครับ และมิใช่ว่าสอบครั้งเดียวด้วย ครั้งที่ได้มากสุดคือ5จาก6ครับ ผมเขียนมาตลอด เพราะไม่มั่นใจในการพิมพ์ตนเอง แต่หลังจากมีโอกาสได้หัดพิมพ์ภาษาอังกฤษบ่อยๆ ละเขียนอะไรเป็นภาษาอังกฤษบ่อยๆ ก็ช่วยได้เยอะครับ ปกติเวลาเขียนผมจะได้แค่ราวๆ350คำเท่านั้นครับ แต่ปัจจุบันจากที่ลองทำข้อสอบตัวอย่างหลายครั้ง หรือที่ไปสอบจริงมา พิมพ์ได้เกือบ500คำ น่าจะหัดพิมพ์ให้คล่องตั้งนานแล้ว เพราะการพิมพ์ ถึงผมจะยังพิมพ์ช้ากว่าเขียนอยู่บ้าง แต่มันพิมพ์แทรก เติมรายละเอียดได้ และแก้ง่ายครับ หัวข้อที่ผมได้คือ เห็นด้วยกับฝ่ายไหน internetให้ข้อมูลมีประโยชน์หรือว่าก่อปัญหา ผมก็ยังพิมพ์เป็นformเหมือนเดิมคือintro body3 paragraphs และสรุปครับ แต่พอพิมพ์แล้ว ยาวกว่าที่เคยเขียนพอควรเพราะได้ตั้ง500คำได้ แต่ก็ยังน้อยกว่าเพื่อนบางคน ที่เขาบอกว่าให้พิมพ์ยาวๆไว้แหละดี พอดีผมไม่ได้พิมพ์ระบบสัมผัสนะครับ เวลาพิมพ์ต้องจ้องแป้น แต่ก็ok การพิมพ์ไม่เป็นอุปสรรค กับเป็นข้อดีด้วย ถ้าเทียบกับเขียน และเรื่องที่ผมได้ก็เป็นเรื่องที่มีอะไรให้เขียนเยอะมากครับ โชคดีจัง อย่าลืมเลี่ยงการใช้คำซ้ำๆ ประโยคซ้ำๆ และใช้คำเชื่อมให้ลื่นนะครับ อันนี้มีคนบอกมา ตอนสอบมันจะมีตัวนับคำให้เรานะครับ เขาบอกว่าintegrateควรจะได้100ปลายๆ ถึง225คำไรเงี้ยแหละครับ จำแน่มิได้ ส่วนindependent ควร300ขึ้นไป ผมดูในคู่มือ และจากที่ฟังหลายๆคนมา พิมพ์ผิดบ้างก็ไม่เป็นไร grammarก็อย่าผิดให้มากเกินไปนัก ก็ยังมีโอกาสได้เต็ม (แต่ผมคงไม่ได้หรอกครับ) จากคุณ : noname - [ 17 ธ.ค. 49 16:07:38 A:203.131.213.23 X: ]

ความคิดเห็นที่ 11 ก็ครบทุกpartแล้วนะครับ สำหรับผมpart listenningกับ writngน่าจะทำได้พอควร Listening ซึ่งตรงนี้ผมได้ฝึกฟังและจดnoteบ่อยกว่าเดิม แม้คนพูดบางคนจะมิใช่native speakerก็ตาม ถ้าพี่etsแกสุ่มคะแนนเรื่องหลังๆที่ผมทำไม่ค่อยได้มาคิด ก็คงซวยแหละครับ writingก็น่าจะดีหน่อย เพาะผมฝึกเขียน และพิมพ์เป็นภาษาอังกฤษบ่อยมากขึ้น ถึงได้รู้ว่ามันช่วยได้จริงๆครับ ตอนนี้พิมพ์อังกฤษพอได้แล้ว แต่ยังพิมพ์ไทยช้ามากๆ อยู้ อังกฤษมันตัวน้อยนี่เนอะ ก็คงต้องฝึกมากกว่านี้ ส่วนspeakingผมยังพูดตะกุกตะกักอยู่ ไม่ค่อยได้มีโอกาสพูดกับnativeอ่ะครับ เวลาฝึกก็ฝึกคนเดียวครับ และที่สอบไปพูดไม่ทัน และหลุดไปข้อนึง ตอนนี้คะแนนไม่ทราบ เลยไม่รู้ว่าetsจะตรวจโหดแค่ไหนครับ แต่ไม่ว่ายังไง เป็นpartที่ได้น้อยแหงๆ ส่วนreadingจากที่เคยสอบcbtมา มันแล้วแต่ดวงด้วย เพราะผมเคยสอบแล้วได้ต่ำกว่าเดิมเยอะ เพราะเรื่องที่ได้อ่าน ศัพท์ไม่คุ้นเยอะมาก ละอ่านไม่ค่อยรู้เรื่องครับ แต่กับibt ครั้งนี้คงเป็นpartที่ต้องแก้ไขเช่นกัน เพราะมันยาว ทำไม่ค่อยทันครับ และคะแนนก็คงออกมาไม่ดีก็คงต้องไปฝึกทำข้อสอบให้มากๆ ibtอาจจะยากกว่า แต่ก็ไม่ถึงขนาดที่ท่านทั้งหลายกลัวๆกัน ถ้าท่านหนีไปสอบpbtประเทศอื่น ผมก็ว่าไม่คุ้ม และเป็นผลเสียด้วยครับ uเขาอาจจะคิดว่า ท่านไม่ได้อยู่ในประเทศนั้น ในไทยibtก็มี จะหนีไปสอบทำไม และให้การยอมรับน้อยกว่าครับ แต่ผมอาจจะหน้าแตกก็ได้ครับ อาจได้น้อยกว่าcbtที่เคยสอบมา เพราะมีspeakingกับreadingนี่แหละฉุดครับ (แต่listenningกับwritingผมอาจจะเละก็ได้ครับ) คะแนนเราก็ไม่รู้ก่อน ที่เราคิดว่าเราน่าจะได้ หรือน่าจะถูก อาจผิดกระจุยก็ได้ และยังไงibtคราวนี้ก็ไม่ถึงเป้าแน่ คงต้องเจอกับมันอีก น่าเหนื่อยจัง แต่ก็จะทำตามที่หลายคนบอก ฝึกๆๆๆๆๆๆ ผมมิได้เก่งอะไรเลยนะครับ คะแนนก็ยังไม่ถึงเป้าซะที ขาดพอควรด้วย มิใช่เฉียด แถมสอบมาตั้งหลายครั้ง และibt นี่อาจจะน้อยกว่าเดิม กระทู้นี่เป็นการเอาความรู้จากที่ผมมี ฟังจากคนอื่น เรียนมา จากที่ได้สอบมาทั้งcbtและibtแล้ว มาpostครับหวังว่าจะมีประโยชน์บ้างนะครับ ก็หมดแล้วครับ ท่านใดมีอะไรแนะนำผม หรือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอะไรกัน เชิญเลยครับ จะได้เป็นประโยชน์กับผมและผู้ที่เข้ามาอ่าน ขอบคุณครับ ที่ทนอ่าน อ่านแล้วอาจงงๆหน่อยนะครับ พอดีผมเก็บกดง่ะ เซ็ง เครียด ตั้งกระทู้ Ps. ขอให้คะแนนผม(และของทุกท่านที่สอบมาแล้ว หรือกำลังจะไปสอบ) ดีๆเถอะ สาธุ จากคุณ : noname - [ 17 ธ.ค. 49 16:09:36 A:203.131.213.23 X: ]

ความคิดเห็นที่ 12 คุณcocacola ทำข้อสุดท้ายยังไงเหรอครับ โดยเฉพาะไอ้ที่เป็นตารางให้ใส่ (มิใช่เลือกmain point3จาก6อ่ะครับ) ผมทำไอ้เนี่ยแหละไม่ทันครับ เพราะใช้วิธีอ่านscanเอา แล้วข้อมูลบางส่วนมันไม่ซำข้ออื่น ต้องอ่านscanใหม่ สุดท้าย ยังหาได้ไม่ครบ พอเวลาจะหมดเลยต้อง improviseหรือadlibไป (มั่วน่ะแหละครับ) คงต้องฝึกมากกว่านี้ ที่แล้วมาเวลาทำมิได้จับเวลาจริงจังครับ จากคุณ : จขกท. - [ 17 ธ.ค. 49 16:17:16 A:203.131.213.23 X: ]

ความคิดเห็นที่ 13 ผมพิมพ์ผิดเต็มเลย ขอโทษนะครับผม มิใช่สมาชิก แก้มิได้ด้วย จากคุณ : noname - [ 17 ธ.ค. 49 16:21:21 A:203.131.213.23 X: ]

ความคิดเห็นที่ 14 ข้อใหญ่ข้อสุดท้าย ที่ให้เลือกลงมาใส่ตาราง ก็เอาจากที่จำๆได้ตอนอ่าน passage มาใส่ค่ะ เสร็จแล้วเหลืออันไหนว่างๆอยู่ ก็ย้อนกลับไปหาจาก passage มาใส่เพิ่มทีหลัง มันจะพอจำได้เลาๆว่า ไอ้ส่วนที่ขาดเนี่ยมันอยู่ตรงไหน ไม่ต้อง scan อ่านทั้งหมดค่ะ ไม่งั้นไม่ทันแน่ๆ แต่สงสัยว่า ที่ จขกท.บอกว่าเขียน writing ยาวๆ จะได้คะแนนดี นี่มันจริงรึเปล่า เห็นมีคนบอกแบบนี้เหมือนกัน จากอีกกระทู้นึง   integrated part ตอนเราพิมพ์เสร็จ มันความยาว 230 กว่าๆ เห็นว่ามันเกินที่เค้าแนะนำ 170-225 เราก็อุตสาห์ปรับแต่ง ลบออกไปจนเหลือไม่เกิน 225   กลัวว่าถ้ามันเกินกว่านี้ จะเป็นการเยิ่นเย้อ  โธ่.... ไม่น่าเลยเรา -_-" ถ้าท่านใดมีความคิดเห็น กำลังจะสอบ รึสอบไปแล้ว ก็มา share กันได้นะคะ เผื่อมีเทคนิคอะไรที่เป็นประโยชน์ให้กับคนที่กำลังจะสอบได้บ้าง จากคุณ : โคคาโคล่า - [ 17 ธ.ค. 49 19:11:45 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ก็คงต้องรอดูผลล่ะครับ เรื่องความยาว แต่ก็เคยมีคนบอกเรื่องความยาวเหมือนกันครับ ว่ายาวไว้ก่อนได้ปรียบ ไอ้ครั้งที่ได้5 ตอนสอบibtก็ไม่ได้เขียนยาวเท่าไหร่ พอดีมันเป็นเรื่องที่เคยอ่านตัวอย่างมาพอดีด้วยครับ จากคุณ : จขกท. - [ 17 ธ.ค. 49 22:58:05 A:203.131.213.50 X: ]

ความคิดเห็นที่ 16 พิมพ์ผิดอีกแล้ว ตอนสอบcbtครับ แหะๆๆๆๆ จากคุณ : จขกท. - [ 17 ธ.ค. 49 23:08:06 A:203.131.213.50 X: ]

ความคิดเห็นที่ 17 อ่า...น่ากลัวแฮะ กำลังเพิ่งเริ่มเตรียมตัวจะสอบ เริ่มเรียน IBT Prep อ่ะค่ะ คุณครูก็สอนเหมือนอย่างที่คุณ จขกท. มาเล่าเลยหล่ะ part อื่นพอทำได้ ยกเว้น writing อ่ะค่ะ เราอ่อนเรื่องแกรมม่า กะ vocab อ่ะ..ต้องพัฒนาอีกเยอะ ขอบคุณนะคะ ปล. ตอนเรียน คุณครูให้ทริก reading ว่าให้อ่านจากล่างขึ้นบน กะ ให้อ่านเฉพาะประโยคแรก กะ ประโยคสุดท้าย ของแต่ละย่อหน้าอ่ะค่ะ ไม่แน่ใจว่าช่วยได้หรือเปล่านะคะ ลองดูค่ะ ปล. 2 เราไม่เคยลองอ่านจากล่างขึ้นบน ถ้าลองแล้วเป็นไง มาบอกกันด้วยนะคะ จากคุณ : ~~FrOm NoW oN~~ - [ 18 ธ.ค. 49 01:33:53 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ขอบคุณสำหรับคำแนะนำดีๆครับ เจ้าของกระทู้โพสท์ได้ละเอียดมากๆครับ ปล.เจ้าของกระทู้ไปสอบวันที่15ธันวาใช่มั๊ยครับ เพราะว่าได้ข้อสอบชุดเดียวกันเลย ขอให้ได้คะแนนเยอะๆนะครับ จากคุณ : jojolornsart (jojolornsart) - [ 18 ธ.ค. 49 04:19:57 ]

ความคิดเห็นที่ 19 เอ....ไปสอบวันที่ 15 เหมือนกันเลย สอบที่ไหนคะ เราสอบที่ตึกชาญอิสระ 2ละ ตอนแรกตื่นเต้นมากๆๆ 3.30 เอาละวะ เตรียมตัว เก็บหนังสือ หายใจเข้าลึกๆๆ ตั้งสมาธิ เพราะยอมรับเลยว่าตื่นเต้นมากๆๆ 3.45 อืมๆๆ ทำไมเค้ายังไม่ให้เราไปถ่ายรูปหว่า 4.00 พี่เค้าบอกว่าระบบ ets ที่เมกาเกิดปัญหา เข้าไม่ได้ 4.30 นั้งรอต่อไป 555 5.00 จากตื่นเต้น เริ่มเป็นเบื่อแล้วนะ อยากสอบๆๆๆๆ ประมาณ 5.30 มั้ง ถึงได้สอบ แบบว่ารอแล้วรออีกจนหายตื่นเต้นไปเลย ใครจะสอบ toefl เราขอแนะนำที่นี่เลยนะ the enterprise resource training เพราะว่าพี่ๆๆ น่ารัก + ใจดีมากๆๆ แบบว่าเราเอาช็อคโกแล๊ตเข้าไปกินได้ด้วย เพราะว่ามันเป็นการเพิ่มพลังงานอย่างมากๆๆๆ ในการทำ reading เลยละ จากคุณ : chocolate-gateau - [ 18 ธ.ค. 49 13:40:35 ]

ความคิดเห็นที่ 20 คุณ จขกท. จะบอกว่าที่คุณได้ reading แบบ 3 ชุดนะ คุณโชคดีมากๆๆๆๆ เลยนะรู้เปล่า เพราะเราได้ 5 ชุด ทำไปแล้ว ตอนหลังๆๆ แบบว่า เริ่มอ่านไม่รู้เรื่องแล้ว แล้วคนที่ได้ reading 3 ชุด จะได้ listening 3 ชุด หรือว่าฟัง 9 ครั้งนะเอง ส่วนคนที่ได้ reading 5 ชุดเหมือนเรา จะได้ listening 2ชุด หรือว่าฟัง 6 ครั้งจ้า แต่เราขอแบบ คุณ จขกท. ดีกว่าอะ เพราะ listening มันง่ายกว่า reading เยอะเลย ขอให้ทุกคนได้คะแนนเยอะๆนะคะ จากคุณ : chocolate-gateau - [ 18 ธ.ค. 49 13:44:51 ]

ความคิดเห็นที่ 21 อืมมม...มีคนบอกเหมือนกันว่าเขียน writing ยาวๆจะได้เปรียบ เพราะว่าของ TOEFL เค้าชอบให้พร่ำเพ้อเยอะๆ น่ะค่ะ แต่ก็ไม่รู้ว่าจริงเท็จเป็นยังไงกันแน่ ??? แต่เราว่า ก็เขียนให้อ่านแล้ว smooth แล้วก็ใจความสำคัญครบ ก็น่าจะโอเคน่ะค่ะ จากคุณ : Frappemania - [ 18 ธ.ค. 49 19:48:40 ]

ความคิดเห็นที่ 22 สอบวันเดียวกับคุณ จขกท. เลย และได้เริ่มสอบ 5 โมงครึ่งเหมือนกัน ออกมาจากห้องสอบ 4 ทุ่มอ่ะ มึนมั่กๆ ดาวเดือนลอยเต็มหัววว *-* เราได้ Reading 5 passages หล่ะ แต่ขอบอกว่าโดยส่วนตัวคิดว่า passage 2 อันหลังจะถามคำถามง่ายกว่าอันแรกๆ คนที่ได้ 5 passages อย่าเพิ่งท้อนะคะ แม้ว่ามันจะมึนมากอยู่ก็ตาม แต่เราจะได้ listening น้อยหน่อย Part ที่เราคิดส่ายากที่สุดคือ Speaking เพระว่ามันคิดไม่ทัน แม้จะจดได้ แต่บางทีก็รู้สึกว่าตัวเองตอยได้ไม่ดี ไม่ครอบคลุม ขอบอกทุกคนว่าต้องตั้งสติให้ดีๆ แล้วตอบให้ครบคำถาม เช่นว่า เค้าจะถามว่า คำๆนี้ใน lecture หมายความว่ายังไง แล้วอาจารย์สรุปอะไรบ้าง ต้องมีสติดีๆค่ะ ที่ที่เราไปสอบคือตึก 253 อโศก ไม่มี patition เราว่ามันทำให้สมาธิแตกกระเจิงง่ายๆ เพราะเราจะได้ยินเสียงคนรอบตัวตลอด(ซึ่งพูดได้ฉะฉานกันทั้งน้านนนน ><") ส่วนWriting ที่บอกว่าต้องเขียนยาวๆ นั้น เราว่าจริงค่ะ ตอนเรียนเตรียมสอบ อาจารย์เล่าว่าเคยส่ง essay ไป test ระบบ ตอนที่เค้าเปิดทดลองระบบใหม่ๆ พบว่าความยาวมีผลมากๆๆๆ และที่สำคัญคือ intro ค่ะ เพราะว่ามันเป็น e-rater ดังนั้นเพื่อนๆพยายามพิมพ์ไปเยอะๆ จะดีค่ะ แล้วก็ต้องมี transition ให้อ่านไหลลื่นหน่อย ...ว่าแต่ใครพอจะรู้ว่าว่า 15 Business day ที่นับจากการสอบวันที่ 15 ธ.ค. เนี่ย มันจะได้รู้ผลเมือ่ไหร่เหรอ..เค้าหยุด Christmas กันกี่วันคะ จะได้รู้+เตรียมใจกับอนาคตอันมืดมนที่อาจต้องสอบใหม่.....Y_Y จากคุณ : อาซิมุต - [ 19 ธ.ค. 49 14:25:12 A:10.0.0.17 X:203.144.184.61 ]

ความคิดเห็นที่ 23 คุณ อาซิมุต คะ เราว่า 15 วันทำการเนี่ย ต้องไม่นับรวมกับหยุด christmas ด้วยแน่เลย เพราะงั้น .....รอต่อไปคะ ^ ^ จากคุณ : chocolate-gateau - [ 21 ธ.ค. 49 12:05:58 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ไปสอบมาแล้วเหมือนกันค่ะ Reading ยากมากๆ อาจเป็นเพราะเรามัวแต่อ่านเรื่อง ส่วนที่บอกว่า writing เขียนให้ยาวไว้ก่อนน่าจะได้คะแนนเยอะน่าจะจริงนะคะ เพราะเคยอ่าน passage ที่ได้คะแนนเต็มมามันเขียนยาวมาก โม้ไปเรื่อยแต่บางทีก็ไม่ค่อยจะเกี่ยวกับที่ถามซักเท่าไหร่ อาจารย์ที่สอนที่สอน TOEFL ก็บอกว่าให้เขียนให้ยาวไว้ก่อน ไม่ต้องไอเดียเจ๋ง โอกาสที่จะได้คะแนนเยอะก็มีสูง จากคุณ : oh - [ 24 ธ.ค. 49 20:52:03 A:202.90.119.211 X: ]

ความคิดเห็นที่ 25 เออ เราเลือกที่จะสอบ IELTS อ่ะ จะไปเรียนออสเตรเลียค่ะ ข้อสอบก็ยากเหมือนๆกันเลย เกลียดช่วง Reading สุดๆ เพราะว่ามีแต่อันยากๆ จากคุณ : dewy (yadapha) - [ 26 ธ.ค. 49 22:01:18 ]