ความคิดเห็นที่ 1 ผมคนหนึ่งที่มีอุดมการร์ว่า เรียนในสาขาที่ตัวเองถนัด มากกว่าจะเรียนเพื่อขอ PR ...!!!! มีเพื่อนหลายคนได้ PR บางคนได้ citizen แต่สิ่งเหล่านี้ไม่สามารถยืนยันได้ว่า ท่านจะได้งานที่ดี ตรงกับที่ท่านเสียเวลาร่ำเรียนมาหลายสิบปี บางคนเป็น พนง ตามบาร์ ร้านอาหาร หรือ cleaner..ถึงจะบอกว่ารายได้มากกว่าทำที่ไทยหลายสิบเท่า ถึงจะบอกว่า รวมๆแล้วอยู่ที่นี่จะมีสภาพชีวิตที่ดีกว่า... แต่ส่วนตัวผมขอยืนยันว่า จบโท แล้ว จะกลับไปทำงานที่ไทยแน่นอนครับ...ชีวิตคนเราสั้นมาก ยังมีหลายอย่างที่ต้องเก็บเกี่ยว..แค่เงิน ไม่ใช่คำตอบทุกอย่างสำหรับตัวผมเลย... ที่เมืองไทยผมมีทุกอย่าง ไม่อยากเริ่มนับ 0 ใหม่จากที่นี่... จริงๆก่อนมานี่ทางเอเย่น บอกว่าผมสามารถ Apply Skill ได้ (จบวิศวะคอมพ์+ทำงาน 7 ปี) แต่ผมยืนยันว่า ขอมาเรียน... เมืองไทยยังมีหลายอย่างที่น่าค้นหากว่าเยอะ... จากคุณ : jackuts (jackuts) - [ 18 ธ.ค. 49 11:06:53 ]

ความคิดเห็นที่ 2 แต่ละคนมีคำตอบให้ตัวเองไม่เหมือนกัน ดังนั้นเราก็ต้องเคารพการตัดสินใจของทุกคน เพื่อนผมหลายๆคน ได้พีอาร์แล้ว อยู่กันปีสองปี ก็กลับไทยกัน ก็อย่างที่เค้าว่ากัน ไม่มีที่ไหนเหมาะสำหรับคนไทยเท่าเมืองไทยหรอก จากคุณ : ดอส - [ 18 ธ.ค. 49 11:44:00 ]

ความคิดเห็นที่ 3 I come here for fun, not for long.... เป็นเหตุผลที่ไม่ขอ แต่ก็ไม่แน่ว่าอนาคตจะขอหรือเปล่า เพราะถ้าทำงานแล้วมันยัง fun เรื่อย ๆ ก็อาจจะขอค่ะ เหตุผลที่เลือกทำงานแบบนี้ และทำที่นี่ ก็ด้วยใจรักและความสนุกเท่านั้น เงินเดือนมากกว่าเมืองไทยไม่ถึงสามเท่า เท่านั้นเองนะ ตอนที่ย้ายมาน่ะ ไม่ใช่ว่าจะได้มากกว่าเป็นสิบ ๆ เท่าแบบนั้น หักภาษี ค่าเช่าบ้านแล้ว ก็เหลือไม่เท่าไหร่ สบายอย่าง ก็ตรงที่รถไม่ติดนี่แหละ จากคุณ : Noise219 - [ 18 ธ.ค. 49 13:26:33 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ถ้ามีโอกาสไม่มี พันธะ สามารถ อยู่ในออสเป็นระยะเวลานาน ๆ ผมจะขอ เพราะ มันคงไม่มีเสีย หรอก ถ้าขอแล้วได้ PR แต่ถ้ามีพันธะ หรือ ห่วง ที่เมืองไทย ผมเลือก ที่จะอยู่เมืองไทย อยู่กับคนที่เรารัก และเค้าเรารัก ครอบครัว มีความสุข กว่าเยอะ อยู่ที่ นี่มันก็ไม่ได้มีความสุขเท่าเมืองไทย หรอก ทุกคนที่มา นี่หวังเพียง เงินและ ความก้าวหน้าในชีวิต ทุกคน จากคุณ : นิต (sonikmoose) - [ 18 ธ.ค. 49 13:45:41 ]

ความคิดเห็นที่ 5 I launched my application for TRA(skill assessment)today and will launch the application for PR to DIMIA after new year. I plan to stay in Australia on ly 2- 3 years then will go back to thailand. Maybe i will come back to australia again maybe not. จากคุณ : max (maxtu) - [ 18 ธ.ค. 49 13:57:57 ]

ความคิดเห็นที่ 6 อยากกลับเมืองไทยเหมือนกัน กลับไปก็มีงานทำเหมือนกัน แต่ว่ากลับไปไม่ได้แล้วอ้ะมีภาระ ทั้งคนที่นี่ ทั้งแมว ทิ้งไปไม่ได้สักอย่าง แต่อยู่ที่นี่ดีอย่างเดียว ไม่มีใครมาดูถูกอาชีพที่ทำอยู่ ถ้ากลับไปทำอาชีพที่ทำอยู่เมืองไทยตอนนี้ พ่อแม่จะเอาหน้าไปไว้ไหนก็ไม่รู้ แนวความคิดคนละโลกกันเลย 2 ประเทศนี้ จากคุณ : farohnut - [ 18 ธ.ค. 49 14:13:44 ]

ความคิดเห็นที่ 7 โห นิต เอาซะซึ้งเลย... ประเทศชาติต้องการท่าน จากคุณ : i_amoct - [ 18 ธ.ค. 49 14:15:47 ]

ความคิดเห็นที่ 8 คุณฟาโรห์พูดถูกนะ อะไร ๆ ก็ดีนะเมืองไทยเนี่ย เสียอย่างเดียว ค่านิยมเรื่องอาชีพมันแปลก ๆ ขนาดเราอายุเพิ่งจะสามสิบ ได้เป็นวิศวกรมือหนึ่งในสายงานของบริษัทแล้วนา แค่ไม่อยากเป็นผู้จัดการ โดนเพื่อนมันด่า ว่าโง่ ไม่รักความก้าวหน้าซะงั้น กะว่าเบื่อที่นี่เมื่อไหร่ กลับเมืองไทย ไปหลบปลูกใบชาอยู่บนดอยสบายใจกว่าหละ ขืนกลับไปทำงานเหมือนเดิม คงไม่แคล้วโดนพวกนี้ว่าอีก จากคุณ : Noise219 - [ 18 ธ.ค. 49 14:50:52 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เพิ่มอีกนิดนะ เรื่องเงินอะ คิดง่ายๆหากเทียบกับเมืองไทย low labour skill ที่ไทย ทำ 8 ชม ได้ วันละ 192 บาท low labour skill ที่นี่ ทำ 8 ชม ได้ (เฉลี่ยสมมุติได้ ชม ละ 15 เหรียญ  15x30=450 บาท) ทำ 1 วัน 8 ชม ได้ 3600 บาท ส่วนต่าง ประมาณ 18 เท่า ครับ.... ตอนนี้ผมปิดเทอม ได้งาน full time ตอนกลางวัน ตอนเย็นก็ทำ clean อีกต่างหาก   อิอิ จากคุณ : jackuts (jackuts) - [ 19 ธ.ค. 49 08:01:39 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เป็นกระทู้ที่มีประโยชน์ครับ ถือว่าให้คนมาแสดงความเห็นได้เป็น 2 ด้าน    ส่วนตัวผมคิดจะขอ PR ครับ แต่เป็นเพราะส่วนตัว ผมไม่มีอะไรผูกพันกับที่เมืองไทยแล้วมั้ง ทั้งญาติพี่น้อง ทั้งคนรัก ผมมีพี่ชาย 2 คน คนกลางกะลังจะแต่งงานกะแฟนสาวที่เป็น PR เร็วๆนี้ คนโต ก็กะลังจะลาออกจากงาน เพื่อเตรียมมาอยู่ทำงานกับคนกลางที่นี่เร็วๆนี้เหมือนกัน      ถ้าคนมีพันธะหรือสิ่งผูกพันที่เมืองไทยก็คงไม่อยากขอ แต่ถ้าคนไม่มี(เช่นผม) ก็คงอยากลองเสี่ยงที่จะขอน่ะครับ อายุก็ยังไม่มากด้วย ยังมีเวลาลองผิดลองถูกอีกเยอะ จากคุณ : lookout - [ 19 ธ.ค. 49 10:23:06 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ผมเรียนโทอยู่ที่นี่ สองปี ไม่เคยกลับเมืองไทย เสียค่าใช้จ่าย เบ็ดเสร็จ เกือบ 2 ล้านห้า ไม่เคยคิดจะขอ PR ครับ แม้ที่บ้านบอกให้เรียนปริญญา โทอีกใบ พร้อมจ่ายเงินอีก 1 ล้าน สำหรับอีก 1 ปี ทำไมนะเหรอ ??? ย้อนไปอ่านที่ผมเขียน อีกรอบ แสดงถึงฐานะครอบครัว ที่ดี ผมมีบ้าน มีรถ ทุกอย่างพร้อมแล้วที่เมืองไทย ผมกลับไปเมืองไทย หางานดีๆ หาผู้หญิงดีๆ มาเป็น แม่ที่ดีของลูกได้ ชีวิตก็แทบ Perfect แล้วครับ นี่คือเหตุผล ว่าทำไม ผมไม่ต้องการจะเปลี่ยน สัญชาติ หรือขอ PR, Citizen จากคุณ : Kiama - [ 19 ธ.ค. 49 18:00:16 ]

ความคิดเห็นที่ 12 จบโทแล้วขอพีอาร์ ได้พีอาร์แล้ว เก็บเงินรวมกับเงินที่เก็บมาตลอด จะทำงานหลาย ๆ กะ หรือเปิดร้านเอง เก็บ ๆๆๆ เงินต่อ เหลือแต่เพื่อนดี ๆ ที่เข้าใจเรา ประเภทที่ชวนไปเที่ยวเตร่แล้วเราไปไม่ได้ ไม่ไป และงอน ก็ต้องห่างกันไป สองปีกว่าผ่านไป เอาเงินเก็บดาวตึก ตึกที่เป็นร้านอาหารอยู่แล้ว หรืออยู่ในโซนที่เอามารีโนเวทเองเป็นร้านได้ รอบ ๆ ซิดนี่ นี่แหล่ะ อิอิ ปล่อยเช่า ให้คนเช่าผ่อนแทนเรา เราต้องจ่ายดาวเยอะ ๆ หน่อย ผ่อนน้อย ๆ ให้อยู่ในค่าเช่าพอดี โดยไม่ต้องเอาเงินเราเติม ไปยื่นขอซิติเซ็น ถือพาสปอร์ตออส คราวนี้จะไปไหนล่ะ ไปอยู่นิวซีแลนก็ได้ เปิดร้านอาหาร เหมือนเดิม หรือทำเรื่องไปอยู่อังกษ ก็เปิดร้านอาหารน่ะแหล่ะ อิอิ เพราะกินยาก ๆ อยู่ด้วย จะได้มีอาหารถูกปาก ไม่ก็กลับเมืองไทย ไปดูแลคอร์ท ปลูกเพิ่มอีกสองสามตึก มีที่อยู่แล้วในเมือง แค่นี้ก็สบายมาก ๆ แล้ว ไม่คิดแล้ว เรื่องกลับไปเริ่มงานออฟฟิศ หรือรับราชการ หรือไปทำงานเลี้ยงชีพแบบใช้ความรู้ที่เรียนมา แต่ตอนเลือกเรียนเพื่อขอพีอาร์ ก็เลือกเรียนโทแทนที่จะเรียนวิชาชีพ เพราะว่าเผื่อว่าไม่ได้พีอาร์ ก็ยังดีได้ปริญญาโทกลับไปสมัครงานที่เมืองไทย ถ้ากลับไปเมืองไทย คงใช้เวลาว่างจากการเก็บค่าเช่า จริง ๆ ก็คงไม่ไปเดินเก็บเองหรอก คงจ้างพนักงานอีกที ให้เด็กที่เรียนปวช-ปวส แถวบ้านเรามีงานทำ เอาไปใช้จ่ายค่าเรียน สนับสนุนให้มีอนาคตดี ๆ เวลาว่าง เราก็ไปสอนหนังสือ ส่วนตึกที่ออส ก็ให้คนเช่าผ่อนไปซิคะ อิอิ วันไหนเบื่อ ๆ ก็แพกกระเป๋ามาเที่ยวออส เที่ยวนิวซีแลน สบาย วีซ่าก็ไม่ต้องขอ ไม่อยากไปเจอจนท.ออกวีซ่าที่กรุงเทพเลย ไม่เคยรู้สึกดีเลย ความยุ่งยากในการขอวีซ่ามาเรียนที่นี่ ทั้งเอกสาร ทั้งต้องมารอลุ้นว่าผ่านไหม บรรยากาศตอนไปขอวีซ่าที่สาธร เจอคนจีนผู้หญิงวัยกลางคน เค้าพูดไทยไม่ได้ พูดอังฤษกะยาม พูดดีมากนะ เจอยามตวาด ตะคอกใส่ เราเดินตามหลังพอดี เราบอกไม่เป็นไร ปกติ ๆ ป้าแกแทบร้องไห้ เค้าพูดไปตลอดทางเลยตอนเดินขึ้นตึก คง งงมาก ว่าทำอะไรผิด เราไปหนไหนไม่รู้ หนแรกมั้ง เปิดประตูไม่เป็น ที่ต้องผลักตอนไฟสว่างบ้าบออะไรนั่นแหล่ะ โดนค่ะ จะเหลือเหรอ ด่าแบบว่า จะสรรหาคำอะไรมาพูดให้เราเสียใจขนาดน้านนน เหมือนว่าประมาณว่า อ่านป้ายซิ อ่านไม่ออกเหรอ อะไรประมาณนั้น .... โห... แค่เงอะ ๆ งะ ๆ เปิดช้านิดเดียวเอง เหมือนไปกราบขอเข้าประเทศเลยเนาะ เป็นเหตุผลแรก ๆ เลย ที่เริ่มคิดว่าขอพีอาร์ดีกว่า ความคิดนี้มันเกิดตั้งแต่ตอนไปขอวีซ่านักเรียนเลยล่ะ ไม่เคยลืมเลยอ่ะ ไม่รู้ว่าทำไม ยังจำได้ มาถึงทุกวันนี้ เวลากลับเมืองไทยบังเอิญผ่านไปแถวนั้น ก์จะจำวันที่มาติดต่อขอวีซ่าได้แม่นเลย จำได้แม้กระทั่งลานดินที่เค้าจัดให้คนมาติดต่อไปจอดรถที่นั่น ถึงทุกวันนี้เค้าไม่ได้ขอวีซ่า ที่นั่นกันแล้ว เราเกลียดมาก ๆ เกลียดความยุ่งยาก เกลียดเวลาต้องมารอ มาเตรียมเอกสาร มานั่งลุ้นผ่านไม่ผ่าน เวลาไปเที่ยวแต่ละที เกลียดที่สุดคือการไปขอวีซ่า หมดอารมเที่ยว บางทีไปเที่ยวไม่อยากไปซื้อไปใช้บริการอะไรประเทศนั้น ๆ เลย เพราะบางทีจนท.แผนกวีซ่า ทำให้เรารู้สึกไม่อยากไปเที่ยวประเทศนั้นแล้วอะ มีพีอาร์ออสรู้สึกขอวีซ่าไปเที่ยวประเทศยาก ๆ พวกญี่ปุ่น เชงเก้น ง่าย ไม่รู้คิดไปเองป่าวนะ แต่มีความมั่นใจขึ้นเยอะ แล้วเวลาไปนิวไม่ต้องไปขอวีซ่า ดีใจมากกกก เพราะจนท.วีซ่าของนิวเธอก็ใช่ย่อย ตอนเราถือวีซ่านักเรียน เคยไปขอวีซ่าไปเที่ยวนิว เค้าก็ทำหน้าเครียด ๆ ขอหลักฐาน ซักถามมากกว่าคนอื่น ๆ ทำไมว๊ะ.... ขอไปเที่ยว 5 วัน ให้มา 5 วันเป๊ะ ๆๆๆ ไม่มีกลื่นอายความเป็นมิตรหรือเวลคัมสักนิด ไม่ได้อะไรนะ แค่ไม่ลืมเท่านั้นเอง 555 ดันจำได้อ่ะ ตอนนี้สบายแล้ว อิอิอิ มีพีอาร์ออสแล้วหนิ จากคุณ : เหมียวโหด - [ 20 ธ.ค. 49 07:39:49 A:60.229.20.6 X: TicketID:098609 ]

ความคิดเห็นที่ 13 กะจะบอกคุณ Kiama คห.11 ด้วย แต่ลืมค่ะ คือว่า ไม่ใช่การเปลี่ยนสัญชาตินะคะ เพราะเห็นคุณบอกว่า ผมไม่ต้องการจะเปลี่ยน สัญชาติ หรือขอ PR, Citizen คือ ไม่ว่าจะ ได้พีอาร์ หรือเป็นซิติเซ็นออส ไม่ทำให้เสียสัญชาติไทยค่ะ การเสียสัญชาติไทย จะเป็นเรื่องร้ายแรง ประมาณว่าเป็นคนที่โดนเนรเทศ และถูกเพิกถอนสัญชาติไทย ในกรณีทำผิดกฏหมาย อะไรประมาณนั้นค่ะ บอกไว้ก่อน เผื่อว่าบางคนที่เค้าไม่ทราบจะได้ไม่เข้าใจผิดว่าการขอซิติเซ็นที่นี่เป็นการเปลี่ยนสัญชาติเดิมไปเลยน่ะค่ะ จากคุณ : เหมียวโหด - [ 20 ธ.ค. 49 07:48:34 A:60.229.20.6 X: TicketID:098609 ]

ความคิดเห็นที่ 14 จริงๆแล้ว กฎหมายประเทศไทย "ไม่อนุญาต" ให้ถือสองสัญญาติครับ โดยเฉพาะในช่วงรัฐบาลทักษิณนั้น ได้มีความพยายามที่จะให้คนที่ถือสองสัญชาติสละสัญชาติใดสัญชาติหนึ่ง แต่ในทางปฏิบัติ ตราบใดที่ยังไม่ขอสละสัญชาติ เขาก็ไม่มาทำอะไรเรา ส่วน PR นั้น เรายังเป็นสัญชาติไทยเต็มตัวครับ เพียงแต่ได้วีซ่าเข้าประเทศออสเตรเลียได้ถาวร (บนพาสปอร์ตไทย) เท่านั้นเอง จากคุณ : ดอส - [ 20 ธ.ค. 49 11:46:51 ]

ความคิดเห็นที่ 15 คุณเหมียวกะเรานี่ ตรงข้ามกันเลยเนอะ เรานะ ช๊อบ ชอบ เวลาไปนั่งลุ้นเรื่องวีซ่าเนี่ย (โรคจิตหรือป่าวไม่ค่อยแน่ใจ) แต่สนุกดีค่ะ เวลาที่มีอะไรให้ลุ้น เรื่องงานก็เหมือนกัน เราขี้เกียจมานั่งพะวักพะวงเรื่องสมบัติพัสถานทั้งหลายนี่แหละค่ะ เลยกะว่า จะเป็นลูกจ้างบริษัทนี้จนกว่าจะเบื่อ หรือไม่ก็เค้าไล่ออกน่ะค่ะ ถึงจะหลบไปอยู่บนดอย ตอนนี้ก็มอง ๆ หาที่อยู่ อิอิอิ แบบว่า เบื่อกรุงเทพฯ แล้วน่ะ จากคุณ : Noise219 - [ 20 ธ.ค. 49 15:38:24 ]

ความคิดเห็นที่ 16 Agree with 2 & 4 I only get PR from marriage otherwise I won't bother trying to get it. To me, Thailand is the best place for living because of family, friends, and lifestyle. Still, I do agree that the quality of life - money, infrastructure, and safeness - is better than Thailand. จากคุณ : yuy - [ 20 ธ.ค. 49 17:51:02 A:217.15.184.66 X: TicketID:124751 ]

ความคิดเห็นที่ 17 เราก็เป็นคนนึงนะที่อยากได้วีซ่าพีอาร์ เพราะชอบในสวัสดิการหลายๆ อย่าง อีกอย่างเราอายุ 30 แล้ว มีลูกแล้วหนึ่งคน ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมากที่สุดในชีวิต อยากให้เค้าได้รับสิ่งดีดี พอเรามาอยู่ที่นี่ เลยทำให้เราอยากเรียนเพิ่มเพื่อที่จะทำวีซ่าพีอาร์ (ติดตามสามีมา สามีมาต่อโท) สิ่งที่คิดได้และเหตุผลที่อยากทำคือ 1. ลูกเรียนฟรี ถึง ม.หก (เทียบกะเมืองไทยนะ) เพราะ ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เมืองไทยจะให้เรียนฟรีถึงมอหก  ตอนนี้ มีคนรู้จักเรียนโรงเรียนวัดแถวต่างจังหวัด (ลูกจ้างที่บ้าน) ยากจนมาก โรงเรียนวัดเค้าให้เรียนฟรีตามกฎกระทรวง.. แต่ค่าหนังสือต้องจ่ายเอง  1400 บาทพ่อแม่ ทำงานโรงงาน ส่งลูก 4 คน (อย่าลืมคนอิสานไม่มีความรู้จึงไม่รู้จักการวางแผนครอบครัว) ดังนั้น ทำให้เค้าไม่มีเงินไปจ่ายค่าเรียน (รัฐช่วยอะไรไม่ได้ ค่าหนังสือเบิกไม่ได้นะคะ) สองสามวันแรกเค้าไม่มาทำงาน ไม่ไปเรียนหนังสือ วันต่อมาพ่อมาเบิกเงินล่วงหน้า ให้ไปจ่ายค่าหนังสือลูก เราไม่ไว้ใจ เลยไปถามที่โรงเรียน และคุยกะครูใหญ่ ปรากฎว่าต้องจ่ายตามนั้น (คือที่ไม่ไว้ใจคือกลัวพ่อเค้าเอาไปกินเหล้า) ครอบครัวเราเลยรับเด็กคนนี้มาอุปการะไว้ โดยส่งเสียค่าเรียนให้ ซื้อชุดนักเรียนใหม่ให้ (เพราะตัวเก่าเป็นสีชาแล้วอ่ะ) ซื้อชุดพละ, ชุดเนตรนารี รองเท้านักเรียน รองเท้าพละ อุปกรณ์การเรียน ให้จนครบ ตอนหลังพ่อแม่เค้าหนีไปทำงานที่กรุงเทพ เอาพี่กะน้องของเด็กคนนี้ไปอยู่กะยายที่อุบล แล้วให้เด็กคนนี้ไว้กะบ้านแม่เรา เราก็ให้ที่อยู่ที่กิน รวมทั้งทำงานไปด้วย ให้ตังค่าแรงด้วยนะ อ้อน้องเค้าอายุแค่ 13 ปีเอง เรามารู้ตอนหลังว่า เงินที่เค้าเก็บได้บางครั้งต้องให้แม่ให้พ่อให้พี่ให้น้องด้วยอ่ะ  เรารู้ว่าที่เราเล่าไม่เกี่ยวกะเรื่องทำพีอาร์ แต่เรากำลังกล่าวถึงเรื่องระบบการศึกษา เรามามองว่า หากลูกเรายังเรียนอยู่ในเมืองไทย ต้องเสียตังอีกเท่าไหร่ต่อปี เข้าโรงเรียนรัฐบาล ในกรุงเทพฯ ใช่ ค่าเทอมฟรี แต่ค่าหนังสือ ค่ากิจกรรมพิเศษ โรงเรียนเรียกอีกเท่าไหร่ ประถมเท่าไหร่ มัธยมเท่าไหร่ ตกปีนึงเราต้องเก็บให้ลูกไม่ต่ำกว่าปีละแสนนะ แถมยังเป็นภาษาไทยอีกต่างหาก หากอยากให้ลูกได้ภาษาส่งเรียนโรงเรียนสองภาษาหรือนานาชาติ อีกปีละเท่าไหร่ เอ้าไม่เรียนตอนประถม มัธยมก็ได้ ไปเรียนตอนมหาลัย ล่ะ จำได้มั้ยว่าเสียกันปีละเท่าไหร่ ต้องเรียนกี่ปี แล้วปัจจุบันค่าหน่วยกิจขึ้นแล้วนะ ม.ของรัฐก้อจะเปลี่ยนเป็นม.ในกำกับของรัฐต้องหาเงินมาช่วยตัวเองทำให้ค่าหน่วยกิตเพิ่มขึ้นเกือบเท่า ม. เอกชน หรือบาง ม. เท่า เอกชนแล้ว แต่หากได้พีอาร์ที่ออส ลูกเรียนฟรีจบ ม.หก เสียตังต่อตรี เรียนประมาณ 3 ปี ไม่ต้องส่งไปเรียนภาษาที่ต่างประเทศ อีก ส่วนค่าใช้จ่ายเรื่องเสื้อผ้าอาหาร จิปาถะก้อต้องเสียเหมือนเมืองไทยอยู่แล้ว แต่ลูกได้ภาษาที่ต้องใช้สื่อสารกันทั่วโลกเลยนะ อย่าว่าเรานะหากเราจะคิดอย่างนี้ 2. อย่างที่ดอสกะเหมียวบอกคือ พาสปอร์ต ไปเที่ยวได้ทั่วโดยไม่ต้องขอวีซ่า อันนี้ถือเป็นความสะดวกสบายอย่างนึง จำได้เหมือนกันตอนไปขอวีซ่าท่องเที่ยวมาออสนี้หล่ะ ประมาณปี 45 วุ่ยวายมาก รอก็นาน เจ้าหน้าก็ดุ น่ากลัวไปหมด 3 อันนี้ส่วนตัวนะ เราเปนคนที่ชอบเรียน อยากเรียนรู้หลายๆ อย่าง หลายๆด้าน ถ้ามีพีอาร์เราก้อจะไปเรียน cer ด้านทำผม เบเกอรี่ เพิ่ม เสียตังน้อยกว่านักเรียนต่างชาติเยอะ ยอมเสียน้อย ดีก่าเสียมาก 4. เรื่องการยอมรับ คนที่นี่จะทำงานอะไรก็ไม่มีการดูถูกกัน ลองจบ cookery แล้วกลับไปทำงานเมืองไทยดูดิ ได้เงินเท่าไหร่ เราเคยรู้บางที่ 6000 เองนะ แล้วทำที่นี่ได้เท่าไหร่ คิดดู จะล้างจานก็ไม่มีใครมาดูถูกว่า อี้ พนักงานล้างจาน อี้ แม่ครัว อะไรประมาณนี้ แล้วยังได้เงินมากกว่าทำที่ไทยอีกต่างหาก 5. ตอนนี้อายุ 30 หากเรียนจบโทกลับเมืองไทย ไม่รู้ว่าจะมีคนรับเข้าทำงานอยู่หรือเปล่าอ่ะ แบบบ้านไม่ได้รวยไม่มีกิจการอะไรต้องปากกัด น ถีบเอง ไม่มีมรดกรองรับ ต้องหางานทำ จะได้มั้ยเนี่ย คนเรียนจบกลับไปแล้ว ช่วยบอกหน่อยว่างานเมืองไทยหายากมั้ยสำหรับผู้หญิงอายุสามสิบ มีครอบครัวมีลูกแล้ว ถ้าหาง่ายอีกหนึ่งปีจะกลับ เพราะจริงๆ แล้วจบโท จากไทยแล้วด้วย แต่หางานไม่ได้ เลยตามสามีมาดีก่า.. make money รอเปิดร้านอาหารไทยดีก่า... ุ6. เป็น PR or CitiZen สามารถหางานประจำในออสทำได้ แล้วตอนเย็นก็ทำงาน parttime ได้เหมือนเดิม ไม่รู้สิว่าแต่ละคนจะคิดยังไงแต่เราคิดอย่างนี้ นี่เพิ่งมาถึงได้สองเดือนนะเนี่ย พันธะครอบครัวที่ไทยมีมั้ย ก็มีพ่อแม่เรา พ่อแม่สามี  แต่หากเราสามารถมีงานมีการทำที่นี่ได้ มีเงินเก็บ เราว่าเค้าจะภูมิใจในตัวเรามากกว่านะ หากคิดถึงกันก็บินไปเยี่ยม หรือให้เค้าบินมา หรือส่งตังให้เค้าซื้อตั๋วเครื่องบินมาก็ได้ เนี่ยกำลังคิดว่าจะส่งลูกกลับแล้วเริ่มเก็บเงินส่งตัวเองส่งลูกเรียนอยู่นะเนี่ย อดทนสองสามปี แต่มีชีวิตที่ดีขึ้น มันก็น่าเสี่ยงไม่ใช่หรอ...... จากคุณ : kook kook koo - [ 20 ธ.ค. 49 22:21:33 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ใช่ค่ะ กฏหมายไทยห้ามถือหลายสัญชาติ อันนี้เคยได้ยินมานาน และคิดว่าตัวกฏหมายระบุไว้อย่างนี้จริง ห้ามถือหลายสัญชาติแน่นอน แต่......... ในทางปฏิบัติ ไม่มีการตรวจเช็คค่ะ เพราะทำลำบาก ต้องเช็คไปแต่ละประเทศ มันไม่มีข้อมูลกลางว่าคนนี้ตอนนี้ถือสัญชาติอะไรบ้างแล้ว ยกเว้นเป็นนักโทษระดับทางการต้องการตัวมาก อันนั้นมีเช็คกันแน่นอน ว่าไปเปลี่ยนชื่อเสียงเรียงนามแล้วไปซ่อนตัวอยู่มุมไหนของโลก อันนั้นก็เป็นเรื่องตามตัวอาชญากรไป แต่คนปกติธรรมดาสามัญ ก็ถือพาสสองประเทศ ทั้งไทยทั้งออส ไม่มีคนมาเช็ค เลยไม่เสียสัญชาติไทยแต่อย่างไรค่ะ อย่างพี่ชายเหมียวก็ปกติค่ะ ได้ซิติเซ็นออสแล้ว เพราะขี้เกียจต่อทุก 5 ปี อะไรประมาณนั้น แล้วยังต้องอยู่ในออสเตรเลียตามระยะเวลาที่กำหนดอีก อยู่น้อยกว่านั้นก็ต่อพีอาร์ไม่ได้ ต้องไปเดินเรื่องอะไรวุ่นวายเพื่อให้ได้สถานภาพพีอาร์กลับมาอีก มีนักเรียนที่ได้พีอาร์ไปหลายคนไม่รู้ ได้แล้วกลับเมืองไทยไป ไม่เข้าออสนานจนพีอาร์ใช้ไม่ได้แล้ว ก็มี แต่เป็นซิติเซ็น มันเป็นตลอดอ่ะค่ะ คือไม่ว่าจากออสไปนานแค่ไหน เราก็ยังเป็นซิติเซ็นที่นี่อยู่ดี พี่ชายเหมียวก็ปกตินะคะ ก็มีกรรมสิทธิ์อะไรที่เมืองไทย ก็ยังคงมีตามปกติทุกอย่างคะ อย่างที่บอกว่าไม่มีคนตามเช็ค เราไม่พูดก็ไม่มีใครรู้ด้วยซ้ำค่ะ ยกเว้นไปทำอะไรผิดกม. นสพ. ไทยออสเล่มล่าสุดหรือว่าก่อนหน้านี้ก็มีพูดถึงค่ะ ว่านักเรียนบางคนได้พีอาร์แล้วกลับไปอยู่ไทยนานก็เสียพีอาร์ไป ซึ่งหลาย ๆ คน เค้าไม่รู้ว่าพีอาร์มันมีกำหนดให้อยู่ในประเทศออสยังไง ประมาณนั้นค่ะ สวัสดีค่าคุณ Noise219 เห็นหายไปพักนึงเลย สงสัยงานยุ่งป่าวว ถ้าจะไปอยู่ดอยเมื่อไหร่ บอกด้วยนะ อยู่ ๆ ย้ายไปอยู่สวีทกะแฟนสองคนบ่อดีนะคะ เพราะคนดอยเขาจะตาร้อนเอา 55 ล้อเล่นน่ะค่ะ ชีวิตบนดอยมีหลากหลายการใช้ชีวิตนะคะ ก็เหมือนดอยก็มีหลายดอย ในหลายจังหวัดอ่ะเนาะ เหมียวมีเพื่อนคนนึงเป็นลูกหลานนายพลต้วน กองพล93 ค่ะ เคยไปเที่ยวบ้านเพื่อนช่วงปีใหม่ แถว ๆ ดอบแม่สลอง ไม่สับสนสถานที่นะคะ คิดว่าเป็นหมู่บ้านบนดอยแม่สลองค่ะ บรรยากาศดีมาก ๆ ค่ะ และได้นั่งกินข้าวกับครอบครัวเพื่อนด้วย ผักผัก เป็ดพะโล้ ปลาทอด นั่งกินโต๊ะแบบจีนที่กลม ๆ อ่ะค่ะ ได้บรรยากาศมากเลย อิอิ นึกแล้วอยากกินขึ้นมาเลย หุหุ ในหมู่บ้านเค้าปลูกดอกไม้ต้นไม้สวย ๆ บ้านเรือนปลูกลดหลั่นไปตามเขา แจ่ก็ปลูกใกล้ ๆ กันน่ะแหล่ะค่ะ บ้านส่วนมากออกแนวสถาปัตจีนค่ะ เหมือนในหนังจีนกำลังถายในเลยง่ะ บางหลังก็แต่งไว้สวยมาก ๆ ค่ะ เหมือนบ้านคนจีนรวย ๆ บ้านท่านอ๋อง 555 ประมาณนั้น ปลูกต้นลูกพลับ ต้นบ๊วย ต้นคริสมาส ดอกแดง ๆ เพียบเลยค่ะ ยังคิดเลยว่าทำไมขึ้นดีจัง คงเพราะอากาศ แล้วคนแถวนั้นเค้ามักจะให้ลูกหลานเรียนทั้งจีนกลางและทั้งภาษาไทย พอโตมาหน่อย บ้านที่มีตังค์หน่อยจะไปเรียนที่ไต้หวัน หรือถ้าไม่มีญาติสนิทเหลือที่ไต้หวันแล้ว เค้าก็จะให้ลูกมาเรียนในตัวจังหวัดเชียงราย-เชียงใหม่ ส่วนมากเรียนพาณิช-บัญชี โรงเรียนพาณิชทางเหนือตอนบนจะมีสอนจีนกลางเยอะค่ะ เพราะคนที่เรียนมาแต่เด็กหลายคนพอจบแล้วไม่กลับไปอยู่ข้างบน เค้าก็สอนภาษาจีนอยู่พื้นราบไป พอวันศุกร์เย็น ๆ ก็กลับบ้าน วันจันทร์เช้าก็ขับลงดอยไปทำงานในเมืองต่อค่ะ วันที่ไปเที่ยว เป็นวันหยุดที่คนเค้าขึ้นมาน่ะค่ะ คนเยอะเลยค่ะ แทบไม่มีที่จอดรถค่ะ เพื่อนบอกยิ่งปีใหม่จีนคนจะกลับบ้านเยอะมาก กลับมาจากไต้หวัน คือเค้าจะเป็นลูกหลานนายพลต้วน กองพล 93 ที่หนีคอมมูนิสมาจากจีน แล้วถูกตีแตก ส่วนนึงหนีลงเรือแล้วไปขึ้นฝั่งที่ไต้หวัน อีกส่วนนึงที่กลุ่มน้อยกว่าหนีเข้ามาทางฝั่งไทย แล้วตั้งรกรากอยู่บริเวณถูเขาสูงค่ะ เลยเหมือนมีสายสัมพันกับคนทางไต้หวันเยอะ เค้าก็จะไปเรียนบ้างไปทำงานบ้าง ไปอยู่กับญาติบ้าง รวมทั้งเค้าเรียนจีนกลางปูพื้นมาแต่เด็กค่ะ ส่วนที่อยู่ที่นี่ก็ปลูกชาบ้างก็มีค่ะ ค้าขายก็มี ค่าครองชีพข้างบนก็ไม่แพงนัก เพื่อนบอกว่าบ้านสวย ๆ หลังเล็ก ๆ มีสวนกว้างหน่อย อยู่ในหมู่บ้านประมาณสามแสนเองค่ะ ส่วนไร่ชา หรือสวนที่เค้าปลูกผัก-ผลไม้ ดอกไม้ แบบเกษตรกรรมจะอยู่ไกลหมู่บ้านออกไปค่ะ เช้ามาก็เดินทางไปไร่ เย็นมาก็กลับบ้านที่ปลูกอยู่ในหมู่บ้าน แต่ก็มีคนพื้นราบขึ้นไปอยู่แล้วปลูกบ้านอยู่ที่ไร่เลย เหมียวว่ามันน่ากลัว ๆ อยู่นะคะ เวลากลางคืนอ่ะ แต่ถ้าอยู่ในหมู่บ้าน ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไง เพราะเราก้ไม่ใช่คนที่นั่นง่ะ แต่ตอนขึ้นไปเที่ยวบ้านเพื่อน อยากไปอยู่ค่ะ ตอนลงเขายังไม่อยากกลับเลย ถ้าเหมียวไปอยู่ คงอยู่แบบมีบ้านในหมู่บ้าน แล้วเช้ามาก็ออกไปไร่น่ะค่ะ โดยรวมแล้ว น่าสนใจมากค่ะ อาหารถูก ถ้าคนชอบแนวอาหารออกจีน ๆ ก็มีให้ทานเยอะเลยอ่าค่ะ แต่จะค่อนข้างไกลโรงพยาบาลใหญ่ ๆ นะคะ ชีวิตที่นั่นคงทั้งสวยสงบและไม่เหงานักค่ะ เพราะนักท่องเที่ยวคงมีตลอดปี เห็นโรงแรมของคนท้องถิ่นก็ดูคนเยอะค่ะ บรรยากาศประมาณนี้ ใช่แบบที่คุณน้อยคิด ๆ ไว้ หรือเปล่าคะ หุหุ จากคุณ : เหมียวโหด - [ 21 ธ.ค. 49 10:45:07 A:60.229.20.6 X: TicketID:098609 ]

ความคิดเห็นที่ 19 อ่านที่ตัวเองเขียน แล้วดูเหมือนหนับหนุนคนให้ขอซิติเซ็นยังไงไม่รู้ค่ะ เหอ ๆๆๆ ยังไงก็ตามที่คุณดอสบอกน่ะค่ะ ยังไงกฏหมายไทยก็ไม่อนุญาตให้ถือหลายสัญชาติน่ะค่ะ แต่สำหรับเหมียว ถ้าเกิดว่าพีอาร์เค้าไม่กำหนดเรื่องระยะเวลาที่เราต้องอยู่ในออส ก็คงไม่ขอซิติเซ็นเหมือนกันค่ะ แต่นี่แพลนว่ารวยแล้วกลับ 5555 หรืออาจจะประมาณนึงก็กลับเมืองไทยน่ะค่ะ ก็เลยคิดว่าคงต้องขอซิติเซ็นเอาไว้ เผื่อหลังจากกลับไปอยุ่เมืองไทยหลาย ๆ ปี เรากลับมาออสอีก ก็ได้ แล้วไม่ต้องอยู่ให้ครบตามที่กฏของพีอาร์ระบุด้วย ประมาณนั้นอ่ะค่ะ จากคุณ : เหมียวโหด - [ 21 ธ.ค. 49 11:21:51 A:60.229.20.6 X: TicketID:098609 ]

ความคิดเห็นที่ 20 แต่ละคนก็มีความคิดเห็นแตกต่างกันไปนะครับ ในเรื่องการขอ PR สำหรับผมนั้น ในช่วงแรกก่อนที่คิดจะมาเรียนที่ ออส ก็คิดว่าอยากได้ PR แต่ก็ไม่รู้เหตุผลเหมือนกันว่าทำไม แต่พอได้มาอยู่แล้ว มาเรียนโท สาขา IT ที่สามารถขอ PR ได้ ซึ่งเรียนได้แค่ไม่ถึงเทอม ผมก็ตัดสินใจเด็ดขาดว่าคงไม่ขอ PR แน่นอน และไม่คิดอยากจะอยู่ ที่ออสเตรเลียแล้ว เพราะว่า ในเรื่องของสายอาชีพนั้น ผมยอมรับในเบื้องต้นว่า ในสาย IT อาจจะแลดู มีเกรดกว่า และได้เห็นอะไรมากกว่า แต่ถ้ามองดีๆ เราก็ยังเป็น "ชาวต่างชาติ" ในสายตาเค้า ซึ่งการจะให้เค้ายอมรับ เทียบเท่ากับคนของเขา คงแทบจะเป็นไปไม่ได้ แต่ถ้าหากคุณจบ ป.โท ที่ออส แล้วกลับมาเมืองไทย มาสมัครงานที่เมืองไทย ในบริษัทข้ามชาติที่ต้องใช้ภาษาอังกฤษ ซึ่งอันนี้สถาณการณ์ย่อมต่างกันแน่นอนครับ คุณอาจจะถูกมองมีภาษีเนื่องจากมีดีกรีเป็นเด็กนอก รวมทั้งอาจจะใช้ภาษาอังกฤษ สื่อสารได้ คิดๆดูแล้ว สำหรับผมที่อยากจะก้าวหน้าในสายอาชีพ ผมเลือกที่จะทำในบริษัทชั้นนำ ตำแหน่งๆดีๆในเมืองไทยครับ และ พอผมกลับมาไทยได้เดือนนิดๆ จากการที่ผมสมัครงานหลายๆบริษัท ทำให้ผมมั่นใจยิ่งขึ้นว่า สมมุติฐานของผมเองก็ถูกอย่างที่ผมคิดครับ และที่สำคัญ เมืองไทยเรามีทุกอย่าง เรามีพ่อแม่ เรามีบ้าน พี่น้อง และบรรยากาศ สภาพแวดล้อมที่เราเรียกได้เต็มๆปากว่า "บ้าน" แม้ว่า อะไรหลายๆอย่างอาจจะสู้ออสเตรเลียไม่ได้ แต่ผมถือว่า เมืองไทยคือบ้านครับผม ไม่มีที่ไหนสุขใจเท่าไทยอีกแล้ว จากคุณ : โรบินฮูดตะวันออก - [ 21 ธ.ค. 49 13:13:45 ]

ความคิดเห็นที่ 21 5555 แหม..ถ้าแอบไปอยู่บนดอยแล้วบอก ก็ไม่เรียกว่าแอบอ่ะดิ อิอิอิ พอดีว่า แฟนเราเค้าเป็นคนเชียงรายค่ะ บ้านอยู่ดอยตุง ก็เลยเล็ง ๆ ว่า คงไปอยู่แถว ๆ นั้นหละ (ว่าแต่ว่า เค้าจะรอเรากลับไปไหมเนี่ย) อีกสิบปี ถ้าคุณเหมียว หรือคนอื่น ๆ ไปเที่ยว ก็แวะไปทักทายกันบ้างเด้อ คงจะอยู่ในสวนชานั่นแหละ ฮ่ะๆๆๆๆ ที่หายไปพักนึง ก็งานหนัก แล้วก็ป่วยนิดนึงค่ะ พอดีว่าไม่ได้ป่วยมาหลายปี คราวนี้ก็เลยป่วยหนักเอาการ อีกอย่างก็ปลายปีพอดี ต้องรีบทำผลงาน เดี๋ยวจะหล่นตุ๊บลงมา คงไม่ดีแน่ ๆ ถ้ามาตกม้าตายตอนปลายปี แต่ว่าไปก็เกือบไปเหมือนกันนะเนี่ย เผลอไปวีนเพื่อนหน่อยเดียว ได้ Good มาตัวนึง เซ็งเลย เฮ้อ แต่ไม่เป็นไร ปีหน้าเอาใหม่ แก้ไขเมื่อ 21 ธ.ค. 49 13:29:37 จากคุณ : Noise219 - [ 21 ธ.ค. 49 13:24:09 ]

ความคิดเห็นที่ 22 # 21 Just know that Khun Noise 219 has a boyfriend...:-) Doy Tung is a very beautiful place, I've been there many years ago. Now you need lots of money to buy a good piece of land there as it is quite popular for a few years now so you're lucky to have a local person there ka. Sorry to hear about your sickness and good to see you that you are healthy now ka. จากคุณ : yuy - [ 21 ธ.ค. 49 14:07:16 A:217.15.184.66 X:82.200.157.254 TicketID:124751 ]

ความคิดเห็นที่ 23 อยู่เมืองไทยผมเป็นวิศวกร ต๊อกต๋อย เงินเดือนก็น้อย ทำมาสองปีไม่เห็นความก้าวหน้า ทำมาสองงานไร้ความท้าทายเพราะเมืองไทยไม่ค่อยคิดค้นหรือพัฒนาเทคโนโลยีกันเอง ย้ายมาทำงานที่ออส งานท้าทายกว่า ใช้ความรู้ที่เรียนมาเชิงลึกจริง ขนาดที่บอสัดต้องจากบางคนเป็น Ph.D มาวิจัย มีความเป็น professional กว่า career path ในการเติบโตในสายอาชีพนี้เค้าวางไว้สวยหรู เงินเดือน start สิบเท่าที่ได้จากเมืองไทย  รถก็ไม่ต้องซื้อ นั่งรถไฟไปทำงาน เงินเก็บได้เต็มๆ ผมสนับสนุนวิศวกรมาทำงานที่ออสกันเถอะ แล้ววันหลังค่อยเอาประสบการณ์กลับไปพัฒนาประเทศ จากคุณ : ISerializable - [ 21 ธ.ค. 49 19:15:07 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ถ้าเป็นไปได้ อยากให้มีไว้ PRถึงจะต่อทุก ๆ 5 ปี เมื่อก่อนPR ไม่ต้องต่อ ตลอดชีพเลย เเต่เพิ่งมาเปลี่ยนกฏหมายใหม่ ถ้าจำไม่ผิด คือปี 1987 เเต่ถ้าเป็นซิติเซ็นด้วยจะได้สิทธิหลายอย่างเพิ่ม เช่น ได้เงินสนับสนุนในการเรียน Austusy เมื่อก่อนอีกเเหล่ะ คุณเป็น PR ก้ได้ เเต่กฏหมายนี้เปลี่ยนสมัย Howard ถ้าจำไม่ผิด น่าจะปี 1997 หรือ 99 จากคุณ : tonmelb - [ 23 ธ.ค. 49 16:43:36 A:203.209.117.181 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 25 เรื่องขอ ไม่ขอ ผมเคารพทั้ง 2 มุมมอง ส่วนตัวผมกลับมาได้ 3 ปีเเล้ว สุขสบายดีครับ ถึงจะทำงานหนัก 7 วัน เเละได้เงินไม่ถึงที่เคยทำที่ Aust ก็ตาม เพราะที่นี่คือเมืองไทย เเต่อยากให้ข้อคิดไว้ว่า คนที่ปากกัดตีนถีบ ทำไมถึงอยากได้ PR มาทำงานโรงงาน ร้านอาหาร เก็บองุ่นล้างห้องส้วม etc เพราะหลายคนรูสึกว่าตัวเอง ไม่โดยดูถูก จากเพื่อนรว่มชาติบางคน บางกลุ่มว่าทำงานต้อยต่ำ งานเก็บองุ่น อาทิตย์หนึ่งก้ได้ 600 เเล้ว งานโรงงานชั่วโมงก็ได้ 20- 22 เหรียญ เรื่องตังเลขรายได้ ต้อง check อีกครั้งนะครับ หลาย ๆคน อยู่เพื่ออนาคตลูกก็มี เเต่... ที่ผมเลือกที่จะกลับ เพราะผมมองไปข้างหน้าเเล้ว ยังไม่มีอนาคต ผมยังไม่พร้อมที่จะเปิดร้านอาหาร ร้านเช่า VDO ( ถึงเเม้รู้ว่าคร่าว ๆ ว่าจะเปิดอย่างไร) ผมอยากสอนหนังสือ อยากสอนภาษาอังกฤษ ประวัติศาสตร์ (เเละได้ทำงาน freelance ที่นั่นด้วยหลายปีอยู่) ที่ Aust , Melb ขอบอกว่า โอกาสผมคือ 0% ตอนนี้ผม 35 กลับมาได้ 3 ปีเเล้ว เเละได้สอนในวิชาที่อยากสอน ในโรงเรียนไทยมีชื่อเเห่งหนึ่ง เเผนกนานาชาติ การตัดสินกลับไทย เมื่ออายุ 32 ยากมาก เพราะกลับมาได้เงินเดือน 9 พัน( ซึ่งถือว่าสูง สำหรับวุฒิ ป. ตร เเละเป็นครู) 3 ปี ย้ายที่ทำงาน ที่นี่เป็นที่ที่ 3 ครับ รายได้ดีพอใช้ได้ครับ มีความสุข ส่วนคนที่ตัดสินใจอยู่ ก็ขอให้โชคดี จากคุณ : tonmelb - [ 23 ธ.ค. 49 16:45:38 A:203.209.117.181 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ผมเป็นอีกคนที่ได้ PR มาซักพัก แล้วก็กำลังจะได้ Citizenship ในเร็ว ๆ นี้ เหตุผลที่ขอก็เพราะเห็นเพื่อน ๆ ขอกัน เพื่อเอาให้ลดหย่อนค่าเทอมเท่านั้นเอง (เมื่อ 3 ปีก่อนยังของ่ายกว่านี้มาก) แล้วก็เห็นว่าไหน ๆ เราก็อยู่นี่มีโอกาสแล้ว ปัจจุบันมีงานดี ๆ ที่นี่ ทำงาน Full Time แต่ไม่ค่อยมีความสุขเท่าไหร่ ยังหาโอกาสกลับเมืองไทยถาวรอยู่ ยิ่งช่วงหลังมีโอกาสกลับบ้านบ่อยยิ่งคิดถึงมาก ถ้าไม่ติดว่าต้องส่งเงินกลับบ้าน คงไม่อยู่ต่อแล้วหล่ะ ผมอยู่ที่นี่มา 4 ปีกว่า บอกได้ว่าที่นี่เป็นประเทศที่น่าอยู่ประเทศหนึ่ง มีสวัสดิการดี ๆ หลายอย่าง แต่ทำไมไม่รู้กลับไม่รู้สึกผูกพันธ์เหมือนบ้านเรา จากคุณ : คนในอยากออก คนนอกอยากเข้า (Mun Thow) - [ 23 ธ.ค. 49 19:53:44 ]

ความคิดเห็นที่ 27 โห คุณ tonmelb กลับไทยไปสามปีแล้วเหรอเนี่ย อา... ผมเป็นปู่เฝ้าห้องออสเตรเลียจริงๆนะเนี่ย พวกรุ่นเดียวกันหนีกลับไทยกันไปหมดแล้ว พวกที่ยังอยู่ก็ได้ดิบได้ดีกันไปหมด เหลือแต่เรานี่แหละยังเคว้งคว้างไม่รู้เหนือรู้ไต้อยู่เลย เศร้าจัง -_-" จากคุณ : ดอส - [ 23 ธ.ค. 49 20:17:45 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ผมยอมรับว่า Melbourne น่าอยู่ เเละผมก็ผูกพัน เมื่อครั้งผมอยู่ที่นั่น ผมเดินออกกำลังกายเกือบทุกวัน วันล่ะ 30-45 นาที อากาศดีมากครับ เเต่ผมก็คิดถึงเมืองไทยมาก เเละอยากกลับมาทำงานที่ตัวเองฝันไว้ คุณดอส คุณอยู่ที่ห้องนี้ดีเเล้ว น้อง ๆ จะได้ไม่เหงา เเละอาจจะเเนะนำอะไรกันด้วย จำได้ว่า คุณเข้ามาห้องนี้ก่อนผมกลับไทย คุณเข้ามาห้องปีไหนครับ 2001 or 2002 อนาคตอาจจะกลับไปอยู่ก้ได้ ขอฝากพี่ ๆน้อง ๆ ไว้นิด การที่จบจาก Aust ทางตลาดงานที่ไทย เราเป็นรองคนที่จบจากประเทศอเมริกา อังกฤษ เเคนาดา นะครับ tonmelb ต้องพิสูจน์ให้เขาเห็นว่า เราเก่งจริง ( เเต่จำนวนปีที่อยู่เเละจำนวนปีที่สอน พิสูจน์ด้วยตัวมันเองเเล้ว ไม่ใช่ประเทศที่จบ) เเละก็ tonmelb ก็ไม่ได้สำเนียงออสซี่เลย ทั้ง ๆ ที่อยู่มานาน เเต่เข้าใจสำเนียงนี้ดี มีอยู่หลังหนึ่ง เพื่อนอาจารย์ชาวอเมริกันให้ tonmelb ช่วยพูดทวนว่า ครูชาวออสซี่มาจากเมืองเล็ก ๆที่ห่างจาก Sydney เพราะไม่เข้าใจ ครูคนนี้พูดออกมาทาง Broad Australian ซึ่งฟังยากกว่า Cultivated one หรือ General one ๑๑๑๑ คนไทยที่จบจากประเทศไหน tonmelb ว่า ต้องดูเป็นคน ๆ ไป คนจบออสเตรเลีย บางที คุณภาพก็เเย่กว่าคนไทยที่จบในประเทศ tonmelb เชื่อว่าเเล้วเเต่คนครับ@@@@ จากคุณ : tonmelb - [ 23 ธ.ค. 49 21:23:53 A:203.107.192.253 X: TicketID:054700 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ผมเข้ามาปลายปี 2002 ครับ ช่วงเดือนตุลาคม (วันแรกที่ชื่อ "ดอส" เกิดเป็นสมาชิกพันทิป นั่นแหละ แต่จำไม่ได้ว่า วันที่เท่าไหร่ อิอิ) จากคุณ : ดอส - [ 24 ธ.ค. 49 00:52:26 ]

ความคิดเห็นที่ 30 แหะๆๆ คุณยุ้ยก็หายไปพักนึงนะคะ สงสัยจะงานยุ่งเหมือนกัน คุณ Mun Thow พูดมีประเด็น ถ้าทำงานแล้วไม่มีความสุข เงินที่ได้มา ก็ไม่รู้จะเอามาทำอะไรน่ะนะ เห็นน้อง ๆ หลายคนเล่าให้ฟัง ว่าคนไทยที่ทำงานที่นี่ ส่วนใหญ่ก็บ่นกันเรื่องงานไม่สนุก อันนี้ไม่ใช่เฉพาะผู้หญิงนะคะ ผู้ชายก็บ่นเหมือนกัน ประเด็นก็คือว่า งานที่ได้ เป็นงานที่ไม่ชอบกันหรือเปล่า หรืออาจจะเป็นเพราะเพื่อนร่วมงานไม่ดีอย่างที่คิด ตอนที่เราย้ายมา ย้ายเพราะเบื่องานที่เมืองไทย ไม่ค่อยมีอะไรตื่นเต้นให้ทำ เทคโนโลยีก็ช้ากว่าชาวบ้านเขา ยกตัวอย่างง่าย ๆ ก็เรื่อง 3G ตั้งท่าจะขึ้นมาเป็นชาติแล้ว ยังไปไม่ถึงไหนเลย จนที่ออสนี่ไป NextG แล้ว พี่แกยังเพิ่งจะเริ่ม 3G Trial ถ้าช้ากว่านี้อีกนิด เจอกัมพูชาแซงหน้าแล้วนะเนี่ย เห็นมีโอเปอเรเตอร์ใหม่ขึ้นมาสองสามเจ้า เริ่ม 3G กันแล้วหละ ที่พูดนี่ก็ไม่ใช่ว่าจะอยากให้ประเทศไทยวิ่งนำหน้าเทคโนโลยีหรืออะไร เพียงแต่ เซ็ง ที่มาทำชักเข้าชักออก ยึกยัก ๆ อยู่เป็นนานสองนานนี่แหละ อีกเหตุผลที่ย้ายก็คือ ถูกคอกับหัวหน้า และเพื่อนหลาย ๆ คนที่ออสเตรเลียนี้ด้วยค่ะ ทำให้เราทำงานได้อย่างสนุกสนาน ถึงเงินเดือนที่ได้จะงั้น ๆ แต่อย่างอื่นที่ได้กลับมามีค่ามากกว่าเยอะ เพื่อน ๆ เราที่ทำงานด้วยกันตอนนี้ ก็มาจากหลายที่ หลายประเทศ แต่ละคนก็แพลนจะมาทำงานที่นี่กันปีสองปี (เหมือนเราเลย อิอิ) แต่อยู่ไปอยู่มา บางคนก็ปาเข้าไปสามสี่ปี ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะกลับ (อาจจะเหมือนเราอีกเหมือนกัน อิอิ) ก็เลยกะว่า ยังไม่ขอพีอาร์ดีกว่า ไม่อยากมีภาระ เผื่อเพื่อน ๆ มันกลับบ้าน หรือหัวหน้าเราลาออก เราจะได้เก็บกระเป๋ากลับบ้านเลยเหมือนกัน จากคุณ : Noise219 - [ 24 ธ.ค. 49 12:20:01 ]

ความคิดเห็นที่ 31 น่าอิจฉาคุณน้อย อิอิ อยู่ดอยตุงอากาศดีมาก ๆ มีผักสดให้กินทุกวัน มีเป็ดพะโล้กับขาหมู+หมั่นโถวอร่อยมากด้วย อิอิ ตอนนี้ก็คิดแต่เรื่องกินอ่ะค่ะ เพ้อเจ้อ เป็นเอามาก อยากกล้บเมืองไทยจะแย่แล้ว รู้งี้กลับช่วงนี้ดีกว่า บนดอยอากาศกะลังหนาวเลย อิอิ จิบชา+ข้าวสวย+เป็ดพะโล้+ขาหมู บวกบรรยากาศ....อืม... แต่ตอนนี้ซิดนี่ร้อนตับแตก ได้แต่กินน้ำแข็งทั้งวัน เหอ ๆ จากคุณ : เหมียวโหด - [ วันคริสต์มาส 13:12:03 A:124.176.105.33 X: TicketID:098609 ]

ความคิดเห็นที่ 32 It's really down to the lifestyle choice and goal in life, I would say. Anyway, Khun Noi, I've been busy moving our life from Adelaide to Ukraine and I had a good few weeks in Thailand before coming here. That's why I've been disappeard. จากคุณ : yuy - [ วันคริสต์มาส 17:56:38 A:62.221.51.34 X: TicketID:124751 ]