ความคิดเห็นที่ 1 เขาเปิดร้าน giftshop ขายของไทย ๆ เขานัดให้ฉันไปเจอที่ร้านฉันก็ไปตามนัดซึ่งเป็นตอนกลางวัน วันนั้นเค้าพล่ามแต่เรื่องตัวเองจนฉันไม่ได้สอนหนังสือ ฉันทนฟังเค้าพล่ามประมาณ 2 ชั่วโมง แล้วเค้าก็ชวนฉันไปกินข้าวด้วยกัน ฉันยอมไปเพราะเค้าจะจ่ายค่าแรง (ถือเป็นค่าเสียเวลาเพราะฉันไม่ได้สอนอะไรเลย) หลังจากทานข้าวเย็น หลังจากวันนั้นเค้าก็โทรมาคุยกับฉันทุกวัน ฉันก็ยอมคุยเพราะหวังในงานสอนภาษาไทย เราเริ่มคุยกันมากขึ้นและนานขึ้นทุกวัน ฉันรู้สึกว่าเค้าคงไม่มีคนคุยด้วยมั้ง เหมือนฉันเป็นที่ปรับทุกข์ให้เขา บางทีคุยกันจนสว่าง ฉันเป็นผู้ฟังที่ดีเค้าก็เลยได้ใจโทรมาระบายตลอด หลังจากคุยกันทุกวันอยู่ประมาณสามเดือน วันนึงเค้าก็โทรมาขอเจอเค้ามีเรื่องไม่สบายใจ ฉันก็ออกไปเจอ ฉันยอมรับว่าฉันไว้ใจเค้ามากพอสมควรแล้ว ถึงแม้ฉันจะเคยได้ยินข่าวเลือเรื่องไม่ดีเกี่ยวกับตัวเขาโดยเฉพาะเรื่องผู้หญิง แต่ระยะเวลาสามเดือนที่คุยกัน เค้าก็สุภาพดี ไม่เห็นจะเป็นอย่างที่คนอื่นเค้าพูดเลย เค้าเล่าให้ฉันฟังว่าเค้ามีข่าวเรื่องผู้หญิงเยอะแต่จริง ๆ แล้วเขามีแฟนจริง ๆ แค่ไม่กี่คน (เท่าที่ฉันพอจะนับได้ก็ประมาณห้าคน) วันนั้นเค้ามีเรื่องกลุ้มใจมากฉันจำไม่ได้แล้วแหละว่าเรื่องอะไร เพราะมันก็ปาเข้าไปห้าปีแล้ว ฉันไปนั่งฟังเค้าปรับทุกข์ที่ร้านกาแฟอยู่ประมาณหนึ่งชั่วโมง ตอนนั้นดึกมากแล้วฉันจึงขอตัวกลับบ้าน ก่อนกลับฉันดันไปถามเค้าด้วยความห่วงใยว่าจะไปไหนต่อ เค้าบอกว่าไม่มีที่ไปเพราะทะเลาะกับที่บ้าน (เค้ายังอาศัยอยู่กับแม่ พี่สาว และพี่ชาย) เค้าขอไปคุยต่อที่อพาร์ทเมนท์ฉัน เรื่องอะไรฉันจะยอม ฉันไม่เคยยอมให้ใครเข้าบ้านได้ง่าย ๆ อยู่แล้ว พ่อแม่ฉันสอนฉันมาแต่เด็กไม่ให้เปิดประตูให้คนแปลกหน้า ฉันปฏิเสธ เค้าก็ดูเศร้า ๆ แล้วปากฉันก็ดันหาเรื่องอีกแล้ว ดันไปถามเค้าอีกรอบว่าแล้วเค้าจะไปไหนต่อ เค้าก็บอกว่าคงจะขับรถไปเรื่อย ๆ ไม่รู้ว่าจะไปไหน แล้วก็คงนอนในรถนี่แหละ ตอนนั้นเดือนมีนาคม ที่อเมริกานี่หนาวมากนะ ฉันเริ่มสงสารเค้าแล้ว แล้วก็คิดว่าฉันคงจะนอนไม่หลับแน่ ๆ ถ้าปล่อยให้เขานอนในรถเนี่ย ฉันตัดสินใจยอมให้เค้าไปนั่งคุยต่อที่บ้าน เราคุยกันที่ห้องรับแขกจนประมาณตีสามฉันก็ขอตัวเข้าไปนอนเพราะง่วงมากแล้ว ฉันอนุญาตให้เขานอนที่ห้องรับแขก ระหว่างที่ฉันกำลังจะเตรียมตัวนอนเขาก็เริ่มมาจับเนื้อต้องตัวฉัน ฉันก็ด่าเค้าไปแล้วก็เริ่มรู้สึกไม่ปลอดภัย ฉันบอกเค้าว่าฉันเปลี่ยนใจแล้ว ฉันคงให้เค้าค้างไม่ได้ เค้าเริ่มใช้กำลังกับฉัน ในที่สุดฉันก็แพ้แรงเค้า ฉันไม่ได้ยินยอม ฉันขัดขืนจนฉันหมดแรง ฉันเจ็บ...เจ็บทั้งกาย...เจ็บทั้งใจ นี่หรือสิ่งที่เค้าตอบแทนความดีของฉัน ฉันนอนร้องไห้จนเข้า เขาก็ปลอบฉันว่าเขาทำอย่างนั้นเพราะเค้ารักฉันมาก ฉันด่าแล้วก็ไล่เค้าออกจากบ้านในตอนเช้า เค้าก็จากไป ฉันสับสนไม่รู้จะทำยังไงกับชีวิตได้แต่ร้องให้ สายวันนั้นเค้าโทรมาขอโทษและขอให้เราเริ่มต้นกันใหม่ ฉันสับสนมาก แต่ตอนนั้นฉันคิดว่าเค้าก็ไม่ใช่คนเลวอะไรตลอดระยะเวลาสามเดือนที่คุยกัน ฉันให้ความสำคัญกับการแต่งงานและพรหมจรรย์มาก ฉันรู้สึกว่าถ้าฉันเสียมันไปแล้วฉันก็ควรแต่งงานกับคนคนนั้น ฉันใช้เวลาคิดทั้งวันแล้วก็ตัดสินใจว่า ไหน ๆ มันก็มาถึงขนาดนี้แล้ว งั้นฉันจะคบกับเขาเป็นแฟนเลยละกัน วันนึงเราคงได้แต่งงานกันถ้าเค้าเป็นคนดี และเราเข้ากันได้จริง ๆ พอฉันบอกการตัดสินใจของฉันกับเขาไป เค้าก็ดีใจมาก แล้วก็รีบขับรถมาหาฉัน แต่ไม่ได้มามือเปล่านะ เอาอาหารมาฉลองกัน แล้วก็เตรียมมาค้างที่บ้านฉันเลย ฉันไม่ยอมตอนแรกเพราะฉันคิดว่าฉันจะแค่ยอมคบกับเค้าต่อไป แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องมีอะไรกันอีก ฉันคิดว่าครั้งเดียวก็เกินพอแล้วสำหรับฉัน จากคุณ : Witvicki - [ วันคริสต์มาส 13:29:57 A:69.132.72.53 X: TicketID:085535 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ในที่สุดฉันก็ต้องยอมให้เค้ามาพักที่บ้านฉันเพราะเค้าไม่ยอมกลับเข้าบ้าน แต่ฉันมีข้อแม้ว่าจะให้ใครรู้เรื่องนี้ไม่ได้ เพราะฉันยอมไม่ได้เด็ดขาดที่จะให้พ่อแม่ฉันรู้ว่าฉันอยู่บ้านเดียวกับผู้ชาย เค้าก็สัญญา ฉันเริ่มคบเค้าอย่างจริงจัง เค้าให้สัญญาว่าจะตั้งใจทำงานแล้วก็จะแต่งงานกับฉัน ระหว่างสองปีที่เราอยู่ด้วยฉันยอมรับว่าฉันมีความสุขมาก เหมือนคนแต่งงานกันแล้ว เราแทบไม่เคยทะเลาะกันเลย ฉันแค่อึดอัดนิดหน่อยเพราะทำงานที่ร้านอาหารของพี่สาวเค้า บางครั้งเราเจอกันที่ร้านอาหารก็ทำเป็นเหมือนคนไม่สนิทกัน ฉันว่าเราเป็นคู่รักที่รักกันมากเชียวแหละ ฉันค่อนข้างมั่นใจว่าเค้าคือคนที่ฉันจะต้องแต่งงานด้วยแน่นอน ตลอดเวลาที่เราคบกันฉันรู้สึกผิดที่ต้องปิดบังคนรอบข้างโดยเฉพาะพ่อแม่ฉัน ปรกติแล้วฉันไม่เคยมีความลับกับท่าน แต่ครั้งนี้มันสุดวิสัย ฉันจะให้เค้ารู้ได้ยังไงว่าฉันทำตัวไม่ดี ฉันเป็นลูกที่พ่อแม่ภูมิใจมาก ๆ แม่ฉันพร่ำสอนมาตลอดว่า “อย่าชิงสุกก่อนห่าม” ฉันยอมไม่ได้แน่ ๆ ถ้าแม่จะต้องมาผิดหวังในตัวฉันเรื่องนี้ ฉันได้แต่หวังว่าเดี๋ยวเรียนจบก็คงแต่งงานแล้ว สองปีผ่านไปฉันยังไม่จบเพราะฉันต้องการดับเบิ้ลเมเจอร์ ระหว่างนั้นแฟนฉันเค้าพยายามจะเปิดคลับ เค้าลงทุนไปเยอะมากกับคลับของเค้า แต่คลับถูกปิดเพราะไม่ผ่าน inspection เค้าหมดเงินที่จะปรับปรุง floorplan ของร้านเพื่อให้ผ่าน inspection ในที่สุดเค้าก็ต้องปิดร้านไปอย่างถาวร เค้าหมดตัวจริง ๆ เพราะเค้าทุ่มเทกับร้านนั้นมาก ฉันเองก็ออกเงินช่วยเขาไปไม่น้อยเพราะฉันเห็นความตั้งใจจริงของเขา ฉันก็ได้แต่ปลอดใจว่าไม่เป็นไร ไปเริ่มหางานทำใหม่ละกัน ฉันลืมเล่าไปว่าเค้าเรียนจบแค่ highschool (เทียบเท่า ม.6) เค้าไม่ยอมหางานทำเพราะไม่มีงานดี ๆ สำหรับคนจบมอหกหรอก เค้าเป็นคนเรียนไม่เก่งแต่มีพรสวรรค์ทางด้านต่าง ๆ เค้าเคยได้ทุนให้ไปเรียนออกแบบรถแข่งเพราะมีผู้ใหญ่เห็นพรสวรรค์เขา แต่เค้าเรียนยังไม่จบก็มีเรื่องเพราะดันเอางานที่ถูกปฎิเสธจากเจ้านาย ไปเสนอให้กับบริษัทคู่แข่ง ตอนนั้นเค้าถูกไล่ออกแถมต้องใช้คืนทุนค่าเรียนออกแบบให้กับบริษัท ตอนที่เค้าทำงานออกแบบเค้ามีรายได้สูงมาก ถือได้ว่าเป็นคนที่หาเงินได้มากถ้าเทียบกับอายุ นั้นก็เลยทำให้เค้าใช้เงินเก่ง เค้าหมดเงินไปกับค่าอาหาร เสื้อผ้ามียี่ห้อ ราคาแพง ๆ ตอนนี้เค้าไม่มีเงินแต่เค้าก็ยังมีนิสัยชอบใช้ของแพงอยู่ดี ฉันนี่แหละที่เป็นคนจ่ายให้เขา เพราะฉันรักเขามาก ปีที่สามที่เราคบกันเค้านอนอยู่บ้านเฉย ๆ ไม่ยอมทำอะไรเลยเหมือนคนหมดอาลัยตายอยากเพราะคลับถูกปิด ฉันขอร้องให้เค้าไปหางานทำ งานอะไรก็ได้ ไม่จำเป็นต้องได้เงินเยอะหรอก เขาไม่ยอมเพราะกลัวคนรู้จักไปเจอ เค้าเป็นประเภท “จมไม่ลง” แล้วก็ไม่ยอมเสียหน้าเด็ดขาด ฉันกลุ้มใจมาก เราเริ่มทะเลากันบ้าง แต่ความรักที่เรามีต่อกันทำให้เราปรับความเข้าใจกันได้ตลอด ในปีนั้นเค้าเริ่มเดินทางไปทำงานต่างรัฐ เค้าให้เช่าเครื่องเสียงและไฟเวทีเวลามีนักร้องเอเซียมาจัดงานคอนเสิร์ต เค้าต้องเดินทางไปรัฐต่าง ๆ เพื่อทำงาน ฉันสนับสนุนเค้าทุกอย่างขอให้เป็นเรื่องงาน ช่วงเขาตกงานโทรศัพท์เค้าถูกตัด ฉันก็เลยเปิดโทรศัพท์ให้เค้าเพราะว่าอย่างน้อยเราจะได้เอาไว้คุยกัน ฉันเป็นคนจ่ายค่าโทรศัพท์มาตลอด มีอยู่เดือนนึงฉันแทบช็อคตอนเห็นบิลค่าโทรศัพท์ ทำไมมันมากมายมหาศาลอย่างนั้น..ฉันคิด เค้าใช้โทรศัพท์ทั้งวันทั้งคืน บิลค่าโทรศัพท์ที่นี่มีรายละเอียดของการโทรเข้าออกหมด เค้าคุยกับใครเยอะขนาดนั้นเนี่ย..ฉันสงสัย ฉันลองโทรกลับไปที่เบอร์นั้น เป็นผู้หญิง จากคุณ : Witvicki - [ วันคริสต์มาส 13:30:33 A:69.132.72.53 X: TicketID:085535 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ฉันเริ่มคิดแล้วว่าจะทำยังไงถึงจะจับเค้าได้ เพราะเค้าบอกว่าใช้คุยเรื่องงาน ฉันไม่เชื่อหรอก คิดว่าฉันโง่หรือไง คุยเรื่องงานอะไร ถึงเช้าทุกวัน ฉันคิดแผนการจะจับโกหกเค้าโดยติดตั้ง spyware ในคอมพิวเตอร์ ในที่สุดฉันก็ได้ password ของอีเมล์เค้า ฉันเข้าไปอ่านเมล์เขา เค้ากำลังติดต่อกับผู้หญิงคนหนึ่งจริง ๆ ด้วย ฉันตัดสินใจโทรไปหาผู้หญิงคนนั้นแล้วก็แนะนำตัว ผู้หญิงคนนั้นยอมรับว่าแฟนฉันโทรไปจีบเขา แต่แฟนฉันไม่เคยบอกเลยว่ามีแฟนแล้ว ฉันก็ขอบคุณเค้าที่เค้าพูดความจริงทุกอย่าง เราคุยกันดีมาก ๆ พี่เค้ารู้สึกสงสารฉันที่ถูกหลอก ฉันเสียใจมาก ฉันขอให้แฟนฉันตัดสินใจว่าจะเลือกใคร ตอนแรกเค้าไม่ยอมเลือก แล้วก็ออกจากบ้านไปเฉย ๆ ฉันก็ได้แต่ร้องไห้ ฉันโทรตามให้เค้ามาเก็บของออกจากบ้านฉัน เพราะฉันไม่อยากเห็นของของเขาอีกต่อไป ผ่านไปไม่นานเค้ามาขอโทษ แน่ล่ะ...ฉันให้อภัยเขา...ฉันรักเขามากนั่นเอง ฉันคิดว่าฉันจะพยายามประคับประคองความรักของฉันให้นานที่สุด ฉันยังหวังว่าเราจะได้แต่งงานกัน สองปีครึ่งผ่านไป...ฉันเรียนจบรับปริญญา โชคดีหางานทำได้ในบริษัทมีชื่อเสียงของที่นี่ ฉันรู้สึกว่าชีวิตฉันดีขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งตรงข้ามกับเขาที่ชีวิตแย่ลงทุกวัน ๆ ....ไม่เป็นไร...ฉันคิด...วันนึงเค้าจะต้องประสบความสำเร็จ ให้เวลาเค้าอีกหน่อย ฉันได้แต่ภาวนาขอให้เค้าทำงานสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีเพื่ออนาคตของเราสองคน เราสองคนไม่ค่อยจะทะเลาะกัน ทุกครั้งที่ทะเลากัน ฉันเป็นฝ่ายเริ่ม ฉันไม่พอใจที่เขาไม่ยอมหางานประจำทำ เค้ายังรักงานบันเทิงของเค้าซึ่งมันขาดทุนมาตลอด เขาขอเวลาฉันหนึ่งปี..หลังจากหนึ่งปี..เค้าก็ขอเวลาอีกหนึ่งปี...เป็นอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ ฉันยังอดทนรอเพราะเค้าพูดกับฉันเรื่องอนาคตของเรามาตลอด เราออกแบบบ้านในฝันด้วยกัน ปีที่สี่ที่เราคบกันเค้า เราไม่ได้อยู่ด้วยกัน เพราะเค้าต้องไปทำงานต่างรัฐ แต่เราโทรคุยกันทุกวันวันละหลาย ๆ ครั้ง ฉันรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้เป็นคนเสมอต้นเสมอปลายมาก ๆ ปีนั้นเองฉันยื่นคำขาดกับเขาให้เขาเลิกทำงานบันเทิงเพราะฉันมองไม่เห็นว่ามันจะมีกำไรตรงไหน ฉันห่วงอนาคตของเรา ฉันอายุมากขึ้น ฉันต้องการสร้างครอบครัว ฉันไม่สามารถพาเขาไปแนะนำกับพ่อแม่ฉันได้ถ้าเขายังไม่มีงานที่ดีทำ และฉันรู้ว่าพ่อแม่ฉันคงจะไม่ยอมให้ฉันแต่งงานกับเขาแน่ ๆ เพราะเขาด้อยกว่าฉันในทุก ๆ เรื่อง บ้านฉันให้ความสำคัญกับการศึกษามาก ๆ ถ้าเค้าไม่มีงานที่ดีทำ แถมยังความรู้น้อย พ่อแม่ที่ไหนจะยอมให้ลูกสาวเค้ามาแต่งงานด้วยล่ะ ฉันขอเลิกกับเขาเป็นครั้งที่สามในรอบสี่ปีที่เราคบกัน แต่ครั้งนี้ฉันหมายความว่าอย่างนั้นจริง ๆ ถึงแม่ฉันจะรักเค้ามากแค่ไหนก็ตาม แต่ฉันมองไม่เห็นอนาคตของเราเลย แล้วเราก็อยู่ห่างกัน ฉันคิดว่ามันคงช่วยให้ฉันตัดใจได้ง่ายขึ้น ระหว่างที่เราเลิกกัน เรายังคุยกันอยู่ ฉันคิดเข้าข้างตัวเองว่าเลิกกันก็ยังเป็นเพื่อนกันได้นี่นา จริง ๆ แล้วฉันยังรักและคิดถึงเค้าอยู่ต่างหาก ฉันเริ่มทำใจได้แล้ว มีอยู่วันนึงฉันไปซื้ออาหารที่ร้านของพี่สาวเขา ลืมบอกไปว่าฉันไม่ได้ทำงานร้านอาหารแล้วตั้งแต่ได้งานประจำทำ พี่สาวเค้าเล่าให้ฉันฟังว่าเขามีแฟนแล้ว เคยพาแฟนมาที่ร้าน เห็นบอกว่าจะตั้งใจทำงานหาเงินแต่งงาน ฉันแทบช็อค รู้สึกเหมือนใครเอาอะไรหนัก ๆ มาทุบหัว เค้าพาใครมาแนะนำให้ครอบครัวเขารู้จักนะ เค้ารักกันขนาดนี้เชียวหรือ เรื่องของเราเป็นความลับมาตลอดสี่ปี แต่นี่เค้าพาผู้หญิงคนใหม่ที่คบกันไม่นานมาแนะนำกับทุกคนในครอบครัว ในขณะที่ฉันยังเจ็บปวดกับความรัก และยังตัดใจจากเขาไม่ขาด เขากลับมีแฟนใหม่แล้ว ที่ผ่านมาเขาไม่เคยรักฉันเลยเหรอ ไม่รู้คำถามจากไหนมันหลั่งไหลเข้ามาในหัวฉัน แล้วเขาก็โทรมาหาฉันตามปรกติ ฉันอดไม่ได้จึงถามเค้าด้วยน้ำเสียงปนหยอก ๆ ว่าทำไม่มีแฟนใหม่ไม่เห็นเล่าให้ฟังเลย ถ้าเห็นเราเป็นเพื่อนก็น่าจะเล่าให้ฟังบ้าง เค้าปฎิเสธ...บอกไม่จริงผู้หญิงคนนั้นเป็นแค่เพื่อน พี่สาวเค้าเข้าใจผิด ฉันแอบรู้สึกดีใจเพราะคิดว่าอย่างน้อยเค้าก็ยังรักฉันอยู่ หลังจากนั้นไม่นานเค้าก็ย้ายกลับมาบ้านแม่เขา เค้าพยายามติดต่อขอมาหาฉันที่บ้าน ฉันอนุญาต...เพราะเค้ายังมีของอีกหลายอย่างที่บ้านฉัน เค้าเริ่มมาหาฉันมากขึ้น ทุกครั้งที่มาเค้าจะมาอ้อนวอนขอคืนดี ฉันใจแข็งได้ไม่นานก็ยอมคืนดี ก็อีกนั้นแหละเป็นเพราะความรักที่ฉันมีให้กับเขาทำให้ฉันยอมอภัยให้เขาซ้ำแล้วซ้ำอีก จากคุณ : Witvicki - [ วันคริสต์มาส 13:31:50 A:69.132.72.53 X: TicketID:085535 ]

ความคิดเห็นที่ 4 เค้ากลับมาเป็นคนใหม่...เค้าได้ทำงานเป็นเซลขายของในร้าน แค่นั้นฉันก็ดีใจแล้ว เค้าเอาเช็คค่าแรงครั้งแรกให้แม่ ครั้งที่สองให้ฉัน เค้าไปจดทำเบียนจัดตั้งบริษัทเล็ก ๆ ฉันสนับสนุนเค้า เค้าให้เหตุผลว่างานขายของได้เงินน้อย ฉันเห็นด้วย ฉันดีใจมากและเริ่มมีความหวังเรื่องการแต่งงานอีกครั้งนึง เราเริ่มคุยกันเรื่องการแต่งงานหลายครั้ง เพราะฉันเบื่อปัญหาเรื่องกรีนการ์ดจากที่ทำงานซึ่งต้องใช้เวลานานมาก ๆ เขาบอว่าให้จดทะเบียนกับเขาก่อนเพราะเขาเป็นอเมริกันซิติเซ่น ฉันคิดอยู่นานแล้วก็ปฎิเสธ เพราะฉันไม่อยากจดทะเบียนโดยที่พ่อแม่ฉันไม่รับรู้ ฉันคิดว่าถ้าบริษัทของเขาไปได้ด้วยดี อีกไม่นานฉันคงจะพาเค้าไปแนะนำให้พ่อแม่ฉันรู้จัก ฉันช่วยงานหลาย ๆ อย่างเกี่ยวกับบริษัท เราดีใจมากตอนมีลูกค้าติดต่อมา ตอนนี้เรามีลูกค้าประจำแล้ว เขาเอาเช็คมาให้ฉันทุกครั้งที่ได้จากงานบริษัท เค้าไม่เคยเก็บเงินไว้เลย นับจากครั้งที่มีเรื่องที่เขานอกใจฉันเมื่อสองปีก่อน ฉันก็ไม่เคยไว้ใจเค้าเรื่องผู้หญิงอีกต่อไป ฉันยังเฝ้าระวัง เช็คเบอร์โทรศัพท์ แต่ก็ไม่เคยเจอเรื่องผิดปรกติเลย จนวันนึงเค้าเล่าให้ฟังว่ามีคนมาติดต่อให้เค้าไปทำงานคอนเสิร์ต ฉันขอร้องไม่ให้เขาเข้าไปยุ่งกับงานพวกนี้อีก เพราะฉันไม่ไว้ใจเค้า ฉันไม่อยากให้เขาไปเจอกับผู้หญิงมากมาย โดยเฉพาะ “นักร้อง” ตอนแรกเค้าตกลงแต่ฉันมารู้ทีหลังว่าเค้าแอบไปติดต่อกับนักร้อง เขาอยากจัดคอนเสิร์ตเองโดยจ้างนักร้องคนนี้มา เค้าบอกฉันว่ามีคนติดต่อมาเยอะมาก เราจะต้องได้เงินเยอะจากการทำทัวร์คอนเสิร์ตครั้งนี้ เค้าสัญญาว่าเค้าจะไม่ทิ้งงานประจำ และงานที่บริษัทที่ทำอยู่ ฉันเริ่มสังเกตเห็นความผิดปกติ เพราะเค้าไม่ค่อยมีเวลาคุยกับฉันเหมือนเมื่อก่อน ฉันเชื่อว่าผู้หญิงทุกคนมี sense เวลาที่แฟนเราเริ่มนอกใจ ฉันเช็คจากบิลค่าโทรศัพท์ ใช่เลย...เค้าคุยกับใครวันละสามสี่ชั่วโมงทุกวันเลย ต้องเป็นนักร้องแน่ ๆ ...ฉันเดาถูก ฉันคุยกับเขาดี ๆ และขอร้องให้เขาเลิกงานคอนเสิร์ต และเลิกติดต่อกับนักร้อง เค้าก็รับปาก (อีกแล้ว) นักร้องถูกส่งกลับประเทศเขาก่อนกำหนดเพราะเข้าประเทศอเมริกาอย่างไม่ถูกต้อง นักร้องคนนั้นต้องยกเลิกคอนเสิร์ตที่เหลือ แล้วกลับประเทศเขาทันที แต่แฟนฉันกลายเป็นผู้จัดการส่วนตัวของนักร้องคนนี้ไปเสียแล้ว ฉันไม่ไว้ใจแฟนฉันเลย ฉันเริ่มเช็คอีเมล็เค้า แล้วฉันก็เจอว่านักร้องคนนั้นอีเมล์มาหาแฟนฉันทุกวัน พร่ำพรรณนาว่าคิดถึงแฟนฉันต่าง ๆ นานา แถมลงท้ายอีเมล์ด้วยคำว่า “Miss You” ฉันแอบอ่านอีเมล์เค้าทุกวัน ระหว่างนั้นฉันเริ่มรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้ไม่ซื่อสัตย์กับฉันอีกแล้ว ฉันเริ่มหมดความอดทนตอนที่เห็นอีเมล์ที่นักร้องคนนั้นเขียนมาสารภาพรักแฟนฉัน ฉันหลอกแฟนฉันว่าเค้าลืม sign out อีเมล์ ทำให้ฉันเห็นอีเมล์สารภาพรักของนักร้อง ฉันถามเค้าตรง ๆ ว่าคิดยังไงกับนักร้อง ถ้าไม่จริงจังก็อย่าไปหลอกเค้าเลย เค้าบอกว่าฉันคิดมาก ไม่มีอะไรหรอก ฉันถามเค้าว่านักร้องเค้ารู้ไม๊ว่าเธอมีแฟนอยู่แล้ว เค้าบอกว่ารู้สิ นักร้องเค้าก็มีแฟนอยู่แล้วเหมือนกัน ฉันบอกว่างั้นฉันจะอีเมล์ไปหานักร้องนะ เค้าบอกก็ตามใจ จากคุณ : Witvicki - [ วันคริสต์มาส 13:32:30 A:69.132.72.53 X: TicketID:085535 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ฉันทำอย่างที่พูดจริง ๆ แต่ฉันเขียนอีเมล็อย่างสุภาพมาก ฉันแค่แนะนำตัวแล้วก็บอกว่าฉันชื่นชมในผลงานเค้า ถ้ามีโอกาส ฉันอยากจะเลี้ยงข้าวเค้าถ้าเค้ามีโอกาสกลับมาอเมริกาอีกครั้งหนึ่ง ฉันให้เบอร์โทรศัพท์ฉันกับนักร้องไปด้วย ฉันไม่เคยคิดเลยว่า การกระทำของฉันในครั้งนี้จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิตฉัน หลังจากฉันส่งอีเมล์ไม่ถึง 24 ชั่วโมง นักร้องโทรทางไกลมาหาฉัน เขาบอกว่าแฟนฉันไม่เคยพูดเรื่องฉันให้เขาฟังเลย เอาอีกแล้วแฟนฉัน...โกหกกันอีกแล้ว ทำไมถึงได้โกหกซ้ำซาก ฉันเริ่มเบื่อแล้ว แล้วสิ่งที่นักร้องพูดกับฉันมันทำให้ฉันช็อคไปเลย เค้าถามฉันว่าทำไมถึงยอมคบกับเขาอยู่ทั้ง ๆ ที่เขาก็มีลูกมีเมียอยู่แล้ว จากคุณ : Witvicki - [ วันคริสต์มาส 13:33:33 A:69.132.72.53 X: TicketID:085535 ]

ความคิดเห็นที่ 6 คราวนี้ฉันรู้สึกเหมือนโลกหยุดหมุน หัวใจมันเต้นแรงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน มือเท้าเย็น ตัวแข็ง ฉันไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน อาจจะมีการเข้าใจอะไรกันผิด....ฉันคิด นักร้องทำเสียงเหมือนเวทนาฉัน แล้วก็เริ่มเล่าว่าเมียของอดีตแฟนฉันโทรไปโวยวายกับนักร้องตอนที่เขามาคอนเสิร์ตที่นี่ ตอนนี้ลูกเขาอายุได้สี่เดือนแล้ว ก่อนหน้าที่นักร้องจะโทรมาแฟนฉันโทรมาบอกว่าจะมาหา จะเอาอาหารที่ฉันชอบมาฝากหลังเลิกงาน ลืมบอกไปว่าตอนนั้นฉันเพิ่งหายจากโรคไข้หวัดใหญ่ แต่ยังไม่หายขาด ร่างกายฉันแย่มาก ๆ ยิ่งมาเจอเรื่องนี้เข้าไปอีก ฉันยิ่งหมดแรง หลังจากคุยกับนักร้องฉัน โทรไปหาแฟนฉันแล้วบอกว่าไม่ต้องมาหาเพราะฉันมีเรื่องไม่สบายใจ ไม่อยากเจอหน้าเขา เค้าก็ตกลง น้ำเสียงเขาเศร้า ๆ เหมือนเขาจะพอเดาได้ว่าฉันรู้เรื่องอะไรบางอย่าง ฉันนอนไม่หลับคิดแต่เรื่องที่นักร้องเล่าให้ฟังวนไปวนมา ไม่รู้ว่าจริงแค่ไหน ฉันตัดสินใจโทรไปหาเขา ฉันบอกว่าฉันคุยกับนักร้องแล้ว ฉันอยากรู้ความจริงทุก ๆ เรื่อง ฉันขอร้องให้เขาเล่าทุก ๆ เรื่อง เค้าบอกว่าไม่มีเรื่องอะไรจะเล่า ฉันเลยถามเรื่องลูกและเมียเค้า เค้าก็อึ้งไป ฉันเริ่มร้องไห้ ฉันบอกว่าตอนนี้ฉันเสียใจมาก แต่ฉันไม่ได้รู้สึกโกรธหรือเกลียดเขาเลย...ฉันรู้สึกอย่างนั้นจริง ๆ ฉันบอกเค้าว่าความรู้สึกฉันอาจะเปลี่ยนไป ฉันอาจจะโกรธและเกลียดเขาถ้าเขายังไม่พูดความจริง เค้าเงียบไปพักใหญ่แล้วก็ถามฉันว่า ถ้าฉันได้ฟังเรื่องแล้วจะยอมรับความจริงได้รึเปล่าล่ะ ฉันบอกว่าได้...และฉันก็จะไม่โกรธเค้าด้วย ฉันขอแค่ให้เขาพูดความจริง เขาบอกว่าเขาเสียใจมากตอนที่ฉันขอเลิกกับเค้าเป็นครั้งที่สาม เขาโกรธตัวเองที่ไม่สามารถแต่งงานกับฉันได้ตามที่สัญญา เขาเศร้ามาก ขณะเดียวกันเพื่อนผู้หญิงที่เขารู้จักก็กำลังมีปัญหากับแฟน คนอกหักสองคนมาเจอกันก็เลยเข้าใจกันง่าย ผู้หญิงคนนั้นตั้งท้อง เขาไม่คิดว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้นกับเขาเพราะเขาไม่พร้อมที่จะมีลูก ผู้หญิงคนนั้นก็ไม่พร้อม ที่สำคัญ......ทั้งสองคนไม่ได้รักกัน ระหว่างที่เขาเล่าเค้าพยายามย้ำว่าเขายังรักฉันตลอดมา ฉันเชื่อนะ เพราะสิ่งที่เขาปฎิบัติกับฉันมันมากกว่าคนรักกันอีก เขาตามใจฉันมาก เขาพยายามตั้งใจทำงานมาก เขาบอกว่าผู้หญิงจะเอาเด็กออกแต่เค้าไม่ยอมเพราะเค้ารู้สึกผิด เราคุยกันนานมาก ฉันร้องไห้...เขาก็ร้องไห้..เขาขอมาหาฉันที่บ้าน เค้าห่วงฉัน เพราะฉันกำลังไม่สบาย แต่ฉันไม่อนุญาต ฉันอ่อนแอเกินกว่าที่จะเจอหน้าเขา ฉันสงสารตัวเองมาก ๆ ทำไมฉันถึงไง่อย่างนี้....เรียนมาก็สูง....หน้าที่การงานก็ดี...ขนาดคนอเมริกันยังยอมรับว่าฉันทำงานเก่ง แต่ทำไมฉันกลับอยู่กับเขาโดยที่ไม่รู้เลยว่าเขามีลูก เขาเล่าว่าวันที่ลูกเค้าคลอด ฉันโทรไปชวนเขากินข้าว เขารีบมาหาฉันหลังลูกคลอดเพราะกลัวฉันโกรธที่ไม่ยอมมากินข้าวด้วย เค้าไม่ยอมบอกเรื่องลูกเมียเขาเพราะเขากลัวจะเสียฉันไป เขาบอกว่าเขาทะเลาะกับเมียเขาทุกวันเพราะคนสองคนไม่ได้รักกันแต่ต้องมาอยู่ด้วยกันเพราะความจำเป็น แล้วเขาก็เอาเวลาว่างที่มีมาให้ฉันหมด เค้าไม่ค่อยให้เวลากับลูกเมีย เมียเค้าบอกว่าจะเลิกกันหลังจากลูกโตอีกนิดเพราะตอนนี้ยังไม่มีที่ไป จากคุณ : Witvicki - [ วันคริสต์มาส 14:13:49 A:69.132.72.53 X: TicketID:085535 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เขาขอให้ฉันให้อภัยเขา และแต่งงานกับเขา ฉันรู้ว่าฉันไม่มีทางแต่งงานกับผู้ชายคนนี้ได้อีกแล้ว เพราะเขาไม่ดีพอที่จะเป็นสามีฉัน เขาไม่ดีพอที่จะเป็นพ่อของลูกฉัน ที่สำคัญ....เขามีครอบครัวที่ต้องรับผิดชอบ ฉันจะไม่ทำลายครอบครัวคนอื่นเด็ดขาด ฉันร้องให้ถึงเช้า ร้องจนเหนื่อยจนหลับไปเอง พอตื่นมาก็ร้องอีก ตอนนี่ฉันเข้าใจแล้วว่า ร้องจนไม่มีน้ำตาเป็นยังไง เวลาห้าปีที่เราคบกันมันมีความทรงจำที่ดีมากมายหลายอย่างจนทำให้ฉันร้องไห้ไม่หยุด ไม่ว่าฉันจะหันไปทางไหนในบ้าน ทุกอย่างเป็นความทรงจำที่ดีระหว่างเราสองคน ตอนนั้นฉันอยากลาออกจากงาน อยากกลับเมืองไทย อยากหนีไปให้ไกลที่สุด ไม่อยากเจอเขา...ไม่อยากได้ยินเสียงเขา...ไม่อยากเห็นเงาของเขาในบ้านฉัน ฉันได้แต่คิดว่าทำยังไงถึงจะลบเขาไปจากความคิดฉันได้ ฉันลุกขึ้นมาทำงานทั้ง ๆ ที่ยังป่วย ฉันไม่อยากสมองว่าง วันนั้นฉันเหมือนคนบ้า อยู่ดี ๆ ก็ร้องไห้....ร้องทั้งวัน คืนนั้นมีโทรศัพท์แปลก ๆ โทรมาหาฉันหลายครั้ง ฉันสงสัยว่าเค้าคงได้เบอร์มาจากนักร้อง ผู้หญิงคนแรกโทรมาถามชื่อที่อยู่ฉันบอกว่าจะส่งของมาให้ ฉันไม่ยอมบอก เรื่องอะไรล่ะ เดี๋ยวส่งระเบิดมาล่ะยุ่งเลย ผู้หญิงอีกคนโทรมาด่าฉันว่าไปยุ่งกับคนมีลูกมีเมียแล้วทำไม ฉันก็ตอบเขาไปว่าฉันเพิ่งรู้เมื่อวานนี้ แล้วฉันก็เลิกกับเขาแล้วตั้งแต่ตอนที่รู้ ฉันขอให้เขากลับไปดูแลลูกเมียเขาให้ดีที่สุด เพราะเด็กไม่ได้ทำอะไรผิด ทำไมเขาต้องมารับกรรมของผู้ใหญ่ ฉันบอกกับผู้หญิงคนนั้นว่าฉันไม่ได้แย่งสามีใคร....ไม่เคยแม้แต่จะคิด ฉันคบกับเขาก่อนที่เขาจะมีลูก ถ้าฉันรู้...ฉันคงเลิกไปนานแล้ว ตอนนั้นฉันกลัวมากเพราะฉันอยู่บ้านคนเดียว ฉันกลัวจะมีคนมาทำร้ายฉัน...ฉันกลัวจะมีคนมายืนด่าฉัน...ฉันคงทนไม่ได้ถ้ามีคนมาทำให้ฉันเสื่อมเสียชื่อเสียงทั้ง ๆ ที่มันไม่ใช่ความผิดของฉัน ฉันกลัวเรื่องนี้จะไปถึงหูพ่อแม่ฉัน ฉันกลัวท่านเสียใจ เหมือนผู้หญิงเหล่านี้กำลังพยายามสืบหาตัวฉัน ฉันไม่รู้ว่าเขาต้องการจะทำอะไร ฉันไม่เคยทำร้ายหรือคิดร้ายใคร ทำไมวันนึงถึงมีคนมาประณามว่าฉันไปแย่งสามีคนอื่น หาว่าฉันไปพรากพ่อพรากลูกเค้า ฉันโชคดีมีเพื่อนดี ฉันโทรหาเพื่อนแล้วก็เล่าให้เพื่อนฟัน เพื่อนเตือนสติฉันว่าไม่ให้คิดถึงเรื่องดี ๆ เกี่ยวกับเขา ให้คิดว่าฉันโชคดีมากแล้วนะที่รู้ตอนนี้ ถ้าฉันรู้หลังจากแต่งงานแล้วจะเกิดอะไรขึ้น เพื่อนฉันบรรยายธรรมให้ฉันฟัง ฉันไม่เคยคิดว่าจะต้องมาฟังธรรมะมาก่อน แต่วันนั้น ฉันฟังอย่างตั้งใจ แล้วฉันก็เข้าใจในสิ่งที่เพื่อนฉันพูด ฉันรู้สึกว่าสติสัมปชัญญะฉันกลับคืนมา ฉันลุกขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวออกจากบ้านไปช็อปปิ้ง ฉันรู้ว่าฉันต้องหาอะไรทำไม่ให้ฟุ้งซ่าน ได้ผลแฮะ...ฉันลืมเรื่องเขาไปได้ชั่วขณะ ตอนนี้ฉันคิดได้แล้ว ฉันเป็นผู้หญิงที่โชคดีมากเลยนะ ฉันคิดว่าความดีของฉันที่สั่งสมมามันทำให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์มาดลบันดาลให้ฉันตาสว่าง ฉุดฉันขึ้นมาจากความมืด ตอนนี้ฉันโล่งใจ ฉันให้อภัยเขา แต่ฉันจะไม่กลับไปหาเขาอีกต่อไป ฉันต้องรักตัวเองให้มากที่สุด ฉันต้องรักพ่อแม่ให้มาก เพราะเค้าจะเสียใจถ้ารู้ว่าลูกสาวเขาเสียใจ ฉันคงเข็ดกับเรื่องความรักไปอีกนาน เพราะฉันกลัว...ฉันกลัวถูกหลอกอีก ฉันถูกเลี้ยงมาแบบไข่ในหิน ฉันมองโลกในแง่ดีเกินไป...ฉันขี้สงสารคน...ฉันใจอ่อนเกินไป... ถ้าวันนั้นฉันไม่สงสารเค้า...ฉันใจแข็งอีกนิด ไม่ยอมให้เขาเข้าบ้าน เรื่องก็คงไม่เป็นแบบนี้ ฉันคงไม่ต้องถูกผู้ชายคนนี้หลอกฉันถึงห้าปี ฉันมารู้ทีหลังว่าเขาเที่ยวไปจีบผู้หญิงคนอื่นไปทั่ว ฉันรักและไว้ใจเค้ามากจนไม่เคยสงสัยอะไรเลย ผู้ชายคนนี้สับรางเก่งมาก ฉันยอมรับ ตอนนี้ฉันเข้มแข็งขึ้นมากแล้ว ฉันไม่ร้องไห้แล้ว ฉันเปลี่ยนเป็นคนใหม่ ฉันมองโลกในแง่ร้ายมากขึ้นเพราะฉันต้องการสร้างเกราะป้องกันให้ตัวเอง ฉันจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายฉันอีกแล้ว ฉันอยากให้เรื่องของฉันเป็นเป็นประโยชน์กับผู้หญิงคนอื่น ๆ ที่สำคัญเป็นประโยชน์กับคนเป็นพ่อแม่ คุณควรจะสอนลูกคุณให้เป็นคนดี แต่..อย่าดีเกินไป อย่าคิดว่าทุกคนเป็นคนดี สอนให้เขาทันคน เพื่อที่เขาจะได้ไม่โดนหลอก สอนให้เขารู้จักรัก แต่รักอย่างมีสติ ฉันเชื่อว่าในสังคมนี้ยังมีคนที่ชอบโกหกหลอกลวงอยู่ไม่น้อย ฉันจะดีใจมากถ้าเรื่องของฉันจะเป็นประโยชน์ต่อคนอื่น ขอโทษนะคะที่เขียนมาซะยาว ขอบคุณที่อ่านค่ะ...... จากคุณ : Witvicki - [ วันคริสต์มาส 14:15:29 A:69.132.72.53 X: TicketID:085535 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เห็นใจค่ะ.. แต่หัวข้อกระทู้ที่ว่า อย่าสอนลูกให้เป็นคนดี (เกินไป) นี่มันไม่ถูกนะคะ  ความจริงควรจะต้องว่า สอนให้รู้จักเอาตัวรอด ไม่เอาตัวเองเข้าไปอยู่ในสถานการณ์คับขัน หรือถ้ารู้ว่าตัวเองตกที่นั่งลำบาก ก็ต้องรีบตัดไฟแต่ต้นลม  ไม่ใช่ใจอ่อนปล่อยเลยตามเลย แล้วมานั่งเสียใจทีหลัง.... ยังไงก็ขอให้มีกำลังใจเข้มแข็งสู้ต่อไปนะคะ.. โชคดีค่ะ จากคุณ : Lawanwadee - [ วันคริสต์มาส 14:38:01 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เห็นด้วยกับคุณครับ "คุณควรจะสอนลูกคุณให้เป็นคนดี แต่..อย่าดีเกินไป อย่าคิดว่าทุกคนเป็นคนดี สอนให้เขาทันคน เพื่อที่เขาจะได้ไม่โดนหลอก" จากคุณ : fullywin - [ วันคริสต์มาส 14:44:38 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ขอโทษค่ะที่ตั้งชื่อกระทู้ไม่เหมาะสม แต่ไม่ทราบวิธีแก้ไขข้อความที่โพสไปแล้ว ถ้าใครแก้ได้ก็ช่วยแก้ให้ด้วยนะคะ เพราะฉันคงไม่กลับมาอ่านอีกแล้ว ขอบคุณค่ะ จากคุณ : Witvicki - [ วันคริสต์มาส 14:59:53 A:69.132.72.53 X: TicketID:085535 ]

ความคิดเห็นที่ 11 สอนลูกให้ทันคน การที่ ญ ช ใกล้ฃิดกันเกินไป ความอันตรายมีได้ทุกโอกาส เราจะสอนลูกสาวว่า ผู้ชายไว้ใจไม่ได้ ถ้าเค้าจับมือเราสัญญานอันตรายก็ใกล้ตัวแล้ว เพราะส่วนมากจะมีความอยากแบบเห็นแค่ตัว เราจะสอนหลานชายว่า ผู้หญิงสมัยนี้ ปลอกลอกเก่ง ระวังโดนแบล็กเมล์ เด็กๆก็เลยบอกว่า งั้นก็สูญพันธ์แน่ๆ อิอิ เรื่องจริงในครอบครัวเรา ยังไร ขอเป็นกำลังใจ สู้ๆ นะค่ะ ถามเค้าตรงๆจะเอายังไร ทำใจ สู้ต่อไป จากคุณ : ฟ้าใส - [ วันคริสต์มาส 15:01:01 A:124.120.167.134 X: TicketID:009266 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ความรักเป็นสิ่งดี ไว้ให้คนเราเรียนรู้ค่ะ เราเองเคยโดนหลอกเหมือนกันค่ะ แถมผู้ชายมาบอกเลิกดื้อๆอีก เป็นคนที่เห็นแก่ตัวมากค่ะ ยังงัยก็สู้ต่อไปนะคะ จากคุณ : Poo - [ วันคริสต์มาส 15:59:24 A:172.21.8.74 X:61.90.149.126 ]

ความคิดเห็นที่ 13 เป็นกำลังใจให้อีกคนค่ะ จากคุณ : ammy - [ วันคริสต์มาส 16:43:05 A:203.150.105.122 X: TicketID:130376 ]

ความคิดเห็นที่ 14 Wish you strong and have a good life now na ka. "ฉันให้ความสำคัญกับการแต่งงานและพรหมจรรย์มาก ฉันรู้สึกว่าถ้าฉันเสียมันไปแล้วฉันก็ควรแต่งงานกับคนคนนั้น " This should never be taught to any girl ka. "เค้าเริ่มใช้กำลังกับฉัน...เขาก็ปลอบฉันว่าเขาทำอย่างนั้นเพราะเค้ารักฉันมาก " Also, a gentleman or a good person will never use force ka, no matter what reasons are ka. A woman should marry a good person, not someone she lost her virginity to ka. จากคุณ : yuy - [ วันคริสต์มาส 16:52:42 A:62.221.51.34 X: TicketID:124751 ]

ความคิดเห็นที่ 15 เมื่อไม่กลับมาก็ขออวยพรตามหลังไปก็แล้วกัน ขอให้โชคดีมีสุข คุณเป็นคนตั้งใจดี เรื่องขี้ผงแค่นั้นจะไปยากอะไร ลืมไป เริ่มใหม่ คุณก็พบคนดีจนได้ จากคุณ : . - [ วันคริสต์มาส 18:19:30 A:71.114.70.154 X: TicketID:131621 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ขอให้หลังจากปีใหม่นี้ไปคุณเจอแต่สิ่งใหม่ๆ สิ่งดีๆ นะคับ อะไรที่มันเลวร้ายก็ขอให้ทิ้งไว้กับอดีต อย่าไปนึกถึงมันเลยนะคับ ซึ่งมันยากมากแน่นอน แต่ผมเชื่อว่าทุกๆคนที่เกิดมาบนโลกกลมๆใบนี้จะต้องพบกับปัญหากันทุกคน เล็กบ้างใหญ่บ้าง แต่เราต้องอดทนและอยู่กับมันให้ได้ สู้ สู้ นะคับ จากคุณ : bongohm - [ วันคริสต์มาส 19:37:43 ]

ความคิดเห็นที่ 17 เป็นกำลังใจให้นะคะ อ่านแล้วจะจำเป็นประสบการณ์ ชีวิตเราก็คล้ายๆ คุณเลยคะ พ่อแม่เลี้ยงแบบเดียวกัน :) จากคุณ : momoko_z - [ วันคริสต์มาส 20:01:55 ]

ความคิดเห็นที่ 18 Thank you for sharing krub and very sorry about your current/past situations. I wish you could get over all of them. There is nothing wrong in what you were taught, in my opinion. It's about how you applied those into your real life. Real life and "an ideal world" are drastically different, you may make your personal objectives far beyond where reality lies. Virginity, for me, is totally different from love and mutual understanding. However the last two, in fact, are the foundation of a true relationship, not virginity nor sex. It's your life... Within that, you have your past, present and future. The past is the previous path that you can learn from it... However there are always several paths you can choose.  For your own future, choose it wisely krub. Regards, A.T. จากคุณ : amatuer translator - [ วันคริสต์มาส 21:35:50 ]

ความคิดเห็นที่ 19 เห็นด้วยกับคุณ yuy นะคะ ขอบคุณที่นดำประสบการณ์ของตัวเงอมาเป็นอุทธาหรณ์ให้เพื่อนๆค่ะ เรื่องร้ายๆผ่านไปแล้วนะคะ ขอให้มีกำลังใจต่อสู้ กับชีวิตต่อไปค่ะ จากคุณ : ลูกแม่ดอกบัว - [ วันคริสต์มาส 21:40:12 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ขอบคุณด้วยเช่นกัน จากคุณ : The Flaming Lips - [ วันคริสต์มาส 22:42:31 ]

ความคิดเห็นที่ 21 เป็นกำลังใจค่ะ ที่สำคัญคือ ตัดใจให้ได้นะคะ คุณก้มีความผิดส่วนนึงที่ให้อภัยเค้าซ้ำแล้วซ้ำอีก เก้บไว้เป้นบทเรียนนะคะ จากคุณ : เกือกซ่าสีชมพู - [ วันคริสต์มาส 22:57:03 ]

ความคิดเห็นที่ 22 เศร้าจัง ขอเป็นกำลังใจให้เข้มแข็งต่อไป แต่อย่าสร้างเกราะป้องกันตัวเองมากเกินไปนะคะ เพราะถ้าคุณเจอคนที่รักคุณจริง คุณจะไม่กล้ารักเค้า จากคุณ : greencurry - [ วันคริสต์มาส 23:45:09 ]

ความคิดเห็นที่ 23 อือ.... เราสอนลูกๆให้เป็นคนดี... ผสมไหวพริบ พลิกแพลง ให้ทันคน.... ไม่สอนให้ยอมคน (ง่ายๆ) หรอกจ้ะ แต่... ครอบครัวของคุณ สอนคุณแบบไม่สอนไหวพริบ เลยออกมาเป็นแบบนั้นค่ะ... คุณเลยต้องเรียนรูด้วยตัวเอง จากบทเรียนชีวิต ถ้าจัดย่อหน้าให้ดูอ่านสบาย เว้นวรรคให้รื่นตา... จะช่วยบรรเทา อาการอ่านจนตาลายได้เยอะเลยค่ะ... อ่านไม่จบด้วยมีอาการตาลาย โชคดีค่ะ จากคุณ : JidNince - [ 26 ธ.ค. 49 01:01:33 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ขอพระเจ้าคุ้มครองคุณค่ะ ขอความรักของพระองค์โอบล้อมจิตใจคุณ ขอพระองค์นำทางให้คุณพบแต่สิ่งดีๆ นับจากนี้ไป ขอพระเจ้าอวยพรค่ะ จากคุณ : White December - [ 26 ธ.ค. 49 01:29:51 ]

ความคิดเห็นที่ 25 เห็นด้วยกับคุณJidNince สอนลูกให้เป็นคนดี นะดีแล้วคะ แต่ไม่ใช่ naive ไปเสียทุกเรื่อง ท่าทางคุณเจ้าของกระทู้จะเซนสิทีฟนะคะ อยากแนะนำอย่างจริงใจว่าควรเลือกทำดีกับคนดีคะ จากคุณ : ตาน - [ 26 ธ.ค. 49 01:30:12 A:81.165.120.81 X: TicketID:105576 ]

ความคิดเห็นที่ 26 เป็นกำลังใจให้ค่ะ อย่าใจอ่อนกับเค้าอีกค่ะ ไม่ว่าอย่างไร เจ็บแล้วก็อย่ากลับไปเจ็บอีกค่ะ พรหมจรรย์นั้นสำคัญมากค่ะ แต่ไม่ควรเอาชีวิตไปแขวนอยู่กับสิ่งนั้นค่ะ เสียไปแล้วก็แล้วกันไปค่ะ อย่ามองโลกแง่ร้ายเพราะว่ามีอดีตที่เจ็บปวด แต่มองให้ครบทุกมุมดีกว่าค่ะ ทั้งร้ายและดี และประเมินสถานการณ์เอา สู้ๆนะคะ จากคุณ : sarang_au (sarang_au) - [ 26 ธ.ค. 49 03:08:24 ]

ความคิดเห็นที่ 27 Honestly, I fail to see raising children to be good-productive human is accountable for your misstep in life.  I’m not quite sure how your being raised as a decent person is responsible for your misjudgment in a man. What I can see missing in your brought-up is the chance to see the world as is.  Your parents probably, out of love, over protected you: did not allow you chances to explore the real world.  They kept you in too much a sheltered environment.  Many parents do.  Yet, over protecting is irrelevant to raising a child to be decent human being. If I may, your misjudgment in this man stemmed from your blind love.  An old saying “Love can blind” is applicable in your case. Let by-gone be by-gone.  Keep your past as your lesson; and start anew.  You are a bright young woman with good prospects i.e. education and good career.  You have many good things lay ahead of you.  I have no doubt you will do well.   You simply have to be strong to overcome this tough period.  Once through and look on hindsight, you’ll realize it was just another roller-coaster ride. Good luck and all the best! แก้ไขเมื่อ 26 ธ.ค. 49 07:04:25 จากคุณ : Thai Woman (ณารา) - [ 26 ธ.ค. 49 06:16:11 ]

ความคิดเห็นที่ 28 กระทู้นี้สอนให้รู้ว่า เราควรรู้เท่าทันคน และ เมื่อเจ็บแล้วต้องจำ จากคุณ : praphrut608 - [ 26 ธ.ค. 49 06:52:01 ]

ความคิดเห็นที่ 29 เศร้านะเนี่ย จากคุณ : FreW - [ 26 ธ.ค. 49 09:13:01 A:58.8.115.183 X: TicketID:114681 ]

ความคิดเห็นที่ 30 :) เข้ามาอ่าน จากคุณ : jing_pine - [ 26 ธ.ค. 49 15:22:23 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ดีใจที่จขกทเข้มแข็งได้ สู้ๆๆต่อไปค่ะ อนาคตยังอีกยาวไกล จากคุณ : PoUpeE - [ 26 ธ.ค. 49 15:26:04 ]

ความคิดเห็นที่ 32 เห็นด้วยกับ คห.ที่ 8 ค่ะ การเป็นคนดีไม่มีคำว่า เกินไปหรอกค่ะ แต่การเป็นคนดีที่ไม่ถูกหลอกต้องเป็นคนดีที่ยืนอยู่บนความเป็นจริง ความเป็นคนดีไม่เกี่ยวกับอะไรกับการใจอ่อน อิฉันว่ามันเป็นการตัดสินใจที่มีอารมณ์รักและหลงพัวพันอยู่เลยทำให้อะไรๆไม่เป็นอย่างที่คุณคาดหวัง เรื่องผ่านไปแล้วแก้ไขอะไรไม่ได้ ยินดีด้วยค่ะที่คุณรู้จักรักตัวเองและเลิกความสัมพันธ์นี้ได้ ผู้ชายหลายคนที่คบผู้หญิงได้หลายๆคนในคราวเดียวกันรักใครจริงไม่เป็นค่ะ เขารักตัวเองต่างหาก เขารู้จุดอ่อนผู้หญิงค่ะว่าอยู่ตรงไหน เขาใช้มันเพื่อความสุขสมของตัวเองและไม่นึกถึงใจเขาใจเราว่าถ้าเขาตกในสภาพเดียวกับคุณจะทนได้ไหม ถือเป็นประสบการณ์ชีวิตค่ะ ในอนาคตถ้าคุณมีครอบครัวและลูกสาวหรือแม้กระทั่งลูกชายจะได้สอนเขาให้รู้จักระวังตัว ไตร่ตรองชั่งน้ำหนักในเรื่องพรรค์นี้ก่อนตัดสินใจอะไรไป เขาจะได้มีภูมิคุ้มกันความเสียหาย จากหนักจะได้เป็นเบา เคยเจอเหมือนกันค่ะกับตัวเองแต่อาจไม่ลึกซึ้งและยาวนานเท่าเจ้าของกระทู้ เป็นกำลังใจให้ค่ะ คนเราโง่ก่อนฉลาดทั้งนั้นค่ะ จากคุณ : Stila is Style - [ 26 ธ.ค. 49 15:37:24 ]

ความคิดเห็นที่ 33 จากคำบอกเล่าของคุณ มีคำตอบอยู่ในตัวเอง   การอบรมเลี้ยงดูอย่างรักใคร่ในเยาว์วัย ให้การศึกษา และส่งคุณมาไกลเพื่อเห็นโลกกว้าง เพื่อให้คุณเข้มแข็ง ทันคน  ทั้งที่รู้ ที่เห็น ที่ประสบอยู่  คุณก็ละเลย ปล่อยให้คนที่คุณบอกว่าด้อยกว่าคุณทุกอย่าง เข้ามาในชีวิตคุณ  ยอมให้เค้าหลอกล่อไปวัน ๆ  ซ้ำยังหลอกตัวเองกับความหวังอันเลื่อนลอย ครั้งแล้วครั้งเล่า ณ วันนี้คุณบอกว่ากำลังจะเป็นไท  ก็ต้องขอแสดงความยินดีด้วย และขออวยพรให้ปีใหม่ 2550 ให้คุณเป็นคนใหม่ ที่เข้มแข็ง รักตัวเอง  มีสิ่งดี ๆ อีกมากมายที่คนมีสติปัญญาอย่างคุณสามารถไขว่คว้ามาชื่นชมอย่างจีรังได้ และคนที่ดีใจทีสุดก็เห็นจะเป็นคนที่รักและห่วงใยคุณอย่างแท้จริงก็คือพ่อแม่ของคุณ  เมื่อวันใดที่คุณมีโอกาสเป็นผู้ให้กำเหนิด คุณก็คงจะรู้ซึ้งว่าที่ท่านสอนให้เป็นคนดีเป็นอย่างไร แต่จะดีได้แค่ไหน หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับตัวเอง Good Luck จากคุณ : Mahal - [ 26 ธ.ค. 49 17:02:01 ]

ความคิดเห็นที่ 34 เป็นบทเรียนอีกบทหนึ่งของชีวิตค่ะ ถ้าคุณสามารถ ผ่านพ้นมันมาได้แล้ว มันสามรถเปลี่ยนแปลงชีวิตคุณได้เลย เราเองก็เคยประสบปัญหา ทีเกือบจะคล้ายๆกันนี้ คือรักมาก ทำใจไม่ได้เลย จะเป็นจะตาย จนกระทั่งได้ยินแม่ร้องไห้ (ทางโทรศัพท์) เพราะเราโทรไปร้องไห้กับแม่ เราเลยหยุดเลย น้ำตาไหลย้อนกลับกระทันหัน เพราะ ทำให้คิดได้ทันทีเลยว่า ผู้ชายคนนี้ไม่ได้ทำให้เราร้องไห้คนเดียว แต่ทำให้แม่เราร้องด้วย หลังจากนั้น เราเลยตัดเลยค่ะ แรกๆก็จะเป็นจะตายแหละ เพราะลืมไม่ได้ แต่ตอนนี้ สบายใจแล้วค่ะ ก็หวังว่า สิ่งใหม่ๆ จะผ่านเข้ามาในชีวิต ต้อนรับปีใหม่ที่จะถึงนี่น่ะนะคะ สิ่งไม่ดีทั้งหลาย ก็ขอทิ้งไว้ข้างหลังกับปีเก่านี้ ขออวยพรให้คุณ จขกท. เช่นกันนะคะ ยังไงๆ เราก็เชื่อว่าฟ้าหลังฝน มันจะต้องกลับมาใสกิ๊ง อย่างเก่าค่ะ   เราเป็นกำลังใจให้นะคะ http://www.thaila.us จากคุณ : khunboat - [ 26 ธ.ค. 49 19:12:08 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ขอบคุณที่ืนำประสบการณ์มาแชร์คะ และหวังว่า คุณจะมีชีวิตข้างหน้าที่สดใสคะ เีราสอนลูกให้้เป็นคนดี มีเมตตาคะ เพราะมันจะเป็นแก่นแท้ของเขาไปตลอด แต่ชีวิตออกแบบไม่ได้ เราจะสอนเขาว่าให้รัก และให้อภัยตัวเองเมื่อผิดพลาด และจำไว้ว่าไม่ว่าจะเกิดอะำำำไรขึ้น พ่อแม่จะเข้าใจเขา และพร้อมที่จะประครองเวลาที่้เขาล้ม จากคุณ : Piglet-Yorkie - [ 26 ธ.ค. 49 23:13:05 ]

ความคิดเห็นที่ 36 เข้มแข็งและมั่นคงนะคะ เจ็บแล้วอย่าให้เขาทำร้ายซ้ำอีก คุณคงมีค่ากับเขาอยู่พอสมควรที่จะจดจำ แต่คงไม่มากพอที่จะทำให้ชีวิตเขามีค่ามากขึ้นกว่าเดิม ความเอื้ออาทร เมตตา ที่คุณมีต่อทารกน้อย คงช่วยให้คุณเป็นสุขที่ถาวร และได้รับความนับถือน้ำใจจากเขาและลูกเมียตลอดกาล อย่าให้คุณค่าของชีวิตลดลงด้วยการยอมคืนดีกับเขาอีกนะคะ ความอาลัยอาวรณ์ คิดถึงคนึงหาทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ คงเรียกร้องอยู่ภายในความเป็นผู้หญิงของคุณอยู่จนกว่าจะพบสิ่งทดแทนที่มากพอ ขอให้เข้มแข็ง มั่นคง จากคุณ : ดอกเหมย (Fiorina) - [ 27 ธ.ค. 49 00:58:50 ]

ความคิดเห็นที่ 37 มีคำกล่าวว่า ฉลาดให้เหมือนงู แต่สุภาพเหมือนนกพิราบครับ :) จากคุณ : tanoy_delphi - [ 27 ธ.ค. 49 12:42:00 ]

ความคิดเห็นที่ 38 เป็นกำลังใจให้นะคะ ขอให้คุณเจอผู้ชายดีดีที่ไม่ใจร้ายนะคะ จากคุณ : kaajib (kaajibjib) - [ 28 ธ.ค. 49 07:06:54 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ให้กำลังใจเจ้าของกระทู้นะคะ เท่าที่อ่านมา รู้สึกว่าคุณเป็นคนที่มีจิตใจเข้มแข็งมาก เพราะดูรักมากยังตัดใจกล้าเลิกได้ เก่งจริงๆ เลยค่ะ เพราะถ้าเป็นเรา เราก็ยังไม่รู้เลยว่าจะทำยัง ชื่นชม จขกท. จริงๆค่ะ ขอให้ชีวิตของ จขกท.  พบเจอแต่สิ่งที่ดีๆต่อไปในชีวิตนะคะ จากคุณ : jinny_coolgirl - [ 28 ธ.ค. 49 12:17:51 ]

ความคิดเห็นที่ 40 การหยุดก้าว ไม่ได้หมายความว่าเราจะถอยหลัง เป็นการหยุด เพื่อเตรียมความพร้อมที่จะก้าวไปข้างหน้าอย่างหมั่นใจ ภัยที่สำคัญที่สุดของเรา คือใจของเรา จากคุณ : . - [ วันสิ้นปี 11:28:19 A:124.157.154.127 X: TicketID:118603 ]

ความคิดเห็นที่ 41 อ่านจนจบจนเข้าตีหนึ่งกว่า ๆ ผู้ชายคำโบราณว่า"น้ำกลิ้งบนใบบัว" เราไม่อยากพูดถึง ทุกวันนี้เรามีความสุขดีเจอคนที่เขารักเรามาก ๆ คุณเป็นคนดีสักวันคุณต้องเจอคนดีที่เขารักคุณอย่างจริงใจ คุณคงได้สร้างครอบครัวที่อบอุ่นสมใจ เชื่อสิ จากคุณ : เสียงซึง - [ วันสิ้นปี 13:17:22 ]