ความคิดเห็นที่ 1 เรากำลังจะ apply ไปเรียน PhD ที่ UK เหมือนกันค่ะ แล้วก็กำลังเตรียม proposal ได้กว่า 50%แล้ว วิธีที่ใช้หาหัวข้อ proposal ก็คือ เลือกหัวข้อกว้างๆของเรื่องที่เราสนใจ แล้วหาเอกสารหรือarticleอ่านเพิ่มเติม แล้ว idea ก็จะมาเองค่ะ หรือจะเข้าไป web ของ department ที่จะเรียน แล้วดูresearch interests ของ staff ก็คงช่วยหาหัวข้อได้นะคะ ที่จริงก็อยากทราบเหมือนกันนะคะว่า คนอื่นๆใช้วิธีแบบไหน จะรออ่านนะคะ :) จากคุณ : jin@jan (จิน ณ จันทร์) - [ 20 ก.พ. 50 17:13:36 ]

ความคิดเห็นที่ 2 มีปัญหาเหมือนกันครับ เรื่องว่า หาหัวข้อไม่ได้ เคยมีพี่ที่จบไปแล้วแนะนำไว้ว่า ให้ลีสออก 3 ส่วนครับ คือ 1.สิ่งที่เราเคยทำ 2.สิ่งที่เราสนใจอยากจะทำต่อ 3.สิ่งที่โปรเฟสเซอร์คนนั้นทำวิจัย แล้วเอามาผนวกกันดูครับ อาจจะได้ไอเดียดีดีที่น่าสนใจทั้งเราและโปรเฟสเซอร์ อีกทั้งยังไม่ต้องเริ่มจากศูนย์ก็ได้ ค่อยค่อยคิดนะครับ ผ่อนคลายบ้าง บางทีเวลาที่ปิ๊งปั๊ง อาจจะเป็นเวลาที่เรารีแรกซ์มากๆ เช่น อาบน้ำอุ่น ว่ายน้ำ อะไรแบบนี้ พอปิ๊งแล้วรีบจดๆ ไว้เลยหละ เดี๋ยวลืม โชคดีนะครับคุณแวว จากคุณ : Maschinener - [ 20 ก.พ. 50 17:13:44 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ไม่แน่ใจว่าแนวเราจะใช้ได้กับคนอื่นหรือป่าวนะคะ ไม่มีหัวข้อมาเหมือนกัน ตอนส่ง Statement of Purpose เราเขียนกว้างๆว่า ตอนนี้สาขาที่เราทำงานอยู่/พื้นที่ที่เราอยู่มีปัญหาเรื่องอะไรโดยเสริมข้อมูลสถิตินิดหน่อย จากนั้นก้อขมวดว่าเราอยากทำการศึกษาเพื่อหาทางแก้ไขปัญหาที่ว่านี้ ไม่มีหัวข้อ ไม่มี Proposal แต่อาศัยได้คุยกับอาจารย์ที่อังกฤษบ้าง เค้าสนใจเรื่องที่เราอยากศึกษาก้อรับเลย อีกอย่างคนที่ส่ง Proposal มาก้อมีหลายคนที่เปลี่ยนหัวข้อวิจัยหลังจากทำ Literature Review แต่ถ้าคุณ จขกท จำเป็นต้องส่งหัวข้อจริงๆขอแนะนำให้อ่านเยอะๆค่ะ แล้วคุณจะเห็นช่องว่างของการวิจัยในสาขาของคุณ เอาใจช่วยนะคะ อยากได้ Article อะไร ก้อโพสมาได้นะคะ จะได้ช่วยกันหาค่ะ จากคุณ : @norwich - [ 21 ก.พ. 50 03:24:19 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ได้ไอเดียบรรเจิด....   ขอบคุณเจ้าของกระทู้และทุกท่านที่ตอบนะคะ จากคุณ : Georinn - [ 21 ก.พ. 50 09:21:02 ]

ความคิดเห็นที่ 5 Personally, I also didn't have any idea about what I was going to do with my PhD project even when I had already arrived here in Australia. I and my supervisors had some discussions about my background and experiences and they also showed a list of their projects available in the department. We looked at those topics and we picked the one which seem to be very interesting and appropriate to my experiences and expertises. That topic was failed after 1.5 years and now I am working on a new research topic which is completely different from the first one. So, chose wisely. จากคุณ : scouser_reds - [ 21 ก.พ. 50 10:11:29 ]

ความคิดเห็นที่ 6 เอ ผมว่า ก่อนการสมัครเรียน อย่างแรกเลยก็คือ ติดต่อกับ อ.ที่เราคิดว่าจะขอให้เค้าเป็นซุปให้นะครับ การเลือกซุปสำคัญมาก และการเลือกหัวข้อก็สำคัญ และต้องทำไปควบคู่กันครับ ผมหละสงสัยจริงๆ เวลามีคนที่จะไป หรืออยากไป แล้วไม่ทราบว่าขั้นตอนเป็นอย่างไร มันดูไม่เป็นตรรกะเลย จากคุณ : g9h - [ 21 ก.พ. 50 18:06:09 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เหมือนคุณ g9h คือ "ติดต่อกับ อ.ที่เราคิดว่าจะขอให้เค้าเป็นซุปให้" - อ่านเรื่องที่เราคิดว่าสนใจคร่าวๆ แล้วติดต่อหาอาจารย์ที่ทำเรื่องนี้ - ได้รายการมาว่ามีใครบ้างๆ ก็จากการเสริชคร่าวๆ นั่นแหละ จากงานตีพิมพ์ - สมัยนี้ข้อมูลหาง่ายมากกว่าสมัยก่อน แต่ก่อนที่ไทยใครจะไปเรียนที่ไหน มักจะติดต่อผ่านคนที่เคยเรียนที่นั่นมาก่อน ว่ากลัวว่าจะถูกปฏิเสธ แต่เชื่อว่าถ้าติดต่อผ่านคนที่เคยเรียนมาแล้วโอกาสตอบรับจะสูงขึ้น แต่สมัยนี้ติดต่อเอง แล้วไปเรียนเองเนี่ย ง่ายมาก ไม่ต้องต้องรอคน recommend ยิ่งมีทุนนะ ใครๆ ก็สนใจ เพราะว่าได้คนมาเพิ่มโดยไม่ต้องเพิ่มค่าใช้จ่ายมาก - แล้วก็ filter งานที่สนใจจากที่คิดเอาไว้คร่าวๆ ให้เหลือแค่ 2-3 เท่านั้น แล้วก็ติดต่อไปเลย ปรึกษาแบบละเอียดก่อน (โดยอ่านเรื่องที่เขาทำมาแล้ว) แต่จริงๆ ตอนที่อ่านงานในตอนนี้นั้น คุณก็จะมีไอเดียเขียนแล้ว เพราะขอบเขตมันแคบลงมาก แต่เห็นว่ามีไอเดียจะเขียนแล้ว ดีใจด้วย พอย้อนขึ้นไปอ่านหัวข้อกระทู้ จริงๆ คุณก็รู้ว่าน่าจะทำอย่างไรอยู่แล้ว แต่อาจไม่มั่นใจ ก็ตอบว่า ทำไปเลยค่ะ อีเมล์ไปเลย จะได้รู้ไปเลย จากคุณ : พธูไทย - [ 22 ก.พ. 50 15:22:23 ]

ความคิดเห็นที่ 8 นั่นสิครับ คงเป็นเพราะขาดความมั่นใจมากกว่า จากคุณ : g9h - [ 22 ก.พ. 50 17:10:41 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ซุป นี่ใครเหรอ จากคุณ : NSTDL_Is_Missing - [ 22 ก.พ. 50 21:22:50 ]

ความคิดเห็นที่ 10 supervisor เรียกสั้นว่า 'ซุป'...คับพี่น้องคับ จากคุณ : a_space317 - [ 10 มี.ค. 50 23:59:41 ]