ต่อจากนี้ก็เป็นคิวสัมภาษณ์ เรารอนานมาก ระหว่างนั้นเราต้องเช็คเรื่องรูปกับทางร้านว่าส่งมาให้หรือยัง โชคดีที่สถานทูตมีตู้โทรศัพท์ โทรถามได้ เราได้รูปใหม่มาตอน 10 โมงพอดี เสียค่ารูป 180 ค่ามอไซด์อีก 80 บาท ทั้งหมดเสียเงินเพิ่มโดยใช่เหตุ
กว่าจะได้สัมภาษณ์ ประมาณ 10.30 ได้ เพื่อนเราได้ตอน เกือบๆ11.00 วันนี้คนเยอะอย่างที่บอกไป เก้าอี้ข้างในไม่พอนั่งเลยค่ะ แต่เพื่อนเรามันก็ไม่ยอมออกมานั่งข้างนอก เราต้องยืนรอข้างใน จนเราต้องนั่งพื้น จนเพื่อนเรามันทนความน่าเกลียดของเราไม่ไหว ต้องไปหาเก้าอี้ให้ สุดท้ายก็ได้นั่งกันสี่คน แล้วเพื่อนเราก็โดนเรียกสัมภาษณ์ได้ช่อง 11 มันว่าถามไม่กี่คำถามเอง ไปเที่ยวที่ไหน ทำไมเลือกไปที่นี่ แล้วก็ Welcome to USA จบ
ต่อจากนั้นก็เป็นคิวเรา โชคดีที่มันเรียงเลข เลขคิวเราต่อจากเพื่อนพอดี ได้แหม่มช่อง 11 เหมือนกัน แหม เสียดาย อยากได้ช่อง 10 เราเห็นหน้าเขาครั้งแรก แอบสงสาร หน้าเขาดูเหนื่อยมากๆเลยค่ะ นี่เพิ่งจะสิบโมงครึ่ง อย่างว่าวันนี้คนเยอะ มัวแต่คิดสงสาร ลืมสวัสดีไปเลย
ช่อง 11 : เอานิ้วชี้ซ้าย วางบนเครื่องสแกนนะคะ (เขาพูดไทยกับเราค่ะ ทั้งๆที่เราเลือกอังกฤษ)
เรา : เราก็ทำตาม ซ้ายก่อนแล้วขวา
ช่อง 11 : ไปอเมริกา ทำอะไรคะ (ภาษาไทย)
เรา : Tra
. ยังพูดไม่จบคำ เราก็นึกได้ว่าเขาพูดไทยกับเรานิหว่า เลยรีบกลับคำตอบไทยไปว่า ไปเที่ยวค่ะ
(ปรับโหมดไม่ทันค่ะเพราะเราเตรียมสัมภาษณ์เป็นอังกฤษเต็มที่ เตรียมคำถามคำตอบมาตั้งแต่บ้าน)
ช่อง 11 : หัวเราะ แล้วถามเรากลับว่า พูดภาษาอังกฤษได้ไหม (สนทนาเป็นอังกฤษแล้วนะคะ)
เรา : ได้นิดหน่อยค่ะ (ตอบไปแบบนั้นด้วยความคิดว่า เดี๋ยวเขาจะเปลี่ยนโหมดเป็นไทย
เหมือนเดิม เพราะเริ่มอยากจะพูดไทย - -")
ช่อง 11 : ไปเที่ยวไปที่ไหนบ้างคะ
เรา : (อ้าว ไม่เปลี่ยนนี่หว่า อังกฤษก็อังกฤษ) ไปเท็กซัสค่ะ เที่ยวแถวๆนั้น
ช่อง 11 : คุณไปกับเพื่อนอีกสามคนใช่ไหม แล้วคุณรู้จักกันได้ยังไงเพราะว่าเพื่อนคุณทั้งหมดอยู่คนละมหาวิทยาลัยกับคุณ
เรา : เป็นเพื่อนเก่าค่ะ เราเรียนโรงเรียนมัธยมด้วยกันค่ะ
ช่อง 11 : Have a nice trip จบ
เรา : อึ้งไปสามวิ ขอบคุณแล้วเดินออกมา นึกในใจว่า เอกสารทางการเงิน ใบรับรองการ ทำงานของพ่อกับแม่เราก็ไม่ดู ที่เราเตรียมและกังวลทั้งหมดเพื่ออะไรวะเนี่ย เราเดินงงๆ จนลืมถามเขาไปเลยว่าได้วีซ่าเท่าไหร่
ส่วนเพื่อนเราอีก 2 คนรอสักพักก็ได้สัมภาษณ์ ไม่ถามอะไรมากเลยค่ะ 3-4 คำถาม เอกสารทางการเงินต่างๆ ก็ไม่ดู จนเพื่อนเรามันต้องขอให้เขาดูอ่ะค่ะ มันบอกว่าไหนๆก็แบกมาแล้ว ตอนนี้ก็รอแต่พาสปอร์ตเพื่อดูว่าได้กันคนละเท่าไหร่ เรานึกย้อนกลับไป โอ กังวลเกินเหตุจริงๆ แถมไข้ขึ้นฟรีอีกด้วย
เรานั่งวิเคราะห์ดูสำหรับตัวเราที่ได้วีซ่ามาแบบไม่ขอดูเอกสารการเงินหรือใบรับรองเงินเดือนและการทำงานของพ่อแม่ก็น่าจะเป็นเพราะ วันนี้คนเยอะ เจ้าหน้าที่คงเหนื่อยเลยขี้เกียจถามมาก, คิดว่าชื่อมหาวิทยาลัยและเกรดเราคงช่วยชีวิต (อีกอย่างใบเกรดใบนั้นยังไม่ complete), เรากับเพื่อนมีแผนการเดินทางท่องเที่ยวแนบไป, และหน้าตาเรา ฮ่าๆ เราพยายามทำหน้าต่อให้เจียมเจี้ยมสุดฤทธิ์ (ล้อเล่นนะคะ เพียงแต่แต่งตัวเรียบร้อยไปน่ะค่ะ สร้างความน่าเชื่อถือ)
โอ้ ยาวมาก จบดีกว่าค่ะ ขอบคุณเพื่อนๆในห้องไกลบ้านมากๆเลยนะคะ อยากจะบอกว่าบางที เราอย่าไปกังวลกับอะไรมากเลยค่ะ และเตรียมเอกสารไว้ให้พร้อมแต่อย่านานเกินไป รวมทั้งเช็คดูก่อนวันสัมภาษณ์สัก อาทิตย์ มีอะไรผิดพลาดจะได้แก้ไขได้ทันค่ะ จะได้ไม่เป็นอย่างเรา เสียเงินค่ารูปเพิ่มโดยใช่เหตุอีกค่ะ แถมไม่ได้ใช้อีกต่างหาก
โชคดีทุกคนนะคะ ขอบคุณที่อ่านด้วยค่ะ
แก้ไขเมื่อ 21 ก.พ. 50 08:36:46
แก้ไขเมื่อ 21 ก.พ. 50 08:34:38
แก้ไขเมื่อ 21 ก.พ. 50 08:32:14
แก้ไขเมื่อ 21 ก.พ. 50 08:30:40