ความคิดเห็นที่ 1 แก้ไขรูปคับ จากคุณ : Lord of peptide (acid_chloride) - [ 27 ก.พ. 50 09:25:42 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เสียใจด้วยนะคะสำหรับข่าวไม่ดี ลดเยอะอย่างนี้สุดท้ายก็เหมือนทำให้นศ.ต้องไปทำงานพิเศษหารายได้เพิ่มอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้สินะคะ แทนที่จะไปทำงานพิเศษเพื่อสะสมไว้เวลาที่อยากเที่ยว กลายเป็น earn for living แทน จากคุณ : Angeltetsu (Angeltetsu) - [ 27 ก.พ. 50 09:55:35 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ตอนผมเรียน ก็โดนลดไป 2 รอบ เอาใจช่วยครับ ประหยัดขึ้นอีกหน่อย สู้ๆ จากคุณ : I'm wu - [ 27 ก.พ. 50 10:06:26 ]

ความคิดเห็นที่ 4 เอกสารนี้ละเอียดดีนะ จริงๆ เรื่องนี้เขาคุยกันไปแล้วทีนึง เอกสารตัวนี้บอกว่าคนที่ได้ทุนอยู่แล้วเงินลดเหลือแสนเจ็ด เอกสารไม่ได้ระบุถึงคนที่ได้ทุนจากต่างประเทศแต่พูดถึงคนที่ สมัครทุนจากในญี่ปุ่นว่าถึงเดือนตุลาแล้วจะลดเงินเหลือแสน หกหมื่นถ้วน แต่จากเอกสารของมหาวิทยาลัยระบุว่าคนที่สมัคร ทุนจากต่างประเทศก็เช่นกัน จะได้ทุน 160000 ตั้งแต่ตุลาคม ส่วนคนที่พึ่งมาก็จะได้แสนเจ็ดเป็นเวลา 1 ปี ไม่ว่าจะมาเดือน อะไรก็ตาม แสดงว่าคนที่พึ่งไปเดือนตุลาปีนี้จะยังได้แสน เจ็ดในขณะที่พวกพี่ๆ กลายเป็นแสนหกไปแล้ว เรื่องลดค่าเงินเป็นเรื่องหลายๆ ปัจจัย เงินต่างประเทศแข็ง เงินเยนก็อ่อนได้ ไม่ใช่แค่คิดว่าจะลดเพื่อส่งออกก็ทำได้ ส่วนเงินทุนที่เขาให้ก็พอเพียงหน่อยๆ  ถ้าเขาคิดจะจ้างมา เรียนจริงๆ เขาคงบังคับให้เราๆ ท่านๆที่ได้ทุนเรียนเท่าไหร่ๆ งานวิจัยต้องส่งกี่ชิ้น ก็เหมือนเราทำงานบริษัทนั่นแหละครับ อยู่ได้ก็ทนกันไป ถ้าไม่ได้ คิดว่ามีทางเลือกที่ดีกว่าก็ลาออก จากทุนแล้วไปหาทุนอื่นที่ดี หรือหาลู่ทางทำกินอย่างอื่นดี กว่า จากคุณ : อ.ปมโปโกะ - [ 27 ก.พ. 50 10:37:31 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เห็นด้วยกับคุณ อ.ปมโปโกะ ค่ะ เงินที่ให้ไป ก็ไม่ได้เกิดจากการบังคับให้มารับ ทุกคนล้วนเต็มใจแย่งชิงกันสอบ เพื่อมารับเงินกินข้าวทุกเดือนแถมเรียนฟรีอีกต่างหาก หากไม่พอใจก็ยกเลิกไปได้ ไม่มีข้อผูกมัดเหมือนทุนไทยด้วยซ้ำ พนักงาน แม้แต่ข้าราชการญีปุ่น เมื่อบรรจุใหม่ จะได้เงิน(หลังหักภาษีและค่าใช้จ่ายโดยทั่วไปแล้ว) ประมาณ 150000 เยนหรือน้อยกว่า เท่านั้น ดิฉันเห็นด้วยกับการลดเงินทุนมอนบุโชครั้งนี้ค่ะ ลองหันไปมองนักศึกษาญี่ปุ่นที่พ่อแม่ต้องจ่ายเงินให้ลูกมาเรียนเองสิคะ รวมค่าหอแล้วได้ครึ่งนึงของนักเรียนต่างชาติเหล่านี้หรือเปล่า จากคุณ : มายุมิ - [ 27 ก.พ. 50 10:57:54 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ถ้าพูดอย่างที่ คุณสองคนข้างบนพูดมันก็ถูก แต่ ถ้าพูดถึงตามหลักการแล้ว การที่เขาให้ทุนมาแล้ว มันก็ม่ควรจะมีการเปลี่ยนแปลง หรือถ้าเปลี่ยน มันก็ไม่ควรให้มันกระทบกับคนที่เขาเคยใช้ชีวิต หรือสามารถปรับตัวได้มาก่อนหน้านี้แล้ว ทำไม ไม่มองไปที่คนที่เขาใช้ชีวต อยุ๋ตามเมืองหลักๆ ที่ค่าครองชีพมันแพงบ้าง บางคนเขาอาจจะมีการปรับตัว บริหารการเงินแล้ว ส่วนคนที่เขาเก็บเงินได้มากบ้าง น้อยบ้าง มันก็ขึ้นอยู่กับตัวบุคคล ที่เขาจะตระหนี่ เพื่อ อนาคตของเขา มันก็เหมือนการวางแผนอนาคตไว้ล่วงหน้า คนที่จะสอบทุนมาเรียน ก็มีการวางแผนว่า จะเรียนให้จบ เป็นต้น แต่ที่ เขียนไว้นี่ ก็ อยากให้ ทราบถึงว่า มันไม่ถูกต้องเท่านั้น ที่จะไปลดเงินย้อนหลัง ถ้าตัวเองคิดว่า เงินจะจ่ายให้ไม่พอ อยากจะลดงบประมาณแผ่นดิน ก็ ลดจำนวนทุนที่ให้ไปของแต่ละประเทศซะสิ แต่ นี่ไม่ทำ แสดงว่า ต้องการคนเข้ามาเรียนใช่ไหมละครับ แล้วที่ คุณ ปมโปโกะ พูดว่า เขาไม่ได้ต้องการให้เราทำงานให้เขา นั่นผิดแล้วละครับ ลองมองหันไปดูพวกสายวิทย์สิครับ บางมหาลัย หรือส่วนมากก็ว่าได้ การจะจบ ปริญญาโท หรือเอก ที่นี่ ต้องการ ผลงานที่สามารถตีพิมพ์ในวารสารนานาชาตได้อย่างน้อย หนึ่ง สำหรับโท และ สาม สำหรับเอก นี่หรือว่า ไม่ต้องการ และที่ทราบมากกว่านี้ก็คือ ญี่ปุ่น พยายามแข่งขันเรื่องนี้กับจีน โดย มานับเอาผลงานนานาชาติ ถ้าปีใดแพ้ จีน ก็จะเป็นเรื่องพูดกันไปในปีต่อไป มันจะแข่งเข้าไปได้ไง ประชากรก็น้อยกว่าอยู่แล้ว นี่แหละคือตัวอย่าง อย่างนึงแล้วละ ที่บอกว่า เขาก็ต้องการผลงาน และประโยชน์ของคนที่ไปเรียน มากกว่า ที่จะให้เงินทุน แบบไม่มีข้อผูกมัด แต่มีข้อแอบแฝงแหละมากกว่า และที่บอกว่า ถ้าไม่อยากได้ก็ไปเอาทุนอื่นก็ได้ ถามหน่อยสิครับว่า ถ้าคุณ ตัดสินใจทำอะไรสักอย่างนึงไปแล้ว มันง่ายหรือ ที่จะเปลี่ยนใจไปที่อื่น และก็ ที่ให้มองนักศึกษาญี่ปุ่น ที่พ่อแม่ ต้องจ่ายเงินให้ลูก หรือลุกต้องไปทำงานมาเรียนอะ มันก็ไม่ต่างอะไรกับนักศึกษาไทยหรอกครับคุณ แล้วมหาลัย มันก็เหมือนเมืองไทย ที่เขาก็มีทุนการศึกษาให้ หรือไม่ก็ได้รับทุนจากบริษัท สำหรับคนที่ไม่ได้ทุน แล้วคุณเอามาเปรียบเทียบกับเรื่องนี้ มันก็กระไรอยู่นะครับ ก็นโยบายของประเทศทำเอาไว้แบบนี้เองที่จะให้ทุนกับนักเรียนต่างชาติ ผมว่าลึกๆแล้วลองไปถามคนออกนโยบายดีกว่าว่าต้องการผลประโยชน์แอบแฝงเหมือนที่ผมบอกไหม อยากให้คำนึงถึงคนที่เขาเดือดร้อนในแผนการใช้ชีวิตของเขาที่ต้องปรับตัวบ้าง ไม่ใช่ว่า มองแง่เดียวก็เท่านั้น จากคุณ : acid_chloride - [ 27 ก.พ. 50 11:15:50 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ^ ^ ถ้าคิดเทียบกับนศ.ญี่ปุ่นแล้วก็เห็นด้วยค่ะ เรียนฟรี+กินอยู่ สบายกว่ากันมาก พอมองมุมของคนที่รับทุน วางแผนการใช้เงิน การใช้ชีวิตแล้วก็เห็นใจ ต้องปรับเปลี่ยนเพื่อให้เหมาะสมกับทุนที่ได้น้อยลง ในเมื่อทุนมันน้อยลงก็ขอให้พยายามขึ้นอีกนิดก็แล้วกันนะคะ ยังไงเสียทางรัฐบาลญี่ปุ่นเขาก็ให้เราเรียนฟรี ช่วยเหลือค่าใช้จ่ายพอสมควรแล้ว *เพิ่มเติมข้อคิดเห็นค่ะ แก้ไขเมื่อ 27 ก.พ. 50 11:29:15 จากคุณ : Angeltetsu - [ 27 ก.พ. 50 11:20:17 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ก็เห็นทั้งหอบมือถือไปขายเมืองไทย หาของไปขายทำรายได้สารพัด คงไม่เดือดร้อนอะไรมั้งคะ จากคุณ : มายุมิ - [ 27 ก.พ. 50 12:12:08 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ขอแสดงความเห็นใจเรื่องโดนลดเงินนะคะ ... แต่เรื่องที่ต้องผลิตผลงานวิจัยเพื่อตีพิมพ์สำหรับการจบปริญญาเอกนี่ไม่เห็นว่ามันจะเป็นผลประโยชน์แอบแฝงของญี่ปุ่นตรงไหนเลยนี่คะ มันก็คือผลประโยชน์ตรงๆ รู้ๆ กันอยู่ There is no free lunch และอันที่จริงมันก็เป็นผลประโยชน์อย่างยิ่งกับตัวนักเรียนเองด้วย ผลงานที่นักเรียนตีพิมพ์แลกกับเงินทุนนั้น ตัวนักเรียนเองก็สามารถนำไปใช้ประโยชน์เพื่อการต่างๆ ในภายภาคหน้าได้อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะการทำงานต่อในแวดวงการศึกษาและวิจัย สรุปแล้วมันเป็นเรื่องธรรมดามากเลยอ่ะค่ะ ที่จ้างคนมาเรียนหรือทำวิจัยเพราะต้องการผลงานเนี่ย ที่ไหนในโลกก็คงคล้ายๆ กันค่ะ :) จากคุณ : -N-u-t--- (-N-u-t---) - [ 27 ก.พ. 50 12:56:23 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เงินทุนนักเรียนทุนรัฐบาลญี่ปุ่น จะเท่ากับเงินเดือนขั้นแรกของข้าราชการญี่ปุ่น แล้วตอนนี้รัฐบาลก็ลดเงินเดือนข้าราชการอยู่ด้วยเหมือนกัน จึงส่งผลทำให้เงินทุนลดไปด้วยเพราะถึงจะเรียกกันว่าเป็นทุนการศึกษาแต่ก็คือ การจ้างมาเรียน จ้างมาทำวิจัย .. และที่ญี่ปุ่นให้งบในด้านนี้ในการช่วยเหลือประเทศกำลังพัฒนาก็ถือว่า*ฉลาด*ที่จะลงทุนให้เงินหมุนอยู่ในประเทศตัวเอง ได้บุคคลากรชั้นดีที่ผ่านการเลือกสรรมาแล้วจากชาตินั้น ๆ และยังมีโอกาสที่จะได้แรงงานสมองไหลเข้าประเทศอีก .. เราว่าควรจะมองตรงที่ แล้วผู้ที่ตัดสินใจว่าจะรับทุนล่ะ..จะ*ฉลาด*ใช้อะไรจาก ทุน และโอกาสในญี่ปุ่นครั้งนี้ แต่ละคนที่มาได้อะไรกลับไปไม่เท่ากัน ความรู้ ไบโตะเป็นบ้าเป็นหลัง เงินเก็บ  เพื่อนฝูง เส้นสายทางธุรกิจ ... ยิ่งลดทุน เราก็ยิ่งต้องใช้โอกาสให้คุ้มยิ่งขึ้นคะ ..เป็นกำลังใจแก่นักเรียนไทยทุกคน.. ตั้งใจศึกษานำความรู้ที่ได้มุ่งพัฒนาชาติเราให้เรียกได้ว่าเป็น ประเทศพัฒนาแล้วให้ได้ในเร็ววัน จากคุณ : il y a - [ 27 ก.พ. 50 13:26:49 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ลดลงแค่ 1-2 มังเนี่ย เปลี่ยนจาก ไฮโซ มาเป็น คนธรรมดาแค่นั้นเองครับ ่ใช่ว่าลดทุนแล้วจน ต้องไปเป็นขอทาน นอนใต้ทางด่วน หรือเรียนจนจบไม่ได้นิครับ ถ้าไม่พอใจก็บอกเลิกรับทุนกลับบ้านได้นะครับ จากคุณ : หลายรอบแล้ว (ชาติ 4300) - [ 27 ก.พ. 50 15:04:13 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ไหนๆก็ไหนๆแล้วนะ "เฮ้อที่เซ็งก็คือตอนนี้รัฐบาลญี่ปุ่นก็ดันลดค่าเงินตัวเอเอาอยู่ตลอดเวลาไม่รู้เพื่อจะส่งออกมั้ง ทั้งๆที่ตอนนี้เอาไปแลกดอลล่ารหรือยูโรก็หืดขึ้นคอแล้วครับนี่ยังไม่รวมถึงการแลกไปเป็นเงินบาท เป้าหมายของการให้ทุนเค้าให้ไปแลกเป็นเงินนอกเรอครับ ผมนึกว่าเค้าให้ไว้ใช้ในประเทศเสียอีก แก้ไขเมื่อ 01 มี.ค. 50 18:32:45 แก้ไขเมื่อ 28 ก.พ. 50 01:59:14 แก้ไขเมื่อ 27 ก.พ. 50 15:12:20 จากคุณ : ชาติ 4300 - [ 27 ก.พ. 50 15:11:46 ]

ความคิดเห็นที่ 13 เด็กญี่ปุ่นทุกคนเมื่อบรรลุนิติภาวะอายุ ๒๐ปี รัฐบาลจะส่งใบเก็บภาษีให้จ่ายเดือนละ ๑๒,๐๐๐เยน หรือ๑๓,๐๐๐เยน จำไม่ได้ เเละจะเพิ่มขึ้นทุกปี เงินทุนมงฯก็ได้มาจากรายได้ของประชากรเสียภาษี หรือคนไทยที่ทำงานที่นี่   เหมือนกับที่คุณมายุมิว่า รายได้ข้าราชการที่บรรจุใหม่๑๕,๐๐๐เยน ซึ่งยังน้อยกว่าทุนมง  เเละไม่ต้องมาชดใช้ทุนเหมือนทุนอื่นๆ ด้วย เห็นใจที่ถูกลดจำนวนลง เเต่ก็ขอให้เข้าใจด้วยว่ารัฐบาลญี่ปุ่นก็ยังมีหนี้สินอยู่ตามที่ถกเถียงในรัฐสภา ขอเป็นกำลังใจสนับสนุนให้เรียนสำเร็จเพื่อนำไปพัฒนาชาติ เพราะพวกเราต้องการคนที่มีความรู้ความสามารถเเบบพวกคุณกลับมารับใช้ชาติค่ะ จากคุณ : ELiiCA - [ 27 ก.พ. 50 15:45:20 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ก็ ขึ้นอยู่กับ มุมมองล่ะครับ มองว่า รัฐเค้าเป็นเจ้าของเงิน ต้องรับผิดชอบภาษี ผลประโยชน์ของรัฐ เค้าก็มี สิทธิ์ทำได้ หรือ มอง ว่า เค้าทำผิดจากข้อตกลง หรือ ความคาดหวัง เบื้องต้น มุมหลัง ถ้า ประกาศก่อนสอบ ให้รู้ว่าจะได้ เท่าไรก่อนเรียน คนที่จะมาก็รู้ตัวก่อน ค่อยๆเปลี่ยน คงใช้เวลาสัก สาม สี่ปี เด็กทุนเก่า ก็หมด แต่เมื่อ ทาง มองบูโช เลือกทีเปลี่ยนทีเดียวหมด เด็กต่างชาติ ทั้งหลาย ก็ คงต้องพยายามปรับตัวกันล่ะครับ คิดว่า ฝีกการแบกรับความเสี่ยง ไปในตัวครับ อิอิ จากคุณ : A.sativa - [ 27 ก.พ. 50 17:19:59 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ปีหน้าๆ จากคุณ : pikzy - [ 27 ก.พ. 50 17:36:15 ]

ความคิดเห็นที่ 16 จากคำพูดของคุณที่ว่า ถ้าอยากจะลดงบประมาณแผ่นดิน ก็ ลดจำนวนทุนที่ให้ไปของแต่ละประเทศซะสิ เนี่ยแสดงความเห็นแก่ตัวแบบทุเรศสิ้นดี เอาตัวเองสบายไว้ก่อน คนอื่นช่างหัวมัน เนี่ยเหรอนักเรียนทุน มีสมองคิดได้แค่เนี้ยเหรอ ถ้าส่งนักเรียนทุนพวกนี้กลับละก็ ลดงบประมาณแผ่นดินลงได้โขเลย ทำให้พื้นสูงขึ้นอีกด้วย จากคุณ : นายหัว - [ 27 ก.พ. 50 18:44:51 A:210.250.2.65 X: ]

ความคิดเห็นที่ 17 ขออีกนิดนะจากคำพูดที่ว่า "อยากให้คำนึงถึงคนที่เขาเดือดร้อนในแผนการใช้ชีวิตของเขาที่ต้องปรับตัวบ้าง ไม่ใช่ว่า มองแง่เดียวก็เท่านั้น" ลดลง 1-2 มังเนี่ยชีวิตเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลัง teen เลยเรอ เดือดร้อนบรรลัยเลยเรอ ถ้างั้นก็กลับบ้านเก่าไปซะเถอะนะลูกเอ้ย จากคุณ : นายหัว - [ 27 ก.พ. 50 18:53:06 A:210.250.2.65 X: ]

ความคิดเห็นที่ 18 ถ้าจุดมุ่งหมายของคุณคือการมาเพื่อศึกษาจริงๆ คุณก็สามารถที่จะต้องรับกับข้อเปลี่ยนแปลงนี่ได้และสามารถปรับเปลี่ยนการบริหารการใช้จ่ายได้ใหม่ เพราะเป้าหลักคือเพื่อการมาศึกษา ไม่ใช่การมานั่งอมทุน ต้องลองถามด้านมืดของตัวคุณนะว่า จริงๆแล้วมาศึกษาหาความรู้จริงๆหรือเปล่า จากคุณ : พูดตรงตรง - [ 27 ก.พ. 50 19:12:22 A:66.199.184.254 X: TicketID:139084 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ง่ะ เด็กทุนมอนเหมือนกันนะคะ อย่าเพิ่งว่าเหมารวมเด็กทุนไปกันหมดเลยค่ะ เรื่องทุนมอน คอยลดเงินอยู่เรื่อยๆ รู้มาตั้งแต่ก่อนสมัครทุนแล้วค่ะ เห็นเพือ่นๆเด็กทุน เค้าก็รู้กันดีอยู่แล้วถึงเรือ่งนี้ ส่วนตัวแล้วก็เพื่อนๆ ก็แค่บ่นกันนิดๆว่าเสียดายอ่ะค่ะ โดนลดเงินเดือน (เป็นระยะๆ) ไปอีกแล้ว แต่ก็ไม่ได้คิดว่ามันมีปัญหาอะไรนะคะ ส่วนที่ลดไปถ้าคิดจริงๆแล้ว ก็ไม่ใช่ส่วนหลักในชีวิตประจำวันเลยด้วย แต่เป็นส่วนเสริม หรือส่วน entertain มากกว่า เพื่อนเรา (รวมทั้งตัวเรา) อยู่โตเกียวทั้งนั้น ค่าครองชีพสูงจริง แต่ถ้าว่ากันตรงๆว่า แค่ใช้จ่ายค่าที่พัก ค่ากิน ค่าอยู่ ค่าเดินทาง แสนห้ายังไงก็อยู่ค่ะ แต่ก่อนให้เยอะ ก็มีเหลือเก็บเยอะ มีเงินไปเที่ยวไหนต่อไหนได้สบายๆ ก็แค่ลดการใช้เงินนอกเรือ่งลง ก็อยู่ได้สบายๆไม่อดอยากในโตเกียวหรอกค่ะ คนให้เงินเราเค้าว่าไง เราคนรับเงินก็ว่างั้นตามล่ะค่ะ เงินที่เราเอาไปเที่ยวเล่น ซื้อของนี่ ก็มาจากน้ำพักน้ำแรง คนญี่ปุ่นที่เค้าต้องทำงานกันหน้าดำคร่ำเครียดทั้งนั้น แต่ก็รู้อะไรอีกหลายๆอย่างจากกระทู้นี้นะคะ ข้อมูลหลายๆเรื่องที่ไม่เคยรู้ทั้งนั้นเลย เด็กทุน โดนลดเงินก็เหนือ่ยใจเล็กๆน้อยๆ แต่มองย้อนไป สมัยตัวเองเป็นเด็กที่ชิงทุนแล้ว ตอนนั้นลุ้นแค่ไหน พยายามแค่ไหน เพื่อให้ตัวเองผ่านได้ทุนนี้มา นึกถึงตัวเอง ถ้าสมัยที่พลาดทุน รู้ผลมาว่า เราคือคนถัดไปที่จะได้สิทธิรับทุน ถ้าเพียงแต่เค้าให้เพิ่มอีกสักคน อารมณ์นั้นนี่ คงเสียใจสุดๆแล้วล่ะค่ะ เพิ่มเติม จขกท มารุ่นเดียวกะเพื่อนส่วนใหญ่ของเราเลยค่ะ เผลอเราอาจรู้จัก จขกท ก็ได้นะคะเนี่ย :P เพิ่มอีกรอบ เรื่องต้องออกผลงานวิจัยกี่ชิ้นในช่วงโทและเอก เป็นจริงสำหรับมหาลัยส่วนมาก แต่ไม่จริงสำหรับทุกมหาลัยนะคะ อย่างน้อยๆโตไดไม่เป็นค่ะ อาจารย์เพิ่งบอกเมื่อเช้านี้เองค่ะ อ้างอิงจากที่อาจารย์พูดเลยนะคะ ว่าทางมหาลัยคิดว่าทางคณะกรรมการมหาลัยของโตได ไม่ปล่อยใครผ่านไปง่ายๆอยู่แล้ว ดังนั้นจะได้จบได้ ถึงไม่มีผลงานวิชาการออกมาในระดับ international conference, journal แต่ถ้าผลงานอยู่ในระดับที่กรรมการยอมรับได้ ก็สามารถจบถึงเอกได้ค่ะ (มีตัวอย่างด้วยค่ะ อาจารย์ที่เรารู้จักในไทยก็จบโตไดแต่ไม่ได้ตีพิมพ์ค่ะ) และเช่นกันนะคะ เกณฑ์ที่ว่าต้องออกผลงานกี่ชิ้นๆ ในระดับไหนบ้าง ไม่ได้ใช้เฉพาะกับเด็กทุนค่ะ แต่นักศึกษาคนญี่ป่นหรือคนต่างชาติอื่นๆ ที่เค้าเรียนด้วยเงินของเค้าเองก็เหมือนกันค่ะ เราคิดว่ามันเป็นข้อแลกเปลี่ยนกับใบปริญญา มากกว่าข้อแลกเปลี่ยนกับเงินทุนนะคะ เราได้ทุนมา แต่ไม่ทำผลงานให้ถึงเกณฑ์ของทางมหาลัยกำหนด เราก็ไม่จบไม่ได้ปริญญาก็แค่นั้นค่ะ (ดีที่ไม่ต้องคืนทุนให้เค้าด้วย) แก้ไขเมื่อ 27 ก.พ. 50 20:05:11 แก้ไขเมื่อ 27 ก.พ. 50 20:01:04 แก้ไขเมื่อ 27 ก.พ. 50 19:50:41 จากคุณ : White Amulet - [ 27 ก.พ. 50 19:45:31 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ผมมานั่งอ่านใหม่ ผมว่ากระทู้นี้ก็ดีนะมีหลายๆ มุมมอง คนที่ มาอ่านคนอื่น คงได้อะไรมากขึ้น เห็นอะไรมากขึ้น เพราะมีคน ที่มองคนละมุมมาคุยกัน   ในฐานะคนที่เคยไม่ได้ทุนแต่ไปสังสรรค์เฮฮากับคนได้ทุนใน อดีต รู้สึกอิจฉามากที่เด็กทุนรัฐบาลญี่ปุ่นอยู่ดีกินดี มีแต่เรื่องคุย ว่าจะไปเที่ยวไหน ส่วนตัวเองต้องคุยกับตัวเองว่าจะไปทำงาน พิเศษวันไหน ผมจึงเข้าใจว่าถ้าคนภายนอกมอง เขาก็ต้องมองว่าลดเงิน ไปหมื่นสองหมื่นก็ไม่น่าจะมีปัญหาถึงขนาดต้องโวยวาย เพราะ ยังไงก็ยังเป็นเงินก้อนโต ที่ได้มาเปล่าๆ มีจุดที่เจ้าของกระทู้หลงประเด็นนิดหนึ่ง อย่างที่คุณ White Amuletบอก ว่าผลงานวิจัยไม่ได้แลกกับทุนแต่แลกกับปริญญา ที่อยากจะได้กันต่างหาก ในฐานะคนที่ได้ทุนนี้ ได้ตั้งแต่เขาตัดเงินทุกอย่างช่วงต้นๆ ก็เข้าใจความรู้สึกคุณว่า ความทุกข์ใจก็ต้องมี แต่ติดใจใน ความคิดของเจ้าของกระทู้บางความคิด เรื่องนี้เราต้องเข้าใจ คนให้ทุนด้วยว่าเขาคิดยังไง  มีเหตุผลอะไร เหมือนบริษัทน่ะ ครับ ถ้าผลกำไรดีก็อยู่กันไป แต่ถ้าผลกำไรไม่มี ก็ต้องมีมาตร การ มีการเปลี่ยนแปลง ทุกคนอยากรักษาสัญญา แต่เมื่อถึง เวลาสัญญาก็ต้องมีการเปลี่ยนแปลง ทำอย่างไรให้พนักงาน ทุกคนยังอยู่ ก็ต้องตัดเงินเดือนทุกคน ถ้าตัดเฉพาะคนเข้าใหม่ คนเก่าคนแก่ไม่ตัด ก็ไม่เสมอภาคสำหรับคนใหม่อยู่ดี เราจึง ควรมีศรัทธาต่อคนให้ทุนด้วยว่า เขาได้ทำดีที่สุดแล้ว  เผลอๆ สิ่งที่จะเจอในเดือนเมษา จริงๆ อาจจะต้องทำตั้งแต่เมื่อสี่ปี ที่แล้วด้วยซ้ำ แต่ทางรัฐบาลพยายามอะลุ้มอล่วย การได้ทุนถือเป็นเกียรตินะครับ ถึงแม้เงินจะน้อยลงทุกปีแต่ชื่อ ทุนรัฐบาลญี่ปุ่นน่ะไม่เล็กเลย ไปสมัครงานเขารู้แค่ว่าเป็นเด็กทุน ทำงานได้หรือเปล่าก็ยังไม่รู้ แต่ก็ยังอยากรับ เราได้เงินมาก็ ทำให้เราไม่ต้องกระเสือกกระสนทำงานพิเศษ มีเวลาได้ไตร่ ตรองงานวิจัยมากขึ้น จึงเป็นหน้าที่ที่ควรคิดเองว่าเราควรจะ ทำได้ดีกว่าคนที่เขาไม่ได้ทุนหรือไม่ แล้วถ้าเราทำได้ดี มัน ก็ยิ่งเสริมบารมีเราเข้าไปอีก อย่าลืมขยันให้เท่าเดิม เพราะบางที่ก็มีมาตรการสอบสัมภาษณ์ ผู้รับทุนด้วย ถ้าเกรดไม่ดี หรือไม่มีผลงานก็อาจจะถูกระงับทุน ได้ครับ ปล. เรื่องคนเก็บตังค์ได้เยอะเิป็นเรื่องอดีตที่มีอยู่จริง แล้วกลายเป็นภาพลวงตาหลอกเด็กๆ ทุกวันนี้ บางคนยังเชื่อ ว่าได้ทุนนี้แล้วจะสบายอยู่อย่างราชา จึงขอเตือนคนที่จะรับทุน อย่ามาหวังความฟู่ฟ่าอะไรเลย และขอให้ตั้งใจเีรียนดังที่เจ้าของทุนเขาต้องการจริงๆ ถ้า เราทำได้ดี คนญี่ปุ่นเขาก็จะยกย่อง จากคุณ : อ.ปมโปโกะ - [ 27 ก.พ. 50 20:49:30 ]

ความคิดเห็นที่ 21 นานา จิตตังจริงๆ กลับมาอ่านอีกที เฮ้อเวงกำ แต่ช๊อคไปนิดนึง กับ คำพูดของคุณ นายหัว ไม่คิดว่า จะใช้คำพูดแบบนั้นออกมาได้ มันก็คงทำให้คนอ่านหลายคนคิดได้ว่า คุณเป็นอย่างไงมากกว่าที่ จะมาคิดกับพูดของผมละครับ มันก็นานาจิตตัง ของความคิดแต่ละคน แต่บางคนก็ใช้คำพูดที่มันเกินไป แต่เอาเถอะ เขียนกระทู้นี้ก็จุดประสงค์เพื่อจะบอกว่าลดเงินทุน และก็ไม่พอใจนิดหน่อยเท่านั้น ก็มาลดทุน เยอะขนาดเป็นหมื่น สอง หมื่น แต่มันก็จริงอย่าง ที่ อ ปมโปโกะ และหลายคนว่าเหมือนกัน ซึ่งผมก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรมากอยู่แล้ว TA ก็มีให้ทำ หักลบกลบกันแล้ว รวมแล้วมันก็เท่ากัน หรือมากกว่า ทุนที่ได้ตั้งแต่ต้นอยู่นิดนึง แต่ไอ้ที่เขียนตัดพ้อนะ พูดถึงคนอื่นที่เขาอาจจะมีปัญหามากกว่า บอกแล้วไงว่าไม่ได้คิดแค่คนเดียว สรุป ก็คือ จบตรงนี้ละกัน มาบอกข่าวเฉยๆ ก็เท่านั้น และก็เห้นใจคนที่เขามีความเดือดร้อนซึ่งมันอาจจะน้อยคน แต่คิดว่ามันก็คงมี จากคุณ : acid_chloride - [ 27 ก.พ. 50 21:03:01 ]

ความคิดเห็นที่ 22 เด็กทุนมงจ้ะ   ลดก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอกสำหรับคนที่อยู่เมืองที่ค่าครองชีพต่ำ อย่างลูกหมีฯ อยู่ฟุกุโอกะ คิดว่าไม่มีปัญหาอะไรเลย   แต่สำหรับคนที่อยู่โตเกียว ลูกหมีฯ ว่าน่าจะมีปัญหานะ  สำหรับเด็กสายศิลป์ ที่เวลาไปสัมนาที่ไหนส่วนใหญ่ต้องจ่ายเอง  ค่าเดินทาง ค่าเช่าห้อง  อะไรๆ ในโตเกียวมันก็แพงไปหมดงัย   คือ ในสัญญาเค้าก็ระบุไว้อ่ะนะ  ว่าสามารถเปลี่ยนแปลงได้  แต่ตั้งแต่ลูกหมีฯ มาเนี่ย  เวลาลดไม่เคยส่งจดหมายติดต่อหรือบอกอะไรกะลูกหมีฯ เลย  ไปเซนต์ทุนทุกเดือน ก็ไม่บอก ส่วนใหญ่ลูกหมีก้อจะรู้มาจากพันทิพย์เนี่ยแหล่ะ   มีรุ่นน้องคนนึงที่ลูกหมีฯ รู้จัก  เค้าได้ทุนนี้มาเรียน แต่ต้องรับผิดชอบทางบ้านด้วย  ซึ่งเค้าก็คำนวณก่อนมาแล้วว่าพออยู่ได้  เมื่อมาลดแบบนี้ เค้าก็ต้องลำบากมากขึ้น   ท้ายสุด  กัมบาริมาโช จากคุณ : ลูกหมีตัวเล็ก - [ 27 ก.พ. 50 21:25:38 ]

ความคิดเห็นที่ 23 จขกท เรียนจบแล้วอย่ากลับไปอยู่เมืองไทยเลยนะ สงสารประเทศไทย คนเห็นแก่ตัวเต็มไปหมดแล้วเนี่ย อย่างว่านะ คนเก่งมักจะเห็นแก่ตัว   ขนาดคนเก่งๆ อย่าง จขกท นี่ก็โง่เรื่องบริหารเงินเหมือนกันนะเนี่ย จากคุณ : แจนนิเฟอร์ - [ 27 ก.พ. 50 21:58:58 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ผมเห็นเจ้าของกระทู้มาโวยวายตอนแรกเหมือนว่าเดือดร้อนเลยครับ ป.ล. ผมไม่ใช่เด็กทุนรัฐบาลญี่ปุ่นครับ แต่เคยโชคดีได้ทุนจากมูลนิธิเอกชนมาหนึ่งปี ประหยัดตังค์ของที่บ้านได้หลายอยู่ ถึงจะ 150,000 เยนนี่ ให้จ่ายค่าเทอมอีก ตกเดือนละ 40,000 กว่าเยน ผมว่าผมยังอยู่ได้สบายๆ เลย ยังนึกไม่ออกว่าคนอื่นที่บอกว่าอาจจะมีปัญหานี่ จะมีปัญหาทางด้านไหน? หรือว่าต้องส่งเงินไปช่วยทางบ้าน ถ้าเป็นเช่นนั้นก็น่าเห็นใจ (แต่ก็แสดงให้เห็นว่า ทุนนี้มากจนมีเงินเหลือไปใช้ในทางอื่นได้) ว่าแต่รัฐบาลญี่ปุ่นลดค่าเงินตัวเองจริงเหรอครับ? ผมก็ไม่ค่อยชอบใจที่ตอนนี้ค่าเงินเยนมันอ่อน เพราะยังถือเงินเยนอยู่เยอะตอนกลับมา แต่คิดในทางกลับกัน ถ้าเราไม่มีเงินเยนตอนนี้ ไปเที่ยวญี่ปุ่นด้วยเงินบาท ก็น่าจะสบายกว่าแต่ก่อน จากคุณ : Oakyman - [ 28 ก.พ. 50 01:39:33 ]

ความคิดเห็นที่ 25 จากที่คุณลูกหมีตัวเล็กเขียนเอาไว้ ถ้าในสัญญาเขียนไว้อย่างนั้น ก็ไม่ได้ผิดสัญญานะครับเนี่ย การส่งเสริมการขายของสินค้าต่างๆ (โปรโมชัน) ก็มักมีหมายเหตุเล็กๆ ว่า "รายละเอียดสามารถเปลี่ยนแปลงได้โดยมิต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า" อันนี้เค้าก็แจ้งให้ทราบล่วงหน้าแล้ว ถือว่ายังดีนะครับเนี่ย (mada mashi janai ka?) แก้ไขเมื่อ 28 ก.พ. 50 12:45:10 จากคุณ : Oakyman - [ 28 ก.พ. 50 01:42:11 ]

ความคิดเห็นที่ 26 สวัสดีดีคะ ขอบคุณเจ้าของกระทู้นะคะ ที่ได้เอาเรื่องนี้มาบอก เพราะเวลาที่เขาลดเงิน ฉันก็ไม่ทราบเหมือนกัน จนกว่าจะได้ไปเซ็นต์ หรือ เงินโอนเข้าบัญชีมา ก็ไม่เข้าใจเลยว่าทำไม เหมือนกับบางคนที่ได้เขียนไว้ และที่สำคัญคือ เห็นใจเจ้าของกระทูคะ อุตสาห์มาเขียนบอกไว้ ก็มาโดนแต่ละคนใช้คำพูดที่หยาบคาย เหมือนกับว่า ไม่ได้ เรียนหนังสือมา โดยเฉพาะคน ที่ชื่อ นายหัว ขอโทษนะคะ ไม่ทราบว่า คุณจบจากที่ไหนมาหรือคะ จะได้ไม่ส่งลูกไปเรียน ตอนแรกว่าจะไม่มาเขียน แต่มันทนไม่ได้จริงๆ นี่ ก็ไม่ได้เป็นสมาชิกเว็บนี้ถาวร เหมือนหลายๆคนหรอกนะคะ ดิฉันนี่ละคะ ก็เป็นหนึ่งในหลายๆคนที่ได้รับผลกระทบ คือ การที่มาเรียนมันก็เหมือนสูญเสีย โอกาสในการทำงานไป จริงอยู่ อนาคตมันอาจจะได้งาน และเงินที่ดีกว่า และก็คงสามารถช่วยชาติได้ดีกว่า คุณ แจนนิเฟอร์ ด้วยละคะ เรื่องก็คือ ทางบ้านของดิฉัน มีฐานะที่ เรียกได้ว่า กินอยู่พอเพียงด้วยเงินจำนวนนี้ เงินที่ได้นี่ ฉันส่งกลับบ้านไป เกือบจะ 40-50 % ของที่ได้ทั้งหมด รวมทั้งทำงานพิเศษเพิ่มเติม บ้าง บางครั้งคราวไป ฉันต้องส่งเสีย น้องเรียน อีก 3 คน นี่แหละคะ จริงอยู่ว่า ถ้าเป็นอย่างงี้ ฉันควรจะทำงานที่ไทยเสียดีกว่า แต่ฉันเลือกที่จะเรียนแล้วส่งเงินจำนวนหนึ่งกลับบ้านไป โดยได้คิดแบ่งส่วนเอาไว้แล้ว ไม่ขอพูดถึงลายละเอียดมากกว่านี้ แค่นี้ก็คงพอยกตัวอย่างได้ คุณๆทั้งหลายที่เขียนตอบ แบบหยาบคายว่า ถ้าไม่พอใจก็ยกเลิกทุนกลับไป ลองคิดดูหน่อยสิคะ จะมีใครทำ ก็มาเรียนแล้ว จะให้ถอยหลังหรือคะ แต่ ก็อย่างที่เจ้าของกระทู้ว่า เพียงแต่ไม่พอใจ รัฐบาลญี่ปุ่นก็เท่านั้น แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ต้องปรับตัว คุณลองคิดดูสิคะ ว่า 10000-20000 เยน นี่เท่ากับ 3000-6000 บาทเลยนะคะ ไม่อยากคิดเลยว่า คนที่มีฐานะ อย่างพวกคุณๆ คิดได้แค่นี้ โดยเฉพาะ คุณเจนิเฟอร์ ดิฉันว่า ก่อนที่คุณจะไปว่า เจ้าของกระทู้เขา ฉันว่า คุณลองมองกลับดูที่ตัวเองดีกว่านะคะว่า ทำตัวอะไรให้เป็นประโยชน์กับประเทศชาติบ้าง เห็นหลายคนเดี่ยวนี้ อะไร อะไรก็เพื่อชาติ แต่ถามจริงเถอะคะ มีอะไรที่คุณทำให้ชาติ บ้างแล้วหรือยังคะ อ๋อ แล้วประโยคที่ชอบพูดกันหนักเวลาไม่พอใจอะไร ว่า คนเก่งๆเห็นแก่ตัวนี่นะคะ เลิกพูดซะที เดี่ยวนี้ คนไม่เก่ง เห็นแก่ตัวก็มีถมไป แล้วมันก็ทำให้คนที่เขาเก่ง พอมองกลับไปดูบ้านเมืองตัวเอง เป็นอย่างทุกวันนี้แล้วก็อนาจใจมากกว่า สุดท้ายคือ ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งกับ คำพูดของ หลายๆคนที่ออกมาพูดให้ยกเลิกทุนกลับไปถ้าไม่พอใจ เหมือนคุณไม่คิดถึงใจของคนบางส่วนเลยคะ และที่สำคัญ คุณ นายหัว คุณแจนนิเฟอร์ ควรจะคิดถึงคนอื่นให้มากกว่านี้ คงจะดีมากขึ้นนะคะ เห็นใจเจ้าของกระทู้ และขอบใจคะ สำหรับความเห็นใจ เห็นคนในบอร์ดนี้ แล้วเซ็งจริงๆ กับความคิดเห็นแบบนี้ จากคุณ : Angel girl - [ 28 ก.พ. 50 08:30:39 A:133.6.79.29 X: TicketID:139572 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ^เป้าหมายของทุนเค้าให้ไว้เป็นค่าใช้จ่ายระหว่างการศึกษาในประเทศครับ ไม่ได้มีไว้ให้ส่งกลับไปที่เลี้ยงดูทางบ้านนี่ครับ หรือว่าผมเข้าใจผิด ตอนรัุ๊ฐบาลญี่ปนลดทุนเึึ้ค้าคงดูแล้วว่ามันไม่กระทบกับการใช้ชีวิตแบบปกติึคนในญี่ปุ่นมากนัก สิ่งที่คุณพูดมามันเรียกว่า iiwake จากคุณ : ชาติ 4300 - [ 28 ก.พ. 50 12:34:43 ]

ความคิดเห็นที่ 28 เรามีเพื่อนแบบคุณ Angel girl เหมือนกันค่ะ ที่มาอยู่ทุนมอน แบบประหยัดมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เพราะเค้าคอยเก็บเงินส่งเป็นเงินก้อนช่วยเหลือทางบ้านด้วย เราก็ทึ่งและชื่นชมเค้านะคะ ที่เค้าให้ความสำคัญกับคนที่บ้านขนาดนี้ แม้จะแค่นิดๆหน่อยๆก็ขอให้ได้เก็บเพื่อส่งไปให้คนที่บ้านได้มีใช้เพิ่มขึ้นแทน แต่เค้าก็เต็มใจจะทำนะคะ เค้ามีความสุขที่ได้ประหยัดเพือคนที่บ้าน แม้ไม่ได้ไปเที่ยวเฮฮาเหมือนคนอื่นๆ แต่เค้าก็เต็มใจและยินดีที่จะทำ โดยไม่บ่นว่าอะไรใคร ลดเงินที ก็คงเท่ากับว่าเงินส่วนที่เค้าจะส่งให้ทางบ้านเค้ามันน้อยลงไป หรือไม่งั้นเขาก็ส่งเท่าเดิม แต่ตัวเองก็ยิ่งต้องประหยัดยิ่งๆๆๆขึ้น ก็เห็นใจนะคะ แต่เค้าก็เข้าใจกันดีนี่คะ ว่าเท่าที่ได้มานี่ มันพอและเหลือด้วยซ้ำสำหรับมาตรฐานการใช้ชีวิตในญี่ปุ่นในระดับปกติ (แม้แต่ในโตเกียวด้วยค่ะ) ถ้ายอมรับได้ในจุดนึงว่า เค้าให้เงินมาเพียงพอแค่การเรียนและใช้ชีวิต ส่วนที่เหลือนั้น ก็ผลพลอยได้เต็มๆของทุนนี้เลยค่ะ (ซึ่งทุนประเทศอื่นๆ มักไม่กะให้เหลือส่วนเหล่านี้เลยค่ะ) ทุนญี่ปุ่นเราว่าเป็นทุนที่ใจป้ำสุดแล้วค่ะ เงินให้ก็เยอะ ไม่ต้องทำงานพิเศษเลยก็อยู่ได้สบายๆ ไม่ต้องชดใช้ทุน ไม่มีสัญญาผูกมัด เกิดบางคนกะมาเก็บเงินเฉยๆ ไม่สนใจเรียน สอบเอนไม่ติด ปีครึ่งถูกส่งกลับ ก็เท่ากับเสียตังค์ให้เรามาเที่ยวเล่นเก็บเงินไปเต็มๆฟรีๆเลย ทุนอเมริกา หรือทุนอื่นๆ ไม่ได้ให้กันขนาดนี้หรอกค่ะ เงินก็น้อย ให้ไม่เต็มจำนวนไม่เต็มเวลา นักเรียนต้องไปทำงานพิเศษข้างนอกกันงกๆๆ เพื่อให้มีเงินพอมาเรียนต่อให้จบ ไม่รวมถึงคนที่ต้องทำงานเพิ่มอีกเพื่อจุนเจือที่บ้านด้วยนะคะ เราได้ทุนนี้ ได้โอกาสนี้ คือ ดีกว่าคนอื่นๆมากมายนะคะ คนอีกหลายๆๆๆๆคน ต่อให้บอกว่าลดทุนเหลือแค่ แสนสองต่อเดือน เค้าก็ยังขวนขวายจะมากันให้ได้ ทั้งเพื่อมาเรียน และเพื่อทั้งเรียนและเก็บเงินก้อนจุนเจือครอบครัวด้วย เงินน้อยลงหมื่นสองหมื่น ยังไงเราก็ยังได้มากกว่าคนที่เค้าไม่มีโอกาสได้รับทุนนะคะ คิดในแง่ดีไว้ เราว่ามันเรื่องปกตินะคะ ที่เราจะให้อะไรใครฟรีๆ เราก็ให้ในปริมาณที่ไม่ทำให้ตัวเองเดือดร้อน ถ้าใจป้ำให้ซะจนตัวเองเดือดร้อน มันก็คือให้จนเกินตัวใช่ไหมคะ เรารับเงินเค้ามาฟรีๆ ได้อะไรมาฟรีๆแล้ว เราคิดว่าควรเคารพการตัดสินใจของคนให้นะคะ (แว่บนึกถึงเกาหลีเหนือเลยค่ะ ตอนนั้นที่มีปัญหากัน มีการออกมาขู่อีกว่า ถ้าญี่ปุ่นเลิกให้เงินช่วยเหลือเกาหลีเหนือล่ะก็ เป็นเรื่อง ฟังๆแล้วยังนึกอยู่ว่า ตกลงมันเงินใครกันเนี่ย มีการมาขู่บังคับทำบุญด้วยแฮะ) เราสายวิทย์น่ะคะ เคยได้ยินคนมาบ่นๆ เรือ่งไปสัมมนาต่างๆ (ต่างประเทศด้วยค่ะ) แล้วต้องออกเงินบางส่วนเอง ส่วนใหญ่มักอยู่ที่แล็บค่ะ แล็บไหนทุนน้อยหน่อย ก็ออกให้ไม่หมด ส่วนที่เหลือก็ต้องจ่ายเอง ปล. เมื่อเราได้ตัดสินใจเลือกทางเดินเส้นไหน มันเท่ากับว่าเราได้ยอมรับความเสี่ยง ของทางเส้นนั้นมาแล้วแต่แรก (ยกเว้นแต่ว่ามาโดยไม่ศึกษารายละเอียดก่อน) เราน่าจะเคารพในการตัดสินใจของตนเองเมื่อครั้งนั้นด้วยเช่นกันนะคะ แก้คำผิดค่ะ แก้ไขเมื่อ 28 ก.พ. 50 13:52:58 จากคุณ : White Amulet - [ 28 ก.พ. 50 13:34:34 ]

ความคิดเห็นที่ 29 คุณ Angel girl คุณช่างเป็นนางฟ้าสมชื่อจริงๆ ส่งเสียน้องตั้ง 3 คน คุณคะ ดิฉันนับถือความเสียสละของคุณมากๆ แต่ วัตถุประสงค์ของการให้เงินเดือน เดือนละ แสนกว่า เยนของรัฐบาลญี่ปุ่น คือ ต้องการให้นักเรียนทุน กินอิ่มนอนหลับอย่างพอเพียง สมแก่ฐานะการเป็นนักเรียน ระหว่างที่ทำการวิจัย ทั้งนี้ จะเป็นการวิจัยเพื่อวัตถุประสงค์แฝงอย่างที่เจ้าของกระทู้มองแบบแง่ร้าย หรืออะไรก็ตามแต่ ก็ถือว่าได้ประโยชน์ร่วมกันทั้งผู้ให้เงิน และผู้รับเงิน (คือได้ความรู้ร่วมกันเป็นอย่างน้อย) ถ้าคุณสามารถเอาเงินไปส่งเสียพี่น้องของคุณได้ตั้ง 40-50% นับว่าคุณมีปัจจัยทางการเงินเกินพอแก่ความต้องการส่วนตัวของคุณแล้ว และอย่าลืมว่ารัฐบาลญี่ปุ่นไม่ได้ระบุวัตถุประสงค์การให้เงินไว้ด้วยว่า "เพื่อการเลี้ยงดูครอบครัวของนักศึกษาที่ยังอยู่ที่เมืองไทย" รัฐบาลญี่ปุ่นจะว่าไปแล้ว มีสิทธิตัดทอนเงินที่เรียกว่า มุดะสึไก ตั้ง 40-50% (คือไม่ได้เป็นไปเพื่อการศึกษา) ส่วนนี้ของคุณออกไปได้ด้วยนะคะ ที่พูดยาวๆ มาก็คือ ไม่มีเหตุผลใด ที่จะมาใช้เพื่อแสดงความเห็นใจต่อผู้โดนตัดทุนครั้งนี้ได้ เว้นเสียแต่ว่า การตัดทุนครั้งนี้มีผลสำคัญต่อการศึกษาวิจัย อันได้แก่ ให้ผู้รับทุน นำทุนไปจ่ายเป็นค่าเล่าเรียนเอง เป็นต้นค่ะ จากคุณ : มายุมิ - [ 28 ก.พ. 50 13:49:39 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ขอโทษนะคะ คุณ มายุมิ ใครในนี้เขาขอความเห็นใจของคุณหรือคะ ไม่เห็นมี ใครเขาขอความเห็นใจจากคุณเลย ไม่เห็นคุณต้องร้อนตัว ออกปากเลยนี่คะ อ๋อ ฉันก็ไม่ต้องการความเห็นใจจากคุณหรอกนะคะ ชีวิตแต่ละคนก็มีการดำเนินไปในทิศทางของตัวเอง แต่ดูจากการออกความเห็นคุณ แต่ละครั้ง ดิฉันว่า เลิกออกความเห็นเถอะคะ มันออกจะแสดงความเห็นแก่ตัวของคุณไปทุกที อ้อ แล้วก็ ชาติหน้ามีจริง ก็ขอให้คุณลองมาใช้ชีวิต แบบอดเช้า กินค่ำ เหมือนที่หลายๆคนเขาเป็นกันหน่อยนะคะ ขอให้ลองรสชาติ การมีน้อยใช้น้อย อดๆอยากๆ ดูบ้างละกัน ไม่ใช่ เพียงคุณคนเดียว คนรอบข้างกายคุณด้วย ลองดูละกันนะคะ ตายแล้วเกิดใหม่ อีกครั้งนึง จะได้ให้รู้รสชาตินะคะ ดิฉันว่า จากคุณ : Angel girl - [ 28 ก.พ. 50 16:38:15 A:133.6.79.29 X: TicketID:139572 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ขอบคุณสำหรับข่าวค่ะ m(_ _)m จากคุณ : =KaDe= - [ 28 ก.พ. 50 16:40:27 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ผมเป็นคนหนึ่งที่เคยได้ทุนนี้ ได้แค่140000กว่าๆ ถูกลดลงมาเหลือ 130000กว่าๆก็ยังอยู่ได้โดยที่ไม่รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงมากนัก 17มังลดเหลือ16มังเนี่ย โดยเจตนารมณ์เท่าที่เค้าให้มากับจำนวนเงินนี้ คิดว่าน่าจะอยู่ได้โดยไม่ลำบากครับ ผมเห็นด้วยกับ คห27ครับ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามที่เขาให้เรามา แต่ที่แน่ๆเราได้มาด้วยความสามารถของเราครับ เมื่อได้มาแล้วก็เป็นสิทธิ์ของเราที่จะจัดการอย่างไร จะเที่ยวจะส่งทางบ้านล้วนเป็นสิทธิ์และสภาพส่วนบุคคล หลายคนที่ผมรู้จักก็ส่งทางบ้านไปไม่น้อยกว่าคุณangel girlเลยครับ ผมนับถือ ..แต่มันคนละประเด็นครับ เหตุผลดีแต่ไม่ตอบไม่ตรงคำถามก็คงยากที่จะระบุว่าถูกหรือผิด จากคุณ : pop - [ 28 ก.พ. 50 17:54:26 A:210.20.99.11 X: TicketID:068379 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ดิฉันก็ยังไม่ได้ออกปากเห็นใจคุณนะคะ อย่าเพิ่งออกหน้าดีใจเหมือนตื่นน้ำสิ แค่พูดเบาๆ ให้ได้คิดเองค่ะ คุณก็อย่าเห็นแก่ตัวเลยนะคะ ดิฉันเป็นข้าราชการประเทศนี้ เสียภาษีประจำ และกลายมาเป็นเงินทุนให้พวกคุณ โดนตัดเงินเดือนบ้าง ก็ไม่ว่า แค่อยากบอกว่า ใช่แค่พวกคุณเท่านั้นที่เดือดร้อน จนต้องอดมื้อกินมื้ออะไรหรอกนะคะ คุณเองก็ควรมองรอบๆ ตัวเองบ้าง ข้าราชการญี่ปุ่นทั่วประเทศที่เค้ามีครอบครัว กำลังสร้างเนื้อสร้างตัว เป็นหนี้สินหลายสิบปีจนเกษียน ก็โดนตัดมากกว่าพวกคุณด้วยซ้ำ จะต้องรอเกิดชาติหน้าด้วยหรือเปล่าคะ ถึงจะเข้าใจว่าไม่ใช่ตัวเองที่เดือนร้อน อย่าเห็นแก่ตัวสิคะ ย้ำ คุณมีรายได้ โดยไม่เสียภาษีให้ประเทศนี้เลยด้วยซ้ำนะคะ แต่ถ้าประเทศนี้ มีนโยบายรัดเข็มขัด แล้วโดนว่าว่าไม่มองภาพรวม ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าจะเคียดแค้น มาระบาย แบบข้างๆคูๆ ที่ ความเห็น 27 กับข้างบน นี่เค้าว่าไมค่ะ enjoy life นะคะ แก้ไขเมื่อ 28 ก.พ. 50 19:59:07 จากคุณ : มายุมิ - [ 28 ก.พ. 50 19:50:35 ]

ความคิดเห็นที่ 34 คุณ Angel girl คะ คุณเองก็เหมือนกัน สงสัยเรียนอย่างเดียว จนลืมนึกถึงคนอื่นไปแล้ว เหตุผลคุณช่างเห็นแก่ตัวจริงๆ จากคุณ : แจนนิเฟอร์ - [ 28 ก.พ. 50 23:49:27 ]

ความคิดเห็นที่ 35 เรื่องนี้ทีแรกดูเหมือนจะเล็กน้อย แต่เอาเข้าจริงก็มองได้หลายมุมแหะ ออกตัวก่อนว่า ผมเพิ่งได้รับทุนนี้และกำลังจะไป จึงยังไม่อยากคอมเม้นท์ในเรื่องจำนวนเงินว่าเพียงพอหรือไม่ดีกว่า แต่ก็อย่างที่ทุกคนทราบกันดีว่าทุนนี้ใจป้ำมาก ผมเองก็คิดอย่างนั้น ไม่ว่าเจ้าของทุนจะมีเหตุผลอะไรแอบแฝงอยุ่ก็ตาม สำหรับเรื่องการลดจำนวนเงิน ในฐานะที่เค้าเป็นเจ้าของเงิน เค้าก็คงมีสิทธิที่จะลดได้ ซึ่งจะว่าไปแล้วมันก็มีเขียนไว้ในเงื่อนไขอยุ่เหมือนกัน แต่ผมว่า สำหรับผมประเด็นมันไม่ได้อยุ่ที่ว่าจะลดไปแค่ไหน แต่บางครั้งการที่เค้าลดลงเรื่อย ๆ โดยไม่มีมาตรการชัดเจน มันก็ทำให้ผมกังวลใจนิด ๆ ถึงอนาคตเหมือนกัน เพราะถ้าเกิดผมเรียนต่อไปอีกปีสองปี ยังไม่ทันจบ เกิดลดไปเรื่อย ๆ จนเหลือซักแสนเยน สมมตินะครับ มันก็คงจะลำบากแย่เหมือนกัน ผมว่า ลดเงินทุน มันไม่มีปัญหาหรอกครับ แต่ควรจะแจ้งให้ชัดเจนว่าจะลดถึงเท่าไหร่ และจะลดลงอย่างไร มันก็จะดีมากเลย แต่สำหรับตอนนี้ อัตราที่ลดอยุ่ ก็ถือว่ารับได้ครับ ส่วนเรื่องการใช้เงินทุนที่ได้มาไปใช้จ่ายอะไร อันนี้ก็คงแล้วแต่บุคคลอ่ะครับ เพราะเป็นเงินทุนที่เค้าให้มาจัดการเองอยุ่แล้ว ปล. คุยกันด้วยเหตุผลนะครับ อย่าใช้อารมณ์กันมากนะครับ แหะๆ จากคุณ : เด็กมง 2007 (ni_sai) - [ 1 มี.ค. 50 00:14:57 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ผมเองก็เป็นคนหนึ่งนะครับที่กำลังจะได้รับทุนมงและกำลังจะเดินทางไปเมษายน 2007 เรื่องการลดทุนนั้นผมมองว่าเป็นสิทธิของเขานะครับที่จะลด เราคงจะไปห้ามอะไรเขาไม่ได้ อีกอย่างหนึ่ง อันนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผม ผมมองว่าคนที่ไปนั้นสมัครใจไปในเงื่อนไขของเขาอยู่แล้ว ก็มีสิทธิเลือกว่าจะรับหรือไม่รับ การใช้เงินทองนี่เป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละบุคคลครับ หากใช้จ่ายเก่งก็ควรจะต้องหาเงินมาเพิ่มเติม อาจจะจากทางบ้านหรือจากการทำพาร์ทไทม์ก็ได้ แต่ต้องไม่ลืมว่าการเรียนต้องมาเป็นอันดับ 1 ถ้าไม่อยู่หอที่ราคาแพงเกินไปผมว่าจำนวนเงินที่รัฐบาลญี่ปุ่นให้ก็เพียงพอกับการใช้ชีวิตพื้นฐานอยู่ จริงๆสมัยผมเรียนปริญญาตรีที่ญี่ปุ่น ผมไม่ได้ทุนค่ากินค่าอยู่เลย อาศัยทำพาร์ทไทม์เอาและไม่ได้ขอเงินทางบ้าน ยังอยู่มาได้ 2-3 ปีเลย ผมคิดว่าเราคงต้องปรับตัวกันมากกว่าครับ อย่าไปมองในแง่ร้ายเลย แก้ไขเมื่อ 01 มี.ค. 50 01:05:58 จากคุณ : anonkun - [ 1 มี.ค. 50 01:04:35 ]

ความคิดเห็นที่ 37 คิดเหมือนข้างบนค่ะ มองในแง่ดีกันเถอะค่ะ ไหนๆเค้าก็จะลดทุนแล้ว คงเปลี่ยนอะไรไม่ได้ หรือถ้าคิดว่ามีหนทาง และมีเหตุผลเพียงพอ ก็ลองประท้วงดูก็ได้ค่ะ สมมติว่าถ้าญี่ปุ่นค่าครองชีพสูงขึ้น เราจะเหนื่อยกว่านี้นะคะ ยังไงพยายามปรับตัวมากขึ้น ถึงลดเงินไปสิบเปอร์เซ็นต์ก็น่าจะพอไปได้   ลำบากขึ้นหน่อยก็พยายามประหยัดกันขึ้นดู ได้อ่านหลายมุมมองดีค่ะ กระทู้นี้ จากคุณ : moomin - [ 1 มี.ค. 50 03:52:35 ]

ความคิดเห็นที่ 38 อ่านมาหลายวันแล้วไม่มีเวลามาเสนอความคิดเห็นเลย ขออนุญาตเสนอความคิดเห็นหน่อยนะครับ ขอตอบในประเด็นที่ จขกท ได้ตั้งคำถามมาก่อนนะครับ ทำไม ไม่ใช้วิธีลดจำนวนทุน ที่จะให้ในแต่ละประเทศไป ไม่เข้าใจเลย แต่เข้าใจว่า ไม่ต้องการลดจำนวนทุน เพราะต้องการให้มีคนมาเรียน แล้วก็ช่วย ค้นคว้า วิจัย ให้กับประเทศนี้มากกว่า  ทำไมเห็นแค่ได้อย่างงี้เนอะ ไม่เข้าใจเลย น่าจะคิดถึงภาพรวมให้มันมากกว่านี้ ในประเด็นนี้  ผมคิดว่ารัฐบาลคำนึงถึงภาพรวมแล้วนะครับ  ถึงได้ใช้วิธีนี้  เพราะถ้าเป็นผม ผมก็จะใช้วิธีนี้ด้วยเช่นกัน อย่างที่คุณทราบประเทศไทยไม่ได้เป็นประเทศเดี่ยวที่ได้รับทุนสนับสนุนจากรัฐบาลญี่ปุ่น แต่เนื่องจากสภาพคล่องทางการเงินของประเทศตอนนี้ จำเป็นต้องลดค่าใช้จ่ายบางอย่างลงไปก่อน ทั้งๆ ที่แผนนโยบายการพัฒนายังอยู่เหมือนเดิม จากปัญหาดังกล่าว ถ้าให้คุณเลือกระหว่างลดจำนวนคนที่ได้มารับทุึนเพื่อให้ได้รับเงินทุนเท่าเดิม กับ ถัวเฉลี่ยเงินทุนใหม่ให้โอกาสแก่ทุกคนเหมือนเดิม โดยเงินทุนที่ลดลงนั้นยังเพียงพอต่อการดำรงชีพและการทำงานวิจัยได้ คุณจะทำเลือกข้อไหนครับ และการลดเงินทุน เขาก็ยังมีแผนรองรับในการลดด้วยนะครับ ถ้าคุณพิจารณาให้ดี จะเห็นว่าเขาจะลดจำนวนเงินจากคนที่มาอยู่แล้วตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป เพราะคนกลุ่มนี้สามารถปรับตัว รู้แหล่งซื้อสินค้าราคาถูกและไม่มีค่าใช้จ่ายที่จำเป็นเช่น ค่าประกันหอพัก แล้ว แต่สำหรับคนที่เพิ่งมาใหม่เขายังจำเป็นต้องมีภาระค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ จึงยังคงจำนวนเงินทุนไว้เท่าเดิมก่อน หากสมมติว่า รัฐบาลญี่ปุ่นเลือกปฏิบัติในการลดจำนวนคนที่มารับทุนลงจากยอดทุนที่ลดลง  ผมคิดว่าประเทศไทยคงเป็น 1 ในตัวเลือกที่จะตัดทุนไป เพราะพัฒนาคนมาเยอะและยาวนานมากแล้ว ยังมีอีกหลายประเทศที่เขายังต้องการพัฒนาคน เพื่อกลับไปพัฒนาประเทศของเขา คุณคิดว่ารุ่นน้องคุณที่รอโอกาสได้ทุนแบบนี้จะรู้สึกอย่างไรครับ? ขอไปทำงานต่อ เดี๋ยวกลับมาตอบในประเด็นอื่นอีกนะครับ จากคุณ : T-E-N-A - [ 1 มี.ค. 50 07:38:59 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ที่บ่นๆก็คือไม่มีเงินเหลือเก็บหรือส่งกลับบ้าน พูดกันตรงๆเงินที่เค้าให้ก็อยู่กินเยี่ยงราชาแล้ว ไหนจะได้ค่าทีเออีก ที่จริงมงบุโชน่าจะเข้ามาอ่านและลดทุนลงอีกนะ ดูซิว่าจะมีใครมาสมัครทุนอีกมั๊ย จากคุณ : มา - [ 1 มี.ค. 50 11:53:53 A:203.158.206.28 X: ]

ความคิดเห็นที่ 40 เขาลดทุนก็เพราะมีคนใช้เงินผิดวัตถุประสงค์อย่างคุณไงหล่ะครับ คุณ Angel Girl ถ้าอยากส่งเงินกลับบ้านก็ไปทำงานเถอะครับ ไม่ต้องมาเรียนหนังสือ ผมว่าตอนที่คุณสมัครทุน คุณคงดูแต่จำนวนเงินที่จะได้ แล้วก็วางแผนแต่เรื่องเงิน โดยที่ไม่ได้มีความตั้งใจ ที่จะมาศึกษาเล่าเรียนหาความรู้จริงๆจังๆเลยใช่มั้ยครับ ผมนักเรียนทุนรัฐบาลไทย ผมมาญี่ปุ่น ผมมาเรียน แล้วก็ต้องกลับไปทำงานเป็นอาจารย์ที่เมืองไทยตามสัญญาทุน แต่ผมเต็มใจ เพราะผมคิดว่าผมมาญี่ปุ่น ผมมาเพื่อหาความรู้ใหม่ๆให้ตัวเอง ผมมาเพื่อประเทศไทย ไม่ใช่เพื่อหาเงินส่งกลับบ้านครับ ผมเห็นด้วยกับคุณมายุมิครับ จากคุณ : akn - [ 1 มี.ค. 50 16:10:14 A:221.188.30.116 X: ]

ความคิดเห็นที่ 41 กลับมาตอบประเด็นร้อนกันต่อนะครับ  หมดเวลางานแล้ว (จริงๆ ก็นั่งทำต่อถึง เที่ยงคืน- ตี1 นู้นแระ) สำหรับ คุณ acid_chloride จขกท ผมคงอธิบายตรงประเด็นของคุณที่ตั้งคำถามไว้แล้วนะครับ   ส่วนข้อสงสัยบางข้อทีคุณยังไม่เข้าใจ ก็มีพี่ๆ หลายท่านเช่น อ. ปมฯ ช่วยตอบโดยกระจ่างไว้แล้ว หวังว่าพอเป็นข้อมูลให้คุณเกิดความเข้าใจได้พอสมควร สำหรับคุณ Angel girl ซึ่งเป็นผู้มายืนยันว่า เป็นผู้ได้รับผลกระทบจากการลดจำนวนเงินทุนครั้งนี้ และได้อธิบายเหตุผลมาเป็นอย่างดี คุณพยายามสะท้อนปัญหาภายในตัวคุณให้คนอื่นรับทราบ แต่ก็ถูกตามที่คุณ pop พูดนะครับว่า     "มันคนละประเด็นครับ เหตุผลดีแต่ตอบไม่ตรงคำถามก็คงยากที่จะระบุว่าถูกหรือผิด" อีกทั้งน้องชาติก็พยายามช่วยชี้ประเด็นของวัตถุประสงค์เงินทุนนี้ให้คุณเข้าใจแล้ว ว่า "ใช้เพื่อสนับสนุนการศึกษา สำหรับใบปริญญาและวิชาความรู้แก่คุณ โดยไม่มีสัญญาผูกมัด" ส่วนคุณจะบริหารการใช้เงินอย่างไร เป็นสิทธิ์ของคุณ นับว่าเป็นเรื่ิองที่ดี ที่คุณสามารถแบ่งเงินทุนของคุณส่งกลับไปให้ทางบ้านได้ถึง 40-50 %ของเงินที่ได้ ผมลองคิดดูเล่นๆนะครับว่า ตอนนี้คุณได้รับเงินทุนเดือนละ 170000 เยน หรือประมาณ  51,000 บาท คุณส่งกลับไปให้ครอบครัวคุณ เดือนละประมาณ 25,000 บาท และทางครอบครัวก็สามารถกินอยู่พอเพียงด้วยเงินจำนวนนี้ หากปีนี้คุณถูกลดทุนไปประมาณ 6000 บาทต่อเดือน เอาเป็นว่าคุณยังสามารถส่งให้ทางครอบครัวได้เดือนละ 20000 บาท ไม่ทราบว่าทางครอบครัวคุณจะยังกินอยู่พอเพียงได้หรือไม่ครับ? ถ้าหากไม่เพียงพอ เมื่อคุณเรียนจบกลับมา คุณต้องกลับมาหางานทำ คุณมิต้องเลือกหางานที่ได้เงินเดือนมากกว่า 25,000 บาทหรือครับ? เพื่อส่งเงินจำนวนเท่าเดิมให้กับครอบครัวคุณ คุณน่าจะกังวลเรื่องหางานที่ได้เงินเดือนพอส่งครอบครัวหลังเรียนจบมากกว่าเรื่องเงินทุนที่ถูกลดลงอีกนะครับ จากคุณ : T-E-N-A - [ 1 มี.ค. 50 17:01:38 ]

ความคิดเห็นที่ 42 เห็นด้วยกับความเห็นที่ 27 กับคุณมายุมิครับ จุดประสงค์ของทุนคือให้สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในระหว่างการศึกษาครับ และในสัญญาเขียนไว้แล้วครับ ว่าทางรัฐบาลสามารถลดทุนลงตามความเหมาะสม หรือ สามารถยกเลิกทุนเมื่อไหร่ก็ได้ จะบอกว่าลดเงินลงแล้วเราลำบากลงก็คงใช่ครับ แต่นั่นก็ขึ้นอยู่กับว่าก่อนหน้านั้น เราใช้ชีวิตอยู่กันแบบไหน สำหรับผมลดลงในระดับนี้ผมรับได้ครับ เพราะเมื่อหันไปมองเพื่อนญี่ปุ่นผมอีกหลายคนแล้ว เรายังมีโอกาสดีกว่าพวกเขาเยอะมาก เพื่อนผมคนนึงตอนนี้เป็นหนี้กองทุนกู้ยืมอยู่ หลายล้านเยนแล้ว วันๆนึง พอเรียนเสร็จก็ต้องออกไปทำงานพิเศษ แถมตอนนี้มันยังต้องตระเวณหางานอีก เพราะไม่งั้นจบออกมาได้งานไม่ดี ก็ใช้หนี้รัฐบาลหัวบานครับ อีกหลายคนต้องพอเรียนเลิกก็ออกไปทำงานพิเศษหาเงินเรียนกันทั้งนั้น เพื่อนคนจีน กับเกาหลี มาทุนตัวเองทั้งนั้น เค้าก็ยังเรียนกันได้ ดังนั้นคงต้องหันกลับมามองตัวเองแล้วล่ะครับ ว่าที่เราออกมาโวยวายเรื่องทุนโดนลดเพราะอะไร ปล. เจ้าของกระทู้เข้าใจผิดนะครับ ที่ว่า "เพราะต้องการให้มีคนมาเรียน แล้วก็ช่วย ค้นคว้า วิจัย ให้กับประเทศนี้มากกว่า"  ที่ว่าให้ช่วยค้นคว้าวิจัยก็เป็นส่วนหนึ่งครับ แต่ว่าจุดประสงค์หลักของทุน (ซึ่งถ้าคุณได้อ่านในใบต่อทุน) บอกไว้แล้วครับ ว่าเพื่อส่งเสริมสัมพันธภาพอันดีระหว่างประเทศครับ ถ้าเค้าจะให้วิจัยน่ะ เค้าจ้างพวก Post Graduate หรือ Post Master มาช่วยงานเลยไม่ดีกว่าเหรอครับ ความรู้พร้อมใช้แล้ว แถมยังต้องเสียภาษีให้ประเทศเค้าด้วย อ้อ คุณ Angel girl ไม่ใช่ว่ามาถึงนี่แล้วไม่มีคนถอยหลังกลับเลยนะครับ อย่างน้อยก็รุ่นน้องผมที่นี่ ที่ได้ทุนปีเดียวกับผม เค้ามีโอกาสดีกว่าที่เมืองไทย เค้าก็กลับครับ เพราะการมาอยู่ที่นี่เท่ากับว่าเราต้องเสียเวลาและเสียสังคมที่เมืองไทยครับ ก็อย่างที่ความเห็นบนๆ บอกแหละครับ ว่า There is no Free Launch แก้ไขเมื่อ 02 มี.ค. 50 00:00:06 จากคุณ : มงปีเดียวกับเจ้าของกระทู้ (...วัช...) - [ 1 มี.ค. 50 23:50:33 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ตามความเห็นผม ผมว่าถ้าคุณรับไม่ได้ และคิดว่าตัวเองเจ๋งจริงเก่งจริง คุณลาออกยกเลิกทุนไปเรียนอเมริกาดีกว่าแน่นอนครับ ทั้งเรื่องมาตรฐานการเรียนการสอน ค่าจ้างทีเอ อาร์เอ สำหรับยูชั้นนำ คุณได้ไม่ต่ำกว่าสองพันเหรียญ พร้อมยกเว้นค่าเทอม ปิดเทอมทำ อินเทอร์นได้อีกหลายพันเหรียญครับ และ ในแง่รายได้หลังเรียนจบคุณจบทำงานเมกา งานวิศวะ ก็อย่างต่ำปีละห้าหมื่นเหรียญครับ คุณจบญี่ปุ่นคุณหางานรายได้ระดับนี้ได้ยากครับ หรือคุณอาจจะหางานไม่ได้เลยถ้าภาษาไม่ดีพอ ถ้าคุณกลับไทย คุณทราบมั้ยครับว่าบริษัทญี่ปุ่นเขากดเงินเดือนมากแค่ไหน (แล้วแต่นะครับว่าคุณคาดหวังแค่ไหน ระดับที่บริษัทญี่ปุ่นให้อาจเป็นที่พอใจของคุณก็ไม่แน่) แต่ผมว่ารัฐบาลญี่ปุ่นเขาไม่แคร์หรอกครับ ผมเห็นเขาทำแบบสอบถามถามความรู้สึกนักเรียนต่างชาติอยู่ทุกปีๆ ก็ไม่เห็นมีการปรับปรุงอะไร หรือคงเพราะนักเรียนต่างชาติตอบหลอกๆไปก็ไม่แน่ เพราะผมคุยกับกี่คนๆ ก็มีแต่บ่นๆทั้งนั้น อย่างที่คุณพูดแหละเขาสนแค่จำนวน คุณลาออกไปเขาก็รับเด็กลาว เด็กเวียดนาม ที่อยากมาเรียนได้อยู่ดี ย้ำอีกครั้งครับคุณจะลำบากเรียนภาษาญี่ปุ่น เรียนได้ความรู้กระจ้อยริด เพื่อได้ผลตอบแทนต่ำกว่าไปทำไมครับ ถ้าคุณเจ๋งไปซะเถิดครับพี่น้อง ถ้าไม่มีปัญญาก็ทนไปครับ ไม่มีใครบังคับให้อยู่ต่อ จากคุณ : อย่าบ่น - [ 2 มี.ค. 50 11:00:34 A:136.18.216.76 X:136.18.216.76, 12.41.112.201 ]

ความคิดเห็นที่ 44 กลับมาตอบกระทู้อีกครั้ง เพราะไม่คิดว่าจะฮ็อตขนาดนี้ การลดเงินมอน ไม่ใช่ว่าทางญี่ปุ่นเขาจะหลอกเรา หรือคิดอยากลดก็ลดนะครับ มันจะไปผูกกับฐานเงินเดือนราชการของญี่ปุ่นที่พอมีการปรับลด ก็จะส่งผลต่อเงินรัฐบาลทุกๆอย่าง รวมทั้งทุนมอนด้วย คนที่ยังไม่ได้มา และกลัวว่าจะไม่พอ ไม่ต้องกลัวครับ เพราะยังไงก็ยังสูงกว่าค่าครองชีพพื้นฐาน สามารถเรียนได้สบายๆ ไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย ไม่ต้องทำงานพิเศษ แถมยังพอสำหรับท่องเที่ยว พักผ่อนหย่อนใจบ้าง แค่อาจเหลือเก็บน้อยลงบ้างแค่นั้น แล้วถามว่าคุ้มไหม กับการรับทุนนี้ แล้วต้องมาทำงานหามรุ่งหามค่ำ กับจำนวนเงินที่น้อยลง ผมว่าคงต้องถามตัวเองก่อนว่าต้องการอะไร ถ้าคิดว่าเรามาทำงานแลกเงิน ไม่คุ้มครับ (สำหรับผม) เพราะการใช้แรงงานขนาดนี้ วุฒิที่เรามีอยู่ก่อนมา และจากการประเมินความสามารถตัวเอง ผมว่าส่วนใหญ่เราทำได้อยู่แล้วกับเงินขนาดนี้ (อาจไม่ได้รับเท่านี้ แต่หักค่าใช้จ่าย อาจเหลือเก็บมากกว่า) แต่ถ้าเราหวังอย่างอื่น ประสบการณ์ ปริญญา ความรู้ ที่ตีค่าไม่ได้ เงินน้อยกว่านี้ ยังคุ้มเลยครับ เพราะเขาให้เรามาฟรีๆ แทบจะจ้างมาเรียนด้วยซ้ำ ไม่ให้เราลำบากอะไร แถมไม่ต้องไปเป็นภาระให้ประเทศ ครอบครัวของเราด้วยซ้ำ ผมไม่เคยนึกเรื่องการขาดทุน หรือได้กำไรเป็นตัวเงินจากการมารับทุนนี้ แต่ที่คิดคือการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในญี่ปุ่น ซึ่งยังคิดว่าตัวเองน่าจะทำได้ดีกว่านี้ และไม่ใช่เพื่อรัฐบาลญี่ปุ่น งานวิจัยของเขา แต่เพื่อตัวของเราเองล้วนๆ จากคุณ : I'm wu - [ 6 มี.ค. 50 18:23:02 ]