เห็นกระทู้ของคุณน้างามแล้วล่ะครับ ตอนแรกก็กะจะไปแจมด้วย เพราะว่ามีเพื่อนๆ น้องๆหลายคนที่รู้จักก็คุยเรื่อง Work and Travel ที่ปีที่แล้วผมไปมา เลยคิดจะรวบรวมเกร็ดต่างๆที่เคยเจอมา โพสต์ลงที่นี่ แต่พอเริ่มพิมพ์ ก็รู้สึกว่าจะยาวเกิน เลยแตกมาไว้ต่างหากดีกว่า
ต้องออกตัวก่อนว่า ที่มาแนะนำเนี่ยเป็นประสบการณ์ตรง ซึ่งอาจจะมีการเข้าใจไปเองแบบผิดๆบ้าง หรือตอนนี้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นแล้ว ยังไงก็ฟังหูไว้หูด้วยนะครับ
เริ่มเลยดีกว่า
----------------------------------------------------
เรื่องของมือถือ
เรื่องการโทรกลับมาเมืองไทย คิดว่าทุกคนคงจะไปหา Calling Card ถูกๆกลับเมืองไทยได้อยู่แล้ว เพราะฉะนั้น มาพูดถึงเรื่องมือถือดีกว่า เพราะนอกจากจะเอาไปเพื่อเป็นนาฬิกาปลุก หรือเก็บเบอร์โทร ไหนๆก็เอามือถือไปแล้ว ก็ควรจะซื้อซิมมาใส่ไว้ด้วย
- มือถือที่ใช้ได้ต้องเป็นรุ่นที่เป็น Tri-band หรือ Quad-band (ที่ US ใช้คลื่น 1900 MHz หรืออาจจะมี 850 MHz เสริมบ้างในบางที่) ซึ่งสามารถซื้อซิมที่นั่นใส่ใช้ได้ ซึ่งมีอยู่สองแบบด้วยกัน
o แบบเติมเงิน ก็เป็นที่รู้จักกันดีอยู่แล้ว ตอนที่ไป ใช้ของ T-mobile ตกประมาณนาทีละ 35 cent
o แบบรายเดือน แนะนำว่า อย่างน้อยควรมีสักคนในกลุ่มที่เปิดใช้บริการแบบนี้ โดยควรเลือกแพคเกจที่มีช่วงเวลาโทรไม่อั้น ตอนที่ไปนั้นเพื่อนไปสมัครใช้ของ Cingular ซึ่งจ่ายรายเดือนประมาณ 50$ แต่ได้อัตราค่าโทรถูกกว่า และที่สำคัญ โทรหลังสองทุ่มวันธรรมดา และวันเสาร์อาทิตย์ทั้งวันได้ไม่จำกัด ซึ่งมีประโยชน์สุดๆ อย่างไรก็ตาม แพคเกจรายเดือนมักพ่วงมากับการซื้อเครื่องใหม่ ยังไงก็ไปคุยกับพนักงานก่อนแล้วกันว่าเราจะเปิดใช้ได้ไหม (ถ้าจะเอาแค่ซิมมาใส่เครื่องของเรา) และอย่าลืมแจ้งเค้าด้วยว่าเราจะต้องเลิกใช้บริการภายในเดือนไหน เพราะถ้าไม่เคลียร์ตรงนี้ให้ดีๆ เวลาเราเลิกสัญญาก่อนกำหนดอาจต้องเสียค่าปรับนะ
- การโทรกลับเมืองไทย โดยใช้ Calling Card ส่วนมากจะมีเบอร์โทรเข้าศูนย์ปกติสองแบบ คือเบอร์ศูนย์ปกติ และเบอร์ Toll-Free ซึ่งถ้าโทรตามตู้สาธรณะทั่วไป การโทรเบอร์ Toll Free สามารถทำได้โดยไม่ต้องหยอดเหรียญอะไร (แต่บางที่ก็ไม่สามารถทำได้) อย่างไรก็ตาม เบอร์ Toll Free เนี่ย เวลาเราโทรไป เค้าก็จะหักเงินค่าโทรเพิ่มจากมูลค่าบัตรเราอยู่ดี ดังนั้น การที่เรามีมือถือที่สามารถโทรได้ไม่จำกัดเวลา จะช่วยเราเซฟค่าใช้จ่ายส่วนนี้ไปได้
ที่สำคัญคือเราจะไปนั่งคุยตรงไหนก็ได้ ไม่ต้องไปนั่งทนยืนแข็งที่ตู้โทรศัพท์
- ส่วนมือถือแบบเติมเงิน อันนี้ก็แล้วแต่ละคน ถ้ามีสักคนสองคนในกลุ่มที่เปิดเบอร์แบบรายเดือน มีช่วงเวลาโทรฟรีแล้ว ก็อาจไม่จำเป็นต้องมีคนซื้อซิมเติมเงินมาใช้อีก แต่การมีมือถือใช้หลายๆคน จะมีประโยชน์มากในช่วงที่ไปเที่ยว ถ้าไปกันเป็นกลุ่มใหญ่ๆ ซึ่งมักจะมีการแตกกลุ่มกันไปเที่ยวคนละที่ หรือแตกกลุ่มไปพักที่ต่างๆ การที่มีมือถือกันหลายๆคน จะทำให้ช่วยโทรตาม นัดเจอกันได้สะดวกกว่า เคสของผมเองที่เจอมา ก็คือ ตอนไปนิวยอร์ก ได้แบ่งกรุ๊ปกันไปสองกลุ่ม กลุ่มนึงไปถึงก่อน ซึ่งพบว่าที่พักห่วยมาก เลยจะย้ายที่พักใหม่ โชคดีที่วันนั้นเป็นวันอาทิตย์ เลยได้โทรมือถือฟรี (จากแพคเกจรายเดือน) ก็โทรๆๆล่าโรงแรมในนิวยอร์กเป็นสิบๆที่ รวมไปถึงโทรนัดแนะ คอนเฟิร์มกับเพื่อนอีกกลุ่มที่จะตามมา นี่ถ้าไม่มีมือถือก็ไม่อยากจะิคิดว่าจะวุ่นขนาดไหน
ข้อควรระวัง!!! มือถือที่นั่น คิดค่าบริการหมด รวมไปถึงเบอร์ Toll-Free ด้วย เพราะฉะนั้น อย่าเอามือถือไปโทรเบอร์ Toll Free ของ Calling Card ล่ะครับ เดี๋ยวจะเสียตังค์สามต่อ
ค่าโทรที่นั่นโหดยิ่งกว่า GSM Advance ที่นี่ เพราะนอกจากจะคิดเป็นนาทีแล้ว เมื่อเรากดปุ่มโทรออกปุ๊บ มันก็จะคิดตังค์ทันที ซึ่งหมายความว่า ถึงโทรไปสายไม่ว่าง หรือปลายทางไม่รับ ก็โดนเก็บตังค์หมด ที่สำคัญที่สุด >>ฝ่ายรับสาย ก็เสียตังค์ด้วยนะครับ<< ไม่ใช่แค่ฝ่ายโทรออกอย่างเดียว
ฉะงั้นถ้าใช้มือถือแบบเติมเงิน ก็เติมเงินไปเลย 50$ รับรองว่าใช้หมดชัวร์ๆ ดีกว่าเติมทีละ 20$ เพราะว่ามันจะได้นาทีมากกว่านะครับ
--------------------------------------------
เฮ่อ มันยาวจริงๆด้วยนะเนี่ย ไว้เดี๋ยวจะทยอยมาโพสต์เพิ่มละกันนะครับ
แก้ไขเมื่อ 03 มี.ค. 50 23:56:32
จากคุณ :
rafflets 
- [
3 มี.ค. 50 15:53:02
]
มาช่วยเสริม : Tips ก่อนไป Work and Travel ครับ
