ความคิดเห็นที่ 1  Survey มหาวิทยาลัยใน USA Indiana University | School of Education | Language Education (Ph.D., Ed.D.) http://www.indiana.edu/ เหตุผลแรกที่ยิงตรงไปดูข้อมูลของ IU คือ ผมตกหลุมรักอาจารย์ท่านหนึ่งครับ ที่ว่ารักนั้นคือความชื่นชมในความสามารถนะครับ ท่านเป็นอาจารย์ที่เพิ่งกลับมาหมาดๆจาก Indiana พ่วง ดร. ไม่รู้สิ เทอมนั้น เป็นเทอมที่ผมมี motivation ในการอยากเรียนหนังสือมากๆ ยิ่ง Indiana U กับ สถาบันที่ผมเรียนอยู่นั้น มีความสัมพันธ์อุปถัมถ์ค้ำชู้ระดับสถาบันมาแต่เก่าก่อน มันก็พาลให้ผมคิดทึกทักว่า เราเป็นส่วนหนึ่งของ Indiana U ไปแล้ว (บ้า Indiana ไปเลย) จากจุดเล็กในความประทับใจผู้สอน บวกกับชื่อเสียงความสัมพันธ์ของสถาบัน มันเลยส่งเสริมให้ผมอยากไปยืนที่ Indiana U ให้ได้ แล้วมันก็เริ่มแผนต่อมา ผมก็พร่ำเข้าไปอ่านนู่น ดูนี่ในเว็บมหาวิทยาลัยอินเดียน่า อยู่ตลอดที่มีโอกาส  ยังกับว่าเราเป็นส่วนหนึ่งของเค้าไปแล้ว (ทั้งๆที่เค้ายังไม่รู้จักเราเลย) เอางัยดีล่ะ มันดีจริงเหมือนที่เราอ่านในเว็บไหมวะ เลยเริ่มเจาะรายชื่อนักศึกษา Ph.D. ของเค้า กวาดอ่านชื่อลงไปๆ มีคนไทยมาเรียนที่นี่ตั้งหลายคนเลย ลองไปดูสิครับ ใน Student Profile http://www.indiana.edu/~langed/students/cstudent.phtml ผมก็ส่งเมลล์เข้าไปแนะนำตัวกับพี่เค้า ว่าเราเป็นใคร ชื่ออะไร ทำอะไร อยู่ที่ไหน ต้องการอะไร พูดสไตล์ซื่อๆแบบบ้านนอกนี่ล่ะ เช่น ว่าอยากไปเรียนที่ๆพี่เขาเรียนอยู่บ้าง ผมควรจะต้องทำอะไร พี่กำลังทำอะไร วิจัยอะไร เรียนเป็นอย่างงัย เป็นต้น   มันก็เป็นเชื้อเล็กๆอันหนึ่งที่จะเพาะให้เป็นดอกเห็ดในอนาคตต่อไป (ภาพอาคารเรียน School of Education , Indiana University: Bloomington) แก้ไขเมื่อ 15 มี.ค. 50 14:54:11 จากคุณ : GSK - [ 15 มี.ค. 50 14:51:14 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ก้าวแรกสั้นจัง หายไปไหนแล้วเนี่ย... จากคุณ : r k i - [ 16 มี.ค. 50 01:14:38 ]

ความคิดเห็นที่ 3 เคยแว๊บไป Bloomington ส่วนตัวว่าบรรยากาศน่าเรียนค่ะ ตอนนั้นเทียบกับ Indianapolis ปล ลอง post หลายทีไหง๋ไม่ติดหนอ จากคุณ : 010101 - [ 16 มี.ค. 50 18:53:29 ]

ความคิดเห็นที่ 4 กลับมาเมื่อไหร่จะแวะมากอ่านอีกทีนะคะ จากคุณ : Sa-idian - [ 17 มี.ค. 50 21:32:31 ]

ความคิดเห็นที่ 5 มารอตามอ่านครับ ขอบคุณ คุณ GSK มากครับที่กล่าวถึงผม ช่วงนี้ผมคงมาคุยได้น้อย เนื่องจาก งาน lab เร่ง เลยไม่ค่อยได้เข้ามา แถมตอนรีบล้างบีกเกอร์เมื่อวาน ทำแก้วแตกบาดนิ้วเข้าให้เป็นรูปปากฉลามเข้าอีก คราวนี้งานยิ่งช้ากว่าเก่าอีกแถมเจ็บตัวด้วย.......  อ๋อย ตอนโดนบาด เอามือกดแผลไว้ ตั้งใจจะทำ lab ต่อ แต่พอเปิดก็อกล้างแผล แผลมันเผยิบๆแบบประตูบานพับนะครับ คนที่ทำ lab ด้วย บอกลึก เห็นแล้วใจสั่นจะเป็นลม รีบไล่ให้ไปหาหมอ ไปถึงห้อง ER ในโรงพยาบาล นั่งรอเกือบครึ่งชั่วโมง เพราะมีคนไข้ case ด่วนเข้ามา รู้สึกจะเลือดออกในกระเพาะ เราเลยนั่งกดแผลมองคนโน้นที คนนั้นที เพลินไป พอได้เจอหมอ ผลคือโดนเย็บไปหกเข็ม แถมฉีดยากันบาดทะยักอีก.................สบายไป ตอนนี้โดนพันนิ้วก้อนเบ้อเร่อเลย หยิบจับ พิมพ์อะไรก็ไม่สะดวก มันแปลกเนอะชีวิตคน พอยิ่งรีบก็ยิ่งช้า รู้สึกจะเป็นแบบนี้ตลอด จากคุณ : เทศระวี (เทศระวี) - [ 17 มี.ค. 50 22:50:24 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ผมเห็นเหมือนคุณ r k i เลยอ่ะ ทำไมก้าวแรก (หรือก้าวที่สอง) มันสั้นจังอ่ะ ผมแนะอย่างนี้ครับ   เปิดเวปไซด์ดูภาคภาษาอังกฤษ (หรือภาคอะไรที่คุณคิดว่าคุณจะสังกัด)  ดูรายชื่ออาจารย์  ดูสาขาถนัดของอาจารย์เหล่านั้น บางมหาลัยมี cv ของอาจารย์ด้วย  อ่านให้หมดครับ  แล้วถ้ามีอาจารย์ตรงเรื่องที่คุณชอบ  ถ้าคุณชอบโปรแกรม สมัครเลยครับ พยายาม aim high เข้าไว้  สอบจีอาร์อี ให้มันได้สูงๆ โดยเฉพาะพาร์ทศัพท์ กับพาร์ท analytical   แล้วสมัครไปเลย  อย่ารอ  (ถ้าสมัครตอนนี้คุณคงได้เรียนปี fall 2008)  เพราะเค้าเปิดกันปีละครัง ให้หวังเข้ามหาลัยที่มีชื่อไว้ เช่น texas austin, u of california ต่างๆ , u of washington, indiana, wisconsin madison, u of michigan, georgetown, etc  จบมาแล้วบอกเลยว่ามัน matter จริงๆครับ  โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาสมัครเป็นอาจารย์ที่นี่   หรือเวลาเรียนอยู่ก็ตาม ยิ่งมหาลัยใหญ่ ก็ยิ่งมีทุน มี research funding ให้คุณมากกว่า เด็กก็จะต่างไปอีกแบบ ฯลฯ   เท่านี้แหละครับ จากคุณ : krisdauw (krisdauw) - [ 18 มี.ค. 50 11:06:15 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เข้ามาอ่านครับ จขกท มีอะไรจะให้ช่วยก็ถามได้ครับ เรื่องทุนนี่เท่าที่พอจะทราบ ถ้าจะสมัคร School of Education ของ Stanford จะมีทุนให้คนที่เข้าได้ทุกคนครับ ส่วนของ Harvard ก็รู้สึกว่ามีบ้าง ไม่มีบ้าง (มีน้อยกว่า) ส่วนถ้ามุ่งที่ Indiana ก็คิดว่าคงได้ปรึกษากับคุณ piangdin เอาไว้แล้วใช่ไหมครับ ปัจจัยที่สำคัญก็คงอยู่ที่ อาจารย์คนที่เราอยากจะทำงานด้วย ทุนการศึกษา และก็อาจจะชื่อเีสียงโดยรวมของสถาบัน เรียงกันตามลำดับ แต่สุดท้ายก็คงจะเป็นว่าได้ที่ไหน ที่นั่นก็ดีสำหรับเรานั่นแหละครับ สวัสดีทุกท่านด้วย จากคุณ : กายทิพย์ - [ 18 มี.ค. 50 12:10:52 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ถ้าหากคิดว่าจะกลับไปเมืองไทย ปัจจัยบางอย่างก็อาจจะไม่สำคัญมาก แต่ถ้าหากอยากทำงานใน academia ของอเมริกา ก็อย่างที่คุณ krisdauw บอกคือ อาจารย์ที่ปรึกษาสำคัญมาก (ส่วนใหญ่คือ อ.ที่เก่ง ๆ จะสังกัดอยู่ในมหาวิทยาลัยดี ๆ แต่ก็ไม่แน่เสมอไป)ดังนั้นควรเลือกอาจารย์ที่ดี  เราจะได้มี publication หรือได้โอกาสในเรื่องทุนวิจัยเยอะ เมื่อวานเพิ่งรู้ว่า TA วิชาสัมนาที่ผมไปนั่งฟัง แกเพิ่งได้งานสองที่คือที่ Northwestern กับที่ Brown (sociology) ก็นึกทึ่งอยู่ เลยไปลอง google งานวิจัยของเธอดู ก็พบว่าไม่แปลกเลย เพราะเธอมีงานที่ค่อนข้างจะดีมาก และได้เขียนงานกับอาจารย์(ที่มีชื่อเีสียง) ได้ลงหนังสือ จึงมีโอกาสดีในการหางานมากกว่าคนอื่น ๆ จากคุณ : กายทิพย์ - [ 18 มี.ค. 50 12:20:20 ]

ความคิดเห็นที่ 9 อาบน้ำแต่งตัวแล้ว มานั่งฟังบทต่อไปครับ จากคุณ : silane - [ 19 มี.ค. 50 00:55:49 ]

ความคิดเห็นที่ 10 อ่านหนังสือหนังหา ต้องขออภัยหลายๆท่านที่แวะเข้ามาแล้วปรากฏว่ารอแล้วรอเล่าก็ยังไม่มาต่อตอน2ซะที ข้าน้อยสมควรตาย! เหตุผลสารพัดร้อยแปดล่ะครับ ที่จะเข้ามาแทรกแซงการออนไลน์ อาทิ - นายเรียกประชุมวันเดียว 3 งานรวด ตั้งแต่เช้ายันเย็น (ขอเผาพวกผู้บริหารอย่างแรง เรียกประชุมทีนั่งฟังเรื่องจิ๊บปิ๊ดจิ๊บปี่เป็นชั่วโมงกว่าจะถึงเรื่องการเรื่องงาน ประชุมทีเรียกคนทีละยี่สิบกว่าคน เกี่ยวบ้างไม่เกี่ยวบ้างก็เอาเข้าไปทู่ซี้ทนฟัง) - อาจารย์ในฝ่ายมอไชค์คว่ำ เลยต้องถ่อไปถามสารทุกขฺ์สุกดิบดูถึงบ้าน ขับรถไปกลับร่วม 100 กม. ก็ต้องไปดูดำดูดีกัน คนของเรานี่หว่า (ขยันเทคแคร์ดียังงี้ เราน่าจะไปเอาดีทางวงการขายประกันดีมั้ยวะ) - บันทึกข้อความชื่อผู้เข้าร่วมไปราชการไม่ครบ ต้องไปตบดีกับฝ่ายการเงิน โดนตบกลับให้ไปขออธิการเซ็นต์บันทึกย้อนหลังให้อีก มันถึงจะให้เบิกเงินได้  ทั้งๆที่เงินเราออกเองไปร่วมๆหมื่น อ้อ..บอกไว้เลยนะครับ ในระบบราชการ ไปราชการทีหนึ่งต้องยีมเงินมหาวิทยาลัยไปราชการล่วงหน้า ถ้าโครงการเก่ายังไม่เคลียร์ชุดเบิก หรืออยู่ในขั้นตอนก็ตาม โครงการใหม่ต้องออกเงินเอง เจ้านายไม่สนหรอกว่าจะไปยังงัย ข้าสั่ง เจ้าต้องไป ออกเงินเอง ทุเรศ! - กลับบ้านมาก็เลี้ยงลูก กลางคืนทำการบ้านอีก จะเอาเวลาที่ไหนแอบแว๊บมาได้ล่ะครับ พี่น้อง:) ========================================= อ่านหนังสือหนังหา เอาล่ะครับกระทู้นี้ ผมมีหนังสือมาฝากนะครับ "The Ultimate Guide of GRE Exam for Thai Students" ทีมผู้แต่ง   ธวิน เอี่ยมปรีดีี ประวัติ วท.บ.เกียรตินิยม ชีววิทยา จุฬา , วท.ม. อณูพันธุศาสตร์และพันธุวิศวกรรม มหิดล , Ph.D. Nanomedicine USA กำลังศึกษาต่อ ผลการสอบ TOEFL 273/300 (=643/677 paper based) GRE 1360/1600 อีกคน นพรุจ อินทนิล ประวัติ วศ.บ.วิศวคอม จุฬา ผลการสอบ TOEFL 280/300 (=653/677 paper based) GRE 1410/1600 อีกคน เกียรติพงษ์ ฤกษ์วันชัย ประวัติ ฺฺB.A. English, 1st class, U. of Massachusetts, กำลังทำโทสาขาภาษาอังกฤษ คนสุดท้าย Trevor Ranges ประวัติ จบ U. of Southern California, ปัจจุบันติวเตอร์ standardized test ต่างๆ ในสถาบันใหญ่แห่งหนึ่ง แค่ทีมผู้แต่ก็แท็คทีมมาคับแก้ว ============================================ สิ่งที่ผมชอบในหนังสือเล่มนนี้คืออะไรเหรอ? ๑. เค้าเป็นกลุ่ม successor คนไทยที่ผ่านการสอบจริงมาแล้ว เลยมองเห็นกลเม็ดต่างๆของการสอบแบบตัวจริงเสียงจริง และเป็นหนังสือ Edition 2007 เพิ่งเขียนเสร็จสดๆร้อนๆจากเตา ยังเหม็นหมึกอยู่ตุ่ยๆ ๒. ภาษาวัยรุ่นแนวๆ เขียนสำนวนเหมือนประเภท "อัพได" เลยง่ะ อัพดง อัพไดอะไรง่ะ ก็ update diary งัยล่ะครับ อ่านสบายๆเบาๆแต่แน่นด้วยสาระและหลักการ เช่น "Analogy Practice หลังจากที่เพื่อนๆได้อ่านเทคนิคการทำ Analogy จบแล้วนะครับ ก็ถึงเวลาที่เราจะมาลองทำแบบฝึกหัดกันดู แบบฝึกหัดจะแบ่งออกเป็นสามส่วน คือ ง่าย (Green Pit Viper=งูเขียวหางไหม้) ปานกลาง (Cobra=งูเห่า) และ ยาก (Sea Snake=งูทะเล)......" รสหวาน ทานง่าย ๓. เค้าให้หลักการเอาไว้ไปจับโจทย์ต่างๆ เวลาสอบ ขอย้ำว่าหนังสือนี้ไม่ได้ติวผู้อ่านอย่างทะลุปรุโปร่งทุกรูขุมขนด้วยแบบฝึกหัดจำนวนมหาศาล  พูดง่ายๆคือมันให้แต่แก่นของหลักการ โจทย์มีบ้างพอไม่ให้ฝืดคอ ๔. เอาไปอ่านเป็น Intro เพื่อก้าวไปสู่คู่มือหัวนอกอย่าง Barron's, Kaplan's, Princeton เป็นต้น อันนั้นมันคงจะละเอียดกว่า และแน่นอน ฝึกการอ่าน text อังกฤษล้วนๆได้ดียิ่ง ๕. ราคาไม่แพง 325 บาท ผมซื้อผ่านเว็บศูนย์หนังสือจุฬาก็ลดไปอีก 10% บวกค่าขนส่งกล่องละ 50 บาทก็เกินราคาปกมานิดหน่อยพอรับได้ ส่วนคู่มือหัวนอกอันนี้ คงต้องใช้งบหลวงสั่งเข้าห้องสมุดศูนย์ภาษาดีกว่า เอิ้กๆๆ แผนสูง ทำงานในศูนย์ภาษามันก็มีข้อดีตรงมีหนังสือให้ยืมฟรีนี่ล่ะ ------------------------------------------------- จากคุณ : GSK - [ 21 มี.ค. 50 00:49:39 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ทำวิจัย สืบเนื่องจากการประชุมกองวิจัยที่ผมไปนั่งกระชุมก้นแฉะเมื่อวันก่อน อยากจะบอกว่าในมหาวิทยาลัยบ้านป่าที่ผมทำงานอยู่นี้ได้ทุ่มงบด้านวิจัยเป็นสัดส่วนที่สูงพอสมควร เมื่อเทียบกับหน่วยงานอื่นๆ เช่น ภาควิชามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์มีงบราว 4 แสนต่อปี ศูนย์ภาษา 3 แสน ส่วนกองวิจัยนั้นทั้งปีมีเงินงบวิจัยนอนรออยู่ตั้ง 4ล้านกว่าบาท มากกว่าหน่วยจัดการเรียนการสอนตั้งหลายเท่า เห็นได้ว่าเค้าเอากองเงินมาล่อให่อาจารย์ทำวิจัยกันอย่างเป็นล่ำเป็นสัน แต่ความเป็นจริงมีไม่กี่คนที่ทำได้! งานวิจัยในมหาวิทยาลัยเล็กๆแห่งนี้เป็นเหมือนแดนสนธยาที่น้อยคนนักจะมีชีวิตรอดกลับออกมา  ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่ามันมีความลับดำมืดอะไรอยู่ตรงนั้น ได้ยินช่วงหนึ่งของการประชุมที่ประธานที่ประชุมทวงเล่มรายงานวิจัยที่คณะวิจัยกลุ่มหนึ่ง ซึ่งเป็นลูกหม้อของกองวิจัยเองเอาเงินไปแล้วเมื่อ 1 ปีครึ่งที่ผ่านมา ยังไม่สามารถผลิตงานวิจัยออกมาได้เลย มันทำให้ผมรู้สึกหนาวไปด้วย "ขนาดคนในกองวิจัยเอง สอนวิชาวิจัยเองด้วย ยังไม่สามารถผลิตงานวิจัยออกมาได้เลย จนล่วงมาจะสองปีแล้ว แล้วเราล่ะ ไก่อ่อนในสนามวิจัยจะยืนในสังเวียนสนธยาแห่งนี้ได้เหรอ" ผมอยากมีผลงานทำวิจัย ! เพราะอนาคตในเส้นทางสาย Ph.D. นั้น ผมจะต้องไปทำวิจัยเรื่องใดเรื่องหนึ่งแน่นอนอยู่แล้ว แม้แต่เส้นทางจะก้าวไปสู่ ผศ. ต้องใช้งานวิจัยเป็นผลงานประกอบด้วย แต่วันนี้ผมยังให้คำตอบตัวเองไม่ได้ชัดเจนเลยว่า เราจะทำวิจัยอย่างไร? จากคุณ : GSK - [ 21 มี.ค. 50 01:25:43 ]

ความคิดเห็นที่ 12  อ่าน Research Paper สิ่งหนึ่งที่ผมได้ตั้งปณิธานเอาไว้ คือ ในช่วงปิดเทอมนี้ เราควรจะต้องอ่าน research paper อะไรบ้างเอาไว้ เพื่อมุ่งเป็นสิ่งที่จะเป็นฐานในความคิดในเชิงศึกษาต่อ ไม่รู้สินะ อะไรทำให้ผมคิดอย่างงัั้้น ท่าทางจะเป็น common sense ล่ะมั้ง ที่คิดอะไรพื้นๆเข้าไว้ ว่าจะไปเรียนอะไรควรต้องมีพื้นด้านนั้นไว้ โอเค เราอยากเรียน Ph.D. ทางภาษาอังกฤษ ยิ่งพอเราได้เข้าไปดูสายการเรียนลึกๆลงไปแล้ว คำว่าสายภาษาอังกฤษนั้นมันมีหลายด้านจริงๆ มีอะไรบ้างล่ะเท่าที่นึกออก - English Literature - Linguistics / Applied Linguistics - Language Education - Curriculum and Instruction - Teaching English as a Foreign Language - Teaching English as a Second Language - Computer Assisted Language Learning - Reading - Writing / Composition - Rhetoric โจทย์ข้อใหญ่ที่ผมถามตัวเองไว้บ้างแล้วคือ ? เราชอบอะไร ทักษะไหนที่เราเชี่ยวชาญ ? เราอยากเป็นผู้เชี่ยวชาญสายไหน ? เรารู้อนาคตไหมว่าสายไหนกำลังจะรุ่ง สายไหนกำลังจะตาย สายไหนขายดี ? ด้านไหนเรียนยาก ? ตอนนี้ในวงการอาจารย์มหาวิทยาลัยที่เราจะกลับมาอยู่เค้าเรียนจบอะไรกันบ้าง แล้วผมก็จะค่อยๆ scope กรอบวงให้มันพอดีๆที่เราจะมุ่งโฟกัส เพราะสถานภาพการทำงานในปัจจุบันทั้งภาระงานต่างๆ ทั้งที่ทำงานและที่บ้าน มันไม่ได้เอื้อให้เรามีเวลามาอ้อยอิ่งเลือกเฟ้นดอกไม้ร้อยพวงมาลัยไปเสี่ยงดวงเรียนต่อเอกได้มากหรอก จะเอาด้านไหนดีเพคะ ผมก็ฟันธงในใจบ้างแล้ว ลองมาดู reading list ที่เหล่ากัลยาณมิตรหลายๆท่านได้เผื่อแผ่หาส่งมาให้ผมอ่าน แล้วได้ทำการ print ใส่แฟ้มเป็นตั้งๆมารอให้หยิบฉวยอ่านเวลาว่างจากงานหลัก 1. What do learner really want from their EFL course? 2. Focused communication tasks and second language acquisition 3. Learning to learn: the impact of strategy training 4. Collaborative EFL teaching in primary school 5. Thinking and Language Learning 6. Evaluating learning gain in a self-access language learning centre 7. Rethinking task-based language learning: what we can learn from learners 8. Strategies used by Chinese parents to support  English language learning 9. The multiple contexts of online language teaching. กัลยาณมิตรท่านใดต้องการไฟล์เอกสารไปอ่านบ้างผมก็ยินดีส่งต่อไปให้นะครับ  ส่วนตัวผมอ่านเท่านี้ไปก่อน จบหมดแล้วค่อยหามาสะสมเพิ่ม ยึดหลักพอดีพอเพียง! แก้ไขเมื่อ 21 มี.ค. 50 02:19:26 จากคุณ : GSK - [ 21 มี.ค. 50 02:08:11 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ทำใจให้มันสนุก ยิ้มแย้มตลอดไป หากความทุกข์จะมาเมื่อไหร่ เรานั้นต้องไม่กลัว ดวงตาจะสดใส ดวงใจไม่มืดมัว ใจเราเมื่อมันสนุก สิ่งที่เจอมันก็คือ "ความสุขใจ" คนเราพยายามที่จะหาทางพ้นความลำบาก ในใจจริงทุกคนก็คือเราอยากสบาย พอมาเจอปัญหาไม่อยากจะคิดว่าเรื่องมันใหญ่ จะทำยังไงกันดี ฟังเพลงได้ที่ http://freeann.diaryis.com/?20060101 ขอขอบคุณ คุณแอน จากคุณ : GSK - [ 21 มี.ค. 50 02:40:36 ]

ความคิดเห็นที่ 14 อยากไปเรียน Indiana เหมือนกัลลล ไว้ จขกท ไปแล้ว ผมขอความรู้บ้างนะ จากคุณ : g9h - [ 21 มี.ค. 50 12:04:00 ]

ความคิดเห็นที่ 15 สนใจตรง "กลางคืนทำการบ้านอีก" ความหมายตรงตัวหรือโดยนัยครับ ฮ่าๆๆ จากคุณ : Boat - [ 21 มี.ค. 50 12:14:59 A:58.8.98.16 X: TicketID:141031 ]

ความคิดเห็นที่ 16 แวะมาคุยก่อนนอน ติดใจตรงเนี้ยะ "โจทย์ข้อใหญ่ที่ผมถามตัวเองไว้บ้างแล้วคือ ? เราชอบอะไร ทักษะไหนที่เราเชี่ยวชาญ ? เราอยากเป็นผู้เชี่ยวชาญสายไหน ? เรารู้อนาคตไหมว่าสายไหนกำลังจะรุ่ง สายไหนกำลังจะตาย สายไหนขายดี ? ด้านไหนเรียนยาก ? ตอนนี้ในวงการอาจารย์มหาวิทยาลัยที่เราจะกลับมาอยู่เค้าเรียนจบอะไรกันบ้าง" บางทีตอบโจทย์พวกนี้แล้วก็จะขัดแย้งกันเองนะครับ เช่น สาขาที่เราเชี่ยวชาญ อาจจะไม่ใช่สาขาที่กำลังจะขายดี ก็เป็นไปได้ หรือสาขาที่เราไม่เชี่ยวชาญอาจจะง่ายหรือจบเร็วกว่าสาขาที่เราเชี่ยวชาญก็เป็นไปได้ คำตอบของผมนะ ตอนผมเลือก เอาสาขาที่เราชอบและมีพื้นเเข็งไว้ก่อน เรื่องอย่างอื่นมันตามมาเอง  เพราะว่าถ้าเราทำด้านที่เราชอบและเก่งได้ดีแล้ว  เราจะมีผลงานเยอะ สอนได้ดี และคนจะมาเลือกเราเองครับ  และเผอิญผมโชคดีว่าพอดีสาขานั้น่ะเป็นสาขาขาดแคลนพอดี ก็เลยมีโอกาสมากกว่าคนอื่นๆนิดนึง สาขาที่ขาดแคลนในเมืองไทย(และเมืองนอก) ผมบอกได้เลยครับว่า เป็นสาขาวรรณคดีอังกฤษโบราณและสมัยกลาง (anglo-saxon and medieval English literature) น่ะ  รับรองว่าไม่มีอาจารย์คนไหนจบมาด้านนี้โดยตรงในประเทศไทยสักคนเดียว  ถ้าคุณ GSK เรียนด้านนี้น่ะ รุ่งแน่ ส่วนสาขาแบบ Modern/post-colonial literature นี่ไม่ต้องไปเรียนเลยครับ มีแต่คนเรียนเต็มไปหมด (ทั้งที่ไทยทั้งที่เมกานี่)   สาขาแบบพวก TESL, TEFL คนเรียนก็เต็มไปให้พรึ่บ (ที่จุฬาก็มีเปิดปริญญาเอก English as the international language)    ผมว่าสาขาพวกนี้เกร่อแล้วอ่ะครับ เพราะใครๆก็"เพิ่ง"เห็นความสำคัญของภาษาอังกฤษ เลยเริ่มมาเรียนเกี่ยวกับการสอนกัน  (มีพวกไม่ได้เรียนไปสอน เปิดกวดวิชาก็เยอะ เช่น คริสโตเฟอร์ ไรท์ นั่นไง ที่มีรายการทีวีอยู่ตอนนี้)   เพราะฉะนั้นผมว่าเลี่ยงๆสาขาพวกนี้ไว้ดีกว่าครับ (ในความเห็นผมนะ) เพราะไปๆมาๆ ก็แย่งงานกันเอง  สู้ไปเรียนสายพวกทฤษฎี (theoretical) ดีกว่า เอาไว้มาสอนพวกคนเรียนสายพวกการสอนนี้อีกทีไง สายที่ขายดี (ที่เมกา) นี่นอกจากจะพวกวรรณคดีอังกฤษโบราณแล้ว ก็จะเป็นพวก rhet/comp เป็นส่วนใหญ่ เพราะทุกมหาลัย (ย้ำว่า ทุกมหาลัย) ต้องสอน basic composition กับนักเรียนทุกคน เพราะฉะนั้นงานจะเยอะเป็นพิเศษครับ   ไม่แน่น้า คุณมาเรียนที่นี่แล้วอาจจะได้เป็น t a แล้วปฎิเสธทุนจากเมืองไทยไป  อาจจะได้สอนที่นี่ตลอดเลยก็ได้ครับ จากคุณ : krisdauw (krisdauw) - [ 21 มี.ค. 50 15:01:40 ]

ความคิดเห็นที่ 17 มาตามอ่านหามุมมองใหม่ๆครับ รอตามงานเขียนอยู่นะครับ จากคุณ : เทศระวี (เทศระวี) - [ 22 มี.ค. 50 23:58:02 ]