ความคิดเห็นที่ 1 I don't think there is any different between rent and lease interms of payment amount and benefit. http://www.englishforums.com/English/DifferenceBetweenLeaseRent/bbmh/Post.htm If you are thinking to buy a house, usually mortgage price will be 2xrent/m (2 times of your rent payment) in California. Any thoughts? จากคุณ : na (hypepo11) - [ 24 มี.ค. 50 06:54:49 ]

ความคิดเห็นที่ 2 คิดว่าค่าผ่อนบ้านมากกว่า สองเท่าของค่าเช่านะคะ ตอนนี้กำลังดูๆอยู่เหมือนกัน ค่าผ่อนประมาณเกือบๆห้าพันเหรียญต่อเดือนค่ะ ถ้าอยู่แค่ห้าปี เช่าบ้านน่าจะประหยัดกว่านะคะ จากคุณ : Lilly - [ 24 มี.ค. 50 07:39:09 A:69.110.235.66 X: TicketID:066291 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ขอบคุณสำหรับความเห็นค่ะ ตอนที่ดูตัวเลขใน homes.com (ของ Indiana)ทำให้คิดว่ามันน่าจะประหยัดเงินกว่ากันน่ะค่ะ คงหาบ้านที่พออยู่ได้นะค่ะ ซื้อมาแล้วก็ขายไป ส่วนต่างก็เป็นค่าที่เราอยู่ ซึ่งคิดว่ามันน่าจะน้อยกว่าเช่าบ้าน กวนดูตัวเลขประมาณนี้นะค่ะ ถ้าเช่าบ้าน: จ่ายเดือนละ $800 ปีละ $7,200 ห้าปีก็ $36,000 ถ้าซื้อบ้าน: ผ่อนเดือนละ $1000 ปีละ $12,000 ห้าปีก็ $60,000 (สัญญากู้อาจจะประมาณสิบปี หรือยี่สิบปี) แต่อาจจะขายได้เงินคืนมา $40,000 ก็กลายเป็นจ่ายค่าบ้านในห้าปีก็แค่ $20,000 อยากจะถามว่าการขายสัญญาคืนโดยที่เรายังผ่อนไม่หมดให้พวกบริษัทนายหน้า  จะยุ่งยากมากมั้ยคะ ความคิดนี้พอเป็นไปได้หรือป่าวคะ ขอบคุณอีกครั้งค่ะ จากคุณ : ped cad - [ 24 มี.ค. 50 08:30:45 ]

ความคิดเห็นที่ 4 It sounds too easy the way you described. Can you find a place that cheap? Can you get a loan in the states? How much do you need to put for a down payment? How much is the interest? (I mean both ways. If you get a loan, you need to calculate how much you need to pay for interest. If you don't buy a house and put your money in a bank, how much you can earn from the money.) You also need to keep the exchange rate in mind too. That's the hard one. Nobody knows what Thai Baht and US Dollar are gotta be for sure in 5 years. It's pretty risky here. There are more aspects to the matter than what you think. I'm thinking about buying a house too. You have to pay for property tax, county tax or whatever you have to. (I don't know personally.) I thought about it when I went to school there too, but I gave up. Now, I'm migrating there. So, it's a different story. So, you have to look at it thoroughly. Whatever you find out, share it too. As I said, I'm planning to buy one myself. จากคุณ : Well... - [ 24 มี.ค. 50 09:11:35 A:130.56.33.2 X: ]

ความคิดเห็นที่ 5 อย่าลืมค่าภาษีบ้านด้วยนะคะ  และถ้ามีสนามหญ้าหน้าบ้านคุณก็ต้องดูแลรักษา  ถ้าปล่อยให้รก  อาจเจอค่าปรับจาก county, ค่าเก็บขยะ ค่านู่นนี่จิปาถะขึ้นอยู่กับ  county หรือ community ที่คุณอยู่ จากคุณ : ตกตะกอน - [ 24 มี.ค. 50 09:21:32 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ก็อย่างที่คุณ Well บอกนั่นแหละค่ะ ว่ามันดูง่ายไปก็เลยต้องมาถามความเห็นพี่ๆ น้องๆ ห้องนี้ซะหน่อย คนห้องนี้ใจดีอยู่แล้ว ;) ตอนนี้ก็พยายามหาข้อมูลอยู่น่ะค่ะ ถ้าได้ความยังไงก็จะเอามารายงานให้ทราบนะคะ ขอบคุณคุณตกตะกอนด้วยค่ะ เพิ่งรู้ว่านะคะเนี่ยะเค้ามีค่าปรับนู่นนี่ด้วย :) มีอะไรก็แนะนำมาอีกนะคะ ขอบคุณค่ะ จากคุณ : ped cad - [ 24 มี.ค. 50 10:12:23 ]

ความคิดเห็นที่ 7 นอกเหนือจากข้างบน ยังมีค่าประกันบ้าน ค่าซ่อมบ้าน เวลาซื้อขายต้องมีค่าใช้จ่ายอื่นๆด้วย ค่านายหน้า(เฉพาะตอนขาย 6-7%) ค่าclosing fee ($2-4000) บางบ้านอาจต้องซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าเข้าบ้านเอง ตอนขายถ้าตลาดไม่บูมก็ขายยาก แต่ราคาคงไม่ตก (แล้วแต่้ดวง) ค่า mortgage แต่ละเดือน ขึ้นอยู่ว่าเงินดาวน์เท่าไหร่ ดาวน์เยอะก็จ่ายรายเดือนน้อย ถ้าไม่มีเครดิตอาจมีปัญหาตอนกู้เงิน (แล้วแต่บริษัท) โดยทั่วไปเค้าว่าถ้าอยู่เกินสองปีถึงจะคุ้ม ตอนนี้เป็นตลาดคนซื้อ แต่ลองคำนวณอีกทีค่ะ จากคุณ : เจน - [ 24 มี.ค. 50 10:25:34 A:149.169.253.123 X: TicketID:141551 ]

ความคิดเห็นที่ 8 You might need to have extra money in case that you have to fixing it up!!!! จากคุณ : SFbay - [ 24 มี.ค. 50 11:12:24 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ดิฉันมีเพื่อนคนนึงเพิ่งซื้อบ้านที่อเมริกาปีที่แล้วค่ะ ขอเล่าเรื่องของเพื่อนแล้วกันนะคะ เพราะดิฉันฟังแล้วไม่กล้าซื้อเลยค่ะ เก็บเงินไว้ในแบงค์ยังได้ดอกเบี้ย ถึงไม่มากแต่ก็เห็นเป็นเงินรายรับ แต่ซื้อบ้านเนี่ยจ่ายดอกเบี้ยบานเลยค่ะ เพื่อนดิฉันเดิมที่เค้าเช่าบ้านอยู่เดือนละ 600$ ก็จ่ายน้ำ ไฟ อินเตอร์เนท อะไรก็ว่าไปนะคะ รวม ๆ แล้วไม่เกิน 200$ เพราะเค้าใช้อย่างประหยัดและไม่อยู่บ้านเท่าไร ทีนี้เค้าก็เกิดอยากมีบ้านเป็นของตัวเองเพราะเห็นคนอื่น ๆ เค้าซื้อบ้านแล้วผ่อนแค่ 800 - 1,000 $ เค้าเลยคิดว่าจ่ายเพิ่มอีกแค่ไม่กี่ร้อยก็ได้บ้านเป็นของตัวเองแล้ว เค้าก็เลยไปทำสัญญาซื้อบ้านกับหมู่บ้านนึง บ้านใหม่ คนที่ซื้อต้องสั่งของใช้ในบ้านเอง แล้วทางหมู่บ้านบวกเงินเข้าไป เช่นเครื่องซักผ้า ล้างจาน อ่างอาบน้ำ ว่าต้องการแพง หรือถูก ก็บวกไปอีกทีหลังสัญญาที่เซ็น ตอนซื้อเค้า คนทำสัญญาบอกว่าดาวน์เท่าไรก็ได้ เพื่อนดิฉันก็ดาวน์ไป 2,000 $ คือเค้าคิดว่าแค่นี้ก็มากแล้ว คนทำสัญญาก็จับเค้าเซ็นเลย เอาเงินเค้าไป แล้วให้เค้าเลือกอุปกรณ์ของในบ้าน และบวกเงินเข้าไปในสัญญาเสร็จ ถึงตอนบ้านสร้างเสร็จ แต่แบงค์ยังไม่อนุมัติเงินกู้ค่ะ สรุปว่าเกือบไม่ได้ย้ายน่ะค่ะ กว่าจะได้ต้องหยุดงานไปตามเรื่อง ยื่นเรื่องขอแบงค์นั้นแบงค์นี้วุ่นวายมากเลย สรุปคือ มีแบงค์นึงยอมให้เงินกู้เค้า ในสัญญา 30 ปี แต่ต้องผ่อนเดือนละไม่ต่ำกว่า 2,000 $ เพราะว่าเค้าเพิ่งไปอยู่อเมริกาได้ไม่นานเครดิตไม่ดีพอ และเค้าวางดาวน์น้อยเกินไป เพราะฉะนั้น ต้องโดนจ่าย 2,000 $ ต่อเดือน เป็นเงินผ่อนดาวน์ 800$ และดอกเบี้ยกินเปล่าให้แบงค์ 1,200$ พ้นสองปีเมื่อไร ถึงจะเริ่มนับเงิน 800$ นั้นเป็นเงินผ่อนเงินต้นค่ะ ทั้งทีที่แรกคนทำสัญญาบอกเองว่าไม่มีกำหนดว่าต้องดาวน์เท่าไร วางเท่าไรก็ได้ แต่พอยื่นเรื่องเข้าแบงค์ แบงค์บอกว่าเงินดาวน์ไม่พอ ต้องผ่อนดาวน์อีกสองปี แล้วกี่สิบปีถึงจ่ายบ้านหมดล่ะเนี่ย ทำงานแทบแย่ เอาเงินมาจ่ายดอกเบี้ยเกินครึ่งของเงินต้น แล้วพอย้ายเข้าต้องจ่ายเงินบำรุงหมู่บ้าน เก็บขยะ รักษาความปลอดภัย สารพัด เค้ามารู้ทีหลังว่า คนส่วนมาก เค้าดาวน์บ้านกันไม่ต่ำกว่า 20,000$ ยิ่งวางดาวน์สูง จำนวนผ่อนยิ่งน้อย สามีดิฉันเค้าก็ถามเพื่อน ๆ เค้าดู ส่วนมากไม่มีใครดาวน์ต่ำกว่า 50,000$ เลยค่ะ พวกเราเลยคิดว่าไว้เงินเหลือเก็บถึงห้าหมื่นแล้วค่อยคิดเรื่องบ้านแล้วกัน จากคุณ : คิดก่อนซื้อดีกว่าค่ะ - [ 24 มี.ค. 50 11:46:29 A:213.26.152.149 X: ]

ความคิดเห็นที่ 10 เอาคร่าวๆ นะคะ ปกติเวลาจะซื้อบ้านควรจะดาวน์อย่างน้อย 20% ของราคาบ้าน เพราะถ้าดาวน์น้อยกว่า 20% คุณต้องเสียรายเดือนเรียกว่า PMI Mortgage Insurance แล้วแต่ว่าเค้าจะให้คุณเสียเท่าไหร่ แล้วก็จ่าย 30ปี Fix Apr ตอนนี้ถ้าเครดิตดีก็ราวๆ 6% หรืออาจจะมากกว่า แล้วถ้าซื้อเป็นคอนโด หรือ ทาวน์เฮ้าส์ก็ต้องเสียค่า HOA รายเดือนด้วย แล้วแต่ว่าโครงการที่คุณซื้อเค้าจะให้คุณจ่ายเท่าไหร่ ก็ประมาณ 100 - 500 เหรียญต่อเดือน แถมยังจะมีภาษีบ้าน ค่าน้ำค่าไฟ แถมยังมีค่า closing cost ค่า เอเจ้น นอกเสียจากว่าคุณสามารถทำเองได้ แต่ค่าผ่อนบ้านที่คุณจ่ายไปจะเอามาหักภาษีได้ ถ้าคุณซื้ออยู่เอง ทางทีดี ถ้าอยากจะซื้อบ้านคุณควรไปปรึกษาแบงค์ก่อนว่าคุณจะสามารถจ่ายไหวไหม ยิ่งตอนนี้ราคาบ้านกำลังตก ควรจะคิดให้รอบคอบมากๆ ค่ะ จากคุณ : Scooterella - [ 24 มี.ค. 50 12:21:39 ]

ความคิดเห็นที่ 11 เคยเช่าอพาทเม้นอยู่ ทุกเดือนๆก็จะเสียเงินไป$600 มานั่งคิดโห เสียดายเงินเนอะจ่ายไปแล้วเราก็ไม่เห็นก้อนเงินเลย เลยตัดสินใจกับสามีว่าซื้อบ้านดีกว่า ก็ตกลงซื้อบ้านกัน ราคา $110,000 ดาวน์ไป $20,000 ดอกเบี้ย 5.7% Fixed APR ผ่อน30ปี เพราะสามีทำงานคนเดียวค่ะ ส่วนเราอยู่บ้านเลี้ยงลูก ตกลงต้องผ่อนค่าบ้านเดือนละ $520 เราก็โห ถูกกว่าเช่าอีกแหะ แต่..... ไหนจะค่าน้ำ ของเรา3เดือนบิลมาที ตกที่เดือนละประมาณ $30 ค่าไฟ อยู่ที่ว่าใช้เยอะแค่ไหน ตกประมาณ $50 แต่หน้าร้อนจะแพงกว่านี้เพราะเปิดแอร์ค่ะ ค่าแก๊ส ถ้าหน้าร้อนก็ถูกหน่อย แต่หน้าหนาวเดือนที่แล้วเจอไป $155 ค่าเนต $57 ค่าDirect TV $54 ไม่หมดแค่นั้นนะคะ สิ้นปีต้องมาจ่ายค่าภาษีบ้านอีกตอนนี้ขึ้นมาที่ $2700 ไหนจะค่าhome owner insurance อีกปีละประมาณ $300 ลองบวกๆมาดู ตอนนี้อยากกลับไปเช่าบ้านอยู่เหมือนเดิมค่ะ อยู่อพาทเม้นซึ่งเป็นบ้านเหมือนกัน สบายกว่ากันเยอะ ค่าน้ำค่าไฟอะไรก็รวมอยู่ในค่าเช่าบ้าน อพาทเม้นที่เคยอยู่2ห้องนอน 2ห้องน้ำ เฟอนิเจอร์ครบเลยค่ะ หญ้าก็ไม่ต้องตัด หิมะก็ไม่ต้องกวาด อะไรในบ้านเช่าเสียก็ไม่ต้องเสียตังซ๋อมเอง โทรหาlandlord ให้มาจัดการก็หมดเรื่อง ผ่อนบ้านมา3ปีและ ดอกเบี้ยเอาไปกินหมดค่ะ สรุปว่าที่จ่ายๆไปเอาไปทบต้นแค่ประมาณ $5000เอง แถมตอนซื้อบ้าน ต้องจ่ายค่านู้นนี่อีกบานตะไท ค่าโอนชื่อบ้าน ค่า title ค่าบ้าค่าบอ เจ้าของกระทู้ลองคิดดูดีๆนะคะว่าจะซื้อบ้านดีรึเปล่า ตอนแรกเราคิดว่าคงไม่มีค่าใช้จ่ายอะไรมากเหมือนกัน คิดว่ามันง่าย จากคุณ : Wrath - [ 24 มี.ค. 50 15:14:41 A:24.196.45.222 X: TicketID:114883 ]

ความคิดเห็นที่ 12 เท่าที่ comment กันมา ยังหาข้อดีไม่ค่อยจะได้เลย แล้วนี่ผมควรทำไงดีหว่า ขอบคุณจขกท ที่ตั้งกระทู้ได้เป็นประโยชน์สำหรับผมมากๆ เลย ยังไงรบกวน ผู้ที่เห็นประสบพบเห็นกับข้อดึของการซื้อบ้าน เข้ามาให้ความเห็นด้วยครับ จากคุณ : Well... - [ 24 มี.ค. 50 16:26:39 A:130.56.33.2 X: ]

ความคิดเห็นที่ 13 จะบอกข้อดีเท่าที่คิดออก ไม่ใช่เพื่อหักล้างข้อเสียแต่ประการใดนะครับ สำหรับผมพอเรียนจบได้งานเป็นหลักแหล่ง ต้องย้ายครอบครัวออกจากที่พักของสถาบันการศึกษาก็ซื้อบ้านเลย ผมวางดาวน์ ๓๐% เพราะรู้ตัวว่าประวัติเครดิตตอนเรียนจบใหม่ๆไม่แข็งแรงพอ ได้อัตราดอกเบี้ย 4.65% fixed rate ถึงทุกวันนี้ ข้อดี ในแง่การเงิน ๑. Property Tax เอาไปหักภาษีได้ ๒. ดอกเบี้ยที่จ่ายแต่ละปี (ทั้งจาก mortgage และ  Home equity line of credit เอาไปหักภาษีได้ ๓.value ของบ้านขึ้น ๓ เท่าของราคาที่ซื้อมาเมื่อ ๑๑ ปี ที่แล้ว (เพื่อนที่อยู่ใกล้กันขายบ้าน ย้ายไปอยู่ Michigan หลังจากคืนหนี้ีแบงก์แล้ว สามารถซื้อบ้านขนาดเดียวกัน เป็นเงินสดที่โน่นได้ และมีเงินเหลืออีก $160K) ๔. หากจำเป็น สามารถใช้เป็นแหล่งการเงินใช้ยามชรา ก็ทำ reversed mortgage โดยไม่ต้องผ่อนส่งเลย ๕. ความรู้สึกดี ๆ ว่าบ้านเป็นของเรา และสถานะการปักหลักเป็นที่เป็นทางของเรา การลงทุนปรับปรุงแต่งอะไรลงไป ที่เกี่ยวกับบ้าน เราก็ทำได้เอง และคงเป็นสมบัติของเรา ผมได้เงินก้อนมาเมื่อไรก็เอาไปตัดเงินต้น และเพิ่มจำนวนผ่อนส่งแต่ละเดือน   อีกสิบปี ผมก็จะผ่อนส่งหมดแล้วครับ ถ้าคิดจะขายบ้านย้ายไปอยู่เมืองไทย ก็มีเงินก้อนเป็นกอบเป็นกำ คิดออกแค่นี้ครับ จากคุณ : นายคลิค - [ 24 มี.ค. 50 20:31:45 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ต้องทำแบบ คุณนายคลิคน่ะค่ะ คนที่จะซื้อบ้านที่เมกา เพราะเวลานี้ ราคาบ้านไม่ได้ขึ้นพรวดๆเหมือนสามสี่ปีก่อนแล้ว อย่างแรกคุณต้องมีเงินก้อนซัก 10% ของราคาบ้านแล้วก็ทำ pre-qualify ก่อนว่า แบ้งค์ไหน จะให้เราโลนเป็นจำนวนเงินเท่าไหร่ ต้องผ่อนเดือนเท่าไหร่...การทำ พรีคลอลิฟาย สามารถให้เอเจนท์ของเราทำให้ได้ก่อนที่เราจะตกลงทำสัญญาซื้อบ้าน ข้อดีของการมีบ้านก็อย่างที่คุณคลิคบอกมานะคะ สำหรับคนที่มีรายได้แล้วต้องจ่ายภาษีจำนวนมาก รายได้ เกินหกหมื่นเหรียญน่าจะซื้อบ้านแล้วน่ะ เพราะรายจ่ายเกือบทุกอย่างสามารถเอาไปหักภาษีได้ แต่ถ้าณวันนี้คุณต้องจ่ายค่าเช่า น้อยกว่าค่าผ่อนเกินครึ่ง  เช่นคุณ wrath บอก....แล้วมีรายจ่ายอย่างอื่นเช่น ลูกเล็ก หรือ ภรรยาไม่ได้ทำงาน ก็ไม่น่าซื้อนะคะ เพราะค่าเช่าบ้านจะสูงเกินกว่าคุณจะรับไหว สำหรับเรา...เราซื้อบ้านสองหลังแล้ว...เราคิดว่าในแง่ของความคุ้มอาจจะไม่ได้กำไรเป็นกอบเป็นกำ แต่เราได้ความสุขในการเป้นเจ้าของบ้าน ที่จะทำอะไรกับบ้านเราก็ได้ เปลี่ยนแปลงแก้ไขได้ตามต้องการให้ใครเช่าก็ได้ อยากทำสวน ปลูกต้นไม้ มีอ่างน้ำวน ทำบาบีคิวที่พาทิโอ วางน้ำพุ ก็ทำได้โดยไม่ต้องมากังวลว่าเดี๋ยวจะย้ายแล้ว เราซื้อบ้านขนาดสามห้องนอนสามห้องน้ำมาแบ่งเป็นเจ็ดห้องนอน แล้วให้เด็กนักเรียนเช่า  ได้ค่าเช่าคุ้มค่าผ่อนพอดี เท่ากับ ณเวลานี้ อยุ่บ้านฟรี ไม่ต้องเสียค่าบ้าน แค่บริหารให้มีคนเช่าตลอดเวลา เป็นต้น ปล. ใครสนใจอยากซื้อบ้าน..ปรึกษา realtorที่นิสัยดีๆ(แบบที่ไม่ยุให้เราซื้อเดี๋ยวนี้เดี๋ยวนั้น) ก่อนดีกว่าค่ะ จากคุณ : เกือกซ่าสีชมพู - [ 24 มี.ค. 50 21:07:01 ]

ความคิดเห็นที่ 15 จากที่คิดว่าจะซื้อแน่ๆ ตอนนี้ชักถอยๆ ออกมาตั้งหลักแล้วล่ะค่ะ ขอบคุณสำหรับทุกความเห็นที่เข้ามาช่วยแนะนำค่ะ รู้สึกดีมากๆ หลังจากที่มืดแปดด้าน หันหน้าไปปรึกษาใครก็ไม่มี น้อมรับทุกความเห็นไว้พิจารณาค่ะ p.s. คุณ Wrath คะ ขอสารภาพเลยล่ะค่ะ ว่าคิดเหมือนกันเป๊ะๆ เลย ขอบคุณค่ะสำหรับประสบการณ์ี่ที่เอามาเผื่อแผ่กันค่ะ แต่ถ้าอ่านจากความเห็นของคุณ นายคลิค ที่เข้ามาให้แง่คิดในด้านดีไว้ พอจะช่วยให้คุณสบายใจขึ้นมั้ยเอ่ย : ) จากคุณ : ped cad - [ 24 มี.ค. 50 21:19:52 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ข้อดีอีกข้อนึง ที่เพิ่งนึกออก เมื่อได้อ่าน คคห. ของคุณเกือกซ่าฯ (เจ้าแม่การลงทุน ณ San Diego) คือการให้บ้านเลี้ยงตัวเองด้วยหารายได้จากบ้าน ถ้ามีห้องเหลือ และไม่อึดอัดใจที่มีคนนอกอยู่ที่บ้าน ก็เป็นโฮสต์ Home stay ให้ที่พัก ให้ความอบอุ่น และอาหารสองสามมื้อต่อวัน แก่นักศึกษาต่างชาติ จะมีรายได้เดือนละ 800-1200 ต่อคน คนรู้จักกันเป็นพยาบาล ยังโสด มีบ้านสามห้องนอน ก็ทำแบบคุณเกือกซ่าฯ คือ เอาสองห้องที่เหลือ เป็น Home stay รับนักศึกษา ๔ คน ได้ เดือนละ ๔ พัน หักโน่นหักนี่แล้ว เหลือเป็นเงินเก็บไปดาวน์บ้านอีกหลัง สามห้องนอน ทำเป็น home stay รับนักศึกษาอีก ๖ คน ตอนนี้ เหนื่อยหน่อยที่ดูแลครอบครัว ๑๐ คน เปลี่ยนหน้าไปเรื่อย ๆ แต่มีรายได้ เพิ่มจากเงินเดือนประจำ เดือนละเป็นหมื่นเหรียญ แก้ไขเมื่อ 24 มี.ค. 50 21:58:21 จากคุณ : นายคลิค - [ 24 มี.ค. 50 21:32:55 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ข้อดีเท่าที่คิดออกก็จะเหมือนคุณ นายคลิกนะค่ะ ควรระวังนิดตรงที่ว่าคุณจะอยู่อเมริกาเป็นเวลา๕ปี เราไม่สามารถทายได้ล่วงหน้าว่าตอนนั้นราคาบ้านจะขึ้นหรือตก ถ้าอยู่ไปซักระยะ ถ้าเกิดราคาบ้านพุ่งขึ้นสูงมากๆ ขายเลยค่ะเอากำไรไว้ก่อนอย่ารอจนถึงเวลาย้ายนะคะ แล้วเช่าเอาจนกว่าจะกลับเมืองไทย เอากำไรไว้ก่อน เพราะเกิดช่วงที่เราต้องย้ายกลับจริงๆ บ้านเกิดราคาตก ราคาไม่ดี เราจะขายยาก ให้คนเช่าห้องเพื่อช่วยค่าเช่าบ้านก็ดีค่ะ ถ้าเราไม่อยากดูแล ก็ให้เข่าเฉยๆ แล้วให้เค้าดูแลตัวเองก็ได้ค่ะ ข้อควรระวังอื่นๆ ก็เหมือนกับที่เพื่อนๆบอกน่ะค่ะ ขอให้โชคดีนะคะ จากคุณ : oreo - [ 25 มี.ค. 50 05:01:44 A:24.12.143.221 X: TicketID:048459 ]

ความคิดเห็นที่ 18 จริงด้วยค่ะ ไม่ใช่แค่จ่ายค่าบ้าน นะค่ะ ต้องจ่ายค่า สารพัด จ่าย ฮิฮิ ค่าประกัน บ้าน ค่าขยะ ค่าวิว ค่าชุมชนที่ต้องจ่าย ไม่รู้จะพูดยังงัย เพราะว่า เยอะมากๆกับค่าใช้จ่าย ยิ่งถ้าบ้านอยู่ในสถานที่ดีๆๆๆ ยิ่งทำให้มีค่าใช้จ่ายเยอะค่ะ จากคุณ : Hawaii_Havaii - [ 25 มี.ค. 50 10:14:57 ]

ความคิดเห็นที่ 19 I was going to buy a house 3 months ago. It was almost the end of escrow. I made final dicision with my wife, to cancel the escrow. I am glad I did. My problem was I am paying a lot of taxes every paycheck. Plus, a lot of advertisment said : "why pay rent?, own a house, you can deduct the tax, martgage is almost equal to rent. Youcan buy with 0% down...." Now, I am glad I did cancel. I remembered the first day my agent called me to let me know I got accepted, insted of being happy. I felt like have a heavy mountain stuck on my chest. The feeling like that had stay till the day I canceled the escrow. Now, I feel relief! I'm still renting. Here is what I have learnt. -Don't buy if you don't have 10-20% down payment. -You gotto have good cradit (700 up) -Make sure you will stay more than 5 years. -location is very important. -Don't buy a old condo. K. Ped Cad, if you don't plan to live here long, rent is the best way. find a clean and nice place to rent, and enjoy your life in America, Good Luck... จากคุณ : na (hypepo11) - [ 25 มี.ค. 50 14:22:40 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ขอแย้งคุณนายคลิคนิดนึงค่ะ ข้อ3ที่ว่าราคาบ้านขึ้นสูง ขายได้กำไร แล้วแต่locationด้วยอ่ะค่ะ ตอนนี้ราคาบ้านตกมากๆทั่วอเมริกา บ้านเดี๋ยวนี้เราว่าถูกมากๆเลยค่ะ ตอนแรกที่คิดจะซื้อ ตั้งราคาไว้ที่เท่านี้ หาบ้านใหญ่ๆสวยไม่มีเลยค่ะ แต่ตอนนี้มาดูบ้าน ราคาเท่าเดิม ได้ดีกว่าหลังที่เราอยู่ปัจจุบันอีกค่ะ บ้านแถวที่เราอยู่ Wisconsin ตอนนี้ปักป้ายขายบ้านเต็มไปหมด พี่คนนึงเค้าเคยอยู่ซานฟรานค่ะ ตอนเค้าซื้อบ้านเมื่อนานมาแล้ว อยู่บ้านนั้นประมาณ5ปี ซื้อที่ราคาแสนสาม ขายได้สามแสน กำไรเพียบ เค้าบอกว่าเสียดายที่ไม่รออีกสองปี เพราะราคามันขึ้นมาที่ห้าแสน แต่นั่นคือเมื่อ2ปีที่แล้วนะคะ พี่เค้าย้ายมาเปิดร้านอาหารไทยที่Wisconsinค่ะ แต่แฟนพี่เค้ายังอยู่ที่นู้น เค้าตัดสินใจซื้อบ้านราคาห้าแสน หวังว่าราคามันจะขึ้นเหมือนบ้านหลังเก่า แต่คิดผิดค่ะ ตอนนี้ขายบ้านไม่ได้ ราคาตกอีกตังหาก ถ้าจะซื้อบ้านมาแล้วแบ่งให้เช่า อย่างนั้นค่อยน่าทำหน่อยคะ เอาเงินค่าเช่ามาจ่ายค่าmortgage ถ้ามีเงินหน่อยก็อยากทำอย่างนั้นเหมือนกันค่ะ จากคุณ : Wrath - [ 25 มี.ค. 50 15:35:25 A:24.179.129.48 X: TicketID:114883 ]

ความคิดเห็นที่ 21 Really thankful to the จขกท Could you please comment on my situation? I went to school and worked in the states, CA, for about 3 and a half years, 1998-2002. I didn't know better and really thinked about asking money from my parents to buy a house over there. I didn't do it because I was there on a student visa. Then, I came back to Thailand in 2002 or so. Then, I just recently got a green card and will go to the US in July. I am still up in the air what I will do when I go to the US. I mean I am an educated person, but nothing is certain. I want to live in Bay area and find a job where I can commute by BART. I will have 3 degrees, 2 Bach and 1 Mas, before I go back to the US. I want to work in an IT field which is one of my majors so far. I do not have much experience in that field as the matter of fact except teaching as a TA and a part-time faculty when I went to school in the US. I don't know how long it will take before I get a job. I don't know how much money I will make. I do have about 60K in my accounts in the states. I have 3 credit cards in the states. The main one I have been using since 97. The other two, I just opened a couple months ago. The credit line of the main one was increased without my knowledge to 11K (from 6K) a couple months ago. The rest two combined is about 4K. I didn't mean to open the other two. Just opened for a $100 free money from the bank. What else? I will go to the US on July without any place to stay. What should I do with my life??? Should I rent? Should I buy a house or a condo? I'm kinda prefe a condo. Could anybody give me pros and cons on a condo? What city should I go? Safty is one of the major priorities. Thank you all in advance. Everybody is welcome to comment especially คุณ นายคลิก คุณเกือกซ่าฯ คุณWrath คุณืa จากคุณ : I seriously mean it. aka Well - [ 25 มี.ค. 50 16:39:11 A:130.56.33.2 X: ]

ความคิดเห็นที่ 22 ^ ^ ^ Please make sure that you have the stable income that cover the house payment in each month. You don't have to be hurry in buying the house,right time + right location+ right price are the best. As I mentioned, if you have  60000$ income/year or more  and no tax detuction, let do it. When I bought the house,I have income 3 times of the  house payment /month and have 10% of the house price. I paid the rent 1100$/month while my house payment is 1500$ ,that why I bought the house and never regret. So,if you don't know about your future yet. Let make your work stable then contact the good realtor ,unless your parent want to invest in the property right now ( that's not the best time anyway ) The condo is the good way to go for the single girl,get at least 2b2b. Anyway, eventhought the housing market is slow right now, doesn't mean the price is so low, you could wait longer if you don't find any property that  YOU LOVE. แก้ไขเมื่อ 25 มี.ค. 50 19:50:05 จากคุณ : เกือกซ่าสีชมพู - [ 25 มี.ค. 50 19:43:44 ]

ความคิดเห็นที่ 23 Oops!!! I'm a guy. A single guy. Thanks. จากคุณ : Well... - [ 25 มี.ค. 50 19:56:26 A:130.56.33.2 X: ]

ความคิดเห็นที่ 24 อธิบาย คคห.๒๐ ขอบคุณที่แย้งมา แต่ผมพูดถึงข้อดี เท่านั้น ไม่ได้แจกแจง ละเอียดถึงเรื่องอื่นที่สำคัญพอๆ กันหรือยิ่งกว่า สิ่งที่สำคัญอันดับต้น ๆ ของการเลือกบ้านคือ location, location และ location นะครับ  ถ้าเป็น neighborhood ที่ดี ตัวบ้านเก่า ก็ยังซ่อมแซมเสริมให้ดีดังใจได้ แต่ละแวกบ้านที่เป็นแหล่งแย่ ปรับปรุงไม่ได้ง่ายหรอกครับ สำคัญด้วย คือ จังหวะและช่วงเวลาและสถาวะเศรษฐกิจ ที่เอื้ออำนวย ทั้งการขายและการซื้อ และต้องคำนึงว่าภาวะเศรษฐกิจเป็น สิ่งที่คาดเดาล่วงหน้าอย่างแม่นยำได้ยาก การเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ต้องตระหนักให้ดี ความคิดที่ว่าจะครอบครองสี่ซ้าห้าปี แล้วขายให้ได้กำไร เป็นความคิดการการกระทำไม่ฉลาดในการลงทุนครับ ยกตัวอย่าง เมื่อเืดือนที่แล้ว บ้านติดกัน ประกาศขายเพราะเจ้าของบ้านย้ายไปอยู่บ้านคนชรา เราก็ไปมอง ๆ   ราคาบ้านขาดล้านเหรียญ ไปนิดเดียว หลายคนยุให้เราซื้อเอาไว้เป็นอินเวสเม้นต์ แต่เราไม่สนใจเพราะรู้สถานะภาพการเงินของเราว่า ถ้าทำไป จะตึงมาก ถึงขาด แต่ก็มีคนมาซื้อไป ภายใน ๔ อาทิตย์ ที่สำคัญ เรามีความสุขพอเพียงกับความเป็นอยู่บัจจุบัน ใช้เวลาอยู่บ้าน ทำสวนครัวปลูกไม่ดอกไม้ผล กับผบทบ. มีความสุขดีกว่าต้องไปนั่งเครียด หมุนเงิน   การซื้อบ้านเป็นอินเวสเม้นต์ที่ใหญ่และสำคัญที่สุดอันหนึ่งในชีวิตของเรา ต้องศึกษา ใคร่ครวญ และพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ อย่างถี่ก้วน ก่อนตัดสินใจ อย่างที่ จขกท. ได้ทำไป นั่นแหละครับ แก้ไขเมื่อ 25 มี.ค. 50 23:35:15 แก้ไขเมื่อ 25 มี.ค. 50 23:22:53 จากคุณ : นายคลิค - [ 25 มี.ค. 50 23:11:18 ]

ความคิดเห็นที่ 25 คคห ๒๑ First, you need a steady employment with decent income. You seem to have established and maintain a credit history. Never buy a property without taken into consideration all factors related to you particular situation, or the numbers looks OK on paper. จากคุณ : นายคลิค - [ 25 มี.ค. 50 23:20:14 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ถึงคุณความเห็นที่21ค่า ถ้าคุณกะจะมาอยู่นี่ถาวร หางานทำอย่างนั้น โดยที่ยังไม่รู้ว่าจะได้ทำงานที่ไหน แนะนำให้เช่าบ้านหรืออพาทเม้นอยู่ก่อนดีไม๊คะ หลังจากพอทำงานไปได้ซัก2-3เดือน ชอบงาน แล้วรู้สึกว่าอะไรเข้าที่เข้าทางแล้วค่อยหาดูบ้านที่ชอบไปเรื่อยๆ อีกอย่าง ถ้ารู้ว่าจะได้เงินเดือนเท่าไหร่ จะได้ดูได้ด้วยอ่ะค่ะว่าบ้านที่เราaffordได้เนี่ยต้องmake payment ตกเดือนละเท่าไหร่ ตอนนี้เครดิตคุณดี ถ้าคิดจะซื้อบ้านจริงๆคงได้ค่าinterest ต่ำ ยังไงก็พยายามรักษาเครดิตดีๆอย่างนี้เอาไว้นะคะ ถ้าอยากมาทำงานจริงๆ ต้องดูว่าชอบเมืองยังไงอ่ะค่ะ ชอบเมืองใหญ่ไม๊ แล้วชอบอากาศยังไง มาถึงก็ไปค้างโรงแรมก่อน ระหว่างค้างโรงแรมก็หาบ้านเช่าซะ แล้วก็ทำอย่างที่บอกเอาไว้แล้วอ่ะค่ะ ถ้าคุณทำงานแล้ว ยังไงก็ต้องเสียภาษี แล้วถ้ามีบ้าน มีproperty tax ก็สามารถเอามา claim ตอนสิ้นปีได้ค่ะ อยู่คอนโดก็ดี ไม่ต้องตัดหญ้าหรือกวาดหิมะเอง แต่เค้าจะมีกฏของเค้านะคะ บางทีไม่ให้มีสัตว์เลี้ยงอะไรอย่างนั้น แต่เราต้องจ่ายค่าส่วนกลางทุกๆเดือนอ่ะคะ ถึงแม้ว่าเราจะซื้อคอนโดนั้นแล้วก็ตาม ตอนนี้เราเองก็พยายามจะขายบ้านอยู่ อยากย้ายออกไปอยู่นอกเมืองค่ะ ชอบบ้านแถวๆ country มากกว่าในเมือง จะทำอะไรก็ไม่ต้องเกรงใจเพื่อนบ้าน มีหมาใหญ่สองตัวจะไปไหนก็ต้องhook leash อยากให้มันวิ่งเล่นได้อิสระโดยไม่ต้องห่วงเพื่อนบ้านอ่ะค่ะ อีกอย่าง ไม่ชอบบ้านที่นี่เลย กำแพงมันบางมากๆเหมือนกระดาษเลย เปิดทีวีดูดังๆก็ไม่ได้ แฟนนอนในห้องปิดประตูเสียงยังทะลุเลย จากคุณ : Wrath - [ 26 มี.ค. 50 00:07:03 A:24.179.129.48 X: TicketID:114883 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ตอนแรกคิดว่า ไม่น่าจะมีใครตอบมาแล้วนะคะเนี่ยะ ขอบคุณทุกๆ ความเห็นอีกทีนะคะที่เข้ามาช่วยชี้แจง แยกแยะข้อดี และข้อเสีย รู้สึกดีใจด้วยค่ะ ที่ตั้งกระทู้มาแล้ว เป็นประโยชน์กับคนอื่นๆ : ) ชาวไกลบ้านน่ารักจัง จากคุณ : ped cad - [ 26 มี.ค. 50 00:30:16 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ตอบ คคห. ๒๖ คุณ wrath (ชื่อน่าเกรงกลัวจัง แต่ตัวจริงคงน่ารักนะครับ) "...ตอนนี้เราเองก็พยายามจะขายบ้านอยู่ อยากย้ายออกไปอยู่นอกเมืองค่ะ ชอบบ้านแถวๆ country มากกว่าในเมือง.." สนับสนุน การอยู่ country ครับ ผมย้ายจากใจกลางเมืองใหญ่มาบ้านหลังที่อยู่ปัจจุบัน เป็นบ้านนอก อยู่เชิงเขา สงบเงียบมากครับ แต่ต้องคอยวุ่นวายกับ wildlife (แถวบ้านผมคือ fox bear และ กวาง) พอสมควร ขอให้ขายบ้านได้เร็ว ๆ ราคาดี นะครับ จากคุณ : นายคลิค - [ 26 มี.ค. 50 03:17:53 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ขอบคุณค่าคุณคลิค แต่ก่อนเคยอยู่นอกเมือง ก็บอกแฟนอยากมาอยู่ในเมือง จะไปช็อปปิ้งจะได้สะดวก แต่ตอนนี้อยากกลับไปอยู่นอกเมืองเหมือนเดิมแล้วค่ะ แหะๆ แฟนเค้าชอบอะไรที่เป็นprivateอ่ะค่ะ ส่วนเรื่องพวกสัตว์ป่าทั้งหลายก็ไม่ต้องห่วง ขาล่าสัตว์อยู่แล้ว ของโปรดเค้าเลยค่ะ หุหุ ยังไงก็ขอบคุณที่อวยพรให้ขายบ้านได้เร็วๆนะคะ อยากย้ายเต็มทีและ คุณ ped cadมีอะไรก็เข้ามาถามพี่ๆน้องๆในนี้ได้เสมอค่ะ เราเองก็เข้ามาบ่อยๆ ได้คำตอบทุกครั้ง ห้องนี้ใจดีทุกคน จากคุณ : Wrath - [ 26 มี.ค. 50 03:26:59 A:24.179.129.48 X: TicketID:114883 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ขอถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริษัทนายหน้าคะ(อันนี้เพื่อนสนใจฝากถามมา) ไม่ทราบว่าถ้ายังผ่อนบ้านไม่หมด จะเอาไปขายบริษัทพวกนี้ได้มั้ยค่ะ ขายไปทั้งบ้าน ทั้งสัญญา ทั้งหมดด้วยกันเลย จะได้ไหม ขอกวนอีกครั้งแล้วกันนะคะ จากคุณ : ped cad - [ 26 มี.ค. 50 07:33:17 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ถ้ามีเงินดาว๒๐เปอร์เซ้นต์ มีงานดีรายได้แน่นอน จะต้องอยู่บ้านนี้เกิน๕ปี ราคาบ้านต้องไม่เกิน๓เท่าของรายได้ประจำปี หาบ้านที่อยู่ในหมู่บ้านที่ดีgood location ซื้อไปเหะ จากคุณ : joe (aircraftdesigner) - [ 26 มี.ค. 50 11:15:47 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ถ้าไม่มีเครดิตมาก่อน ต้องดาวน์ 30-50% ถ้าไม่มีรายได้จากงานประจำก็หาเงินกู้ยากหน่อย ยิ่งช่วงนี้หนี้เสียเยอะบ้านจะถูกยึดมากที่สุด จะขายคืนบริษัทนายหน้าค่อนข้างยาก และราคาต่ำจนแทบไม่คุ้มกัน โดนหักอะไรหลายอย่าง กฎหมายก็แล้วแต่แต่ละรัฐ ถ้าจะมาอยู่อริโซน่าติดต่อมาได้นะ JenaHome@Gmail.com เป็นตัวแทนซื้อ-ขายบ้านที่ฟินิกซ์จ้ะ จากคุณ : Jena-Jub - [ 8 เม.ย. 50 15:54:05 A:68.228.198.182 X: ]

ความคิดเห็นที่ 33 ตอนนี้เครดิตต่ำกว่า 700 ถ้าไม่มีหลักฐานแสดงรายได้ชัดเจน 2 ปี ยังอาจต้องใช้เงินดาวน์อย่างน้อย 5% บ้านมีลงก็ต้องมีขึ้นเหมือนกราฟชีวิต ตอนนี้โอกาสกำลังดีสำหรับคนต้องการจะซื้อบ้าน แต่ต้องรู้ตัวเองว่าพร้อมจริง ๆ มีรายได้ต่อเดือนเท่าไหร่ รายจ่ายต่อเดือนจะเป็นเท่าไหร่ การงานมั่นคงแค่ไหน ส่วนตัวเราเก็บบ้านไว้ให้เค้าเช่า ก็เลยลงทุนไปในตัว รอขายเอากำไร ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ เมื่อไหร่ ก็เมื่อนั้น ถ้าสนใจซื้อบ้านในลาสเวกัส เมือง 24 ชม. กำลังบูม ติดต่อเราได้นะคะ huiearn@msn.com จากคุณ : ชาร์ม - [ 17 เม.ย. 50 22:24:35 A:58.8.24.25 X: ]