ความคิดเห็นที่ 1 ไหนๆก้อไหนๆแล้วขอระบายครับ เรื่องมันเป็นอยู่ว่า ทางแม่กับตัวแฟนผมเนี่ยเค้าชอบหาว่าผมนะเห็นแก่ตัว ซื้อของอะไรก้อซื้อให้แต่ตัวเอง กะลูกกะแฟนไม่เห็นซื้อให้ ไอ้ของที่ผมซื้อก้อเป็นพวกของแต่งรถยนต์กับคอมพิวเตอร์ ส่วนเงินที่ซื้อนั้นก้อคือเงินค่าขนมผมที่ได้เดือนละ1หมื่นเยน ส่วนเงินเดือนที่บริษัท กับ เงินเดือนพารท์ไทม์ ซึ่งผมทำทั้งกลางวันและกลางคืนผมก้อยกให้แฟนหมดเลยจะเอาออกมาก้อแค่1หมื่นเยนคือค่าขนมส่วนตัว แล้วจะให้ผมเอาเงินอันนิดน้อยนี่ไปซื้อของนู่นของนี่ให้แฟนกะลูก ผมก้อมีหวังไม่ต้องได้ใช้อะไรเลย แล้วแฟนอยากซื้ออะไรผมก้อไม่ว่านะ อยากได้กระเป๋าแบรนด์เนมผมก้อให้ซื้อนะเพราะเห็นว่าเค้าคอยทำอาหารคอยดูแลเราๆก้อไม่เคยว่า จากคุณ : เศร้าใจ - [ 24 มี.ค. 50 07:26:56 A:124.102.187.235 X: TicketID:064301 ]

ความคิดเห็นที่ 2 มาต่อครับ แล้วบางทีเราอยากทำอาหรไทยกินเองเค้าก้อไม่ให้เราทำ บ่นหาว่าเราชอบทำครัวสกปรก เราก้อบอกว่าเดี๋ยวจะทำความสะอาดให้หลังจากทำเสร็จแล้ว ก้อมาทะเลาะกันอีก กับทางบ้านผมเค้าก้อไม่ชอบ เพราะบางครั้งผมก้อขอส่งเงินไปให้พ่อกับแม่ผมบอกแต่ก้อไม่ใช่ว่ามากมายอะไรเลยปีละครั้งเอง หรืออาจจะ2ครั้ง แฟนก้อมาบ่นหาว่าพ่อแม่ผมไม่เห็นช่วยอะไรเลย มีแต่พ่อแม่เค้าที่คอยช่วยเรื่องเงินตอนนั้นคือตอนแรกๆที่มาญี่ปุ่นนะครับที่พ่อแม่เค้าช่วยเรื่องการเงิน ไอ้ที่ช่วยเรื่องเงินนี่หมายถึงซื้อของพวกของเล่นลูก แล้วก้อตุ๊กตาสำหรับเด็กผู้หญิงเค้าเรียกอะไรนะจำไม่ได้ที่มันแพงๆ ประมาณนี้แหล่ะครับ แล้วพ่อแม่ผมอยู่เมืองไทยบ้านก้อไม่ใช่ว่ารวยหนี้ก้อมี จะมาซื้อของอะไรให้กับคนที่อยู่ญี่ปุ่นได้หล่ะครับค่าเงินมันต่างกัน ไม่รู้เค้าเอามาเปรียบเทียบได้ไง จากคุณ : เศร้าใจ - [ 24 มี.ค. 50 07:37:13 A:124.102.187.235 X: TicketID:064301 ]

ความคิดเห็นที่ 3 คิดแล้วกลุ้มครับ ไอ้ที่กลุ้มเป็นห่วงตอนนี้คือลูก อยากพาลูกไปหาพ่อกับแม่ผมสักครั้งให้เค้าเห็นให้เค้าได้อุ้ม ก่อนที่จะหย่ากันเพราะถ้าหย่าแล้วนี่คงไม่มีสิทธ์แน่ๆ อีกใจคืออยากหย่าไวๆ ตอนนี้ไม่ได้คุยกันกะแฟนมาเกือบ2อาทิตย์แล้ว เพราะธรรมดาตื่นเช้ามาผมก้อไปทำงานกลับ้านมา5โมงครึ่งก้อกินข้าวแล้วเตรียมตัวไปทำงานต่ออีกบริษัทถึงเที่ยงคืนบางวันก้อไวหน่อย4ทุ่มก้อเลิกงานแล้ว กลับมาบ้านลูกก้อหลับไปแล้ว แฟนก้อหลับไปแล้ว เหลือแต่เราคนเดียวเฮ้อ................บ่นมาพอแล้วครับขอบคุณครับ ออแล้วอยากจะทราบอีกอย่างนึงครับว่าเรื่องวีซ่า เราควรจะทำยังไงหลังจากการหย่าแล้วครับ คือผมจะมีสิทธิ์ได้ไหมครับวีซ่าหลังจากที่หย่ากับภรรยาแล้ว งานตอนนี้ก้อเป็นพนักงานประจำ เสียภาษีตลอดเพราะบริษัทหักออกจากเงินเดือนกับช่วยจ่ายครึ่งนึงให้น่ะครับ รบกวนด้วยนะครับผม จากคุณ : เศร้าใจ - [ 24 มี.ค. 50 07:46:09 A:124.102.187.235 X: TicketID:064301 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ไม่ทราบเรื่องวีซ่าเลยไม่รู้จะช่วยเเนะนำยังไงดีค่ะ อ่านเเล้วก็เศร้าเเทนนะคะ ที่อะไรๆ มันไม่เป็นดั่งใจนึก ถ้าคุณเจ้าของกระทู้มีรายได้มั่นคง น่าจะลองยื้อเรื่องลูกดูนะคะ เเต่ก็อีก ทำงานทุกวัน จะดูแลลูกยังไง จากคุณ : Pattylala - [ 24 มี.ค. 50 08:36:41 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เห็นใจมากค่ะ หากผบทบ.ดิฉันให้เงินเดือนทั้งหมดเหมือน คุณ ดิฉันคงดีใจสุด ๆ ไปเลย ตอนนี้คุณถือวีซ่าอะไรคะ คู่สมรสแบบ 3 ปีหรือเปล่า คุณ ได้วีซ่าถาวรหรือยังคะ หากยังคุณต้องให้บริษัทช่วยออก working permitให้ค่ะ (ในกรณีที่คุณหย่า) ภรรยาคุณจะยอมหย่าให้หรือเปล่าคะ ส่วนใหญ่ที่ดิฉันเคยเห็นมา ภรรยาคนญป มักจะออกไปทำ งานนอกบ้านช่วยสามีคนไทยหาเงินอีกแรงหนึ่ง (ที่เจอมา 2-3 รายเป็นแบบนี้หมด) หากมีลูกเล็ก ๆ ก็จะให้คุณตาคุณ ยายช่วยดูแล โดยเฉพาะสามีคนไทยที่ไม่ได้จบมหาวิทยา ลัยที่ญป เพราะเงินเดือนที่ได้ไม่ค่อยเหลือเก็บ กรณีคุณ ถือว่าคุณอึดมากที่วิ่งรอกทำงาน 2 ที่ หากทุกสิ่ง ทุกอย่างที่คุณเล่ามาป็นเรื่องจริง คุณก็เอาเงินคืนพ่อตาแม่ ยายไปซะ ฮินะนิงเกียวที่ได้มาราคาไม่เท่าไหร่หรอกค่ะ แล้วคุณก็แยกตัวมาเป็นอิสระ อย่าได้ขอความช่วยเหลือ ทางฝ่ายภรรยาอีกเลย ไม่งั้นคุณจะสูญเสียอิสรภาพ+ความ นับถือตัวเอง จัดสรรปันส่วนเงินที่คุณหามาได้ แบ่งเป็นหมวดหมู่ - ค่าเช่าบ้าน - ค่าอาหาร - ค่าดูแลลูก - ค่าสาธารณูปโภค - เบี้ยเลี้ยงภรรยา - เบี้ยเลี้ยงของคุณเอง - เงินฉุกเฉิน โชคดีนะคะ จากคุณ : fudge-a-mania - [ 24 มี.ค. 50 11:49:17 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ตอนนี้ถือวีซ่า สมรสครับผม ตอนนี้ได้แบบ3ปีครับผม ส่วนแฟนก้อออกไปทำงานด้วยเหมือนกันครับผม แต่ของเเฟนทำเฉพาะเช้าถึงเย็นเท่านั้น ส่วนลูกก้อให้เข้าโฮอิคุเอ็นครับ งานตอนกลางวันของผมมันไม่ตรงกับสาขาที่ผมจบมาน่ะครับกัวว่าจะไม่ได้เวริคเพอมิตน่ะครับ ส่วนเรื่องเงินรายจ่ายต่างๆแฟนผมเค้าจัดการหมดเลย แม้แต่บัญชีผมบัตรเอทีเอ็มก้อให้แฟนถือหมด เพราะผมไม่รู้จะใช้ไปทำไมน่ะครับ ตอนนี้ก้ออยู่แมนชั่นครับแยกอยู่กับทางพ่อแม่ของเค้าตั้งแต่มาถึงญี่ปุ่นเลยครับ เพราะรู้ดีว่าอยู่ด้วยกันแล้วจะทำตัวลำบากแต่ก้อยังว่า ดันอยู่ใกล้กันอีกน่ะครับห่างกันไม่ถึงกิโล แถมค่าเช่าบ้านก้อแพงเพราะว่าอยู่หน้าสถานีรถไฟเลยเดินไม่ถึงนาที เคยบอกให้ไปอยู่แบบถูกๆแฟนก้อไม่เอา เพราะเเฟนกลัวว่าไกลแถมเก่าอีก แม่แฟนยังมีมาว่าผมอีกนะ ถ้าอยากไปอยู่ก้อไปอยู่คนเดียวสิ แหมไอ้เราพอได้ยินก้อแอบมีโกรธนะ ขนาดนานมาแล้วนะยังจำได้อีกเรา555 จากคุณ : เศร้าใจ - [ 24 มี.ค. 50 14:13:43 A:122.20.90.21 X: TicketID:064301 ]

ความคิดเห็นที่ 7 มารับฟังปัญหาค่ะ  แต่ก็ไม่รู้จะช่วยยังไงดีค่ะ   ยังไงก็ขอเป็นกำลังใจให้คุณเจ้าของกระทู้  เลือกเส้นทางที่เหมาะสมและดีที่สุดนะคะ... ขอให้หนทางที่คุณเลือกเป็นหนทางที่ดีที่สุดของคุณและคนรอบข้างของคุณค่ะ ขอให้ผ่านพ้นสถานการณ์ที่น่าตึงเครียดนี้ไปได้นะคะ ( ยังไง ครอบครัวก็คือครอบครัว  คิดให้ดีๆ นะคะ  ) จากคุณ : LilyAi - [ 24 มี.ค. 50 14:31:17 ]

ความคิดเห็นที่ 8 คุณอยู่ญปมากี่ปีแล้วคะ เคยลองยื่นเรื่องขอวีซ่าถาวรหรือ ยัง หากยัง ก่อนหย่า ลองไปยื่นเรื่องไว้ดูนะคะ จริง ๆ หากสามีภรรยาทำงานทั้งคู่ รายได้ต่อเดือนเนี่ย น่า จะเยอะพอสมควร อย่างน้อยก็ใช้จ่ายได้สบาย ๆ เรื่องแมนชั่นที่เช่าอยู่หน้าสถานี อันนี้ดิฉันเห็นใจแฟนคุณ ค่ะ เพราะแต่ก่อนเคยเช่าบ้านหลังอยู่ห่างจากสถานีเดิน 12-15 นาที (ดิฉันเป็นคนเลือกเองแท้ ๆ) แต่อยู่ไปอยู่มา มันไม่สะดวกด้วยประการทั้งปวง ไม่นับวันฝนตก-หิมะตก อีก ทั้ง ๆ ที่บริษัทสามีช่วยค่าเช่าบ้านเดือนละ 8 หมื่นกว่า เยน เป็นเวลา 10 ปี ดิฉันยังขอร้องแกมบังคับให้สามีซื้อ บ้านเลยค่ะ โดยยอมทิ้งสวัสดิการตรงนี้ เพื่อมาซื้อบ้าน หน้าสถานี เรื่องเงินทองละเอียดอ่อน อย่างกรณีดิฉัน หากงานอดิเรก ของสามีเป็นสิ่งที่ดิฉันไม่สนใจ ดิฉันก็รู้สึกอย่างเดียวกับ แฟนคุณ คือเสียดายเงินที่จะต้องทุ่มกับมัน แฟนคุณอาจจะอยากมีบ้านเป็นของตัวเองหรือเปล่า ถึงคิด ว่าคุณมาทิ้งเงินกับเรื่องไร้สาระ จากคุณ : fudge-a-mania - [ 24 มี.ค. 50 15:34:47 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เศร้าจัง.... เรื่องวีซ่า ก็คงเหมือนๆๆคุณ fudge บอกไว้หน่ะค่า ลองยื่นถาวรทิ้งๆๆไว้ก่อน แล้วยืดระยะเวลาการหย่า ออกไปก่อน จนกว่าจะรู้ว่า วีซ่าถาวร เสร็จ เราว่า ก็ดีนะ คุณ fudge อาพาร์เม้นเดิม ของกุ้งเคยอยู่ เดิน ประมาณ 20 นาที กุ้งถือว่ามันใกล้แล้วน๊า ส่วน อาพาร์เม้นที่อยู่ปัจจุบัน เดิน ประมาณ 15 นาที ถึงสถานนีรถไฟ ก็ถือว่ายังใกล้อยู่ ถ้ากรณี ของเจ้าของกระทู้ นี่ถือว่าอยู่ติดกับสถานีรถไฟเลย ปกติ ที่ไหนก็ราคาแพงกว่าปกติ ทั่วไปอยู่แล้ว อาพาร์เม้น บางที่ ดูข้างนอก โทรมๆๆ แต่ข้างในห้อง ใหม่ปิ๊งก็มีเยอะแยะค่า ห้องที่อยู่นี่ ถ้ามาดู ห้องครัว ห้องอาบน้ำ มันไม่เข้ากับ ตัวตึกภายนอกเอาม๊ากมาก555 จากคุณ : maguro - [ 24 มี.ค. 50 17:24:47 A:202.248.88.191 X: TicketID:132552 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เศร้าด้วยคน วีซ่าถาวรแต่งกี่ปีถึงได้อะครับ แล้วกรนีเขาทรายvisaอะไรครับ จขกทโชคดีนะครับ จากคุณ : freesize - [ 24 มี.ค. 50 19:48:13 A:58.9.174.97 X: TicketID:131201 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ลองมองหลายๆ แง่ครับ ตอนนี้อ่านข้อความคุณก็เข้าใจความ คิดคุณ แต่ก็เข้าใจภรรยา ซึ่งก็ต้องเข้าใจว่าเขาก็เหนื่อย ตอน กลางวันคุณทำงาน เขาก็ทำงาน เงินเอามาแชร์กัน คุณยกเงิน ให้เขาไปจัดการ  มองแง่หนึ่งคือคุณให้เกียรติภรรยาดูแล มอง อีกแง่หนึ่งคือ คุณไม่รับรู้เรื่องอะไรเลย ค่าของภายในบ้านพอ หรือเปล่าคุณเคยดูบัญชีหรือถามภรรยาบ้างไหม  คนที่ถือเงิน ไม่ใช่ดีใจตลอดหรอกนะครับ บางทีอาจจะมีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่าย ที่เขาไม่ได้บอกคุณ หรือบอกมาแต่คุณไม่รับรู้ คุณได้เงินมา หมื่นเยนจากกองกลางเพื่อทำอะไรก็ได้ตามใจ ส่วนภรรยา คุณเขาได้เงินจากกองกลางมาเพื่อความสุขของเขาเท่าไหร่ คุณทำงานกลางคืน เขาก็ทำงาน คือ ดูแลลูก และงานบ้าน เล็กน้อย ต่างคนต้องช่วยกัน เรื่องครอบครัวพ่อแม่เป็นปัจจัยอีกอย่าง อย่างที่เขาว่าเลิฟมี เลิฟมายด็อก พ่อแม่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ค่อยพอใจ ก็จะมีปัญหา ภรรยาคุณก็คงไม่อยากไปไกลบ้านด้วย ไม่งั้นเขาคงไม่ชวน คุณมาอยู่ญี่ปุ่นหรอก สรุปว่าต้องคิดถึงอีกฝ่ายมากๆ แต่งงาน ทีแล้วต้องประคับประคองดีๆ ครับ จากคุณ : อ.ปมโปโกะ - [ 24 มี.ค. 50 22:09:02 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ก้อกะจะขอแล้วครับแต่แฟนบอกว่าไม่ต้อง ประมาณว่าแฟนขี้เกียจไปเตรียมเอกสารต่างๆน่ะครับ แฟนบอกว่ารอใหก่อนครบ3ปีนี้แล้วจะไปทำให้ ส่วนเรื่องบ้านอยู่ไกลหน่อยผมก้อว่าไม่น่าจะเป็นไรเพราะยังไงก้อมีรถยนต์ แต่ไอ้ที่น่าเจ็บใจที่สุดเมื่อ2อาทิตย์ก่อน( มาระบายอีกหล่ะหลังจากลับมาจากงานพราทไทม์ ) ฟังหน่อยหล่ะกันนะ เรื่องมันก้อมีอยู่ว่าก่อนนอน ผมกะลังนั่งทำงานเล่นคอมด้วยน่ะครับ แฟนบอกให้ข้าวกระต่ายด้วย แล้วกระต่ายผมขอบอกดุมากๆๆๆ แล้วมันก้องับเข้ามือผมเอาซะจนได้เราก้อคิดว่าระวังแล้วนะเนี่ยพอมันกัดปุ๊บคนเราบางคนตกใจก้อจะมีการตอบสนองคือผมเอามือไปตีกระต่าย แล้วพอดีแฟนก้ออยู่ข้างหลังผม เค้าก้อเอามือมาตบหัวผมทันที ทันใดนั้นเองแหล่ะคร๊าบผมนี่โมโหจี๊ดเลย แล้วแฟนก้อรีบไปดูกระต่าย แถมมีการถามกระต่ายว่าเป็นอะไรบ้าง แล้วหันมาด่าเราอีก ไอ้เราก้อมัวยืนตะลึง เลือดไหลเต็มมือเลยคือกระต่ายมันกัดแล้วมันสะบัดน่ะครับแผลเลยฉีก เชื่อไหมว่าแฟนผมเค้าไม่ถามผมสักคำเลย หรือน่าจะเอาทิชชู่มาซับเลือดทำแผลให้ ผมนี่อึ้งเลยเดินไปหยิบทิชชู่มาเช็ดทำแผลเองแล้วก้อนั่งฟังแฟนด่าด้วย เห้อๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆระบายๆๆๆโล่งไปอีกหน่อย555 มีอีกเยอะเรื่องกลุ้มๆผมว่าแล้วไปดูหนังแก้เคลียดให้หัวเราะหายกลุ้มก่อนดีกว่าครับไปหล่ะครับผม จากคุณ : เศร้าใจ - [ 24 มี.ค. 50 22:15:16 A:122.20.90.21 X: TicketID:064301 ]

ความคิดเห็นที่ 13 แล้วทำไมคุณถึงไม่ยอมคุยกับแฟนคุณล่ะครับ? คุณไม่พอใจก็เอาแต่เงียบ  แฟนคุณจะรู้ได้ไงว่าคุณไม่พอใจ คุยเถอะครับ คุยกันเหมือนกันที่คุณคุยกับแฟนตอนเจอกันแรกๆ นะครับ ทำการบ้านบ้างก็ดีน่ะครับ จากคุณ : T-E-N-A - [ 24 มี.ค. 50 22:40:27 ]

ความคิดเห็นที่ 14 อืมน่าเห็นใจผมก็แต่งงานกับสาวญี่ปุ่นเหมือนกัน ปัญหาก็เยอะมากอยากจะหย่าให้มันรู้แล้วรู้รอดไป เพิ่งแต่งได้ปีเดียวเอง สำหรับกรณีเจ็บหรือเปล่าอ่ะ (สำหรับผมนะ) รู้สึกว่าคนญี่ปุ่นเค้าไม่ได้ให้ความสำคัญอะไรกับเรามา ถ้าเจ็บก็ไปหายามาทานเองสิ ถ้าไม่ไหวก็ไปหาหมอ(เองสิ) คิดแล้วอยากจะตบกบาลให้แยกออกเป็นสองส่วนพูดมาได้ไง อยู่เมืองไทย นะแค่เจ็บเป็นไข้หวัดนิดหน่อย นอนพักก็หาย ตูยังอุตสาห์ลางาน พาไปหาหมอ ไปเป็นล่ามช่วยแปลให้ มาอยู่ที่นี้กลับว่าไม่สบายก็ไปหาหมอเองสิ ตูมาอยู่ได้ไม่ถึงปี ภาษาก็ไม่แข็งแรง จะไปพูดกับเค้ารู้เรื่องเหรอ (แม่คุ๊น) ก็ต้องทานยาแก้ปวดไป ปวดคอกับแขนขาทุกวัน เป็นอย่างนี้เกือบเดือนเจ้าหล่อนถึงพาไปหาหมอ ปรากฎว่าเป็นหมอนรองกระดูกคอทับเส้นประสาท (ซวยจริงๆ) คิดแล้วก็กลุ้มอยากกลับเมืองไทย จากคุณ : okasannihonjin - [ 24 มี.ค. 50 22:56:03 A:218.130.239.54 X: ]

ความคิดเห็นที่ 15 น้องชายของดิฉันมาเรียนภาษา  2  ปี  แล้วก็ได้แต่งกับคนญี่ปุ่น   แค่ปีแรกก็มีปัญหา  ก็ทนจนต่อวีซ่าอีก  1  ปี   พอวีออก  ก็ไม่ติดต่อ  ไม่ไปหาผู้หญิงเลย   บอกว่าขอหย่า  เขาก็บอกจะขอค่าเลี้ยงดูหรือค่าเสียหายนี่แหละ   ไม่มีลูกด้วยกันนะ   ก็เลยต้องทำตัวสาบสูญ   ติดต่อไม่ได้   ไม่รู้ว่าฝ่ายหญิงฟ้องหย่าไปหรือยัง    เดือน 9  วีจะหมด   ก็คิดดว่าจะให้ไปติดต่อถามที่อำเภอดู   แล้วจะได้กลับไทยพร้อมกับความเป็นโสดหรือเปล่าก็ไม่รู้    ถ้าเขายังไม่หย่า   แต่เจ้าตัวจะกลับไทยก็ไม่รู้จะมีปัญหาอะไรตามมาอีกหรือเปล่า     รับรู้แล้วก็ปวดหัวน่ะค่ะ จากคุณ : sumidaku401 - [ 25 มี.ค. 50 05:21:22 ]

ความคิดเห็นที่ 16 อ่านดูแล้ว รู้สึกว่าทำไมผู้ชายไทยที่แต่งกับสาวญปมี ปัญหา...เป็นเพราะอะไร?? - ผู้หญิงญปคาดหวังความเป็นผู้นำ / การรับผิดชอบเรื่อง เงินทอง / ความก้าวหน้าในการทำงาน / การเป็นที่ยอมรับ ในสังคม จากผู้ชายไทยประหนึ่งว่าเขาคนนั้นคือผู้ชาย ญปหรือเปล่า ซึ่งผู้ชายไทยไม่ค่อยได้รับโอกาสแบบนั้นใน สังคม"ในเอเชีย ญปเก่งที่ซู๊ด" หรือว่า - ผู้ชายไทยติดรูปแบบวัฒนธรรมพึ่งพาตามสไตล์ไทย ๆ คือหากอยู่เมืองไทย เป็นอะไรไปญาติพี่น้อง เพื่อนฝูงจะ มาเอาใจใส่ ไถ่ถามสารทุกข์สุขดิบ เป็นห่วงเป็นใย ช่วย เหลือเกื้อกูล จึงคาดหวังว่าจะได้รับสิ่งนี้จากคนรอบตัว / คนใกล้ตัวในญปด้วย อีกอย่างบ้านเรามีวัฒนธรรมผัว-เมีย ทำงานนอกบ้าน ช่วยกันทำมาหากิน ผู้ชายไทยจึงไม่รู้สึก ซาบซึ้งกับการที่ภรรยาคนญปออกไปทำงานนอกบ้าน เพราะคิดว่าเป็นเรื่องปกติ ไม่ได้มีเจตนาว่ากระทบนะคะ...แค่ต้องการวิเคราะห์ เพราะ อดีตลูกศิษย์สาวดิฉันคนหนึ่ง เธอเคยมาปรึกษาเล่าให้ฟัง ว่าไปแอบรักชอบกับหนุ่มไทย(ที่มีภรรยาแล้ว เป็นสาว ญปด้วยกัน) แล้วหนุ่มไทยก็มีใจให้เธอมาก ๆ เพราะทน ภรรยานิสัยเย็นชา(ตามแบบฉบับที่หนุ่ม ๆ ข้างบนกล่าว กัน)ไม่ไหว แต่เผอิญหนุ่มไทยคนนี้ต้องการแต่งงานเพื่อให้ได้วีซ่า ประกอบกับได้รับความช่วยเหลือจากครอบครัวทางภรรยา ไว้มาก จึงไม่กล้ามีปากมีเสียง เข้าทำนอง "เมียคุมวีซ่า จะ บีบก็ตาย จะคลายก็ตายไปแล้ว" หาทางออกไม่ได้ มีกิ๊กดี กว่า ดิฉันค่อนข้างเห็นใจหนุ่มไทย เพราะไม่ได้ถูกปลูกฝังมาให้ พลีชีพเพื่องานเหมือนหนุ่มญป มิหนำซ้ำ หากไม่ได้มี ปริญญาจากสถาบันการศึกษาญป หรือจากประเทศที่ ญปยอมรับ พูดญปคล่องปรี๊ดระดับPak-kun มาจากครอบ ครัวมีอันจะกิน-เหลือกิน ภรรยาคนญปอาจจะมองว่าสามี ฉันสู้สามีคนอื่นไม่ได้ เกิดการเปรียบเทียบ....ก็จะทำให้ ชีวิตคู่มันunhealthyมาก ๆ ต้องคุยกันค่ะ หรือไม่ก็พาภรรยาคนญปไปอยู่ไทยเลย คง จะแฮปปี้กว่า จากคุณ : fudge-a-mania - [ 25 มี.ค. 50 07:56:33 ]

ความคิดเห็นที่ 17 อ่านแล้วก็น่าสงสาร เคยเห็นผู้ชายไทย อดีตนักมวยไทยมาแต่งงานกับสาวญี่ปุ่น เขามาขายของฟรีมาท ดูท่าทางผู้ชายกลัวเมียกับแม่ยายมาก เราทักทายกันในฐานะคนไทยด้วยกัน เมียกับแม่ยายทำท่าทางไม่อยากให้คุย เราก็ไม่ได้อยากคุยด้วยนักหรอก แต่ด้วยเห็นหน้าตาฝ่ายชายอมทุกข์เหลือเกิน เราจึงทักทายไปแบบคนมีอัธยศัย นางเมียกลับทำหน้าบอกบุญไม่รับ ข่มผัวจนกลัวหงอ นี่หรืออดีตนักมวยไทย พอเราเดินจากมาได้ประมาณสิบนาที อดีตนักมวยเก่า ก็วิ่งมาหา บอกพี่ผมดีใจมากเลยที่ได้เจอคนไทย ผมกำลังกลุ้มใจมาก เมียผมไม่ยอมให้ผมคุยกับใครเลย ดีนะว่าพี่มาในฐานะลูกค้า เขาถึงให้ผมพูดได้ ทุกวันนี้เก็บกดอย่างมาก เวลาจะพูดโทรศัพท์ไปเมืองไทยต้องรอให้เขาออกไปข้างนอก ถ้าเขาอยู่จะพูดโทรศัพท์หาทางบ้านเมืองไทยไม่ได้เลย เขาว่าสิ้นเปลือง นักมวยคนนั้น บอกว่า ไม่รู้จะทนได้ไปอีกนานแค่ไหน คิดผิดมากเลยที่แต่งงานกับผู้หญิงญี่ปุ่น นำมาเล่าให้ฟัง ว่าไม่ใช่คุณคนเดียวที่ประสบปัญหา ยังมีหมุ่มไทยอีกหลายคนที่อยากมีภรรยาญี่ปุ่น แล้วต้องเจอปัญหาอะไรบ้าง ต้องเกรงใจพ่อแม่ภรรยาที่เขารับรองวีซ่าให้ ต้องทนให้ภรรยาดูถูกดุว่า เสียศักดิ์ศรีหนุ่มไทยหมด จากคุณ : พนอจัน - [ 25 มี.ค. 50 11:51:56 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ผมขอแนะนำนิดนึงให้คิดถึงลูกเอาไว้ ถึงจะเลิกกันแต่เจ้าของกระทู้ก็ต้องจ่ายค่าเลี้ยงดูลูกจนถึงอายุ 20 ปี (ลองคิดดูสิครับว่า ถ้าตัวคุณเจ้าของกระทู้พ่อแม่เลิกทางกัน ความรู้สึกคุณจะเป็นอย่างไร ก็เหมือนกัน ลูกคุณก็จะรู้สึกแบบนั้น ) ลองปรับตัวและคุยกันดีๆ สิครับผมก็แต่งงานและมีลูกอยู่ที่ญี่ปุ่นเหมือนกันเมื่อก่อนแต่งมีปัญหาเยอะมากแต่ตอนนี้ปรับตัวเข้ากันได้ปัญหาก็หมดไป ลองคุยแบบจริงๆ จังๆ หรือแยกบ้านอยู่กับแม่ยาย สิครับ ผู้หญิงเป็นเพศที่คิดมากจุกจิก อันนี้น่าจะปรับตัวดูนะครับ คิดถึงลูกไว้เยอะๆ จากคุณ : เรย์ - [ 25 มี.ค. 50 13:25:15 A:125.193.83.71 X: ]

ความคิดเห็นที่ 19 เสริมอีกนิดนึง คือเรื่องของเรื่องที่หลายๆ คนมีปัญหาผมผ่านมาหมดแล้ว อยากจะบอกว่า ตัวปัญหาหลัก 1 ภาษา 2 วัฒนธรรม ถ้าแต่งงานกันแล้วต้องคุยและปรับตัว ฝากบอกถึงเจ้าของกระทู้นิดนึงถ้าคุณหย่ากับภรรยาแล้วเนี่ย บอกได้เลยว่าที่บริษัทคุณจะมองเป็นว่าคุณเป็นคนไม่ดีและผมเชื่อว่าที่บริษัทคุณอาจจะไม่ออก workking visa ให้แน่ๆ เพราะเค้าจะดูว่าคุณเป็นคนไม่มีความรับผิดชอบ อันนี้เรื่องใหญ่ ผู้ชายญี่ปุ่นก็กลัวการหย่ากับภรรยาเพราะจะมีผลกระทบกับงาน ผมได้เล่าเรื่องที่เจ้าของกระทู้พิมพ์มาให้ ภรรยาผมฟัง ภรรยาผมบอกว่าผู้ชายไทยอ่อนแอ กว่าผู้หญิงญี่ปุ่น อันนี้คุณต้องยอมรับว่าคุณอ่อนแอกว่าภรรยาคุณ ผู้ชายญี่ปุ่นจะไม่แสดงความอ่อนแอให้ภรรยาหรือผู้หญิงเห็นอันนี้คือวัฒนธรรมที่ภรรยาคุณได้ถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เกิดไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรมันได้ นอกจากจะคุยกันเท่านั้นว่าคุณต้องการให้ภรรยาคุณเป็นแบบไหนอย่างไร และเรื่องภรรยาคุณทำงานบ้านผมว่ามันก็หลักนะเพราะไหนต้องเลี้ยงลูกต้องทำงานบ้านไม่ใช่ๆ เบาๆ นะครับเพราะตอนภรรยาผมคลอดจนมาลูกผมได้ 2 เดือนผมก็ช่วยภรรยาผมตลอด คือผมลาออกจากงานมาเลี้ยงลูกถึงกล้าบอกได้ว่าหนักมาก แต่ตอนนี้กลับมาทำงานที่บริษัทใหม่ปล่อยให้ภรรยเลี้ยงลูกคนเดียว ผมก็เห็นใจภรรยาว่าทำงานหนัก ส่วนเรื่องเงินผมเป็นคนคุมเองอันนี้ผมได้คุณกับภรรยาไว้แล้วเรื่องเงินผมเป็นคนคุมเอง คือผมจะเป็นคนรู้จักใช้เงิน ภรรยาผมก็รู้จักใช้เงินแต่ผมขี้เหนียวกว่า อิอิ แต่จริงๆ แล้ว วัฒนธรรมผู้ชายญี่ปุ่นจะเป็นคนให้ภรรยคุมเงินเอง ส่วนที่คุณโดนกระต่ายกัดแล้วไปตบกระต่ายแล้วแฟนคุณไม่สนใจว่าคุณมีเลือดก็เพราะว่ากระต่ายมันเป็นสัตว์ คุณเป็นคน คุณพูดได้ แต่กระต่ายมันพูดไม่ได้ เค้าก็เลยเห็นใจกระต่ายมากกว่าคุณเป็นเรื่องธรรมดาครับอันนี้ อยากจะให้คุณคิดทบทวนอย่าเอาผู้หญิงไทย กับ ผุ้หญิงญี่ปุ่นมาเปรียบเทียบกัน เพราะมันมีทั้งดีและไม่ดี สรุปนะ พูดคุยดูดีๆ จากคุณ : เรย์ - [ 25 มี.ค. 50 14:27:26 A:125.193.83.71 X: ]

ความคิดเห็นที่ 20 อิอิ ยังไม่มีใครมาโพสอีก ขอพิมพ์ต่ออีกหน่อยอยากจะช่วยเจ้าของกระทู้จริงๆ ผมอยู่โอซาก้า japannaja@hotmail.com เมลล์ผมมีอะไรแอดมาถามได้ กรณีที่คุณทำงาน 2 ที่ก็ถือว่าคุณขยันแต่ว่าผู้หญิงญี่ปุ่น(เพื่อนผม) ทำงาน 3 ที่ มีเวลานอนแค่ 3-4 ชมต่อวันไมมีวันหยุด ผู้หญิงนะครับที่ทำงานหนัก คุณเป็นผู้ชายอย่ายอมแพ้เรื่องงาน ทุกอย่างต้องพูดคุยกันนะครับ จากคุณ : เรย์ - [ 25 มี.ค. 50 15:37:07 A:125.193.83.71 X: ]

ความคิดเห็นที่ 21 เปล่ายุให้ใครหย่านะ แต่เราว่า ผู้ชายที่แต่งงานกับสาวยุ่น หากไม่รวย ลำบากแน่ๆ เพราะสาวเจ้า มักจะไปอวดรวยกันเอง และรู้สึกน้อยใจหากไม่รวยเท่า พวกของเบรนเนมมันคือ เบสิคของภรรยายุ่นค่ะ คุณหาให้ได้ เค้าไม่ถือเป็นบุญคุณค่ะ มันเป็นปกติ ส่วนเรื่องเงินดิฉันไม่ออกความเห็นเพราะที่บ้าน เราแยกกันจ่ายค่ะ อยากแค่บอกว่า วัฒนธรรมต่างกันค่ะ ถ้าไม่เข้าใจกันอยู่กันยากมากๆ ใครคนนึงจะปรับเข้าหาตลอดลำบาก เปิดใจพูดกันดีกว่า นะ ว่าไทยเป็นไง ยุ่นเป็นไง พบกันได้ครึ่งทางยังไง เพราะหากคุณทิ้งไปดื้อคุณเจอแน่ ฟ้องค่าเสียหาย   ล่มจมค่ะ จากคุณ : คนไทยก็ทำได้ - [ 25 มี.ค. 50 16:34:05 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ขอบคุณนะครับสำหรับคำตอบทุกคำตอบอ่านแล้วเป็นกำลังใจให้ฮึดได้อีกเยอะเลยครับผม ตอนนี้ก้อกะไว้ว่าวันอังคารจะไปขอใบหย่าที่อำเภอเอามาวางให้แฟนเห็นว่าฉันเอาจริงบ้างหล่ะนะ หลังจากที่ยอมๆมาตลอด เพราะส่วนใหญ่เวลาทะเลาะกันผมนี่แหล่ะมักจะเป็นฝ่ายไปง้อเกือบทุกครั้งไป ออตอนนี้ก้อคุยกะที่บริษัทแล้วครับเรื่องวีซ่า เจ้านายจะช่วยให้ครับท่านใจดีมากเลยครับ แต่ก้อยังกลัวๆเรื่องจะต้องไปถึงขึ้นโรงขึ้นศาลเรียกค่าเลี้ยงดูเห็นว่าต้องจ่ายค่าทนายแพงเหมือนกันครับ ยังไงก้อขอขอบคุณทุกคนด้วยนะครับผม จากคุณ : เศร้าใจ - [ 25 มี.ค. 50 18:00:45 A:124.102.223.70 X: TicketID:064301 ]

ความคิดเห็นที่ 23 อ่านเเล้วได้คิดอะไรเยอะมากๆ เลยค่า การที่เราจะมองหรือรู้สึกว่าใครคนหนึ่งดีหรือไม่ดีเนี่ย มันต้องพิจารณาหลายๆ อย่างประกอบนะคะ ขึ้นอยู่กับว่าคนมองมีพื้นฐานยังไงด้วย ปวดหัวนะคะ ที่วัฒนธรรมในสังคมต่างกันมากๆ แบบนี้ มาให้กำลังใจจขกท. นะคะ ใช้สติคิดดีๆ เเล้วก็พยายามมองหลายๆ ด้าน จากคุณ : Pattylala - [ 25 มี.ค. 50 20:01:29 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ผมและหลายๆ คน ต่างพยายามออกความเห็นให้กำลังใจ ให้คำชี้แนะแก่คุณ เจ้าของกระทู้ แต่คุณกลับมีคำตอบอยู่ในใจอยู่แล้ว ว่ายังไงก็จะหย่ากับเขาแน่นอน ผมผิดหวังในตัวคุณมากๆ ครับ คุณไม่รักลูกคุณเลย ผมต้องขอโทษที่เข้าไปก้าวก่ายเรื่องในครอบครัวคุณ และไม่ขอแสดงความคิดเห็นใดๆ ในกระทู้นี้แล้วครับ จากคุณ : T-E-N-A - [ 26 มี.ค. 50 00:43:38 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ความเห็นเดียวกันกับคุณT-E-N-A อยากให้คิดถึงลูกเอาไว้เยอะๆ ผมเชื่อแน่เลยว่าถ้าคุณเจ้าของกระทู้ทำแบบนั้นได้แค่เอาใบหย่าวางไว้บนโต๊ะนั้นก็แปลว่าประชดในสายตาคุณแต่ภรรยาคุณผมว่าเค้าหย่าจริงๆ แน่เพราะญี่ปุ่นเค้าไม่ล่อเล่นกันแบบนี้นะครับ ลูกคุณต้องเป็นเด็กกำพร้าแน่ๆ และยิ่งเป็นลูกครึ่งด้วย โดนแกล้งแน่ๆ ผมชัวร์เลยครับ ไม่สงสารลูกคุณหรือครับ ลองคิดกลับกันดูถ้าพ่อแม่คุณหย่ากันคุณจะลูกสึกยังไง แถมคุณต้องจ่ายค่าเลี้ยงดูจนลูกคุณอายุ 20ปี ก็ไม่ใช่น้อยๆ เงินทั้งนั้น หรือคุณจะหนีไม่จ่ายค่าสงเสียให้ลูกคุณ(ก็ไม่ใช่คนแล้วเพราะลูกคุณเอง) เศร้าใจแทนลูกคุณ ไม่สงเสริมให้เลิกกันแต่สงเสริมให้พูดคุยปรับความเข้าใจกันคุณต้องกล้าที่จะพูดแชร์ไอเดียกันถึงจะไปด้วยกันรอดนะครับ จากคุณ : เรย์ - [ 26 มี.ค. 50 04:17:02 A:125.193.83.71 X: ]

ความคิดเห็นที่ 26 ก้อตั้งใจไว้อยู่แล้วหล่ะครับว่าจะต้องจ่ายค่าเลี้ยงดูแน่นอนครับ เพราะยังไงเค้าก้อคือลูกผม สงสารก้อสงสารนะครับ แต่ปัญหาของผมมันเยอะมากเลย ไหนจะเรื่องพ่อกับแม่ผมที่เคยตั้งใจไว้ว่าจะต้องส่งเงินให้กับแกทุกเดือน 2ปีแล้วที่ไม่ได้ส่งให้พ่อกับแม่ทุกเดือน แต่ก้อยังได้ส่งปีละครั้ง-2ครั้งไม่เคยเกินนี้ แต่ก้อยังโดนบ่น ผมเป็นคนที่รักพ่อกับแม่มาก แต่ก้อไม่ลืมเรื่องลูก ตอนนี้พ่อกับแม่ผมก้อแก่มากแล้วแต่เค้าก้อยังทำงานหนักอยู่ ตอนนี้ก้อยังไม่ได้คิดจะหย่าจริงๆนะครับแค่ไปเอามาให้เค้าดูประมาณว่าใช้จิตวิทยาต่อสู้ดูก่อน เรื่องการพูดกันนี่ไม่ต้องพูดถึงครับเคยพูดมานานแล้วครับ พูดกี่ที่ก้อทะเลาะกัน ไม่ว่าจะเรื่องบ้านที่อยากจะย้ายไปที่ถูกๆเช่นบ้านของรัฐบาล เพื่อจะได้มีเงินเหลือส่งให้พ่อกับแม่ผมนิดหน่อยก้อยังดีอันนี้ก้อทะเลาะกันมาแล้ว เรื่องการทำอาหารก้อเคยพูดแล้วว่าอยากจะทำเองบ้างอาหารไทยเพราะไปกินที่ร้านก้อแพงแถมไกลเสียดายตังก้อโดนว่าหาว่าครัวจะสกปรกเหม็นเป็นผู้ชายไม่ต้องเข้าครัวหรอก เรื่องแต่งรถซื้อคอมก้อค่าขนมผมเดือนละหมื่นเยน มันจะซื้ออะไรได้หนักหนาแต่งอยากมากก้อแค่ซื้อของกระจุกกระจิกมาใส่ในรถกะคอมพิวเตอร์เดือนละประมาณ3พันเยนได้มั๊งครับ นอกนั้นค่าน้ำมันรถที่ต้องออกเองกะค่าขนมกับเช่าดีวีดีดูที่บ้านครับ และอีกหลายๆอย่างพูดทีไรเป็นทะเลาะ แล้วผมก้อต้องเป็นฝ่ายยอมแพ้เพราะยิ่งพูดก้อยิ่งทะเลาะกันไปใหญ่ ผมเลยยอมที่จะไม่พูดแล้วเพราะกลัวระงับอารมณ์ไม่อยู่น่ะครับ เลยคิดที่จะเงียบบ้างดีกว่าน่ะครับ จากคุณ : เศร้าใจ - [ 26 มี.ค. 50 07:07:29 A:124.102.187.235 X: TicketID:064301 ]

ความคิดเห็นที่ 27 เห็นใจและเข้าใจคุณมากเลยค่ะ    เพราะเคยฟังปํญหาแบบนี้ของน้องชายมาก่อน     คิดว่าคุณคงอึดอัดมากและต้องการระบาย    จะตัดสินใจแบบไหนก็เหมือนจะไม่ดีสักอย่าง     การดูแลบุพการีก็เป็นเรื่องสำคัญยิ่ง   ไม่รู้ท่านจะอยู่กับเราได้นานเท่าไหร่    ให้ท่านอยู่กินสบาย   ก็เป็นบุญกุศลกับตัวเรา   ไม่ใช่ว่าถึงวันหนึ่ง...ได้แต่นั่งร้องไห้เสียใจ   แล้วโทษตัวเองว่ายังไม่ได้ตอบแทนค่าน้ำนม จากคุณ : sumidaku401 - [ 26 มี.ค. 50 09:41:17 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ทำไมสามีเราเป็นคนกุมเงินเราได้ใช้เงินเป้นอาทิตย์ มันบอกว่าสอนให้เรารู้จักใช้เงิน  เซ็ง จากคุณ : meaw_1985 - [ 26 มี.ค. 50 10:07:17 ]

ความคิดเห็นที่ 29 คุณขา...เงินเดือนที่ได้มาเนี่ย บริษัทส่งตรงถึงมือภรรยา คุณทุกเดือน ปิดผนึกลงครั่ง ประทับตราลับเฉพาะเลยเหรอคะ ดิฉันดูปัญหาของคุณแล้ว เห็นง่าย ๆ เลยว่า - เรื่องเงิน - เรื่องคุณเกลียมัว การที่คุณจะเอาใบหย่ามาขู่เมีย เข้าทำนองเขียนเสือให้วัว กลัวน่ะ หากเมียเป็นวัวนมเชื่อง ๆ ก็ดีไป แต่เมียเป็นวัว กระทิง ดีไม่ดีคุณโดนขวิดไส้ทะลักนะจะบอกให้...ทำอะไร เหมือนเด็ก ๆ เล่นขายของ ดูวุฒิภาวะไม่โตตามตัวเลย เงินของคุณ ๆ หามาได้ด้วยน้ำพักน้ำแรงของคุณแต่คุณไม่ กล้าใช้ ไม่กล้าขอเมีย ต่อให้คุณหย่าไป เมียก็มีอิทธิพล เหนือคุณอยู่ดี เพราะใจคุณไม่เข้มแข็ง.... หากคุณยืนกรานว่าจะส่งให้พ่อแม่ที่ไทยทุกเดือน เมียคุณ จะว่ายังไง เข้าครัวเอาอีโต้มาฟันคอคุณกระเด็นเลยเหรอ ของอย่างนี้ ก่อนที่คุณคิดจะไปเปลี่ยนเมีย คุณเปลี่ยน ความนึกคิดของคุณก่อน วัดไหนเกจิอาจารย์ดัง ๆ คุณลอง ไปขอผ้ายันต์มาไว้กับตัวดีมั้ย เผื่อมันจะเรียกขวัญกำลังใจ คุณคืนมา ทำยังกะปราบเมียเหมือนจะออกทัพจับศึก จากคุณ : fudge-a-mania - [ 26 มี.ค. 50 11:48:19 ]

ความคิดเห็นที่ 30 เค้าก้อไม่ว่ายังไงหรอกพี่ฟัจด์ แต่มันจะงอนทะเลาะกันน่ะครับมันจะบ่นๆๆๆ ตรงเนี๊ยะแหล่ะครับที่ผมไม่อยากทะเลาะ แต่ถ้าพูดถึงได้เลิกกันผมก้อคงไม่แต่งงานแล้วหล่ะครับเพราะมีภาระเยอะ ไหนจะต้องส่งลูกส่งพ่อแม่ แต่ขอแค่ได้ทำ2อย่างแค่นี้ก้อพอใจแล้วครับ จากคุณ : เศร้าใจ - [ 26 มี.ค. 50 13:34:07 A:124.102.187.235 X: TicketID:064301 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ไม่รู้จะออกความเห็นยังไง แต่เรื่องหย่าไม่หย่า ให้คิดถึงลูกเนี่ย...ว่าไงดีละ ตอนเราเด็กๆพ่อแม่ก็เป็นแบบนี้คะ หย่าไม่หย่า บอกว่าต้องทนเพื่อลูก เราต้องเห็นพ่อแม่ไม่คุยกัน ทะเลาะกัน เย็นชาใส่กัน ขอบอกว่าแย่มากๆ และรู้สึกมีปัญหามากๆ ยิ่งพ่อไม่อยากอยู่ด้วยแล้วนี่..อื้อฮือ...ไปคบกับผู้หญิงคนอื่นอีกอะไรแบบนี้ จนแม่มาบอกว่าหย่าแล้วนะ เรากับน้องนี่ถอนใจเฮือก พูดพร้อมกันเลยว่า ทำไมไม่ทำให้เร็วกว่านี้ เด็กเข้าใจถ้ารู้จักอธิบายคะ  ถ้ามัวแต่คิดว่าลูกจะเป็นเด็กมีปัญหา...ทั้งเราทั้งลูกอกแตกตายแน่คะ จากคุณ : แอ้ (Ramillar) - [ 26 มี.ค. 50 18:26:19 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ตอนที่ทะเลาะกัน  อยากให้กลับไปคิดถึง วันที่รักกันใหม่ๆ ดูค่ะ ( วันที่ออกเดทกันวันแรก  วันที่รู้จักกันครั้งแรก วันที่เอ่ยปากขอเค้าแต่งงาน  วันที่เค้าตอบตกลง วันแต่งงาน  วันที่ลูกกำเนิดออกมา ) ถ้ามีรูป  ก็กลับไปนั่งดูรูปเหล่านั้น  ทบทวนดูนะคะ อย่างน้อย  อารมณ์ที่เคยเสียๆ  น้อยใจ หรือเบื่อหน่ายกันและกันจะได้ดีขึ้นบ้างค่ะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ จากคุณ : LilyAi - [ 26 มี.ค. 50 23:44:21 ]

ความคิดเห็นที่ 33 น้องเศร้าใจ...หากคิดว่าตัวเองพยายามแก้ไขปัญหาแล้ว แต่อะไร ๆ ก็ไม่ดีขึ้น เลิกกันคือสิ่งที่ดีที่สุด...การที่เด็กเห็น พ่อแม่ทะเลาะกันทุกวันเนี่ย มันไม่ได้ทำให้ความรู้สึกเด็ก อบอุ่นมากไปกว่าพ่อแม่แยกกันเท่าไหร่เลย แต่ น้องพยายามแก้ไขปัญหาหรือยัง....ไม่ใช่การตัดช่อง น้อย คือ เอาใบหย่ามาขู่ หรือการเดินหนีเพราะเบื่อเมียบ่น เท่าที่อ่านดู ปัญหาของน้องอยู่ที่ตัวน้องค่ะ ไม่ใช่ภรรยา และก็ไม่ใช่พ่อแม่ภรรยาด้วย เพราะ..... น้องพึ่งตัวเองทุกอย่าง - ทำงาน 2 ที่ - ให้ภรรยาคุมการเงิน (ด้วยความสมัครใจยินยอมของตัวเอง) - แยกมาอยู่เป็นสัดส่วน จ่ายค่าเช่าบ้านเอง - เจ้านายสัญญาจะขอwork permitให้ ปัญหาของน้องไม่ใช่ว่าอยู่ไม่ได้ในสังคมญป ช่วยเหลือตัว เองไม่ได้ต้องพึ่งพาคนรอบข้าง ไม่มีใครคบหาสมาคม หัว เดียวกระเทียมลีบ...ปัญหา คือ น้องไม่สามารถอธิบายให้ ภรรยายอมรับฟัง และรับรู้ในความต้องการส่วนตัว และ การมีห่วงทางเมืองไทย พี่ว่าน้องจัดการชีวิตตัวเองใหม่ดีกว่า บริหารความเป็นผู้นำ ในครอบครัวดีมั้ย เริ่มจาก.... - ขอดูบัญชีรายรับ-รายจ่ายของบ้าน - กำหนดเงินที่จะให้เป็นสิทธิ์ขาดภรรยา (ไม่ใช่มีอะไร ถวายให้หมด ด้วยเหตุผลที่ว่าไม่รู้จะเก็บไว้ทำไม แต่ตอน หลังมาบอกว่าพอเอาเงินส่วนตัวเดือนละหมื่นเยนไปใช้ เมียบ่นจนทนไม่ไหว / เมียไม่ยอมให้ส่งเงินให้พ่อแม่ที่ ไทย.....นี่แหล่ะค่ะ...เงินที่น้องบอกว่าไม่รู้จะเก็บกับตัวไว้ ทำอะไร จริง ๆ แล้วน้องต้องการมันมากกว่าที่ตัวเองคิดทีเดียว) ภรรยาน้องน่ะบ่นได้แป๊บเดียวค่ะ ใครมันจะบ่นเป็นสิบ ๆ ปี ซ้ำ ๆ ซาก ๆ เรื่องเดิม ๆ น้องต้องเข้มแข็ง ยืนกรานใน ความต้องการของตัวเอง เช่น.....หากเดือนนี้ภรรยาบ่น *เดือนหน้าลดเงินให้ภรรยาลง 5 พันเยน--->หากบ่นอีก *เดือนต่อไปลดลงอีก 5 พันเยน ลดไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะเลิกบ่น ว่าแต่ว่าน้องยังรักภรรยาอยู่หรือเปล่า หรือว่ามีคนใหม่แล้ว ถึงอยากจะหย่าเนี่ย จากคุณ : fudge-a-mania - [ 27 มี.ค. 50 07:58:16 ]

ความคิดเห็นที่ 34 อ่านมาทั้งหมด แล้วรู้สึกว่า หย่ากันดีกว่า เหนื่อยแทนอ่ะ เรื่องห้ามทำอาหารไทยเนี่ยเกินไป ยังไงก็คนไทยอ่ะ จากคุณ : puimnida - [ 27 มี.ค. 50 11:43:45 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ไม่เคยมีประสบการณ์เรื่องครอบครัวนะคะ แต่อ่านแล้วก็คิดว่า... คุณเป็นคนหาเงินเข้าบ้านเสียส่วนใหญ่ อย่าไปกลัวสิคะ คุยกันให้รู้เรื่องชัดเจนไปเลยดีกว่า แค่เราคิดว่าคุณจะหย่า รายจ่ายคุณก็น่ากลัวแล้ว ส่งให้พ่อแม่ ส่งเสียค่าเลี้ยงดูภรรยาและลูก ไหนจะค่าใช้จ่ายของตัวเองอีก กลัวว่าออกจากปัญหาหนึ่งเพื่อไปเจอปัญหาใหม่ที่ยุ่งกว่าเดิมนะคะ จากคุณ : Angeltetsu - [ 27 มี.ค. 50 22:15:51 ]

ความคิดเห็นที่ 36 พูดถึงว่าคนไทยไปอยู่ประเทศที่เค้ามีวัฒธรรมการทำงานหนักอย่างญี่ปุ่นนี่ ลำบากจังเนอะ เรามาอยู่ออสเตรเลีย ที่นี่วัฒนธรรมการทำงานเน้นคุ้มครองคนทำงานมาก ๆ มีเวลาส่วนตัวชัดเจน จ่ายค่าแรงเป็นชม. เลิกงานหมดชม.ของคุณแล้ว ก็คือหมด ทำอะไรต้องระวังพนักงานฟ้องเอาได้ จ่ายโอทีดับเบิลค่าแรง จ่ายทริปเปิลวันหยุดสำคัญ ๆ เช่น อีสเตอร์ กฏหมายจะคุ้มครองให้คนทำงานมีเวลาสำหรับครอบครัวมาก ๆ เลย คือถ้าพ่อทำงานกลับบ้านค่ำ ๆ ทุกวัน เค้ามองว่าไม่แฟร์ต่อครอบครัว ต่อลูก ต่อภรรยา ซึ่งเค้าต้องการคุณ ต้องการเวลาที่จะใช้เวลาด้วยกัน คนไทยคนเอเชียมาอยู่ออส ทำงานสองกะสามกะ เก็บตังค์เป็นกอบเป็นกำ แต่ออสซี่เขาไม่ทำขนาดนั้น คนไทยบอกออสซี่ขี้เกียจ เราว่ามันไม่แฟร์ที่พูดอย่างนั้นเพราะออสซี่เค้าอยู่ได้สบาย ๆ เค้ามีบ้านที่ออส มีพ่อแม่ ครอบครัว ไปมาหาสู่ จะให้มาทำงานมากขนาดคนไทยคนเอเชียที่เพิ่งมาตั้งรกรากได้ยังไง ไปว่าเค้าขี้เกียจมันไม่ถูกต้อง เพราะดูจริง ๆ แล้ว คนเอเชียที่มาใหม่ ๆ ทำงานเยอะมาก ๆ เลย น่าเป็นห่วงเวลาที่จะให้ครอบครัวเหมือนกันนะ มีคนญี่ปุ่นจำนวนมากมาอยู่ที่ออสเตรเลีย เพื่อนรุ่นพี่เราคนนึงคนญี่ปุ่นเคยทำงานออฟฟิศที่ญี่ปุ่น เค้ามาเรียนภาษาที่ออส เค้าบอกว่ากลับไปก็ไม่ไปทำงานออฟฟิศที่ญี่ปุ่นแล้วล่ะ เค้าเบื่อสังคมการทำงาน เค้าว่ามันบ้า เครซี่ที่ต้องตื่นเช้ามากและกลับบ้านค่ำมืดตลอด เค้ามาเห็นสังคมการทำงานประเทศอื่นไม่เป็นอย่างนั้น ประเทศอื่นก็เจริญได้ เค้าเลยมองว่าการที่สังคมทำงานญี่ปุ่นกดดันให้คนทำงานขนาดนั้นจนเป็นเรื่องปกติ เค้ามาเห็นประเทศอื่นแล้วเค้าเลยมองว่าไม่ถูกต้อง คนญี่ปุ่นทำงานกันมากเกินไป ชั่วโมงทำงานมากเกินไป ฯลฯ เค้าบอกว่าตอนเค้าออกจากงาน เงินเดือนเค้า 5 พันเหรียญออสนะ อันนี้ไม่รู้จริงป่าว 55 แต่เค้าก็ออกและมาเรียนภาษา แต่ดูเค้าพูดว่าเค้าไม่ชอบวัฒนธรรมญี่ปุ่นหลายอย่าง เรื่องความเข้มงวด การปฏิบัติต่อกัน เค้าเหนื่อย อะไรพวกนี้ มีคนญี่ปุ่นที่โรงเรียน พวกที่ดูเรียบร้อย ๆ นิ่ง ๆ เค้าดูไม่ค่อยชอบคนญี่ปุ่นคนนี้กัน ก็มีนะ คนนี้เค้าก็จะไปไหนมาไหนกะญี่ปุ่นอีกคนที่ดูคล้าย ๆ กัน แต่งเซอร์ ๆ พูดคุยเสียงดังไม่สนใจใคร เราคิดว่าบางทีพี่แกก็ดูน่ากลัวอ่ะ ดูแหกกฏสังคมไปนิดนึง จากคุณ : เหมียวโหด - [ 28 มี.ค. 50 10:51:42 A:124.183.29.52 X: TicketID:136834 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ไม่ทราบว่า จขกท. ยังได้เข้ามาอ่านอีกหรือเปล่า ต้องขอโทษที่จะแสดงความคิดเห็นไม่ค่อยเหมือนท่านข้างบน ตามปกติ บ้านที่อยู่ห่างจากสถานี 5-10 นาที ถือว่าใกล้ แล้วนะคะ และคนญี่ปุ่นก็เดินกัน หรือขี่จักรยานเป็นเรื่อง ปกติ ไม่ค่อยเคยเห็นเลยค่ะ คนญี่ปุ่นที่รังเกียจการเดิน ถ้าเป็นเมืองไทยก็ว่าไปอย่าง พ่อแม่สามีดิฉันก็ขี่จักรยานไปขึ้นรถไฟกันค่ะ บ้านอยู่แถว เซตากายะ เพื่อนบ้านทั้งหลายก็เห็นทำเหมือนกัน เห็นด้วยกับคุณฟัดจ์นะคะ ว่าคุณคงต้องแสดงความเป็นผู้นำ ออกมาให้ภรรยารู้สึกยำเกรงบ้างแล้ว จากที่คุณเล่ามารู้สึก หลายๆอย่างที่เธอทำ อ่านแล้วรู้สึกไม่ดีเลยค่ะ ไม่แนะนำให้หย่า ตามที่หลายๆคนบอก คุณมีค่าใช้จ่ายรอ เพียบเลยค่ะ เอาใจช่วยนะคะ จากคุณ : Mee - [ 28 มี.ค. 50 13:50:33 A:58.136.79.50 X: ]

ความคิดเห็นที่ 38 เพื่อนอเมริกันคนนึงก็ถูกภรรยาเมินแบบเจ้าของกระทู้เหมือนกัน เค้าไม่ชอบที่เอาแต่สอนภาษา รายได้ไม่เพิ่มซักที แถมน้อยลงซะอีก เพราะทำงานน้อยลง (แหม งานมันน่าเบื่อนะ ให้ทำตลอดชีวิตก็ยากนะ) เค้าก็ติดขัดเรื่องลูกเหมือนกันนะ ลูกเค้าป่วยด้วยนะ ยิ่งยุ่งยากเข้าไปใหญ่ เห็นด้วยกับคุณเหมียวนะ แล้วก็ไม่เห็นด้วยกับคุณเรย์ ทำไมต้องเปรียบเทียบชายญี่ปุ่นกับชายไทย เวทีนี้เค้าก็ได้เปรียบ ภาษา บริษัท วัฒนธรรมการทำงาน การเลื่อนตำแหน่งก็ของเค้า ชายไทยแค่ทนทำงานเช้าถึงดึกในประเทศนี้ได้ก็ยอดคนแล้วครับ ผมเรียนอยู่นานมาก พอถึงวันจบผมเก็บกระเป๋าเสร็จเรียบร้อย ไม่เคยคิดเลยว่าจะทำงานอยู่ที่นี่ ให้เที่ยว กิน อยู่ เรียนหนังสือ ชอบครับ เป็นประเทศที่สวยงามมาก แต่ให้ทำงานเนี่ยคิดหนัก ยิ่งเลี้ยงสาวญี่ปุ่นด้วยนี่ ไม่มีทาง ทำไม่ได้หรอก สาวญี่ปุ่นคาดหวังจากผู้ชายสูงมาก เพราะเค้าทำงานนอกบ้านไม่ได้ เจ้าของกระทู้เค้าไม่มีข้อมูลเยอะเหมือนผม ถ้ารู้เค้าอาจจะยังไม่แต่ง หรือแต่งก็จะยังไม่มีลูก ปัญหาคงไม่บานปลายแบบนี้ เสียใจด้วยนะครับ พอความรักจืดจางเรื่องเงินก็เริ่มสำคัญขึ้นเรื่อยๆ มันคงไม่สำคัญแล้วมั้งว่าตอนจีบกันเป็นยังไง เอาใจช่วยนะครับ มาโพสต์เรื่อยๆแล้วกัน จากคุณ : R - [ 29 มี.ค. 50 00:04:54 A:58.137.16.2 X: TicketID:049788 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ตอบคุณ R ทำไมต้องเปรียบเทียบชายญี่ปุ่นกับชายไทย ผมไม่ได้เอาเจ้าของกระทู้เปรียบเทียบกับผู้ชายญี่ปุ่นผมเปรียบเทียบกับผู้หญิงญี่ปุ่น(เพื่อนผม นะครับ)ที่เค้าทำงานหนักกว่า ผู้ชายไทยซะอีก  คือข้อมูลเรื่องนิสัยญี่ปุ่นผมก็มีคิดว่าไม่น่าน้อยไป คุณ  R  ผมได้ไปเรียนต่างประเทศเลยได้พอเจอกับคนยุโรป และ คนเอเชีย จนมาได้เจอภรรยาผม คบกันมา 5 ปี ทะเลาะกัน 4 ปี แต่งงานมาได้ 2 ปี ปรับตัวเข้ากันได้ ใช้เวลา 4 ปี และหลังจากปีที่ 5 ไม่เคยทะเลาะกันเลย ผู้หญิงญี่ปุ่นและผู้หญิงไทย คาดหวังสามีสู งนะครับ ไม่ต้องผู้หญิงญี่ปุ่นหรอกครับ คนไทย ฝรั่งก็เป็นครับ ผมรับรองได้เพราะผมเรียนจบจากโซนยุโรปมาก่อน และขอบอกอีกว่าผู้หญิงญี่ปุ่นไม่สมัยนี้หลังแต่งงานก็ทำงานกันแล้วนะครับ คุณ R  เข้าใจอะไรผิดหรือป่าวครับเพื่อนๆ ผมที่แต่งงานแล้ว(ผู้หญิงญี่ปุ่นก็ทำงานกันทุกคน) ของแบบนี้เรื่องแบบนี้ ขึ้นอยู่กับว่า คนที่แต่งงานกับคนญี่ปุ่นไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย สามารถปรับตัวได้หรือป่าว และมีความอดทนขนาดไหน และเจ้าของกระทู้เนี่ยเป็นผู้ชายและยิ่งเป็นคนต่างชาติต้องแสดงความเป็นลูกผู้ชายในชัดเจน นั้นคือแสดงความเป็นผู้นำ ไม่ใช่อะไรก็ได้แสดงให้บทบาทให้ชัดเจนและปรับความคิดให้ได้ ผมใช้เวลาปรับ 4 ปี ใช้ภาษากลางในการสื่อสารคือภาษาอังกฤษ เพราะเป็นภาษาที่ผมและภรรยาสามารถสื่อสารเข้าใจกันได้ง่าย แต่เจ้าของกระทู้ดูแล้วน่าจะพูดภาษาญี่ปุ่นได้เป็นอย่างดียิ่งง่ายต่อการสื่อสาร  ผมไม่แนะนำให้หย่าหรือทำประชดแบบเด็กๆ  คนญี่ปุ่นเค้าไม่ทำกันเพราะดูแล้วเหมือนไม่ใช่คนผู้ใหญ่ที่มีครอบครัวแล้วทำกัน หรือว่าคุณเจ้าของกระทู้มีที่หมายใหม่เลยอยากหย่า  คิดเลยนะครับถ้าคุณหย่า คุณต้องจ่ายค่าเลี้ยงดู ค่าเช่าบ้านให้ภรรยาคุณ และค่าเช่าบ้านให้ตัวคุณ และค่าอะไรอีกเยอะ ถ้ารายได้ไม่ถึง 4 แสนเย็นลำบาก ขนาดเพื่อนพ่อผมเป็นหมอเลิกกับภรรยาเค้ายังลอให้ลูกเค้าอายุถึง 20 ปีเลยนะครับ(คนญี่ปุ่นด้วยนะครับ) คนญี่ปุ่นสมัยนี้ก็หย่าล้างกันสูงแต่ไม่หย่ากันง่ายๆ เค้าจะทนจนลูกเค้าโตบรรลุนิติภาวะกัน นะครับ ข้อมูลผมชัดเจนครับผมไม่ใช่นักเรียนแล้ว ถึงอาจจะอยู่ญี่ปุ่นไม่นานแต่ก็มีรุ่นพี่ที่แต่งงานกับคนญี่ปุ่นและอยู่ญี่ปุ่นมา 11 ปีกว่า(รุ่นพี่ผู้ชาย)ตอนนี้มีลูกกัน 2 คนเปิดร้านเป็นเจ้าของกิจการเองแล้ว  ขอเน้นย้ำว่าอย่าหย่ากันเลย ไม่เค้าใจทำไมถึงมีแต่คนแนะนำให้หย่าๆ กัน หย่าไม่ใช่ทางออก ทางออกคือเจ้าของกระทู้มีความตั้งใจที่จะกล้าแสดงความเป็นผู้นำหรือป่าวเท่านั้นละครับ ผมอดทนมา 4ปี คุณอดทนที่จะปรับตัวเท่าผมหรือป่าวถ้าทำได้ ทุกอย่างก็สบาย  รุ่นพี่ผมที่แต่งกับคนญี่ปุ่น 11ปี เค้าก็ทะเลาะกันปรับตัวใช้เวลา 3 ปีนิดๆ แล้วคุณเจ้าของกระทู้ละ มีความรับผิดชอบหรือป่าวเพราะคุณมีลูกแล้ว ไม่ใช่ตัวคนเดียว จากคุณ : เรย์ (OSAKA_BOY) - [ 29 มี.ค. 50 13:32:38 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ให้ข้อคิดนิดนึงถ้าคิดที่จะอยู่ญี่ปุ่น ต้องคิดที่จะปรับตัวจะเอานิสัยคนไทยมาใช้ในญี่ปุ่นในบางเรื่องคงทำไม่ได้เพราะจะมองเป็นตัวประหลาด ถ้าจะอยู่ประเทศไหนก็ต้องปรับตัวให้ได้ในประเทศนั้น ถ้าทำไม่ได้ก็ต้องกลับไปอยู่เมื่องไทย กรณีที่คนให้กำลังใจและแนะนำให้หย่า ผมว่าพวกท่านยังไม่สามารถปรับตัวเข้ากับสังคมญี่ปุ่นได้ เพราะการที่เค้าจะทำงาน 2 กะ เป็นเรื่องธรรมดาไม่ว่าผู้หญิง หรือผู้ชายคนญี่ปุ่นเค้าก็ทำกัน และยิ่งตอนนี้เจ้าของกระทู้อยู่ในช่วงสร้างฐานะก็เป็นเรื่องที่ต้องน่าจะกระทำถ้ารายได้ไม่พอ และเห็นบอกว่าภรรยาก็ทำงาน นี้ก็เป็นเรื่องดีที่ภรรยาคุณช่วยเหลือคุณ คุณหน้าจะภูมิใจนะ ส่วนที่ภรรยาคุณไม่ให้ทำกับข้าวก็ถือเป็นเรื่องปกติ เพราะเค้าให้เกรียติ์คุณเพราะผู้ชายญี่ปุ่นจริงๆ แล้วจะไม่เข้าครัว คุณเคยคิดหรือป่าว และยิ่งสำคัญคุณรู้หรือป่าวคนญี่ปุ่นปากกับใจไม่ตรงกัน เข้าจะไม่บอกความรู้สึกที่แท้จริงให้คุณรู้เพราะอาย ผู้หญิงญี่ปุ่นจะไม่บอกคำว่ารักกับสามีหรือแฟน นอกจากคำว่าชอบมาก เพราะว่าเค้าอาย ถ้ามีผู้หญิงญี่ปุ่นบอกคำว่ารัก แสดงว่าผู้หญิงคนนั้นรักมากจริงๆ  ลองคิดให้ดีๆ นะ ลองตั้งใจคุยกันดีๆ ถามตรงๆ ให้เป็นเรื่องเป็นราวไปเลยว่าจะปรับตัวอะไรกันอย่างไรถึงจะดี ไม่ใช่เลิกกันเพื่อหนี้ปัญหาเพื่อไปหาสิ่งใหม่ๆ เอานิสัยคนที่มาใช้หน่อยครับที่เค้ามีสุภาษิตที่ว่า เค้าเมืองตาหลิวก็ต้องหลิวตาตาม ไม่ใช่เป็นวัวเหยีบขี้ไก่ไม่ฝ่อ นะครับ ผมไม่รู้ท่านๆ ที่แนะนำให้เลิกกันนี้คิดยังไง แต่ผมไม่อยากให้เลิกกันของแบบนี้ต้องใช้เวลาในการปรับตัวของตัวคุณเอง นะครับ สุดท้ายหวังว่าคงโชคดีนะ จากคุณ : OSAKA_BOY - [ 29 มี.ค. 50 14:12:22 ]

ความคิดเห็นที่ 41 เจ้าของกระทู้เค้าไม่มีข้อมูลเยอะเหมือนผม ถ้ารู้เค้าอาจจะยังไม่แต่ง หรือแต่งก็จะยังไม่มีลูก ปัญหาคงไม่บานปลายแบบนี้ เสียใจด้วยนะครับ  คุณR พูดเหมือนมีข้อมูลเยอะที่ สาวญี่ปุ่นคาดหวังจากผู้ชายสูงมาก เพราะเค้าทำงานนอกบ้านไม่ได้  ผมว่าไม่จริงนะเพื่อนที่ผมคบๆ มาถึงแต่งงานแล้วก็ทำงานช่วยสามีนะ จะมีไม่ทำงานตอนท้องและเลี้ยงลูก แต่พอลูกโตหน่อยก็ทำงานกันนะไปเอาข้อมูลแบบนี้มาจากไหนหรือ ถ้ามีข้อมูลอะไรดีๆ แนะนำด้วยนะครับแล้วที่บอกว่า ไม่เห็นด้วยเหมือนกันผม เรื่องอะไรครับเรื่องที่ไม่ให้หย่ากันหรือเรื่องเปรียบเทียบเจ้าของกระทู้กับ การทำงานของผู้หญิงญี่ปุ่นครับ คือผมไม่ใช่นักเรียนไม่ได้อยู่ในสังคมนักเรียนเลยไม่รู้ผมอยู่ในสังคมผู้ใหญ่แล้วครับลองแนะนำสังคมที่ คุณR แนะนำให้ฟังบ้างนะครับแลกเปลี่ยนความคิดกันครับอยากรู้เหมือนกันว่าความต่างจะเป็นอย่างไร ผมเห็นมีแต่คนไทยที่ดิ้นรนอยากมาอยู่ต่างประเทศกันทั้งนั้น และยิ่งญี่ปุ่นก็เป็นอีกประเทศนึงที่คนต้องการจะมากันแต่ส่วนใหญ่จะเข้าลำบาก ขนาดเจ้าของกระทู้ถึงอย่ากันก็ยังอยากจะอยู่ญี่ปุ่น คุณนี้เหมือนรุ่นน้องผมเลยเค้าก็บอกถึงเรียนจบก็ไม่อยากอยู่ญี่ปุ่นเพราะทนความเป็นระบบระเบียบไม่ได้ ผมเลยบอกรุ่นน้องผมไปว่าอย่าเอานิสัยคนไทยมาใช่ที่ว่าอะไรก็ได้ เพราะญี่ปุ่นอะไรก็ได้ไม่มีในสังคมนี้สังคมนี้มันเป็นระเบียบตายตัวถ้ายิ่งทำงานชุยๆ ไม่ได้ประเทศญี่ปุ่นเลยพัฒนาไปไกลกว่าหลายประเทศ หวังว่าคุณR ตอนนี้ที่อยุ่เมืองไทยดูจากไอพี เอาความรู้และความเป็นระเบียบไปพัฒนาให้กับสายงานคุณที่จบมานะครับ จากคุณ : OSAKA_BOY - [ 29 มี.ค. 50 14:29:22 ]

ความคิดเห็นที่ 42 มาเห็นด้วยค่ะ  อย่าเลิกกันเลยค่ะ  ปัญหาตามมาอีกเยอะค่ะ ถ้าเลิกกัน จากคุณ : LilyAi - [ 29 มี.ค. 50 18:02:37 ]

ความคิดเห็นที่ 43 มาเป็นกำลังใจให้นะคะ อย่าหย่ากันเลยคะ คิดถึงลูกให้มาก ๆ มีอะไรก็คุยกันคะ จากคุณ : Kana Jan - [ 3 เม.ย. 50 21:59:21 ]