ความคิดเห็นที่ 1 ดิฉันคิดว่า อยุ่เมกา ดีอย่างนึงคือเราสามารถเก็บได้ ถ้ารุ้จักเก็บ ผู้คนไม่ค่อยจะแข่งขันกันในเรื่องเสื้อผ้า เครืองแต่งกาย ข้าวของ ใครมีก็ซื้อ ใครไม่มีก็ขับเก่าๆไปก่อน...ใช้เสื้อผ้ามือสองก้มี ก็แล้วแต่นะคะ จะว่าไป คนเราไม่ว่าจะอยู่ประเทศอะไร ถ้ารู้จักเก็บหอมรอมริบ ก็น่าจะอยู่ได้อย่างสบายใจ ไมมีหนีสินติดตัวนะคะ จากคุณ : แอนนาค่ะ - [ 30 มี.ค. 50 12:22:29 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เหมือนกันค่ะ ทุกประเทศเลย อย่างเยอรมัน ก็มีโปรแกรมสอนคนใช้เงิน (ต้องเรียกว่าสอน 555) ไม่ได้อยู่เยอรมัน แต่รับทีวีเยอรมันได้ ประเทศที่ดิฉันอยู่ เด็กๆ ที่นี่ เสียนิสัยมากๆ แข่งกันแต่งตัว คนที่หนักคือพ่อแม่ บางคนอายุ 10-11 เจาะหู 5-6 รู รองเท้าต้องยี่ห้อ ไม่ยี่ห้อโดนเพื่อนล้อ คือสิ่งแวดล้อมเป็นยังงั้น พ่อแม่ฝรั่งบางคน ก็เหมือนคนไทยเด๊ะ เห่อไม่เข้าเรื่อง สรุป ฝรั่งกะพี่ไทย ไม่ได้ต่างกันเลย 55555 จากคุณ : พุงปลาหรอยจัง - [ 30 มี.ค. 50 13:51:02 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ที่ยุโรป "ค่าครองชีพ วิถีชีวิตเค้าเป็นอย่างไร" ของฝรั่งเศสนี่ ค่าครองชีพสูงนะ เมื่อวานไปเจอเพื่อนมาจากญี่ปุ่น เขาบอกว่าของแพงนะที่ฝรั่งเศส เขาซื้ออะไรไม่ลงเลย แต่ถ้ารายได้สูง จะจ่ายเยอะมันก็ไม่เป็นไร ถ้ารายจ่ายไม่เกินรายได้ แต่ถ้ารายจ่ายเกินรายได้ แบบว่าอยากได้โน่นนี่เยอะแยะ มีรายได้มากแค่ไหน ก็เป็นหนี้ได้ อย่างที่บอกเรื่องรายกายทีวีนี่ ของฝรั่งเศสเขาก็เอามาออกบ่อยๆ ว่าคนเป็นหนี้ เพราะจับจ่ายเยอะน่ะ แต่พวกนี้ก็พิเศษนะ ใกล้ๆ จะเป็นโรคเลย คือ เป็นพวก impulsive น่ะ คือชอบซื้อ เห็นอะไรต้องซื้อหมด เห็นอะไรอยากได้หมด บางคนทำเอาครอบครัวหายนะเลย ยิ่งมีบัตรเครดิตนะ ยิ่งเป็นหนี้แบบดูแล้ว ก็น่ากลัวมาก กล้าซื้อกันแบบแพงๆ มากๆ ได้ไง วิถีชีวิตเป็นไง? ของที่ฝรั่งเศส ก็เท่าที่รู้จักกับคนไทยอื่นๆ และคนฝรั่งเศสอื่นๆ ก็คือ ส่วนใหญ่ทำกินเองที่บ้านนะ แล้วก็ส่วนใหญ่ประหยัดกัน ไม่ค่อยฟุ่มเฟือย ก็สรุปๆ ได้เหมือนที่คุณเจ้าของกระทู้บอกนั่นแหละคือ "มันแล้วแต่คนเก็บคนใช้" และเหมือนคุณแอนนาบอก คือ "คนเราไม่ว่าจะอยู่ประเทศอะไร ถ้ารู้จักเก็บหอมรอมริบ ก็น่าจะอยู่ได้อย่างสบายใจ ไมมีหนีสินติดตัว" จากคุณ : พธูไทย - [ 30 มี.ค. 50 15:08:27 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ขอเพิ่มเติมความคิดเห็นใน ส่วน ยุโรป  *มิวนิค*นะคะ จริงอยู่ที่ ยุโรป ถ้าคุณได้งานดีๆ เงินเดือนมันก็สูงจริงๆค่ะ แต่ ทั้งนี้ ภาษี + ค่าประกันต่างๆที่คุณต้องเสียรายเดือน +ค่าใช้จ่าย ประจำของคุณเอง มันก็สูงมากเหมือนกัน อย่างเช่น ใน มิวนิค *เมืองที่ขึ้นชื่อ ว่า ค่าครองชีพสูงที่สุดในเยอรมัน* อพารทเม้นท์ 36 ตร ม คุณจ่าย 500 ยู/เดือน  ยังไม่รวมค่าไฟ ต่างๆ   ไหนจะค่าเดินทาง ค่ารายจ่ายเรื่องอาหาร ดิฉันคิดว่า เดือนๆนึง ถ้าคุณทำงานประจำ ก็ต้องใช้จ่ายอย่างประหยัดนะคะ ไม่งั้นก็เกิด กรณี หนี้ บัตร เครดิต ต่างๆไม่ต่างจากที่ไหนๆ ในโลก อย่างเด็กๆ เค้าได้เงินช่วยจากรัฐเหมือนกัน แต่น่าจะอยู่ที่เดือนละ + / - ราวๆ 150 ยูโร /เดือน ซึ่งถือว่าไม่มาก อันนี้แต่ละครอบครัวก็ต้องดูแลกันเองอีกทีนึง ดิฉันคิดว่าดีนะคะที่คุณ จขกท เอาเรื่องราวทางฝั้ง เมกา มาแบ่งปันแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน ชอบค่ะ แล้วก็ชอบคำพูดที่คุณ แอนนา บอกว่า **จะว่าไป คนเราไม่ว่าจะอยู่ประเทศอะไร ถ้ารู้จักเก็บหอมรอมริบ ก็น่าจะอยู่ได้อย่างสบายใจ ไมมีหนีสินติดตัวนะคะ ** * * * เห็นด้วยทุกประการค่ะ นกน้อยทำรังเเต่พอตัว ก็น่าจะใช้ได้ทุกสมัย นะคะ จากคุณ : รายงายตรงจาก มิวนิค (Anne- cafe au lait) - [ 30 มี.ค. 50 16:39:09 ]

ความคิดเห็นที่ 5 คิดถึงคำพูดของแม่เราเลย แม่บอกว่า รายรับเท่าไรไม่สำคัญ ไม่เท่ารายเหลือ ถ้าหากเรามีรายได้มาก แต่ไม่เก็บก็เ่ท่านั้น สู้มีรายรับน้อย แต่มีเงินเก็บดีกว่า อยู่ที่ไหน ถ้ารู้จักเก็บออม ก็มีเงินค่ะ จากคุณ : สาวน้อยไกลบ้าน - [ 30 มี.ค. 50 17:08:40 A:85.194.253.84 X: TicketID:123166 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ที่เดนมาร์กนี่ก็มีเหมือนกันค่ะ ตอนอยู่สวีเดนก็เห็นมีแบบนี้เช่นกัน แต่ตอนนี้ไม่ทราบว่าเป็นอย่างไร มากน้อยแค่ไหน ที่เคยเห็นและรู้มานี่ก็มีฝรั่งและคนไทยจำนวนหนึ่งที่พอจะทำอะไรทีก็กู้เงิน เช่นกู้เงินมาแต่งงาน กู้เงินมาซื้อกระเป๋าถือ หรือเฟอร์นิเจอร์หรูๆ บางคนจะไปเที่ยวไหนทีก็กู้เงินธนาคารไปเที่ยว กลับมาก็ทำงานใช้หนี้ไป บางคนธนาคารไม่ให้กู้ ก็ไปกู้บริษัทไฟแนนซ์ที่เรียกดอกเบี้ยร้อยละ 20% หรือมากกว่า แถมที่เดนมาร์กนี้มีข่าวออกมาเป็นปีแล้วว่าพวกชาวเดนมาร์กที่ชอบของหรูมียี่ห้อหรือพวกเป็น shopaholics แต่ไม่มีเงินซื้อของนั้น เขาใช้วิธีขายตัวหาเงินมาซื้อของฟุ่มเฟือยกัน ทำกันทั้งหญิงแลยชายเลยค่ะ บางคนยังเด็กๆอยู่เลย อายุแค่สิบห้าสิบหกเอง ฟังแล้วอนาถใจ แต่ว่าข้างบนที่ว่ามานั้นเป็นแค่คนจำนวนน้อยจำนวนหนึ่งเท่านั้นเอง คนส่วนมากในเดนมาร์กและสวีเดนทั้งที่ดิฉันรู้จักและไม่รู้จัก เขาก็จะกินอยู่กันแบบประหยัด ไม่ฟุ่มเฟือย มีแค่ไหนก็ใช้แค่นั้น (ด้วยความที่ค่าครองชีพสูง ของแพง ภาษีสูง บางทีคนประหยัดก็อาจดูเหมือนเป็นคนขี้เหนียว เพราะต้องเขียมกันจัง) ส่วนมากแล้ว หากเงินขาดมือเขาก็จะหารับจ็อบพิเศษหารายได้พิเศษกัน หากจะกู้เงินมาซื้อของนี่ก็แบบคิดแล้วคิดอีก แล้วของที่เขาซื้อกันก็จะเป็นของใหญ่ เช่นรถหรือบ้านเป็นต้น ที่เดนมาร์กนี่สวัสดิการทางสังคมดี และเพราะเหตุนี่ภาษีก็เลยสูงมาก เรื่องเงินช่วยเหลือบุตรนี่ทางรัฐก็จ่ายให้เราค่ะ ได้กันจนกว่าบุตรจะอายุ 18 ปี ส่วนตัวแล้วดิฉันคิดว่าอยากขอลดภาษีรายได้เพื่อแลกกับการไม่เอาเงินช่วยเหลือบุตร เพราะเทียบกับภาษีรายได้ที่เราจ่ายไปแล้ว เหมือนกับได้ไม่คุ้มเสียน่ะค่ะ จากคุณ : Smilla - [ 30 มี.ค. 50 18:04:12 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ชอบอยู่อเมริกานะ ไม่ค่อยหนาวมากเหมือนแสกน ค่าครองชีพก็ถูกกว่า งานก็หาง่ายเพราะไม่ต้องกังวลกับภาษาท้องถิ่น จากคุณ : sri123 - [ 30 มี.ค. 50 19:59:02 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ที่นี่ก็มีค่ะ เพราะค่าครองชีพสูง เงินเดือนสูง และอัตราภาษีก็ค่อนข้างสูง (เงินเดือนยิ่งสูง อัตราภาษีก็ยิ่งสูงขึ้น) เนื่องจากแถบนี้เป็นระบบสวัสดิการแบบ universal คือ คนที่มีก็ช่วยคนที่ไม่มี และทุกคนจะได้รับการปฏิบัติที่เท่าเทียมกัน ไม่เหมือนกับฝั่งอเมริกาและอีกบางประเทศคือ ใครที่ทำงานเยอะ ทำงานเก่งก็จะได้รายได้เยอะ ตัวเองก็จะได้เยอะ (อันนี้อ้างอิงตามที่เคยเรียนมาค่ะ) ส่วนหนี้สินก็ต้องบอกว่ามีอยู่แล้วแทบจะทุกคน เพราะสินค้าต่างๆ ก็แพงกันทั้งนั้น (VAT ที่นี่ 25%) ถ้าตัดสินใจซื้อบ้านก็เป็นหนี้ไปครึ่งชีวิตแล้วค่ะ ผ่อนกัน 20 - 30 ปีกันเลย และแถมยังมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ อีกค่ะ เช่นค่าภาษีบ้าน ค่าทำความร้อน ค่าน้ำ ถ้ามีรถก็มีค่าน้ำมัน ภาษีรถยนต์ ค่าตรวจสภาพรถยนต์ แต่ก็อย่างที่คนอื่นๆ ว่ามาแล้วค่ะ ว่าถ้าใช้จ่ายอย่างพอตัว (รู้ว่ามีรายได้เท่าไหร่ และสามารถใช้จ่ายได้เท่าไหร่) ก็ไม่มีปัญหาแน่ๆ ค่ะ  แต่ปกติคนเดนมาร์ก (ไม่รู้ว่าประเทศแถบสแกนอื่นๆ เป็นยังไง) โดยเฉพาะคนจากแถบคาบสมุทรจัตแลนด์ จะขึ้นชื่อเรื่องความระมัดระวังในการใช้จ่ายมากๆ ค่ะ ไม่ว่าจะรวยจะจนขนาดไหน จากคุณ : MingDK - [ 30 มี.ค. 50 21:08:29 ]

ความคิดเห็นที่ 9 อยู่อังกฤษค่ะ เห็นด้วยกับหลายๆ คห. มีน้อยใช้น้อย มีมากใช้พอดีๆ ที่เหลือก็เก็บ ( ขอบ่นหน่อยนะคะ สามีเสียภาษีเกือบครึ่งของรายได้ โหดเหลือเกิน แต่ก็ยังไม่เดือดร้อน เพราะใช้จ่ายอย่างพอเพียง บัตรเครดิตไม่จำเป็นไม่ใช้เลย เรื่องชอปปิ้งก็เป็นเฉพาะเวลาที่ต้องการจะซื้อจริงๆเท่านั้น เครื่องประดับหรือ ไม่ค่อยสนใจ มีก็ใส่ ไม่มีก็ช่างมัน ตอนนี้ก็เรียนภาษาอยู่ อนาคตอันใกล้ กลับเมืองไทยแน่ๆ หางานที่ดีๆและรายได้งามๆง่ายกว่าที่นี่เยอะ สามีก็จะไปด้วย คิดถึงเมืองไทยเหลือเกิน อาหาร ผู้คน ความสะดวกสบาย อากาศ ญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง โอย คิดถึงจัง ที่นี่(อังกฤษ) ร้านค้า ห้าง ปิด 5 โมงเย็น ที่เปิดดึกๆก็ ผับ โรงหนัง ร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อ อากาศ หนาว เปียก ไร้แสงแดด มีอุ่นตอนหน้าร้อน 2-3 เดือน ช่วงหน้าหนาวออกจากบ้านทีแสนทรมาน อาหาร ไม่อร่อยเลย งาน หางานยากมาก ต่างประเทศ เหมาะแ่ก่การมาท่องเที่ยว และศึกษาหาความรู้ แต่การมาอยู่อาศัยนั้น หากเราไม่ได้เติบโตมาในประเทศนั้นๆ ก็ค่อนข้างลำบาก สิ่งแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคย อยู่ห่างไกลจากญาติพี่น้องพ่อแม่เพื่อนฝูง มันทรมานนะ) ขอบคุณที่ทนอ่านนะ แฮะๆ เคยคิดอยู่เสมอ ชีวิตของเรา อะไรที่เรียกว่าความสุข ณ ตอนนี้ได้คำตอบว่า ความสุขคือความรู้จักพอ รู้จักความพอเพีียง จากคุณ : แก้มป่องแป่ง - [ 30 มี.ค. 50 21:44:42 ]

ความคิดเห็นที่ 10 คนอยู่เยอรมันนีแถวบ้านนอกอย่างแมว เค้าประหยัดกันค่ะ คนแก่ที่มีบ้านก็ปลูกผักไว้กินหน้าหนาว ปลูกดอกไม้ไว้ประดับหลุมศพ จะจ่ายอะไรก็คิดหนักไม่ค่อยยอมเป็นหนี้ อยู่กันแบบรู้จักกันหมด แต่คนหนุ่มสาวก็ใช้ชีวิตเปลี่ยนไปจากคนแก่เยอะค่ะเพราะเดี๋ยวนี้มีห้างใหญ่ขายของเงินผ่อน มีให้ผ่อนทุกอย่าง มีของล่อตาล่อใจมาก เป็นหนี้กันตั้งแต่อายุน้อย (ค่ามือถือ ของมียี่ห้อ) ใช้เงินกันไม่ค่อยเป็นพ่อแม่สอนไม่ได้เพราะว่าอายุครบ 18 แล้ว แล้วก็ไม่สนใจจะรู้จักใคร หยี่ง มองคนแค่ภายนอก ไม่มีน้ำใจไม่เหมือนพวกคนแก่ แมวว่าคนต่างจังหวัดมีคุณภาพชีวิตดีกว่าในเมืองค่ะ เพราะรายได้อาชีพเดียวกัน อยู่ ตจว ค่าใช้จ่ายน้อยกว่า สบายกว่า แต่ต้องมีรถเพราะขนส่งมวลชนไม่ดีค่ะ จากคุณ : แมวต่างแดน - [ 30 มี.ค. 50 23:40:58 ]

ความคิดเห็นที่ 11 อยู่เมกา แต่เข้ามาคุยเฉยๆ... ว่าเมืองไทยเรื่องพวกเครดิตการ์ดต่างๆเนี่ย ก๊อปไปจากประเทศทางตะวันตกทั้งนั้น อย่างเมกาเนี่ย มันเป็นประเทศ"บริโภค"โดยแท้จริงเลย ง่ายๆดูตัวเองนะ อยู่เมืองไทย ก็ช็อปแต่แบบเสาร์อาทิตย์ไปเดินห้าง มาอยู่นี่ พออยู่ไปนานๆชักซึมซับค.เป็นอยู่ที่นี่ ค่อยๆกลายเป็นคนชอบ"บริโภค"ตามคนส่วนใหญ่ หันไปทางไหน มีแต่ของให้ซื้อให้ช็อป ยิ่งสมัยนี้มีinternet ไม่ต้องไปไหนเลย นั่งช็อปมันอยู่ที่บ้านนี่แหละ อีเบย์นี่เห็นชัดๆเลย ติดกันได้ง่ายๆ ระบบมันจัดขึ้นมาเพื่อดูดเงินคนน่ะ พวกได้เงินก็พวกสถาบันการเงิน เจ้าของสินค้าต่างๆ เพราะธุรกิจเขา เขาก็ต้องทำเงิน จะดูทีวี ก็มีมาละ..home shopping network, QVC บางทีเปิดดูเฉยๆ ดูๆไป เพลินได้ที่ เกิดอยากซื้อขึ้นมาอีกแน่ะ ..อยู่ดีไม่ว่าดี ว่าค.สะดวกสบายในการจับจ่าย กับ ตัวเลือก(สินค้า)ที่เยอะมาก กับ สังคม ทำให้คนใช้จ่ายกันเป็นว่าเล่น จากคุณ : พยายามไม่เป็นนักช็อป (Overseas) - [ 30 มี.ค. 50 23:56:05 ]

ความคิดเห็นที่ 12 เราอยู่เดนมาร์กค่ะ แฟนจะทำบัญชีรายรับรายจ่ายไว้ทุกเดือนค่ะ ว่าแต่ละเดือนจะต้องจ่ายอะไรบ้าง เวลาได้เงินเดือนมา ก็จะกันเงินส่วนนึงไว้เป็นเงินออมค่ะ  ที่เหลือก็คือค่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือย ... ไม่ได้ขี้เหนียว แต่ใช้เงินเป็น  แต่เราจะติดช็อปไปหน่อย ตอนนี้แฟนก็มองหางานใหม่ด้วย เพราะว่าอยากได้เงินเยอะ หุหุ ใครหล่ะจะไม่อยากได้ ภาษีที่นี่ก็หักซะเยอะเลย ฟังดูโหดร้าย แต่เจ็บไข้ได้ป่วย ก็ไม่ต้องเสียเงิน ลูกจะเข้าโรงเรียนก็ฟรี (เรายังไม่มีลูกจะ แต่อยากมาก) แก่ตัวก็มีสวัสดิการเลี้ยง ก็ถือว่าโอเคนะ จากคุณ : baby_lotion - [ 31 มี.ค. 50 00:40:44 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ขอออกความเห็นในฐานะที่เคยอยู่ในยูโรปมา 14 ปี และตอนนี้อยู่ในเมกาได้ยังไม่ถึงปี ความแตกต่างมีมากมาย   ที่นี้อเมริกา การแข่งขันมีเยอะมาก รวมถึงแข่งขันอวดความหรู่หร่าต่างๆเช่นรถเรือก้อรู้สึกจะแข่งกันใหญ่แข่งกันโต โดยเงินผ่อนการทั้งนั้น (อันนี้พูดถึงคนส่วนใหญ่ ไม่ได้ว่าทุกคน) แล้วแทบทุกห้างร้านจะมีบัตรเครดิตให้  แม้กระทั่งไปแมคโดนัลนี่ก้อมี คิดดูก้อแล้วกันว่าง่ายขนาดใหน แล้วก้อติดหนี้ไปกันสะ   เห็นด้วยกับจขกท ว่าอเมริกานี่คล้ายๆเมืองไทยมากๆ สําหรับยุโรปเราเคยอยู่ที่อิตาลี่  คนที่นี้จะอยู่แบบพอเพียงมากกว่า  คนที่นี้ไม่ดิ้นรนหาบัตรเครดิตกันมากนัก  ใช้เฉพาะถ้าจําเป็นจริงๆ ความหรู่หราไม่ค่อยจะแข่งกัน และเค้าไม่ได้มองคนที่วัตถุสักเท่าไหร่ ไม่ค่อยจะทําอะไรที่มันเกินตัว  แล้วเรารู้สึกว่าคนที่นี่ใช้เงินเป็น เมื่อก่อนเราคิดว่าคนที่นี่ขี้หนืด แต่จริงๆแล้วเค้าใช้เงินเป็นมากกว่า สรุปแล้วเราชอบการใช้ชีวิตของคนยุโรปมากกว่าเมกา ทั้งหมดแค่เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของเรานะ จากคุณ : dolcevita - [ 31 มี.ค. 50 07:35:00 ]

ความคิดเห็นที่ 14 อยู่สก็อตแลนด์ UK จ้า ที่นี่ใช้บัตรกันเป็นว่าเล่นเหมือนกัน .. บริษัทบัตรเครดิตก็แข่งกันโปรโมตจริงๆ ส่งspam มาตื้อไม่ต่างกับที่ไทยเลย โฆษณาทีวีก็เน้น re-credit บริษัทจัดการหนี้สินบัตรเพียบ .. เพื่อนเราจบมาพร้อมกับหนี้บัตรเครดิตติดตัว ขนาดทำงานที่จ่ายดีมากๆในวงการน้ำมัน ก็ต้องใช้เวลาเคลียร์หนี้บัตรถึง 3 ปี .. ส่วนตัวคิดว่า คนชาติไหน ยังไงก็ยังมีกิเลส อยากมี อยากได้ ทำให้ธุรกิจนี้รุ่งเรืองเหลือเกิน เพราะใช้ง่าย รูดง่าย ไม่เห็นยอดเสียหาย (ขนาดเราใช้เดบิต บางทีเผลอ ออกไปช้อปปิ้งวันเดียว กลับมาเชคยอดดูยังอดตกใจไม่ได้เลย บางทีช้อปไปเป็นร้อยปอนด์ ไม่รู้ตัว ไม่เหมือนเวลาเงินในกระเป๋าพร่อง) ถ้าสำหรับคนที่มีวินัยการเงิน การมีบัตรก็ไม่ใช้เรื่องเสียหายอะไร .. (ตัวเองไม่เคยมี กลัวทำบัตรหาย อิอิ) แถมได้สะสมแต้ม ส่วนลดพิเศษเป็นของแถมด้วย จากคุณ : น้ำผึ้งหยดเดียว - [ 2 เม.ย. 50 19:59:33 ]

ความคิดเห็นที่ 15 My husband's brother lives in San Diego. We live in Antwerp, Belgium. I feel like Belgium's cost of living is higher than San Diego while our income is only 1/3.(for engineer.) Credit cards in Belgium are not as popular as in California. Shops that sell products to local people take only cash and debit cards, not a credit cards. We seldom use credit cards, just spend what we have in hand. Among our family or friends, we don't pay much for luxury products, but we pay for healthy food, extra education, good live entertainments, and vacation. We don't drive much, we prefer to take bikes if the distance is within 15 kms. We enjoy the nature more. We don't eat junk food. Belgian who are below 30 seldom overweight, etc. จากคุณ : tan - [ 4 เม.ย. 50 05:05:56 A:84.192.31.77 X: TicketID:105576 ]