ไปอ่านเจอบทความนี้มา เลยเอามาให้อ่านกันค่ะ ตอนแรกตั้งไว้ในห้องย่อย แต่อยาให้อ่านกันเยอะๆค่ะ
ค่านิยมเด็กมหาวิทยาลัยในการเดินทาง ไปต่างประเทศเพื่อทำงานไปด้วยและเที่ยวไปด้วย ได้กลายเป็นแฟชั่นยอดฮิตไปแล้ว บางคนก็ไปทำงานสวนสนุก บางคนก็ไปเลี้ยงเด็ก บางคนดูแลคนสูงอายุ บางคนกลาย เป็นเหยื่อ
นี่คือ โครงการ "ทำงานและท่องเที่ยวภาคฤดูร้อน" (Summer Work/Travel Program : WAT) ที่วันนี้ได้กลายเป็นกระแสยอดฮิตอินเทรนด์ที่สุด ในสมัยนี้
เนื่องจากนิสิตนักศึกษามีพลัง ศักยภาพ และความตั้งใจ ต้องการที่จะเดินทางไปต่างประเทศ เพื่อทำงานหาประสบการณ์พร้อมๆ กับท่องเที่ยวไปด้วย ซึ่งทางผู้ปกครองก็มีรสนิยมที่จะควักกระเป๋าสนับสนุนให้ลูกได้เผชิญโลกกว้างในต่างแดนเช่นกัน
แต่ชีวิตจริงอาจจะไม่สวยหรูเสมอไป
น.ส.ธัญญาภรณ์ จันทรเวช หนึ่งในนักศึกษาที่เคยควักทุนส่วนตัวเข้าร่วมโครงการ ใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศ เธอพบว่าสิ่งที่หวังจะได้รับกลับเป็นฝันร้าย
จนในที่สุด เธอได้กลั่นชีวิตจริงให้กลายมาเป็นวิทยานิพนธ์ระดับปริญญาโท ภาคสังคมวิทยา คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จากประสบการณ์จริงของเธอและเพื่อนๆ
ปัญหาคือ ผู้ปกครองต้องลงทุนสูงเพื่อจะส่ง "คุณหนูที่บ้าน" ไปเป็น "แรงงานนอกระบบ" โดยไม่รู้ตัว หลายคนเมื่อไปถึงสนามบินต่างประเทศไม่รู้จะไปทางไหน หลายคนถูกกดค่าแรงงาน รายได้ไม่พอกับรายจ่าย หรือถูกไล่ออกจากงาน
น.ส.ธัญญาภรณ์กล่าวถึงหลักคิดในการทำวิทยานิพนธ์ชิ้นนี้ว่า คนที่ไปแล้วมีปัญหาถูกมองว่าเป็นเรื่องของความซวยของคนคนนั้นเอง แต่จากที่รวบรวมข้อมูลจากหลายๆ คน ทำให้พบว่าปัญหาที่เกิดขึ้นมันเป็นแบบแผน เกิดซ้ำแล้วซ้ำอีก จึงมีความตั้งใจว่าจะลงมือศึกษาจัดระบบหมวดหมู่ปัญหาเหล่านี้ออกมาชัดเจน เพื่อให้เป็นข้อมูลสำหรับสนับสนุนให้ผู้เกี่ยวข้องนำไปวางแผนแก้ปัญหาให้เบาบางลงได้
"โครงการนี้ไม่ใช่การฝึกงานภาคฤดูร้อนแบบที่คนไทยเข้าใจ หรือตามคำโฆษณาชักชวนของตัวแทน แต่เป็นลักษณะของการจ้างงานเต็มรูปแบบ สิ่งที่ไม่เต็มรูปแบบก็คือ การปกป้องคุ้มครองสิทธิและสวัสดิภาพจากประเทศแม่ให้แก่พลเมืองวัยเรียนที่ถูกแปรสภาพเป็นแรงงานราคาถูกเหล่านี้ ยิ่งไปกว่านั้น บางคนเสียเงินหลักแสนเพื่อพาตัวเองไปรับจ้างทำงานให้ถึงที่ ทั้งที่สถานะเมื่ออยู่ที่บ้านไม่ต่างอะไรจากคุณหนู"
จากคุณ :
naughty monkey
- [
7 เม.ย. 50 17:12:37
]