ผมก็เป็นคนหนึ่งครับที่เริ่มตัดสินใจจะไปเรียนภาษาเพิ่มเติมที่เมกา ก็เริ่มต้นจากหาข้อมูลเนี่ยแหละครับ
อันดับแรกเลยเวปไกลบ้าน อ่านไปเรื่อยๆ จนไปเจอ blog ของคุณซูซี่เข้า เลยพิมพ์ออกมาศึกษาอย่างละเอียด ขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ครับ
จากนั้นก็หาที่เรียนภาษาที่ดูแล้วคิดว่าดีพอสมควรสักหน่อยครับ จากข้อมูลที่ลองพิจารณาถี่ถ้วนแล้ว ผมเลือกเรียนใน LA ครับ
(เพื่อนมีประสบการณ์เลือกเอาที่ถูกเข้าว่า แถมสปอนเซอร์ยังเป็นญาติห่างๆ อีก ถึงแม้จะมีเงินในบัญชีมาก แต่สุดท้ายไม่ผ่านครับ)
แล้วก็ส่งใบสมัครไปที่สถาบันเลย ไม่นานนักเขาก็ตอบมาพร้อมกับบอกว่าจะส่ง I-20 มาให้ภายใน 5 วัน
สำหรับใบสมัครที่ส่งไปสมัครเรียนไว้ 3 เดือนช่วง Summer พร้อมกับพักที่ทางสถาบันจัดให้เลยครับ
ตอนแรกกะว่าจะจ่ายเท่าที่จำเป็นแต่เกิดความเข้าใจผิดไปจ่ายหมดเลยทีเดียวทั้งค่าเรียนแล้วก็ค่าที่พักเลย
เซ็งมากๆ แต่มันกลับเป็นผลดีภายหลังซะนี่ (เป็นความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ)
หลังจากรู้ว่าต้องเสียตังค์เยอะแล้ว แล้วก็ได้รับ I-20 จากทาง DHL มาแล้วก็เริ่มต้นจองวันสัมภาษณ์ก่อนเลย
อย่างน้อยก็ขอสัมภาษณ์ก่อนที่จะต้องชำระบัตรเครดิตละนะ (ผมชำระทั้งหมดเป็นบัตรเครดิตครับ) หากผ่านก็จะได้รู้สึกดีหน่อย
หากไม่ผ่านจะได้ไม่ชำระมันซะ (แต่ทำไม่ได้หรอกนะครับ ยังไงก็ต้องชำระแล้วค่อยทำเรื่องขอ Refund ภายหลัง)
ระหว่างที่จองวันได้แล้ว ก็ต้องมานั่งกรอก DS-156-8 อ่านของคุณซูซี่ไป กรอกไป เออง่ายดีแฮะ
เนื่องจากผมทำงานมาประมาณ 8 ปี สิ่งที่พอจะช่วยเสริมความน่าเชื่อถือได้ ก็ไอ้ใบผ่านงานนี่แหละเตรียมไปด้วยเลยของทุกบริษัท
สมุดบัญชีของสปอนเซอร์ (พ่อ) แล้วก็ตัวเอง รวม 6 เล่ม บางเล่มมีเงินอยู่ 100 เดียว ไม่ผิดหรอกครับมี 100 เดียว แต่มันเป็นบัญชี
เงินเดือนก็เอาไปด้วย เงินในสมุดของตัวเองรวม 4 เล่มมีอยู่ 240K (ทั้งหมดเนี่ยจ่ายค่าเรียนภาษาอังกฤษที่ผมเลือกเรียนได้แค่ 3 เดือน)
แล้วถ้าผ่าน 3 เดือนไปแล้วทำไง...เดี๋ยวค่อยว่ากัน
สิ่งที่สำคัญ การวางแผนการเรียนของเราต่างหากว่าหลังจากเรียนภาษาอังกฤษแล้วจะเรียนอะไรต่อ สำหรับผมเลือกแค่ Certificate Program
เพราะผมเรียนจบโทแล้ว แต่ทั้งนี้ก็ต้องหาข้อมูลว่าจะเรียนเกี่ยวกับอะไรด้วย เลือกเสร็จแล้วก็พิมพ์มันเก็บไว้เตรียมเอาไปด้วย
จากนั้นก็มานั่งคิดครับว่าถ้าเขาถามเราอย่างนี้เราจะตอบยังไง เตรียมไว้เลยครับ ผมเตรียมไว้ประมาณ 20 คำถาม พร้อมคำตอบเรียบร้อย
เมื่อถึงวันสัมภาษณ์....
เขาบอกให้ไปถึงก่อนเวลาอย่างน้อย 1 ชั่วโมงใช่มั้ย โอเคไปถึงตอน 8 โมงพอดี นัดตอน 9 โมง เจอน้องเสื้อแดงคนแรกยื่นเอกสารให้ดูเลยครับ
เขาเอาไปดูแล้วก็เอาปากกาเขียนเวลาไว้ที่เอกสารของเรา จากนั้นก็ฝากโทรศัพท์พร้อมกับบัตรประชาชนไว้ที่รปภ.แล้วก็ได้บัตรฝากของมาใบนึง
แล้วเดินเดินตามทางไปเรื่อย ชิดซ้ายไว้ครับ
เจอโต๊ะเรียงเอกสารรอบแรก น้องเสื้อแดงอีกแล้ว 2 คน เอกสารที่ผมรวบรวมไว้ทั้งหมดปึกเดียว ถูกเอาส่วนที่ไม่จำเป็นออกหมดสิ้น ส่วนที่จำเป็น
เหลือแค่ใบเสร็จค่าธรรมเนียม, SEVIS fee, DS-156-8, I-20 และ Transcript เท่านั้น ที่เหลือก็เก็บสิครับ แต่เก็บแบบหยิบออกมาง่ายๆ
เพื่อไว้ให้ดูตอนถาม แล้วก็ให้แบบฟอร์มมาเขียนเหมือนที่อยู่ในการส่ง จากนั้นก็ไปซื้อซองไปรษณีย์ 55 บาท แล้วมาจ่าหน้าซองอีกที
(ระวังกาวบนโต๊ะกระจกด้วยครับ ผมไม่ทันระวังเกือบทำ Transcipt ผมขาดซะแล้ว)
แล้วก็ไปยื่นที่เคาท์เตอร์ก่อนเข้าภายในอาคาร ตั้งแต่จุดนี้ไปคุณจะไม่เห็นเจ้าหน้าที่เสื้อแดงอีกแล้วครับ อ๋อ ตรงนี้เขาก็จะถามว่าจะสัมภาษณ์เป็นภาษาอะไร
ผมเลือกอังกฤษครับ จากนั้นก็รับบัตรคิวแล้วเดินเข้าประตูไป เวลา 8.30 น.
โอ้ว!!! ทำไมคนมันเยอะอย่างนี้ฟะ
มีเคาท์เตอร์ตั้งแต่ 4-13 (สงสัย 1-3 จะเป็นของ US Citizen ที่อยู่ห้องติดๆ กัน) แต่มีเจ้าหน้าที่อยู่ที่เคาท์เตอร์แค่ 3 คนเท่านั้น บรรยากาศเหมือนคุณมา
ธนาคาร มีป้ายบอกคิวมีช่องแบ่งเป็นล๊อกๆ ตอนแรกก็นึกว่าเร็วครับ ยืนคอย อีกอย่างที่นั่งเต็มด้วย ผ่านไปครึ่งชั่วโมงไอ้บัตรคิวที่ผมถืออยู่ไม่มีวี่แววจะได้เรียกเลย
บัตรคิวผม 200 กว่าๆ ผมเห็นมี 4 ชุดนะขึ้นต้นด้วย 2XX, 5XX, 8XX, 0XX คาดว่า 8XX เป็นของ VISA ท่องเที่ยวเพราะคนถือเยอะมาก ช่วงนี้เรียกเฉพาะ
ขึ้นด้วยเลข 8 ครับ
ประมาณ 9 โมงกว่าเริ่มเรียก เลขที่ 20X ณ ช่อง 7 เป็นแหม่มสาว แล้วจากที่สังเกตดูหากใครโดนเรียกช่องนี้เสียงบอกคิวจะมีภาษาอังกฤษประกาศนำก่อน
ภาษาไทยด้วย ตอนนี้ไม่ไหวแฮะขาเริ่มอ่อนแรงนั่งดีกว่า รอไปเรื่อย 10 โมงแล้ว ใกล้ถึงแล้ววุ้ย อีกสองคิว ที่ไหนได้ดันเรียกคิวหลังเราไปสัมภาษณ์ก่อนเฉยเลย
รอจนถึงเกือบ 10 โมงครึ่ง เบอร์เราก็ถูกเรียกที่ช่อง 7 และต่อไปนี้เป็นบทสนทนาที่แปลงเป็นไทยครับ
จนท: สวัสดีค่ะ
ผม : สวัสดีครับ
จนท: เอานิ้วชี้วางบนแท่นเริ่มจากด้านซ้าย แล้วก็ขวาค่ะ
ผม : (ทำตามโดยดี)
จนท: จะไปเรียนอะไรเหรอค่ะ
ผม : ไปเรียนภาษาอังกฤษครับ จากนั้นวางแผนว่าเรียน Certificate Program ต่อ
จนท: Certificate Program เกี่ยวกับอะไรเหรอค่ะ
ผม : เกี่ยวกับ xxxxx ครับ
จนท: แล้วรู้จักสถาบันนี้ได้ยังไง
ผม : ผมค้นหาข้อมูลจากเวปไซต์เอาครับ
จนท: แล้วตอนนี้ยังทำงานที่ xxxx อยู่หรือเปล่า
ผม : ยังทำอยู่ครับ
จนท: VISA ของคุณผ่านการอนุมัตินะคะ ทางเราจะส่งกลับไปให้ประมาณ 3 วันตามที่อยู่ที่เขียนหน้าซองค่ะ โชคดีค่ะ
ผม : ขอบคุณครับ....จบ
อะไรกันนี่ อุตสาห์เตรียมมาเต็มกระเป๋าไม่ได้ขอดูเลยครับ ไม่ว่าจะเป็นใบประสบการณ์การทำงาน, Bank Book, นามบัตร, หลักสูตรที่จะไปเรียน ฯลฯ
ประสบการณ์ครั้งนี้ (ส่วนตัว) สอนให้รู้ว่า
1. จงเตรียมตัวให้ดีและพร้อมที่สุดครับ ถึงแม้ว่าคุณอาจจะไม่ได้ใช้มันก็ตาม
2. เมื่อเข้าอาคารได้ให้รีบหาเก้าอี้นั่งโดยด่วน รับรองนานครับ
3. สัญญาณทีวีที่สถานฑูตไม่ชัด (เปิดแต่บาสเก็ตบอล) หาหนังสือไปอ่านเล่นก็ดีครับ
4. เตรียมกระดาษทิชชูไปด้วยครับ ห้องน้ำในอาคารมี 2 ห้องแยกชาย 1 หญิง 1 ผมลองเข้าแล้วพบว่ากระดาษหมด ดีนะว่าไปฉี่เฉยๆ แต่มีอ่างล้างหน้ากับเครื่องเป่ามือนะครับ
5. ห้ามหลับเมื่อคิวใกล้เข้ามาแล้ว ผมเจอผู้ชายคนนึงหลับครับแล้วจนท.ก็ทวนคิวอยู่นานเชียว
6. ห้ามลืมปากกา
7. DS-156 เมื่อ Gen ได้ไฟล์ออกมาแล้ว หากเราต้องการแก้ไขโดยเริ่มพิมพ์ใหม่จะได้เลขที่เอกสารไม่เหมือนเดิม
8. ใส่เสื้อเหลืองก็สัมภาษณ์ได้
9. หนังสือเดินทางราชการของพระ สีน้ำเงิน และเจ้าหน้าที่จะนิมนต์ผ่านไมค์ด้วย
10. คิวที่เรียกไม่ได้เรียงตามเบอร์เสมอไป
11. คิว 1 คิว อาจจะมีคนไปสัมภาษณ์พร้อมกันได้ตั้ง 5-6 คน แน่ะ (ท่องเที่ยวมั้งครับ)
12. จนท.เขาเก็บ Transcript ผมไปด้วยครับ หวังว่าคงคืนมาพร้อม Passport นะ
13. ถ้าอยากรู้ว่าได้กี่ปีก็ถามจนท.เลยครับ (แต่ผมไม่ถามหรอก กลัวถูกลดลงน่ะ)
14. อย่าลืมสวัสดี และขอพรพ่อแม่ก่อนออกจากบ้านครับ
จากคุณ :
F-1@30
- [
10 เม.ย. 50 02:44:52
A:58.8.156.7 X:
]